Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 154 พัฒนาการของกองพันไร้พ่าย! (2)
การฝึกซ้อมของกองพันไร้พ่ายไม่ได้จัดขึ้นด้านในที่ค่าย ทุกๆวัน
พวกเขาทุกคนจะมุ่งหน้าออกจากค่าย วิ่งไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่ใช้
สําหรับการฝึกซึ่งไกลออกไป 20 กิโลเมตร
สําหรับหน่วยอื่นๆ หากพวกเขาเคลื่อนพลออกไปเช่นนั้นโดยไม่ได้
รับอนุญาติ ทั้งหมดย่อมจะต้องถูกกองบัญชาการใหญ่กล่าวตําหนิอย่าง
แน่นอน อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่เซินจี้รู้เกี่ยวกับการปรากฏตัวของ
หลงซื่อหยา เหตุการณ์ทั้งหมดก็ราวกับว่ากองพันไร้พ่ายได้รับบัตรผ่าน
แบบถาวร และพวกเขาก็สามารถออกไปฝึกซ้อมเช่นนั้นได้ทุกวันโดยไม่
มีปัญหา
ครั้งแรกที่กลุ่มนักเลงใหม่เหล่านี้เห็นเหล่าทหารกองพันไร้พ่ายสวม
ชุดเกราะโลหะผสมไททาเนียมและมีธนูศาสตรามณียุทธ์ในครอบครอง
กันทุกๆคน พวกเขาก็ต้องรู้สึกตกใจสุดขีด
หลังจากโจวเหว่ยชิงมาถึง กองพันไร้พ่ายในปัจจุบันนั้นแตกต่างไป
จากเดิมมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ทั้งในด้านการฝึกฝน อุปกรณ์ พลัง
และความมั่นใจ ดังนั้นการ ‘พิชิต’ หัวใจของนักเลงใหม่เหล่านี้ย่อม
ง่ายดายกว่าเดิมมากเมื่อมองไปยังเหล่าทหารกองพันไร้พ่าย ‘ดั้งเดิม’ ซึ่งใช้ธนูศาสตรา
มณียุทธ์ของตนเองเพื่อทําลายเป้าหมายอย่างต่อเนื่องได้ในระยะที่น่า
ประทับใจกว่า 1,000 หลา จากนั้นก็ทอดสายตามองภาพอันน่าตื่นตา
ของกองกําลังอากาศไร้พ่ายที่โผบินออกไปกลางอากาศ… ถ้าจะบอกว่า
ทหารใหม่เหล่านี้ไม่ได้ถูกล่อลวงจนตาเป็นประกายวิบวับ มันก็คงจะ
เป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน
‘เคล็ดลับการล้างสมอง’ ที่โจวเหว่ยชิงนํามาใช้ก็มีผลสําคัญเช่นกัน
เมื่อได้ยินเรื่องราวปาฏิหาริย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในช่วง 6 เดือนที่ผ่าน
มา ตํานานการเติบโตที่ยิ่งใหญ่…พวกนักเลงกลุ่มใหม่จึงเริ่มยอมรับกอง
พันไร้พ่ายอย่างช้าๆ
สําหรับกลุ่มคนเช่นนี้ การทุบตีพวกเขาอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
แน่นอน ถึงอย่างไรทั้งหมดก็ล้วนก็ถูกส่งไปที่กองพันนักเลง เช่นนั้นพวก
เขาจะไม่ใช่เหล่านักเลงหัวไม้และพวกเหลี่ยมจัดที่มีประสบการณ์โชก
โชนหรอกหรือ? นอกจากจะถูกหลอกล่อด้วยกําไร ความแข็งแกร่ง และ
ผลประโยชน์แล้ว กลวิธีการเป่าหูเพื่อชักจูงก็ค่อยๆนําพวกเขาไปสู่
เส้นทางที่เหมาะสมอย่างช้าๆ…เพียงเท่านี้ก็เกิดผลตามที่โจวเหว่ยชิง
คาดหวังเอาไว้แล้วสิ่งนี้ถูกพิสูจน์ว่าได้ผลอีกครั้ง ทุกเรื่องที่โจวเหว่ยชิงคิดวางแผน
ประสบความสําเร็จอย่างมาก หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน ทหาร
ใหม่ก็เข้ากับทหารเก่าได้ในระดับพื้นฐานแล้ว
หลังจาก ‘งานประลองกองพัน’ สิ้นสุดลง ในที่สุดทหาร 5,300 นาย
ของกองพันไร้พ่ายก็ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
ทหาร 5,300 นาย กลายเป็น 10 กองร้อยหลักขนาดใหญ่(กองละ
500นาย) และ 1 กองร้อย ‘หน่วยรบพิเศษ’ ที่ไม่เหมือนใคร
กองร้อย ‘หน่วยรบพิเศษ’ นี้ได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีและ
ควบคุมโดยเทพธนูทั้ง 7 จากหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ สําหรับผู้
บัญชาการกองร้อยหลัก 10 คน ภายหลังเกิดการสับเปลี่ยนตําแหน่งอีก
ครั้งหลังจบงานประลองไป 4 ราย
ในบรรดาทหารใหม่ 3,700 นาย มียอดฝีมือบางคนที่แข็งแกร่งกว่า
ทหารกองพันไร้พ่ายดั้งเดิม ยอดฝีมือเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากกองทัพที่
แข็งแกร่งที่สุดในภาคเหนือ ซึ่งก็คือกองทัพภาคเหนือตอนกลาง โดย
บางคนมีต้นกําเนิดมาจากกองทหารม้าปีศาจผีด้วยซ�า
ในบรรดาพวกเขา คนที่กล้าหาญและน่าประทับใจที่สุดคือสหาย
นามว่าเหลยซี เหลยซีอายุ 27 ในปีนี้และเดิมทีเป็นถึงผู้บัญชาการกอง
พันนักเลงของกองทัพภาคเหนือตอนกลาง ใช่แล้ว ผู้บัญชาการกองพันในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ จริงๆแล้วเขาอยู่ในระดับมณี 6 ชุด…ขณะอายุ
เพียง 27! แม้กระทั่งในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดี
มากแล้ว กระนั้น เขาก็เป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่ได้สังกัดอยู่ในตระกูลใดๆ
มณีธาตุของเหลยซีคือธาตุดิน ในขณะที่พลังยุทธ์ของเขาเป็น
ประเภทความแข็งแกร่ง โดยทั่วไปแล้วด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะ
ไม่ใช่จ้าวมณีประเภทป้องกันขั้นสุดยอดเช่นหลินเทียนอ้าว แต่ส่วนใหญ่
ก็ยังคงเน้นไปที่การป้องกันเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม สหายคนนี้กลับทําในสิ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขา
มุ่งเน้นไปไปที่การโจมตีรุกไล่และปลดปล่อยพลังที่รุนแรงที่สุดเท่าที่จะ
เป็นไปได้ กระทั่งเลือกกักเก็บทักษะโจมตีที่หาได้ยากมากของธาตุดิน
แม้ว่าเขาจะยังไม่มีศาสตรามณียุทธ์ แต่ชายหนุ่มก็กักเก็บทักษะทั้งหมด
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่สําคัญกว่านั้นคือเขาสามารถใช้ความเข้าใจและ
พลังควบคุมของตัวเองพัฒนาทักษะขึ้นมาได้ 2 ชนิด พรสวรรค์แบบนี้…
ช่างน่าประทับใจจริงๆ
บุคคลมากความสามารถเช่นเหลยซีน่าจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์รออยู่
ข้างหน้า แต่สาเหตุที่เขาถูกเนรเทศไปยังกองพันนักเลงก็เป็นเพราะเขา
ไปทําให้ใครบางคนขุ่นเคืองเข้า
เดิมทีเหลยซีผู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของกองพันพิเศษในกองทัพ
ภาคเหนือตอนกลางซึ่งประกอบไปด้วยจ้าวมณีทั้งหมด และเขาก็เป็นหนึ่งผู้ที่มีตําแหน่งสูงสุดในหน่วย ซึ่งก็คือผู้บัญชาการกองร้อยในกอง
พันนั้นเอง อนิจจา เหลยซีได้สังหารน้องชายคนเล็กของผู้บัญชาการ
กองพันคนนั้นและถูกส่งตัวไปยังกองพันนักเลง ที่เหลยซียังมีชีวิตอยู่ได้
เป็นเพียงเพราะกองทัพยังต้องการใช้ประโยชน์ในการศึกกับเขา รวมถึง
อาศัยความดีความชอบทั้งหมดที่ได้รับในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ด้วย
เมื่อบุคคลเช่นนี้เข้าสู่กองพันไร้พ่าย แน่นอนว่าความสามารถตาม
ธรรมชาติของเขาย่อมเปล่งประกายเจิดจ้า เหลยซีเองก็ไม่เคยคิดฝัน
เช่นกันว่าเขาจะมีโอกาสได้ลุกขึ้นมาผงาดอีกครั้งหลังถูกไล่มาออกจาก
กองพันพิเศษที่ประกอบด้วยจ้าวมณีทั้งหมดและสุดท้ายก็มาลงเอยที่
กองพันลักษณะคล้ายๆกัน นอกจากนี้ มองเพียงเผินแม้ว่าความ
