Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 15.3 การกักเก็บทักษะธาตุ (3)
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเขาและพูดอย่างเยือกเย็น “ผู้บัญชาการกองร้อยเซียว อย่าลืมว่าข้าเป็นเจ้านายของเจ้า”
เซียวเซ่อกล่าวล้อเลียนว่า “เจ้านายที่ไม่อยู่ในตำแหน่งเป็นเวลา 2 เดือนโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะหรือ? ผู้บัญชา การกองพัน ท่านอย่าได้กังวลไป ข้าได้รายงานเรื่องนี้ไปยังกองบัญชาการใหญ่แล้วเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านหนีออกไปจากค่ายทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต อีก 3 วัน เมื่อทหารใหม่ฝึกเสร็จแล้ว หากทหารใหม่ของกองพันที่ 3 ได้รับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันระหว่างทหารใหม่ ข้ากลัวเหลือเกินว่าตำแหน่งของท่านในฐานะผู้บัญชาการกองพันจะต้องสิ้นสุดลงเป็นแน่ จ้าวมณีสวรรค์นั้นมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะมีความสามารถในการเป็นผู้บังคับบัญชาด้วย”
ทันทีที่พูดจบ เซียวเซ่อก็หันหลัง และเดินออกไปทันที ทำให้ใบหน้าที่งดงามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดด้วยความโกรธ
โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และเมื่อเห็นเซียวเซ่อกำลังจะเดินจากไป เขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะไล่ตาม ในใจคิดว่าเขาอดทนกับไอ้นายบำเรอหน้าหยกนั่นมานานมากแล้ว
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยกมือจับแขนของโจวเหว่ยชิงเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้า
เซียวเซ่อหายตัวไปทันทีเมื่อเขาออกจากกระโจมบัญชาการ โจวเหว่ยชิงอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เด็กหนุ่มจึงพูดขึ้นมาว่า “ผู้บัญชาการกองพัน ทำไมท่านไม่ให้ข้าสั่งสอนเขา? เจ้าเซียวเซ่อนี่มีอะไรดีงั้นรึ?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “ผู้บัญชาการกองร้อยเซียวเป็นลูกชายคนเดียวของขุนนางขั้นที่ 2 เซียว หยุนเฉิน เสนาบดีกรมพระคลัง มิฉะนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะอดทนกับเขาจนถึงตอนนี้ไหม?”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “เป็นไปได้ยังไง? เสนาบดีเซียวถูกเรียกขานว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของอาณาจักรของเรา หรืออาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราจึงสามารถก้าวหน้าและพัฒนาไปได้อย่างเข้มแข็ง เป็นเช่นนั้นแล้วเขาจะมีลูกชายที่หยิ่งสโยแบบนี้ได้อย่างไร?”
“เจ้ารู้จักเสนาบดีเซียวด้วย?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเขาอย่างประหลาดใจ
โจวเหว่ยชิงตระหนักว่าเขาได้เผลอพูดอะไรบางอย่างออกไป จึงพยายามจะกลบเกลื่อนคำพูดพวกนั้น “หลายคนบอกว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราได้รับการค้ำจุนจากขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ 2 คน คนหนึ่งต่อสู้กับโลกภายนอก อีกคนหนึ่งดูแลขับเคลื่อนโลกภายใน ผู้ที่คอยต่อสู้ปกป้องเราจากโลกภายนอกก็คือแม่ทัพใหญ่โจว และผู้ที่คอยควบคุมดูแลภายในก็คือเสนาบดีเซียว”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยักหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ “จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่สามารถตำหนิเซียวเซ่อที่ปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้นได้ ก่อนที่ข้าจะมาถึงกองพันที่ 3 ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันนั้นว่างอยู่ และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ แต่เขาก็เป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถในการสั่งการควบคุมกองทัพอย่างมาก ทั้งยังเป็นคนที่น่าจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันอีกด้วย แต่ตำแหน่งนั้นกลับถูกข้าช่วงชิงมา ดังนั้นนั่นคือเหตุผลที่เขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมมาโดยตลอด ยังไงก็ตาม ผู้บัญชาการกองร้อยเซียวเซ่อก็ยังเป็นไพ่ตายของกองพันที่ 3 ของเราอยู่ดี”
จู่ๆ ท่าทางก็โจวเหว่ยชิงก็ดูแปลกไปอย่างมาก เนื่องจากเขากำลังนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจากความทรงจำบางส่วนในวัยเด็กของเขา
…
“น้องชุยหนิว ดูเด็ก 2 คนที่เล่นด้วยกันอย่างสนิทสนมนั่นสิ น่าเสียดาย ลูกชายของท่านอายุน้อยกว่าลูกสาวตัวน้อยของข้าตั้ง 6 ปี มิฉะนั้นข้าจะต้องฉวยตัวลูกเขยคนนี้ไปจากองค์จักรพรรดิ์ให้ได้ ฮ่าๆๆๆ “
“ตาแก่เซียว ทำไมท่านถึงอยากหาเรื่องให้ตัวเองเช่นนี้? เหว่ยชิงเด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับเส้นชีพจรอุดตัน เฮ้อ…เขาถูกลิขิตมาแล้วว่าจะไม่ได้ครอบครองพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมใดๆ ทั้งนั้น!”
