Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 137 แอ่งกระทะสามเหลี่ยม สวรรค์หมื่นอสูร! (3)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 137 แอ่งกระทะสามเหลี่ยม สวรรค์หมื่นอสูร! (3)
หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกในเผ่าคนหนึ่งก็นําชานมร้อนๆ กับชีส หน้าตาน่าทานมาให้พวกเขา แม้ว่าจะมีรสชาดดิบไปเล็กน้อย แต่รส พิเศษโดยรวมของมันก็ยังค่อนข้างอร่อย
หม่าฉุนเดินแกร่วไปรอบค่ายเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชนเผ่าให้มากที่สุด เผ่าเล็กๆ นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อเผ่ากวางหิมะและเป็นเผ่าที่มีสายเลือด ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ทั้งเผ่ามีผู้แข็งแกร่งไม่กี่ร้อยคน แบ่งออกเป็น ครอบครัวใหญ่ๆ กว่าสิบครอบครัว และพวกเขาทั้งหมดก็อยู่ในค่ายแห่ง นี้ เช่นเดียวกับมนุษย์อสูรอื่นๆ อาณาจักรวั่นโซ่ว เผ่ากวางหิมะมีความ เชี่ยวชาญในการต่อสู้ สามารถอดทนต่อความยากลําบากและการ ทํางานหนัก มีทักษะในการเลี้ยงดูกวางหิมะที่แข็งแกร่งและทรงพลัง หากถึงเวลาจําเป็น พวกเขาก็จะใช้กวางหิมะเป็นพาหนะขึ้นขี่เพื่อกลาย ร่างเป็นกองทหารกวางหิมะ
“หัวหน้า ข้าเห็นกวางหิมะที่พวกเขาขี่แล้ว มันมีขนาดใหญ่กว่าม้า ปีศาจผีของเราด้วยซ�า นอกจากนี้ กวางตัวผู้ที่มีเขาเหล่านั้น…เขาของ มันจะต้องเป็นอาวุธร้ายแรงได้อย่างแน่นอน อาณาจักรวั่นโซ่วได้รับ ความเอ็นดูจากธรรมชาติอย่างล้นเหลือจริงๆ แม้ว่ากวางหิมะเหล่านี้จะ ไม่ใช่อสูรสวรรค์ แต่เมื่อใช้เป็นพาหนะ บางทีพวกมันอาจจะดีกว่าอสูร
สวรรค์ระดับต�าด้วยซ�า ความสามารถในการบรรทุกของพวกมันก็ดู แข็งแกร่งมากเช่นกัน กวางพวกนี้สามารถแบกอู่หยาได้สบายๆ”
“เจ้ากําลังบ่นว่าข้าหนักเกินไปหรือ?!” อู่หยาหันมองเขาอย่างเย็น ชา และหม่าฉุนก็เงียบลงทันทีด้วยสีหน้าเขินอาย
หัวใจของโจวเหว่ยชิงกระตุกวูบ หลังจากเหลือบมองไปที่จ้านหลิง เทียนซึ่งกําลังนั่งสมาธิอยู่ เขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “มาเถอะ พาข้าไป ที่นั่นหน่อย ข้าอยากจะไปดูด้วยตาตัวเอง” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ ดึงหม่าฉุนและหายออกไปจากกระโจม
พาหนะมีความสําคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของกองพันไร้พ่าย แม้ พวกเขาจะหวังให้กองทัพมีปีกศาสตรามณียุทธ์ในอนาคต แต่เนื่องจาก ข้อจํากัดด้านพลังปราณสวรรค์ ทหารพวกนี้จึงไม่สามารถบินได้ ตลอดเวลา ดังนั้นการบินจึงสามารถทําได้ในระหว่างการต่อสู้จริง เท่านั้น ในกรณีนี้ ม้าที่เหมาะสมจะมีความสําคัญมาก หมาป่าสงครามที่ พวกเขาเคยปะทะก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างที่ดี แต่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากความดุร้ายของพวกมัน เนื่องจากกวางหิมะที่แข็งแกร่งเหล่านี้ น่าจะอ่อนโยนมากกว่า ความสนใจของโจวเหว่ยชิงจึงถูกจุดประกายขึ้น ในทันที
