Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 14.3 ศาสตรามณียุทธ์ครบชุด (3)
โจวเหว่ยชิงผงกหัวแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าโดยทั่วไปแล้ว อัจฉริยะมักจะเป็นเป้าหมายของพวกขี้อิจฉาริษยา”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อมองดูท่าทางภาคภูมิใจของโจวเหว่ยชิงแล้วอดไม่ได้ที่จะฟาดเขาด้วยฝ่ามือ “ให้ตาย บิดามัน เถอะ! ข้าเริ่มสงสัยว่าการยอมรับเจ้าเป็นศิษย์นั้นเป็นสิ่งถูกต้องหรือเป็นข้อผิดพลาดที่ชายชราคนนี้ตัดสินใจทำในบั้นปลายชีวิตกันแน่ นั่นอาจจะทำให้ข้าสูญเสียทุกอย่างไปเลยก็ได้!!”
โจวเหว่ยชิงพูดพร้อมกับยิ้ม “เฮ้ อาจารย์ท่านลืมไปแล้วเหรอ? ท่านเพิ่งสาบานด้วยมณีธาตุของท่านไปเมื่อกี้ ฉะนั้นตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะเสียใจ!”
“ข้า…” เป็นอีกครั้งที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อรู้สึกอยากตีโจวเหว่ยชิงให้ตาย อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเขาก็กลับมาผ่อนคลายอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขาไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่ต้องตีโพยตีพายเสียหน่อย การมีลูกศิษย์เช่นนี้ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เขาปวดหัวเล็กน้อย แต่หากมองในมุมอื่น ลูกศิษย์เช่นนี้ก็จะมีความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่ดีกว่าคนที่ซื่อสัตย์มากนัก
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้ว! อย่าโมโหเลย! ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่อื่นๆ ที่มีจ้าวมณีสวรรค์กับไพฑูรย์ตาแมวสองสีอีกหรือไม่?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้
ฮูเหยียนเอ้าป๋อมองไปยังเฟิงหยู จากนั้นทั้งคู่ก็ส่ายหัวพร้อมกัน ฮูเหยียนเอ้าป๋อกล่าว “ไพฑูรย์ตาแมวสองสีน่าจะเคยปรากฏขึ้นมาก่อน แต่นั่นน่าจะจำกัดอยู่ในขอบเขตการรับรู้ของจ้าวมณีสวรรค์ ทั้งข้าและเฟิงหยูต่างก็เป็นจ้าวมณีธรรมดา และพวกเราก็มีความรู้ที่จำกัดมากเกี่ยวกับจ้าวมณีสวรรค์ ในโลกนี้ มีสถานที่หลายแห่งที่เป็นพื้นที่ของจ้าวมณีสวรรค์โดยเฉพาะ ข้าเชื่อว่าน่าจะมีไพฑูรย์ตาแมวสองสีอยู่บ้าง แต่ที่ใดหรือจำนวนเท่าไหร่ข้าย่อมไม่รู้แน่ชัด”
โจวเหว่ยชิงกล่าว “นั่นดูลึกลับเกินไปแล้ว!”
เฟิงหยูถอนหายใจและพูดว่า “ถึงแม้จ้าวมณีสวรรค์จะถูกจัดว่าเป็นจ้าวมณีกลุ่มหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง จ้าวมณีสวรรค์นั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าจ้าวมณีธาตุและจ้าวมณียุทธ์มาก ไม่ใช่แค่เพียงจำนวนมณีทั้งหมดที่มีมากกว่าจ้าวมณีทั่วไป แต่แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกันกับจ้าวมณีธรรมดา ความแข็งแกร่งก็ยังเทียบชั้นกันไม่ติด ยกตัวอย่างเช่น ข้ามีมณีธาตุ 9 ดวง แต่หากเปรียบเทียบกับจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 9 ชุดละก็ย่อมแตกต่างกันมากราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว แม้จะมีข้าเป็นร้อยคนก็อาจจะแพ้ให้แก่จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุดเพียงคนเดียว เจ้าอ้วนน้อย เจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเจ้าต้องทะนุถนอมมันให้ดีและมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนักล่ะ”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าจริงจัง “แน่นอนขอรับ”
ฮูเหยียนเอ้าป๋อลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “เนื่องจากเจ้าเลือกที่จะสมัครเป็นทหารแล้ว ดังนั้นหลังจากที่แม่นางน้อยคนนั้นได้หลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ของเธอเสร็จ เจ้าก็กลับไปที่ค่ายทหารพร้อมกับเธอก่อน อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ตอนนี้ยังไม่มีสงคราม ค่ายทหารจึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการซ่อนไพฑูรย์ตาแมวสองสีของเจ้า อีกอย่างแม่นางน้อยคนนั้นน่าจะปกป้องเจ้าได้ และเจ้าก็ยังสามารถใช้ช่วงเวลานั้นฝึกฝนให้หนัก พัฒนาพลังและสะสมความแข็งแกร่งของเจ้า เมื่อเจ้าอายุครบ 16 ปี อาจารย์ของเจ้าคนนี้จะตามหาเจ้าและสอนวิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้เจ้าเอง”
“เยี่ยมยอดไปเลย! ตกลงขอรับ” โจวเหว่ยชิงผงกหัวรับอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาต้องการจะเรียนรู้วิธีสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ แต่เขาก็ยังไม่อยากจะแยกจากกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และการให้เวลาเตรียมตัวถึง 2 ปีนั้นก็เป็นสิ่งยอดเยี่ยมมากที่สุด!
