Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 153 พี่น้องซ่างกวน! (1)
โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เราจะยังยึดตามแผน เดิมของเรา นั่นก็คือการเอาผลประโยชน์เข้าล่อเป็นหลัก เมื่อพวกเขา เริ่มทําการลงทะเบียน ผู้ที่ยอมปฏิบัติตามโดยไม่สร้างปัญหาใดๆ มอบ เงินให้พวกเขาคนละ 1 เหรียญเงิน เราไม่จําเป็นต้องให้มากเกินไป เพียงแค่ 1 เหรียญเงินก็เพียงพอแล้ว ส่วนผู้ที่ก่อปัญหาก็จงจัดการเสีย ขอแค่ไม่พิการหรือเสียชีวิตก็พอ เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้น ให้แยกคนทั้ง 3,700 คนออกจากกันทันที”
“เราจะแยกพวกเขาตามระดับพลังปราณและพละกําลัง โดย กระจายพวกเขาไปยัง 10 กองร้อยอย่างเท่าเทียมกัน ในเวลาเดียวกัน เราก็จะต้องจัดโครงสร้างใหม่ เนื่องจากกองพันไร้พ่ายต้องการทหารที่มี คุณภาพ เราจะเพิ่มกองกําลังทหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้มากกว่านี้ ต่อไปผู้บัญชาการกองร้อยดั้งเดิม 10 คนอย่างพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้ บัญชาการกองร้อยอาวุโส แต่ละคนจะมี 5 กองร้อยใต้สังกัดเป็น 1 กอง พันย่อย โดยแต่ละกองร้อยจะมี 100 คนตามปกติ สําหรับวิธีการเลือกผู้ บัญชาการกองร้อยของเจ้า ข้าคงไม่จําเป็นต้องสอนใช่ไหม? เราจะใช้ หลักการเดียวกัน นั่นก็คือ กําปั้ นคือพลัง”
“ทหารดั้งเดิมจากกองพันย่อยของเจ้า ข้าต้องการให้พวกเขาแต่ ละคนเข้าไปทําความสนิทสนมและรับผิดชอบน้องใหม่จํานวน 2-3 คน พวกเรายังไม่อยากเร่งทหารใหม่ให้เข้ารับการฝึกหรือสั่งการใดๆแก่ พวกเขา ลําดับแรกคือต้องโน้มน้าวพวกเขาให้เข้าใจก่อนว่ากองพันไร้ พ่ายของเราเป็นอย่างไร พัฒนามาสู่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันได้ อย่างไร รวมถึงกฎ รางวัล และบทลงโทษของกองพันไร้พ่ายด้วย”
แมมมอธถามอย่างสงสัย “หัวหน้า ท่านจําเป็นต้องทําขนาดนั้น เลยเหรอ?” พวกที่มาจากกองพันนักเลงดั้งเดิมล้วนชอบเรียกโจวเหว่ย ชิงว่า ‘หัวหน้า’ ถึงอย่างไรคนที่เป็นหัวหน้าก็มักจะต้องจ่ายเงินไม่ใช่ หรือ? แถมตอนนี้กระเป๋าของพวกเขาก็ถูกเติมจนเต็มแล้ว
โจวเหว่ยชิงเหลือบมองเขาและพูดว่า “แน่นอนว่าย่อมจําเป็น สิ่งนี้ เรียกว่าการซึมซับอุดมการณ์ และการนําทุกคนมาบรรจบกันให้ได้ก็เป็น สิ่งที่สําคัญอย่างยิ่ง น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันเราจึงจะกลับมา ฝึกทหารได้ตามตารางปกติ ให้ทหารใหม่เฝ้าดูการฝึกซ้อมโดยไม่ จําเป็นต้องเข้าร่วมแต่อย่างใด เราจะปล่อยให้มันดําเนินต่อไปเช่นนั้น อีก 10 วัน”
เว่ยเฟิงจดบันทึกทุกสิ่งที่โจวเหว่ยชิงพูด เรื่องในอดีตได้ถูกพิสูจน์ แล้วว่าโจวเหว่ยชิงมักพูดถูกเสมอ ทุกคนจึงเชื่อมั่นในตัวเขาอย่าง แท้จริง
โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อว่า “10 วันหลังจากนั้น เราจะจัดงานประลอง ฝีมือสําหรับทั้งกองพัน ข้าอยากให้เจ้าทุกคนสอนบทเรียนที่แสน เจ็บปวดให้กับทหารใหม่เหล่านั้นในงานประลองที่จะมาถึงนี้ รองผู้ บัญชาการเว่ย ส่งคนไปขอเงินและเสบียงจํานวนหนึ่งจากกองพลที่ 7 เพื่อใช้เป็นรางวัลใหญ่สําหรับงานประลองในครั้งนี้ เฟยเอ๋อร์ เจ้าเลือกผู้ ที่มีความโดดเด่นที่สุดในบรรดาทหารหน้าใหม่จํานวนหนึ่งและมอบ ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ให้พวกเขา นอกจากนี้ เลือกผู้ที่มีพลังปราณ สวรรค์และมีศักยภาพดี แต่ยังไม่ได้ปลุกมณีประจําตัวมาช่วยปลุกพลัง ให้พวกเขาด้วยยา ภายในหนึ่งเดือน ข้าต้องการให้ทหารใหม่ทั้ง 3,700 คนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองพันไร้พ่ายอย่างกลมกลืน หลังงาน ประลองเสร็จสิ้น เราจึงจะสามารถนําพวกเขาไปฝึกซ้อมในรูปแบบ ต่างๆได้ พี่ใหญ่หลิน สําหรับอาวุธและชุดเกราะของเรา ดําเนินการ ต่อไปตามแผนเดิม ส่วนเรื่องม้วนคัมภีร์ให้ถามหยุนลี่และสาวน้อยจอม มึนว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตได้หรือไม่?”
หลินเทียนอ้าวพยักหน้าและกล่าวว่า “เราได้สร้าง จัดซื้อชุดเกราะ และม้วนคัมภีร์ที่จําเป็นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของเจ้าก่อน หน้านี้ ในช่วงครึ่งปีนี้เราได้สะสมไว้จํานวนหนึ่ง ขาดเพียงอย่างเดียวคือ ปีกศาสตรามณียุทธ์ แต่สําหรับอุปกรณ์อื่นๆที่เหลือย่อมไม่เป็นปัญหา เมื่อถึงเวลาที่กองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วเริ่มโจมตีประจําปี ข้าคาดว่า
อย่างน้อยทหารใหม่ก็จะมีธนูศาสตรามณียุทธ์และชุดเกราะไทเทเนียม กันทุกคน เช่นนั้นก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอันใด”
จํานวนทหารดั้งเดิมที่โจวเหว่ยชิงคาดการณ์ไว้ก็คือ 5,000 นาย และด้วยเหตุนี้ แม้ว่าทหารดั้งเดิมทั้ง 1,500 คนจะมีอุปกรณ์และอาวุธ ครบครัน พวกเขาก็ยังคงผลิตชุดเกราะและม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับอนาคต
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เวลา 2 เดือนอาจกระชั้น ชิดเกินไป และถึงแม้ว่าเราจะมียาเพียงพอ มันก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะ ช่วยทุกคนที่ยังไม่ได้ปลุกมณีประจําตัว”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้เราจะต้องทําให้ดีที่สุด รองแม่ทัพเว่ย โปรดช่วยเหลือเฟยเอ๋อร์ในเรื่องนั้นด้วย เราต้องอาศัย พลังปราณสวรรค์ระดับ 2 ขึ้นไปเพื่อช่วยให้ตัวยามีผล คัดเลือกทหาร ดั้งเดิมจํานวนหนึ่งไปช่วยเหลือเฟยเอ๋อร์หลังจากงานประลองสิ้นสุดลง และเป้าหมายของเราคือช่วยทุกคนปลุกมณีประจําตัวของพวกเขาให้ สําเร็จภายในเวลาอันสั้น เมื่อถึงจุดนั้น เจ้าก็สามารถแจ้งให้สมาชิกใหม่ ทราบว่าพวกเขามีความดีความชอบไม่เพียงพอให้ได้รับตัวยานี้ แต่เรา มอบให้แก่พวกเขาเนื่องจากสถานการณ์พิเศษ และพวกเขาก็จะต้อง จ่ายค่าตอบแทนคืนในอนาคต”