โจวเหว่ยชิงและหม่าฉุนออกจากกระโจม พวกเขาทันได้พบกับ มนุษย์เผ่ากวางหิมะที่มีรูปร่างกํายําสองคน พวกเขากําลังนําคนอีกกลุ่ม หนึ่งเข้ามาด้วย
เมื่อมองไปยังเครื่องแต่งกายและรูปลักษณ์ของผู้มาใหม่ โจวเหว่ย ชิงก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นมนุษย์ ทั้งหมดแต่งกายด้วย ชุดเสื้อผ้าฤดูหนาว ปกปิดด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่มีหมวกคลุมศีรษะ กลุ่มของผู้มาใหม่มีจํานวนทั้งหมด 6 คน บางคนสูงและล�าสัน บางคน ตัวเล็กและผอม แต่เขามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของทั้งหมด
ชายเผ่ากวางหิมะทั้ง 2 คนกําลังนําทางกลุ่มนี้ไปยังกระโจมอีกหลัง ที่อยู่ลึกเข้าไป ดูเหมือนว่าเผ่ากวางหิมะเหล่านี้ค่อนข้างฉลาด เลือกที่จะ ตั้งค่ายตามเส้นทางการค้า การเรียกเก็บเงิน 10 เหรียญทองสําหรับการ พักในกระโจมหนึ่งคืน นั่นเป็นราคาที่สูงมากอย่างแน่นอน
“เอ๊ะ เจ้านั่นเอง” ในขณะนั้น น�าเสียงประหลาดใจดังขึ้น ในบรรดา ผู้มาใหม่ 6 คน ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งหยุดกะทันหันพร้อมกับยกชุดคลุม ของเธอขึ้น
ใบหน้าที่งดงามถูกเปิดเผยออกมาให้เห็น ราวกับจะนําพาความ อบอุ่นมาสู่อากาศอันหนาวเหน็บแสนขมขื่นนี้ อย่างไรก็ตาม สายตาที่ จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงกลับเป็นสิ่งที่ทําให้อุณหภูมิยิ่งลดลงหลาย องศา เต็มไปด้วยรังสีความเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรง
เมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้นี้ สีหน้าของโจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนไป เด็ก หนุ่มพลันอดไม่ได้ที่จะคร�าครวญ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก สาวกหุบเขาอเวจีสีเลือดที่เกือบตายด้วยน�ามือของเขาในระหว่างการ แข่งขันงานประลองมณีสวรรค์ ปีศาจน้อยเซิน
ครั้งนี้เขาดวงกุดมาก…ก่อนที่จะได้เข้าสู่ส่วนลึกอาณาจักรวั่นโซ่ว โจวเหว่ยชิงดันได้พบกับสมาชิกของหุบเขาอเวจีสีเลือดเข้า แน่นอนว่า คนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับปีศาจน้อยเซินก็น่าจะเป็นยอดฝีมือจากหุบเขา อเวจีสีเลือดเช่นกัน สิ่งเดียวที่โจวเหว่ยชิงอธิษฐานก็คือให้สหายเหล่านี้ เป็นคนรุ่นเดียวกับพวกเขา ไม่ใช่เหล่าผู้อาวุโส
น่าเสียดายที่พระแม่แห่งโชคลาภไม่ได้ยืนอยู่ข้างเขา
“เป็นอะไรไป ปีศาจน้อย?” เสียงทุ้มต�าดังก้องออกมาจากคน ตรงหน้า เป็นน�าเสียงของคนที่มีอายุมากกว่าอย่างชัดเจน ส่วนที่เหลือ ของหุบเขาอเวจีสีเลือดจึงหยุดเท้าและมองไปที่โจวเหว่ยชิง