แข็งแกร่งของทหารแต่ละคนในกองพันไร้พ่ายจะเทียบไม่ได้กับกองพัน
พิเศษดั้งเดิมของเขา แต่ในแง่ของจํานวน ที่นี่ก็ถือว่าเหนือกว่ามาก
ในงานประลองของกองพัน เหลยซีได้แสดงฝีมืออย่างโดดเด่นและ
เอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดของตนเองไปได้ แม้แต่ผู้บัญชาการกองร้อย
ดั้งเดิมบางคนที่ได้รับการสั่งสอนโดยซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เป็นการส่วนตัว
และเกิดความหยิ่งผยองก็ถูกเขาจัดการอย่างราบคาบ
เวลานี้เหลยซีจึงต้องการเข้ารับตําแหน่งผู้บัญชาการกองพัน
หลังจากชนะเลิศการแข่งขันของกองพัน เขาจึงคิดท้าโจวเหว่ยชิงสู้ในขณะนั้น เหล่าทหารใหม่ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
พวกเขาต้องการเห็นตาตัวเองว่าผู้บัญชาการกองพันของตนเอง
แข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรก็ตาม ทหารกองพันไร้พ่ายดั้งเดิมทุกคนได้
แต่กล่าวคําอธิษฐานให้เหลยซีเงียบๆ เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก การที่จะได้
สิทธิ์ท้าสู้กับหัวหน้า เขาต้องผ่าน ‘หัวหน้าหญิง’ ไปให้ได้ก่อน… และเธอ
เป็นใครกัน จะรับมือง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงเล่า!?
เพียงพริบตาเดียว เหลยซีก็ได้เรียนรู้ว่าเหตุใดดอกไม้จึงเป็นสีแดง
[1] ต่อหน้าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เขาก็เป็นเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ไม่มีแม้แต่
โอกาสจะขยับตัว ทั้งคู่ต่างก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุด แต่ซ่าง
กวนเฟยเอ๋อร์สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเหงื่อ
แม้แต่หยดเดียว
ตอนแรกเหลยซีไม่พอใจกับการพ่ายแพ้ในครั้งนั้นเนื่องจากคิดว่า
เหตุผลเดียวที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สามารถชนะเขาได้เป็นเพราะว่าเธอมี
ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า อย่างไรก็ตาม ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กลับ
เก็บศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดของตนเองและไม่ได้ใช้ทักษะธาตุด้วยซ�า
อาศัยเพียงแค่ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่แสนเหี้ยมโหดของเธอ
หญิงสาวก็สามารถเอาชนะเขาไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเหลยซีก็
ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเองด้วยเหตุนี้ เหลยซีจึงเข้ารับตําแหน่งเดิมของแมมมอธ กลายเป็นผู้
บัญชาการกองร้อยหลักที่ 1 โดยมีแมมมอธกลายเป็นรองผู้บัญชาการ
กองร้อยของเขา ส่วนแมมมอธก็ไม่พอใจเช่นกัน ทว่าเขาก็ทําอะไรไม่ได้
เนื่องจากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เอง
ในเวลาเดียวกัน เหลยซียังคงเก็บงําความสงสัยไว้ในใจ ท้ายที่สุด
แล้วการเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่ได้
หมายความว่าเขาจะเชื่อมั่นในตัวโจวเหว่ยชิงไปด้วย
นอกจากนี้ หลังจากที่เหล่าทหารใหม่มาถึงที่นี่ โจวเหว่ยชิงก็ยัง
ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
ยังมีอีก 3 คนที่อยู่ในสภาพคล้ายกันกับเหลยซี พวกเขาทั้งหมด
เป็นจ้าวมณีสวรรค์ แม้ว่าจะไม่ได้มีระดับพลังปราณสูงเท่าเหลยซี แต่