“น้อมรับคําสั่ง!” เว่ยเฟิงขานรับอีกครั้ง
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆและพูดต่อ “นอกเหนือจากเรื่องที่กล่าวไป แล้ว ทุกอย่างก็ควรจะเป็นไปตามแผนเดิมของเรา แผนการฝึกซ้อมและ อาวุธจะต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีที่สุดเสมอเพื่อตามให้ทัน ความก้าวหน้าของเหล่าทหาร เมื่อกองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วบุกโจมตี นั่นจะเป็นบททดสอบที่แท้จริงสําหรับกองพันไร้พ่ายของเรา บอกเหล่า พี่น้องว่าการเสียเหงื่อมากขึ้นในยามสงบหมายถึงการเสียเลือดเนื้อ น้อยลงในช่วงสงคราม ข้าไม่ต้องการให้ใครตายในสนามรบ บอกให้ พวกเขาทุกคนรู้ว่าถ้ามีใครกล้าตายเช่นนั้น เงินทั้งหมดของพวกเขาจะ ตกเป็นเงินกองกลางของเรา หลังจากการต่อสู้กับกองทัพหลักของ อาณาจักรวั่นโซ่วครั้งนี้ ข้าจะตอบแทนทหารคนที่ทําผลงานได้ดีที่สุด 50 อันดับแรกด้วยสิ่งที่ดีที่สุด บิดาผู้นี้จะพาพวกเขาเข้าไปในเมืองเพื่อ ‘กินไก่'[1]”
“กินไก่? เป็นถึง 50 อันดับแรกแต่เจ้ากลับให้รางวัลพวกเขาด้วยไก่ เพียงมื้อเดียว? เจ้าไม่ขี้เหนียวเกินไปหรือหน่อยรึไง?” ซ่างกวนเฟ ยเอ๋อร์กล่าวด้วยน�าเสียงไม่พอใจ
กระโจมทั้งหลังเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาด บางคนถึงขั้นพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างสุดความสามารถ
โจวเหว่ยชิงจ้องมองพวกเขาสายตากดดันและข่มขู่ “ไม่มีใครได้รับ อนุญาตให้บอกนางว่านั่นหมายถึงอะไร อย่างน้อยก็จนกว่าข้าจะจากไป
เอาล่ะ ข้าออกคําสั่งที่สมควรสั่งทั้งหมดไปแล้ว ขอให้ทุกคนตั้งใจทํางาน อย่างหนักเพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาไม่กี่เดือนนี้ไป รองผู้บัญชาการ เจ้า อาจารย์หัวเฟิง พี่หลิน และเฟยเออร์ ทุกคนสามารถพูดคุยกันต่อเพื่อ จัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันได้ หากไม่มีสิ่งใดสําคัญ เป็นพิเศษแล้วล่ะก็ อย่าเข้ามารบกวนการฝึกของข้า ข้าจะปิดประตูฝึก เพื่อพยายามไปให้ถึงระดับมณี 5 ชุดภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า”
หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้นั่งเฉยๆรอให้ชางกวนเฟยเอ๋อร์ ได้ทันตอบสนองและโมโหใส่ตนเป็นฟืนเป็นไฟ เขาหายตัวไปจาก กระโจมด้วยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาอย่างรวดเร็ว เผ่นหนีไปหาหลง ซื่อหยาเพื่อเริ่มการฝึกในทันที
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มีนิสัยแบบไหนน่ะหรือ? ด้วยการยกมือขึ้นอย่าง รวดเร็ว เธอคว้าตัวแมมมอธร่างมหึมาที่สูงกว่าครึ่งเมตร ลากเขาเข้ามา ใกล้ตนเองและพูดอย่างโหดเหี้ยม “กินไก่อะไร รีบบอกข้าเร็วเข้า ไม่ งั้น…เจ้าก็คงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น …”
แมมมอธสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว และชายหนุ่มก็รีบพูดว่า “หัวหน้าหญิง ข้าจะบอก ข้าบอกแล้ว!” รูปร่างใหญ่ยักษ์ของเขานั้นคล้ายคลึงกับหม่า ฉุนมาก และด้วยท่าทางที่กําลังหวาดกลัวต่อหน้าเด็กหญิงตัวเล็กๆคน หนึ่ง มันจึงดูน่าตลกมาก ทว่ากลับไม่มีใครในที่นี้กล้าหัวเราะเยาะเขา แม้แต่คนเดียว
หัวเฟิงยิ้มและเดินออกไปจากกระโจม ในขณะที่เว่ยเฟิงต้องกลั้น เสียงหัวเราะขณะที่เขาเดินตามออกไปข้างนอก สําหรับผู้บัญชาการ กองร้อยคนอื่นๆ ทุกคนต่างกําลังรู้สึกยินดีกับความโชคร้ายของ แมมมอธ
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แอบเขินอยู่ลึกๆข้างในเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียก ตนเองว่า ‘หัวหน้าหญิง’ ทว่าสายตาก็ยังคงจ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม แมมมอธพลันก้มลงใกล้ใบหูของเธออย่างรวดเร็วและกระซิบกระซาบ สองสามประโยค
ทันทีที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ได้ยินคําพูดของเขา ใบหน้าที่แดงระเรื่อ เล็กน้อยของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก�าราวกับผลแอปเปิ้ ลสุก
“โจวเหว่ยชิง ไอ้เจ้าคนสารเลว!”
ส่วนสหายที่กําลังวิ่งกลับไปที่กระโจมของตนเองก็พลันรู้สึกหนาว สั่นไปถึงกระดูกสันหลัง คิดกับตัวเองว่าเขาโชคดีแค่ไหนกันที่วิ่งออกมา ได้เร็วขนาดนี้
อนิจจา ในกระโจมขนาดใหญ่นั้น ผู้บัญชาการกองร้อยทุกคนที่ เฝ้าดูด้วยอารมณ์ขันตอนนี้กําลังประสบกับปัญหาหนัก… เนื่องจากครู ฝึก ‘หัวหน้าหญิง’ ของพวกเขากําลังโกรธมากและมอบ ‘บทเรียนพิเศษ’ ให้แก่พวกเขาโดยไม่ลังเล
แน่นอนว่าแม้จะถูกซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ทุบตี แต่ก็ไม่มีผู้บัญชาการ กองร้อยคนใดกล้าร้องเรียนหรือพร�าบ่น ทุกคนยอมรับและเคารพซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์สําหรับทุกสิ่งที่เธอทําเพื่อพวกเขาทั้งหมดด้วยใจจริง
ในกองพันไร้พ่าย แน่นอนว่าผู้ที่มีอํานาจสูงสุดย่อมเป็นโจวเหว่ย ชิงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะการมาถึงของเขาทําให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อขึ้นกับกองพันไร้พ่าย เปลี่ยนพวกเขาจาก กองพันนักเลงที่ถูกเนรเทศไปยังดินแดนรกร้างสู่กองพันไร้พ่ายในวันนี้ โจวเหว่ยชิงเป็นผู้มอบพลังให้พวกเขา ทําให้ทุกคนรับอาหารดีๆ สวมใส่ เสื้อผ้าอันอบอุ่นสบายตัว พร้อมด้วยความหวังสําหรับอนาคต ความ แข็งแกร่งที่รอวันเติบโต กลุ่มก้อนที่มีชื่อว่า ‘กองพันไร้พ่าย’ ได้รับการ ยอมรับจากเหล่าทหารทั้งหมดอย่างช้าๆ