เมื่อถึงจุดนี้ โจวเหว่ยชิงก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนตรงหน้านี้ เป็นชายชราอายุมากกว่า 60 ปี คนอื่นๆ เป็นชายวัยกลางคนอายุ มากกว่า 40 ปี ส่วนปีศาจน้อยเซินก็เป็นคนหนุ่มสาวคนเดียวที่นั่น ทั้งยัง เป็นผู้หญิงคนเดียวอีกด้วย
ราวกับว่ามีมือเย็นๆ ยื่นเข้ามาบีบหัวใจของโจวเหว่ยชิง คราวนี้ พวกเขาต้องตกที่นั่งลําบากแน่นอน แม้จะต้องการหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายใน เวลานี้ มันก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว และเด็กหนุ่มทําได้เพียงแค่สงบสติ อารมณ์ ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ยิ้มขณะที่เอ่ยกับปีศาจน้อยเซิน “แม่นางเซิน สบายดีไหม? ไม่ได้พบกันนาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ในตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าปีศาจน้อยเซินจะจดจําเรื่องที่เขาช่วยชีวิตเธอ และสัญญาที่ให้ได้กับวังสวรรค์ไพศาล
อนิจจา ปีศาจน้อยเซินจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “โจว เหว่ยชิง ข้าไม่เคยคิดว่าโชคของตัวเองจะดีขนาดได้พบเจ้าในอาณาจักร วั่นโซ่ว วันนี้ แม้เจ้าจะมีปีกก็หนีไม่พ้น ข้าจะฝังศพเจ้าไว้ใต้ก้อนน�าแข็ง เย็นเยียบเหล่านี้”
ชิ*หายแล้ว โจวเหว่ยชิงรู้สึกถึงรสขมปร่าภายในปากขณะที่เขา สบถสาปแช่งอยู่ภายใน เห็นได้ชัดว่าความเกลียดชังที่ปีศาจน้อยเซินมี ต่อเขาไม่ได้ลดลงไปเลยเมื่อเขาช่วยขับพิษให้อีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มก็ลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จากมุมมองของเธอ ในเวลานั้น เมื่อโจวเหว่ยชิงขับพิษให้อีกฝ่าย เขาก็คว้าเข้าที่หน้าอกของ หญิงสาวด้วย เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เธอไม่ได้โกรธจนตายไปเสียในเวลา นั้น ครั้งนี้ปีศาจน้อยเซินได้ติดตามผู้อาวุโสจากหุบเขาอเวจีสีเลือดไปยัง อาณาจักรวั่นโซ่วเพื่อล่าอสูรสวรรค์ ทั้งหมดก็เพื่อลดความฟุ้งซ่านและ
ผ่อนคลายตัวเอง ใครจะรู้ว่าไม่นานหลังจากเข้าสู่อาณาจักรวั่นโซ่ว พวกเขาจะได้พบกับโจวเหว่ยชิงซึ่งเป็นศัตรูของเธอโดยบังเอิญ
“ปีศาจน้อย เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ? เขาคือคนที่ฆ่าหานปิง?” ชาย ชราที่เป็นผู้นําหุบเขาอเวจีสีเลือดหันมามองเขา ดวงตาอีกฝ่ายดูเหมือน จะสว่างขึ้นกลายเป็นดวงเพลิงสองลูก ใบหน้าที่เคยสงบสุขพลัน แปรเปลี่ยนไปเป็นดุร้ายด้วยความโกรธเกรี้ยว
ปีศาจน้อยเซินกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ฆ่า หานปิง แต่เขาก็เป็นหัวหน้ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เราจะ แพ้การต่อสู้นั้นได้อย่างไร?”