“ตาแก่โจว สมองของเจ้าเลอะเลือนรึ? ในฐานะพี่ชาย เจ้าพูดเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร? ตอนนี้ข้าขอบอกเจ้าให้ชัดเจน ในอนาคตหากองค์หญิง และเหว่ยชิงไม่ได้ลงเอยกัน แม้ว่าหรูเซ่อจะแก่กว่าลูกชายของเจ้า ข้าก็จะจับนางแต่งกับเหว่ยชิงให้ได้!”
…
เด็กสาวอายุ 13-14 ปีกำลังวิ่งตรงไปข้างหน้า จากนั้นร่างของเด็กชายตัวเล็กๆ ที่มีน้ำมูกไหลย้อยออกมาก็วิ่งตามมาด้วย
“โจวเหว่ยชิง! เจ้าสัตว์ประหลาดน้ำมูกตัวน้อย มานี่เร็ว! พวกเราไปแหย่รังนกนั่นกัน”
“ท่านพี่หรูเซ่อ รอข้าก่อน!!”
…
เด็กสาวที่มีใบหน้าแน่วแน่จริงจังยืนกางปีกปกป้องเด็กชายตัวเล็กๆ ข้างหลัง เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเด็กชายอีก 4-5 คนที่กำลังยืนล้อมรอบพวกเขาอยู่
“ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้ากลั่นแกล้งเขาอีก ใครกล้าแตะต้องเขา ข้าจะต่อยให้หมด!”
…
“ท่านพ่อ พี่หรูเซ่อไปไหนที่ไหนเหรอ? ทำไมเธอไม่มาเล่นกับข้าอีกแล้ว?”
“พี่หรูเซ่อต้องไปโรงเรียน จอมมารน้อย ช่วงเวลายากลำบากของเจ้ามาถึงแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะต้องลุกขึ้นตอนตี 5 เพื่อฝึกฝนพิเศษ มิฉะนั้นพ่อของเจ้าจะตีเจ้าจนก้นแตก!”
…
“อ้วนน้อยโจว เจ้าคิดอะไรอยู่รึ?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยกมือขึ้นแล้วโบกไปมาต่อหน้าโจวเหว่ยชิง ก่อนถามเขาอย่างสงสัย
โจวเหว่ยชิงตื่นขึ้นจากภวังค์ และส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เขาพูดว่า “ไม่มีอะไรขอรับท่านผู้บัญชาการกองพัน การแข่งขันทหารใหม่ที่ผู้บัญชาการกองร้อยเซียวพูดถึงก่อนหน้านี้คืออะไรกัน?”
เซียวเซ่อ หรูเซ่อ ชื่อของทั้งสองคนนี้ฝังสลักลงไปในใจของเขาทีละเล็กทีละน้อย ปากของโจวเหว่ยชิงขยับขึ้นพูดสิ่งที่เขาคิดในใจเบาๆ เท่าที่ข้ารู้ ลุงเซียวมีลูกสาวหนึ่งคนเท่านั้น แล้วไอ้เจ้าลูกชายนี่มาจากไหน? ฮ่าๆ ว่ากันว่าผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เมื่ออายุ 18 ปี ดูเหมือนว่าท่านพี่หรูเซ่อจะจำข้าไม่ได้ แต่ข้าเองก็ยังจำเธอไม่ได้เช่นกัน นี่ท่านถึงกับแกล้งปลอมตัวเป็นผู้ชายงั้นรึ!
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วขณะเธอพูดว่า ”เรากำลังพูดถึงการแข่งขันของทหารใหม่ ทำไมเจ้าถึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนั้น?”