ฮูเหยียนเอ้าป๋อพูดต่อ “แม้ความเป็นไปได้ที่เจ้าจะมีมณีชุดที่สองภายในสองปีนี้แทบจะเป็นศูนย์ แต่ข้าก็ยังต้องขอเตือนเจ้าไว้ว่า จากนี้ไปหากจะหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์ เจ้าจะต้องได้รับอนุญาตจากข้าผู้เป็นอาจารย์เสียก่อน และเจ้าห้ามใช้มณียุทธ์หลอมรวมกับม้วนคัมภีร์ของคนอื่นโดยเปล่าประโยชน์อย่างเด็ดขาด”
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์สามารถวางใจได้ ข้าจะซื้อคัมภีร์ของคนอื่นทำไมในเมื่อมีของให้เปล่าจากอาจารย์เช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อล่ะขอรับ”
ใบหน้าของฮูเหยียนเอ้าป๋อจริงจังขึ้นมาทันที “ข้าไม่ได้ล้อเล่น สิ่งนี้เกี่ยวพันกับความสำเร็จในอนาคตของเจ้าอย่างแท้จริง เอาล่ะ ข้าคนนี้จะต้องหลอกล่อเจ้าสักหน่อยเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กน้อยเช่นเจ้าจะฟังข้า เฟิงหยู เอาออกมาให้เขาดูซิ”
เฟิงหยูและฮูเหยียนเอ้าป๋ออยู่ด้วยกันมานานหลายปี ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสิ่งที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อบอกเป็นอย่างดี ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง เฟิงหยูยกมือขวาขึ้นมา จากนั้นแสงสลัวๆ ก็ปรากฏขึ้นบนข้อมือของเขา พวกมันก็ค่อยๆ แผ่ลามออกมาด้านนอก ทันใดนั้นมณียุทธ์ 9 ดวงปรากฏขึ้นเหนือข้อมือของเขาทันที
เฟิงหยูเป็นเพียงจ้าวมณียุทธ์ธรรมดา ดังนั้นมณียุทธ์ของเขาจึงเป็นหยกสีต่างๆผสมกัน 1ใน3 ส่วนเป็นหยกน้ำแข็ง และอีก2ส่วนที่เหลือก็เป็นหยกแดง มันเป็นมณียุทธ์ที่แสดงลักษณะประสานระหว่างความว่องไวในการตอบสนองและพละกำลัง
มณียุทธ์หยกแดงผสมหยกน้ำแข็ง ทั้ง 9 ดวงลอยวนล้อมรอบข้อมือของเฟิงหยู และแม้ว่าเขายังไม่ได้เปิดใช้พลังปราณสวรรค์มากนัก แต่เมื่อมองไปที่ตัวเขา โจวเหว่ยชิงก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและอดไม่ได้ที่จะเลื่อมใสในตัวเขา
บนข้อมือของเฟิงหยูในขณะนี้ จู่ๆ มณี 5 ดวงจากทั้งหมด 9 ดวงก็เคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว พวกมันเคลื่อน ไหวเร็วมากจนโจวเหว่ยชิงมองแทบไม่เห็นด้วยซ้ำว่าพวกมันลอยไปทางไหนกันแน่
หลังจากมณียุทธ์ทั้ง 5 นั้นแยกออกจากกัน พวกมันก็ลอยไปยังตำแหน่งหน้าผากกลางหว่างคิ้ว หน้าอก ท้องน้อย และไหล่ทั้งสองข้างของเฟิงหยูตามลำดับ มณียุทธ์ทั้ง 5 นั้นดูเหมือนจะค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายของเฟิงหยูอย่างช้าๆ เริ่มจากบริเวณหน้าผาก และจู่ๆ ส่วนนั้นก็ปรากฏหมวกเกราะ 2 สีที่มีลักษณะคล้ายกับมณียุทธ์ของเขาทุกระเบียดนิ้วขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยเกราะป้องกันส่วนหัวใจที่หน้าอก เข็มขัดเกราะรอบเอว และท้ายสุดก็เป็นเกราะไหล่ทั้งสองข้าง
เมื่อมณียุทธ์ทั้ง 5 เสร็จสิ้นกระบวนการการหลอมรวมเข้ากับศาสตรามณียุทธ์แล้ว ทันใดนั้นเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น จู่ๆ ก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากชิ้นส่วนเกราะแต่ละชิ้น จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆ แผ่ขนาดออกไปเชื่อมต่อกันในชั่วพริบตา ชิ้นส่วนเกราะแต่เดิมที่ปกป้องเพียง 5 ตำแหน่งบนร่างกายนั้น ฉับพลันก็กลายเป็นชุดเกราะเต็มตัวอย่างคาดไม่ถึง ดูเหมือนว่านอกเหนือจากตำแหน่งหลักทั้ง 5 แล้ว พื้นที่ส่วนอื่นๆ ของชุดเกราะนั้นดูค่อนข้างจะเลือนลางราวกับไม่มีอยู่จริง ทว่ามันก็กำลังครอบคลุมและปกป้องร่างกายของเฟิงหยูอยู่อย่างแน่นอน