ชายชราหัวเราะออกมาทันที “ ดี…ดี…ดีมาก ดูเหมือนแม้แต่สวรรค์ ยังนําทางให้ข้าช่วยหานปิงแก้แค้น จับพวกมันให้หมด แม้แต่คนที่อยู่ใน กระโจม อย่าให้ใครหนีไปได้ ข้าต้องการให้พวกมันรู้สึกถึงรสชาติของ ขุมนรก ถึงเวลาแล้วที่ชายชรานามจ้าวนรกที่ยังมีชีวิตจะกลับมาทวงบัล ลังค์อีกครั้ง”
“แขกที่เคารพ หากท่านมีศัตรูโปรดออกไปจัดการกันภายนอก ไม่ใช่ในดินแดนของชนเผ่าเรา” ชาวเผ่ากวางหิมะทั้งสองขมวดคิ้วและ กล่าว
จ้าวนรกที่ยังมีชีวิตกวาดสายตาของเขาไปยังมนุษย์ชนเผ่าทั้งคู่ อย่างเย็นชา กลิ่นอายที่ทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่าง ชายหนุ่มชน เผ่ากวางหิมะทั้ง 2 ส่งเสียงอู้อี้ในลําคอ เดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ก่อนจะล้มลงไปสิ้นชีพอยู่ที่พื้น
คราวนี้โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับคนโง่เง่าที่ขยับตัวไม่ออก การฆ่าคน 2 คนด้วยจิตสังหารเพียงอย่างเดียวเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ร่างกายที่ทรงพลังของเผ่ากวางหิมะ แค่นี้ก็สามารถจินตนาการได้แล้ว ว่าชายชราฉายาจ้าวนรกที่ยังมีชีวิตจะทรงพลังเพียงใด
เมื่อเผ่ากวางหิมะทั้งสองล้มลงและเสียชีวิต หมอกหิมะจางๆ ก็ ลอยขึ้นจากร่างของพวกเขา 2 สายอย่างลับๆ และลอยหายไป
ด้วยคําสั่งของจ้าวนรกที่ยังมีชีวิต สมาชิกหุบเขาอเวจีสีเลือดทุกคน จึงปลดปล่อยมณีสวรรค์ของพวกเขาออกมาทันที รวมถึงปีศาจน้อยเซิน ด้วย
ปีศาจน้อยเซินยังคงอยู่ในระดับมณี 6 ชุด แต่แท้จริงแล้วเธอเป็น คนที่มีพลังระดับต�าสุดของทั้งกลุ่ม ในบรรดาชายวัยกลางคนทั้ง 4 คน 2 คนมีมณี 7 ชุด และอีก 2 คนมีมณี 8 ชุด ทั้งหมดล้วนเป็นจ้าวมณีสวรรค์ ระดับเทวะ
สําหรับจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะทั่วๆ ไป เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ ที่มาจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีระดับพลังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้จะไม่สนใจชายชราฉายาจ้าวนรกที่ยังมีชีวิตผู้ไม่อาจหยั่งรู้พลังได้คน นี้ เพียงแค่ 5 คนตรงหน้าก็เป็นยอดฝีมือทรงพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ แล้ว
เมื่อจ้าวนรกที่ยังมีชีวิตออกคําสั่งและสังหารเผ่ากวางหิมะทั้งสอง โจวเหว่ยชิงก็ลงมือแล้วเช่นกัน เขาลากหม่าฉุนด้วยมือขวา พุ่งทะยาน ไปที่กระโจมด้านหลังทันที
เพียงแค่สองคนย่อมไม่สามารถเอาชนะทั้งหมดนี้ได้ พวกเขามี โอกาสรอดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ณ จุดนี้ โจวเหว่ยชิงไม่คาดหวังในโชค อีกต่อไป เด็กหนุ่มรู้ว่าสิ่งเดียวที่เขาทําได้คือต้องขุดทุกอย่างที่มีออกมา สิ่งที่อธิษฐานก็คือขอให้ชายชราฉายาจ้าวนรกที่ยังมีชีวิตผู้นี้เป็นจ้าว มณีสวรรค์ระดับเทวะที่มีมณี 9 ชุด ไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา หาก เป็นเช่นนั้น พวกเขาอาจยังมีโอกาสรอด แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นจ้าวมณี สวรรค์ระดับราชาจริงๆ…พวกเขาน่าจะต้องตาย
แน่นอนว่านอกจากการต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้ว ความเป็นไปได้อีก อย่างที่สามารถช่วยให้พวกเขาอยู่รอดก็คือสถานะของซ่างกวนเฟย เอ๋อร์และจ้านหลิงเทียนในวังสวรรค์ไพศาล โจวเหว่ยชิงหวังว่าสมาชิก ของหุบเขาอเวจีสีเลือดจะไม่กล้าสังหารพวกเขา