“เอ๋? นี่ข้าเผลอยิ้มออกไปหรือ? ผู้บัญชาการกองพัน เอ่อ ข้าหมายความว่าข้าก็เป็นทหารใหม่เหมือนกัน ดังนั้นข้าสามารถเข้าร่วมการแข่งขันทหารใหม่ครั้งนี้ได้ใช่หรือไม่?” โจวเหว่ยชิงตอบกลับอย่างรวดเร็วและหาเหตุผลให้ตัวเองอย่างทันท่วงที
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “การแข่งขันทหารใหม่จะเริ่มขึ้นหลังจากที่ทหารใหม่เสร็จสิ้นการฝึกของพวกเขาแล้ว กองร้อยใหม่แต่ละกองก็จะแข่งขันกันเอง การแข่งขันนี้มีจุดประสงค์เพื่อคัดเลือกคนที่มีความสามารถ ยกตัวอย่างเช่น ทหารใหม่ที่แสดงฝีมือได้โดดเด่นที่สุดจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหมู่โดยตรง ข้าจำได้ว่านี่เป็นวิธีที่ผู้บัญชาการกองร้อยเซียวใช้ไต่เต้าตำแหน่งขึ้นมา เขาเกณฑ์ทหารมา3ปีแล้ว แต่วันนั้นเขาแสดงการต่อสู้ได้ยอดเยี่ยม และโดดเด่นมากจริงๆ หากข้าไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ บางทีเขาอาจจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการกองพันไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในการเลื่อนตำแหน่งแต่ละครั้ง เขาก็มักจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองเสมอ และไม่ยอมพึ่งพาความช่วยเหลือจากเสนาบดีเซียวโดยเด็ดขาด ข้าชื่นชม และเคารพเขาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เจ้าจะต้องเข้าร่วมในการแข่งขันของทหารใหม่ ไม่เช่นนั้นกองร้อยใหม่ของเราจะขาดคนไป 1 คน ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มณีสวรรค์ของเจ้าด้วยอย่างแน่นอน”
“ผู้บัญชาการกองพัน ข้ามีเงื่อนไข” โจวเหว่ยชิงพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า หลังจากทราบว่าเซียวเซ่อนั้นกลายเป็นพี่หรูเซ่อของเขาอย่างไม่คาดคิด เขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็นจนไม่สามารถระงับสีหน้าของตนเองได้อีกต่อไป
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เมื่อมองเห็นเขาแสดงท่าทางแบบเดิมๆ ออกมาเช่นนี้ ระลอกคลื่นมากมายก็ไหลทะลุผ่านหัวใจของเธอราวกับว่าคนไร้ยางอายตรงหน้าเธอนี้กลับกลายเป็นเขาคนเดิมที่เธอรู้จักอีกครั้ง
“เงื่อนไขอะไร?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทำหน้าหน้าจริงจังและถามออกไป
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้าง “ให้ข้ายืมธนูอุษาม่วงของท่าน แม้ข้าจะไม่สามารถใช้มณีสวรรค์ได้ แต่ข้าก็ยังสามารถทำให้พวกเขาประหลาดใจได้แน่ๆ ผู้บัญชาการกองพัน ท่านรอดูเถอะ อ้วนน้อยโจว ผู้ช่วยส่วนตัวของท่านจะแสดงความกล้าหาญในการแข่งขันทหารใหม่ในครั้งนี้เอง แต่ว่า…มีรางวัลหรือไม่?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทำน้ำเสียงโกรธๆ “อะไร! เจ้ายังจะหวังรางวัลอีกหรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “กองทัพยังมีความเที่ยงธรรมอยู่หรือไม่? ใครละเลยวินัยย่อมต้องถูกลงโทษ ดังนั้นหากใครชนะก็สมควรได้รับรางวัลเช่นกันไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ต้องการตำแหน่งนายหมู่หรอก ดังนั้นหากข้านำกองร้อยใหม่ของกองพันที่ 3 ของเราชนะการแข่งขันในครั้งนี้ ในอนาคตเมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ท่านจะยอมให้ข้าเรียกท่านด้วยชื่อจริง นี่ไม่เกินไปใช่หรือไม่?”
เดิมทีซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องการจะปฏิเสธเขาในทันที แต่เมื่อขบคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทันใดนั้นเธอก็เปลี่ยนใจ ยังไงก็ตาม พวกเขาทั้งคู่ก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะให้อีกฝ่ายเรียกชื่อเธอตรงๆ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนึกถึงท่าทีหยิ่งผยองของเซียวเซ่อ ตอนนี้เธอจึงได้แต่กัดฟันยอมรับ “ได้! ตกลง! หากเจ้าสามารถนำกองร้อยใหม่ของเราครองตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขันทหารใหม่ ข้าจะยอมให้เจ้าทำเช่นนั้น”
โจวเหว่ยชิงไม่ได้คาดหวังว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะยอมรับง่ายๆ เช่นนี้ เขาจึงราวกับตกอยู่ท่ามกลางความสุขสมยินดี “ผู้บัญชาการกองพัน ก่อนอื่นข้าขอยืมธนูอุษาม่วงของท่านก่อน ยังมีเวลาอีก 3 วันก่อนการแข่ง เพราะฉะนั้นตอนนี้ข้าจะฝึกยิงธนู…”
……………………………………………………………..