พวกเขาก็เอาชนะผู้บัญชาการกองร้อยเก่าบางคนและเข้ายึดตําแหน่ง
ของพวกเขาได้เช่นกัน
หลังจากงานประลองกองพันในครั้งนี้ ชื่อเสียงของซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์ก็พุ่งทะยานสูงขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะความแข็งแกร่งและพลังที่
แท้จริงของหญิงสาว แต่ยังเป็นเพราะความซาบซึ้งที่ทหารรุ่นเก่ามอบ
ให้เธอ อาจกล่าวได้ว่าหากไม่ใช่เพราะซ่างกวนเฟยเอ๋อร์สอนทักษะการ
ต่อสู้ระยะประชิดให้กับพวกเขา บางทีแม้ผู้บัญชาการกองร้อยจะไม่ถูก
สับเปลี่ยนออกไปทั้งหมด ทว่าอย่างน้อย 8 คนก็จะต้องถูกเตะก้นออกไป นั่นเป็นเพราะการสั่งสอนที่ไม่หวงความรู้ของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
และการฝึกฝนที่หนักหน่วงครึ่งปีก็ทําให้พวกเขามีโอกาสเอาชนะคู่ต่อสู้
จนรักษาอันดับและสถานะไว้ได้
ในเวลาเดียวกัน การแข่งขันกองพันนี้ยังก็เป็นสัญญาณเตือนภัย
อันยิ่งใหญ่สําหรับทั้งกองพันไร้พ่าย ไม่มีใครสามารถรักษาตําแหน่งและ
สถานะเอาไว้ได้ตลอดไป ความแข็งแกร่งและพลังเท่านั้นที่สําคัญที่สุด
และเป็นสิ่งที่ยืนยงมากที่สุด การปกครองเช่นนี้เป็นวิธีการที่ยุติธรรมใน
การกระทําสิ่งต่างๆ ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดจะสามารถขึ้นสู่ตําแหน่งที่
สูงกว่าได้ สิ่งนี้ยังทําให้ทหารกองพันไร้พ่ายทุกคนมีแรงจูงใจให้ฝึกหนัก
ขึ้น เพื่อปกป้องตําแหน่งของพวกเขาหรือเพื่อพัฒนาพลังของตัวเอง
ต่อไป
นอกจากนี้ กองพันไร้พ่ายก็ยังไม่ละเว้นความพยายามที่จะติด
อาวุธให้แก่ทหารใหม่ด้วย แม้ตอนนี้ทหารใหม่จะยังไม่ได้รับความดี
ความชอบหรือรางวัลทางการทหารใดๆ ทว่าแต่ละคนก็ถูกเก็บประวัติ
เอาไว้ อุปกรณ์ทั้งหลายจะถูกมอบให้ก่อนและจะต้อง “จ่ายคืน” ใน
ภายหลัง
บางทีในเวลานี้ ทหารใหม่อาจไม่ได้ตระหนักถึงความหมายที่
แท้จริงของหนี้ที่ว่า ถึงอย่างไรด้วยลักษณะนิสัยที่หยาบกระด้างของ
พวกเขา หลายคนจึงไม่ได้วางแผนที่จะจ่ายคืนเช่นกัน อนิจจา ในอนาคตอันใกล้ เมื่อโจวเหว่ยชิงกลับจากการปิดประตูฝึกปราณ พวก
เขาจะเข้าใจในไม่ช้าว่าการไม่ใช้หนี้คืนไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่นัก
… 2
เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับกระพริบตา ทั้งกองพันไร้พ่าย
ผ่านการฝึกซ้อมและเตรียมตัวมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว และตอนนี้อาจ
กล่าวได้ว่ามีอาวุธครบมือ ในเวลาเดียวกัน กองร้อยต่างๆก็ถูกจัดเรียง
ใหม่ตามกําลังรบของพวกเขา
สิ่งที่ขาดไปหลักๆคือปีกศาสตรามณียุทธ์ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้นง่ายๆ
แม้ว่าหยุนลี่และสาวน้อยจอมมึนจะคุ้นเคยกับการสร้างพวกมันมากขึ้น
แต่ก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์
เหล่านี้ เนื่องจากความซับซ้อนและความจริงที่ว่าทั้ง 2 ชิ้นต้องเป็นชุดที่
เข้าคู่กัน ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งมอบพวกมันให้กับคนทั้งกอง
พันไร้พ่ายในช่วงเวลาสั้นๆ
…………………………………..
[1] เหตุใดดอกไม้จึงเป็นสีแดง วลีภาษาจีน หมายถึงการถูกทุบตี
อย่างรุนแรงจนรู้ว่าเลือดไหลทะลักเป็นอย่างไร ดัดแปลงมาจากเนื้อ
เพลงเก่าของจีน