นอกจากโจวเหว่ยชิงแล้ว คนต่อมาที่มีสถานะสูงส่งก็คือซ่างกวน เฟยเอ๋อร์ แม้แต่เว่ยเฟิงและเทพธนูเทพทั้ง 7 แห่งหน่วยเกาทัณฑ์ สวรรค์ก็ยังเทียบหญิงสาวไม่ได้ในเรื่องนี้
ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของกองพันไร้พ่ายทั้งหมดได้รับการ สั่งสอนโดยซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ และการที่พวกเขายอมรับในตัวหญิงสาว ไม่ได้เป็นเพียงเพราะพลังส่วนตัวของเธอ แต่เป็นเพราะการสั่งสอน อย่างหมดเปลือกไร้สิ่งปกปิด ในช่วงครึ่งปีนี้ ภายใต้การควบคุมของซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์ อาจกล่าวได้ว่าทหารกองพันไร้พ่ายทุกคนต้องเผชิญกับ
ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานภายใต้การฝึกที่ราวกับขุนปีศาจใน ขุมนรก อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน พลังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่าง เห็นได้ชัด ราวกับว่าโลกทั้งใบถูกพลิกคว�าในพริบตา
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าสิ่งที่โจวเหว่ยชิงทํานั้นยิ่งใหญ่มาก เกินไป บางทีตําแหน่งของเธออาจจะเหนือกว่าเขาไปแล้ว
หลังจาก ‘ดูแล’ สหายทั้งหมดแล้ว ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็กลับไปที่ กระโจมของตัวเอง แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้โกรธอย่างแท้จริง แต่เธอ จําเป็นต้องรีบกลับไปเตรียมจัดการสิ่งที่โจวเหว่ยชิงมอบหมายให้ทํา อย่างเหมาะสม
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อยู่ที่กองพันไร้พ่ายมานานแล้ว ทั้งยังได้สัมผัส กับประสบการณ์ใหม่ๆอย่างการจัดการกับงานที่ล้นมือ เหตุผลที่เธอ ยังคงทําทุกอย่างต่อไป กระทั่งพบว่ามีความสุขที่ได้ทําเช่นนั้นไม่ใช่แค่ เพราะต้องการช่วยโจวเหว่ยชิงเท่านั้น
เนื่องจากถือกําเนิดมาจากวังสวรรค์ไพศาล ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงไม่ เคยรู้สึกว่าผู้หญิงมีอะไรด้อยกว่าผู้ชาย อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยมี โอกาสได้แบกรับภาระบนบ่าและเค้นทุกสิ่งที่ตนเองมีออกมาใช้งานมา ก่อน เนื่องจากได้รับการปกป้องในฐานะปีศาจน้อยแห่งวังสวรรค์ ไพศาลมาโดยตลอด หญิงสาวจึงเป็นคนที่มีความสามารถแต่กลับไม่ เคยได้นําออกมาใช้ ทว่าหลังจากได้มาถึงกองพันไร้พ่าย ได้เห็นด้วยตา
และสัมผัสด้วยมือตัวเอง ตั้งแต่เป็นกองพันนักเลงที่ไม่มีความรู้สึกร่วม เป็นน�าหนึ่งใจเดียวกัน กองทรายร่วนๆหนึ่งกองสามารถเติบโตขึ้นมาถึง ขนาดนี้ ในสภาพเช่นนี้… มันทําให้หญิงสาวรู้สึกพึงพอใจอย่างที่ไม่เคย สัมผัสมาก่อน