ชุดเกราะนั้นไม่ได้ดูวิจิตรอะไรเลย มันไม่มีลวดลายหรือการออกแบบที่ใดๆ ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ทว่ามันก็ยังดูเรียบง่ายและกลมกลืนไปด้วยกัน นั่นทำให้รู้สึกได้ถึงพลังความแข็งแกร่งที่แผ่กระจายออกมาได้อย่างชัดเจน เฟิงหยูดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิงหลังจากหลอมรวมเข้ากับชุดเกราะพวกนี้ แสงสว่างที่ส่องโชติช่วงออกมานั้นทำให้ท่าทางทั้งหมดของเขาดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ของเขานั้นซ่อนพลังมหาศาลที่รอเวลาปะทุออกมา
ฮูเหยียนเอ้าป๋อในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จึงอธิบายจากด้านข้าง “เจ้าเห็นหรือไม่? แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงศาสตรามณียุทธ์ธรรมดา อีกทั้งมณียุทธ์ทั้ง 5 ของเขาก็อาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างไร้ประโยชน์ ป้องกันได้แค่เพียงส่วนเล็กๆ ของร่างกายเท่านั้น ดังนั้นเจ้าคิดว่าทั้งหมดนี่มีประโยชน์สักเท่าไหร่กันล่ะ? อย่างไรก็ตาม หลังจากมณีทั้ง 5 หลอมรวมเข้ากับศาสตรามณียุทธ์แล้ว พวกมันจะมีประสิทธิภาพป้องกันได้ร่างกายทั้งหมดได้ และนั่นก็คือความแตกต่างที่สำคัญที่สุด ด้วยชุดเกราะทั้งหมดนี้ แม้ว่าเฟิงหยูจะเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถทนแรงปะทะได้หลายครั้งและไม่ถูกฆ่าตายในทันที”
“นี่เป็นความลับสุดท้ายที่ลึกล้ำที่สุดของศาสตรามณียุทธ์ ซึ่งมันก็คือชุดเกราะทั้งตัวนั่นเอง เมื่อจ้าวมณีคนหนึ่งหลอมรวมเข้ากับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่ถูกสร้างมาเข้าชุดกันจนครบ ชิ้นส่วนศาสตรามณียุทธ์เหล่านั้นจะสามารถเชื่อมต่อซึ่งกัน และกันได้ และนั่นยังช่วยปรับขอบเขตการป้องกันโดยรวมให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แบบครบชุดนั้น ผู้สร้างต้องมีระดับมากกว่าหรือเทียบเท่าปรามาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ ซึ่งก็คือระดับที่ข้าเป็นอยู่ตอนนี้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวข้าเองก็ยังสามารถสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ได้เพียง 5 หรือ 6 ชิ้นเท่านั้น แต่เมื่อชุดศาสตรามณียุทธ์นั้นมีจำนวนชิ้นส่วนมากขึ้น ศาสตรามณียุทธ์ชุดนั้นก็จะน่าสะพรึงกลัวมากกว่าเดิม”
“ตำนานกล่าวว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะสามารถสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ที่ประกอบด้วยศาสตรามณียุทธ์จำนวน 8 ชิ้นได้ และมีเพียงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพระเจ้าเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ได้ถึง 10 ชิ้น
ตอนนี้เจ้าได้หลอมรวมกับธนูราชันย์แล้ว และในอนาคตเจ้าก็สามารถมีศาสตรามณียุทธ์เพิ่มได้อีก 11 ชิ้น แน่นอนว่านั่นอยู่ในข้อแม้ที่ว่าเจ้าต้องทะลวงไปสู่ระดับเทวะให้ได้ก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะกรณีไหน เนื่องจากเจ้ามีพลังลึกล้ำของไพฑูรย์ตาแมวสองสีอยู่ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่เจ้าจะสามารถไปถึงระดับนั้นได้ เพราะฉะนั้นตั้งแต่ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นที่ 2 ของเจ้าเป็นต้นไป เจ้าต้องเตรียมไว้สำหรับชุดศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าเท่านั้น! เจ้าห้ามใช้มณียุทธ์ของเจ้าไปหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์อื่นโดยเปล่าประโยชน์เด็ดขาด!”
………………………………………………………………