ปีศาจน้อยเซินเกลียดชังโจวเหว่ยชิงมาก หญิงสาวใช้ปลายเท้า ฟาดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอพุ่งไปหาโจวเหว่ยชิงราวกับ ลูกศร การพ่ายแพ้ต่อโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ถือเป็นความอัปยศอดสู ที่สุดในใจของเธอ และตอนนี้เมื่อได้เห็นเขาอีกครั้ง ดวงตาของปีศาจ น้อยเซินก็กลายเป็นสีแดงด้วยความเกลียดชัง ตอนนี้เธอจะอดกลั้นได้ อย่างไร? พลังปราณทั้งหมดของหญิงสาวไหลเวียนออกมาขณะที่ฝ่ามือ ของเธอเคลื่อนไปข้างหน้า เผยแสงสีแดงเลือดขณะที่พุ่งเข้าหาเขา
“ศัตรูบุกโจมตี!!!!” ในเวลาเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงพุ่งเข้าไปใน กระโจม เขาตะโกนออกมาเสียงดัง ในช่วงเวลาถัดมาเด็กหนุ่มพลันใช้ ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา
ในแง่ของเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ใครจะเทียบโจวเหว่ยชิงได้? ทันที ที่เปิดใช้งานทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา เขาก็เหวี่ยงมือขวาออก ขว้าง หม่าฉุนไปทางอู่หยาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ตกอยู่ในรัศมีการโจมตีของปีศาจ น้อยเซิน สําหรับตัวเขาเอง ทันทีที่ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา เด็กหนุ่ม ก็ไปปรากฏตัวขึ้นข้างหลังจ้านหลิงเทียน
ตามแผนของโจวเหว่ยชิงในตอนแรก เขาอดทนต่อจ้านหลิงเทียน ตลอดเวลาเพียงเพื่อที่จะใช้พลังของเขาในสวรรค์หมื่นอสูร ในเวลานี้ แม้ว่าพวกเขาจะไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็ถึงเวลาที่จะต้องงัดทุกอย่างที่มี
ออกมาเพื่อช่วยชีวิตตนเองแล้ว แน่นอนว่านี่แหละเป็นเวลาที่จะใช้ ประโยชน์จากจ้านหลิงเทียนแล้ว
จ้านหลิงเทียนเพิ่งหลับตานั่งสมาธิหลังจากรับประทานอาหารและ กําลังเตรียมตัวที่จะฝึกปราณตลอดทั้งคืน ทว่าโจวเหว่ยชิงและหม่าฉุน เพิ่งออกไป พวกเขากลับรีบผลุนผลันเข้ามาอีกครั้ง เขาจึงสะดุ้งตื่นจาก สมาธิอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางแสงสีเงิน โจวเหว่ยชิงที่เพิ่งวิ่งเข้าไปในกระโจมหายตัว วับไปแล้ว แต่แสงสีแดงเพลิงก็พุ่งแผดเผาตามมาด้วย
เมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหัน จ้านหลิงเทียนก็ตอบสนองอย่าง รวดเร็ว ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้า ใช้ฝ่ามือขวาฟาดออกไปอย่างรวดเร็ว มณีสวรรค์พลันพุ่งออกมารอบข้อมือของเขา
ท่ามกลางเสียงปะทะอื้ออึง ปีศาจน้อยเซินถูกส่งตัวกลับไป หลังจากฝ่ามือของพวกเขาสัมผัสกัน ในแง่ของระดับพลังปราณ หญิง สาวไม่สามารถเทียบจ้านหลิงเทียนได้อยู่แล้ว
พลังปราณสวรรค์ของจ้านหลิงเทียนอยู่ระดับ 30 ซึ่งก็คือขั้นทะลุ สวรรค์ระดับที่ 6 ในแง่ของพลังปราณสวรรค์เพียงอย่างเดียว เขาก็สูง กว่าทายาทของวังสวรรค์ไพศาลอย่างซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ด้วยซ�า ปีศาจ น้อยเซินอยู่ระดับมณี 6 ชุด พลังปราณสวรรค์ระดับ 26 เท่านั้น เมื่อรวม
กับข้อเท็จจริงที่ว่าจ้านหลิงเทียนมีความได้เปรียบในแง่ของทักษะธาตุ เธอจึงเสียเปรียบในการปะทะครั้งนี้ทันที
จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังกึกก้องดังก้องไปทั่ว เปลวไฟรุนแรงลุกฮือขึ้นมา จากทุกทิศทาง กระโจมที่แข็งแรงได้ระเหยไปในอากาศทันทีเมื่อความ ร้อนเพิ่มขึ้นสูงเพราะเปลวเพลิงที่โหมกระหน�า ในเวลาต่อมา กระโจม ทั้งหลังก็เปิดเผยสู่ท้องฟ้ายามเย็น
……………………………………………………