นี่คือสิ่งที่เป็นของเธออย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่เธอทํางานหนักและใช้ ความพยายามของตัวเองฟูมฟักให้มันเติบโตขึ้น แม้ว่าซ่างกวนเฟย เอ๋อร์จะใช้เวลาทั้งหมดร่วมกับกลุ่มนักเลงทุกวัน แต่มันก็เป็น ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง ไม่มีใครปฏิบัติต่อหญิงสาว ด้วยความระมัดระวังและความกลัวเช่นเดียวกับที่วังสวรรค์ไพศาล แม้ว่าพวกเขาจะเกรงกลัวเธอ แต่นั่นก็เป็นเพราะให้ความเคารพนับถือ อย่างแท้จริงต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้น โดยส่วนตัวแล้วนักเลงเหล่านี้ก็ยัง เปรียบเหมือนสหายมากกว่าทหารใต้บังคับบัญชาเสียอีก
ความรู้สึกนี้ดีมากจริงๆ อาจกล่าวได้ว่าแม้จะไม่มีโจวเหว่ยชิง ซ่าง กวนเฟยเอ๋อร์ก็ยังมีชีวิตที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งในกองพันไร้พ่าย ด้วย เหตุนี้ ความคาดหวังที่เธอมีต่อกองพันไร้พ่ายจึงไม่น้อยไปกว่าโจวเหว่ย ชิง รวมถึงความพยายามที่หญิงสาวทุ่มเทให้แก่กองพันไร้พ่ายก็ไม่ยิ่ง หย่อนไปมากกว่ากัน และเธอก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองพันไร้พ่ายจะ เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตให้สม กับฐานะนักรบไร้พ่ายบนโลกใบนี้ได้
หลังจากมอบคําสั่งแก่ทหารใต้บังคับบัญชาของตนโดยละเอียด แล้ว โจวเหว่ยชิงก็กลับมามีบทบาทผู้นําที่ลอยตัวเหนือหน้าที่อีกครั้ง ทิ้ง ทุกอย่างไว้ให้เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาจัดการ ทว่ากลับไม่มีใครพร�า บ่นแม้แต่น้อย แม้โจวเหว่ยชิงจะดูเหมือนไม่ได้ทําอะไรเลย แต่เขาก็เป็น ผู้ร่างทิศทางและกําหนดแผนการทั้งหมด ตลอดจนรูปแบบการคิด คํานวณที่ไร้ข้อจํากัดอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เด็กหนุ่มจึงเป็นผู้นําที่ น่านับถือและโดดเด่นอย่างแท้จริง
หากผู้นํากองทัพต้องมานั่งหนักใจกับปัญหาที่ลึกลงไปถึงระดับ รายละเอียดปลีกย่อยในทุกๆนาที นั่นย่อมพิสูจน์ได้เพียงอย่างเดียวว่า เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น หน้าที่และความรับผิดชอบที่ แท้จริงของผู้นําคืออะไรน่ะหรือ? มันคือการบัญชาการ ค้นหาทหารมาก พรสวรรค์ และผลตอบแทนที่จะมอบให้พวกเขา พัฒนาพวกเขา ชี้นํา พวกเขา หลอมรวมพวกเขาจนแนบแน่น ในช่วงที่วิกฤตที่สุด ผู้นําต้อง เป็นเสาหลักและรากฐานทางจิตวิญญาณของทั้งกองทัพ และทั้งหมดนี้ เป็นส่วนที่สําคัญที่สุดในหน้าที่ของผู้นํา แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงนั้น เก่งกาจในทุกข้อที่กล่าวมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทําอะไรหลายๆอย่างด้วย ตัวเอง แต่เพียงแค่นั้น เด็กหนุ่มก็ได้นํากองพันไร้พ่ายมาสู่ความยิ่งใหญ่ ในปัจจุบันได้แล้ว
…
ในที่สุดซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็หวนคิดถึงโจวเหว่ยชิงและอดไม่ได้ที่จะ กัดฟันด่าทอว่า ฮึ่ม! ไอ้เจ้าอันธพาลนี่!
…………………………………
[1] กินไก่ เป็นคําแสลง แปลว่าไปเที่ยวหญิงนางโลม โดยทั่วไปเป็น คําพ้องเสียงประเภทหนึ่ง