Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 154 พัฒนาการของกองพันไร้พ่าย! (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 154 พัฒนาการของกองพันไร้พ่าย! (1)
“หึ ข้าไปเห็นด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์กล่าวอย่าง โกรธเคือง
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยิ้มและพูดว่า “นั่นไม่ใช่การเห็นด้วยตั้งแต่ เมื่อไหร่? หากท่านไม่ยอมรับ ท่านจะให้ข้าไปหาปิง เอ๋อร์ทําไม? การ ยอมรับแบบเงียบๆก็ยังถือว่าเป็นการยอมรับแบบหนึ่ง และการยอมรับ ก็แปลว่าเห็นด้วยใช่หรือไม่? หึๆๆ พี่สาว อย่าปฏิเสธอีกต่อไปเลย วันนี้ ข้ามีความสุขมาก ท่านไม่รู้หรอกว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้ข้ารู้สึกแย่แค่ ไหน เวลานี้มีท่านอยู่ ในที่สุดข้าก็มีคนคุยด้วยแล้ว คืนนี้พวกเราพี่น้อง มาพูดคุยกันตลอดทั้งคืนเลยเถอะ!”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์กล่าวว่า “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าโจวเหว่ยชิงมีโอกาส เหนือกว่าข้าในอนาคตงั้นหรือ?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่โอกาส แต่เป็น สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อได้ยินคําพูดของเธอ ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับ ในฐานะผู้สืบทอดของวังสวรรค์ไพศาล เธอถือเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ อันดับต้นๆมาโดยตลอด อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่ในบรรดาสาวกและ
ทายาทของ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เธอก็ยังอยู่บนจุดสูงสุดของยอด พีระมิด โจวเหว่ยชิงไม่ได้รับการสนับสนุนจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ใดๆ แม้เธอจะยอมรับว่าพรสวรรค์ของเขาไม่ได้แย่ แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะ เหนือกว่าตัวเองที่มีชุดสวรรค์ไพศาลไร้สิ้นสุดได้อย่างไร ไม่ว่าจะมอง มุมไหน ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็ไม่อยากเชื่อว่านั่นจะเป็นไปได้
แน่นอนว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ย่อมสามารถเข้าใจสิ่งที่พี่สาวของตน กําลังคิดได้ เธอจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่ อย่าคิดว่าข้าพูดเกินจริง หรือหลอกลวงท่านเลย ก่อนที่ข้าจะใช้เวลาร่วมกับเขา ข้าก็ไม่เชื่อว่าสิ่ง นี้จะเป็นไปได้ หรือกระทั่งคิดว่าเขาจะเหนือกว่าข้าด้วยซ�า อย่างไรก็ ตาม หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ยอมรับว่าอ้วนน้อยเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง ความเร็วในการฝึก ปราณของเขาน่าตกใจเกินไป”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเขาจะ พัฒนาขึ้นแบบไหนและในด้านใด?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “ท่านจําได้ไหมว่าระหว่างงานประลอง มณีสวรรค์เขาอยู่ในระดับใด? เท่าที่ข้ารู้ เมื่อโจวเหว่ยชิงออกจาก อาณาจักรเฟยหลี่เพื่อเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์เป็นครั้งแรก เขา เพิ่งมาถึงระดับมณี 3 ชุด โดยเพิ่งจะมาถึงขั้นทะลวงพิภพเท่านั้น แล้ว… ตอนนี้ล่ะ? พลังปราณสวรรค์ของเขามาถึงระดับที่ 19 แล้ว เกือบจะถึง
มณีชุดที่ 5! คราวนี้เขากําลังเข้าสู่ปิดประตูฝึกปราณเพื่อทะลวงไปยัง ระดับปรมะขั้นกลาง…ท่านหรือข้าอาจไม่รู้สึกอะไร แต่ลองคิดดูสิ จาก มณี 3 ชุดถึง 5 ชุด เขาใช้เวลาไปนานเท่าใดกัน? ประมาณ 1 ปี เท่านั้น!…แม้กระทั่งสําหรับท่าน…ในเวลานั้น ท่านก็ยังไม่ได้ผ่านมาได้ ด้วยความเร็วขนาดนี้เลยใช่ไหม?” เมื่อได้ยินคําพูดของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ ดวงตาของซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ก็เบิกกว้างขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยวางตําแหน่งของโจวเหว่ยชิงให้อยู่ ในระดับเดียวกับตัวเองมาก่อน บางทีส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะเธอ ประหลาดใจกับทักษะธาตุทั้ง 6 ของเขาและคิดเพียงว่าพรสวรรค์ของ เขา ‘ไม่เลว’ เท่าใดนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคําพูดของน้องสาว เธอจึงตระหนักได้ว่า มันเป็นเรื่องจริง ในเวลาเพียง 1 ปี พลังปราณสวรรค์ของเขาได้เพิ่มขึ้น 6 ระดับ และเขาก็กําลังจะก้าวไปสูมณีชุดที่ 5 อย่างที่รู้กันดีว่ายิ่งระดับ พลังปราณสูงขึ้นเท่าใด มันก็ยิ่งยากที่จะก้าวต่อในขั้นต่อไป ในระดับ มณี 3 ชุด บางทีความเร็วของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์อาจไม่น้อยไปกว่าโจว เหว่ยชิง แต่ในระดับมณี 5 ชุด ความเร็วของเธอกลับช้าลงแล้ว
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะอยู่ห่างไกลจากระดับมณี 7 ชุดของซ่างกวน เสว่เอ๋อร์ แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงความจริงที่เกี่ยวข้องกับคําพูดของ น้องสาวตนเองได้… ความจริงที่เธอมองข้ามไปก่อนหน้านี้
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เคยบอกว่าพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงเพิ่ง ตื่นขึ้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาสั้นๆนี้ พลังปราณสวรรค์ของเขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบัน… จากมณี 0 ชุดไปจนถึงเกือบ 5 ชุดในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น โจวเหว่ยชิงยัง อายุน้อยกว่าประมาณ 2 ปี ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากมหา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดๆอีกด้วย ใครจะรู้ว่าระดับพลังปราณของเขาจะ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าใดใน 2 ปีข้างหน้า!
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวต่อ “ตอนนี้ท่านเข้าใจที่ข้าบอกแล้วใช่ ไหม? วิชาเทพอมตะของเจ้าอ้วนน้อยนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง อาจเรียก ได้ว่าน่ารังเกียจเสียด้วยซ�า แม้ว่าเราจะไม่สามารถเรียนรู้วิชานั้นได้ เพราะนั่นเกือบจะเท่ากับการฆ่าตัวตาย แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้าง มาเพื่อเขาอย่างแท้จริง ด้วยวิชาฝึกปราณที่กล่าวมานั้น ข้ามั่นใจว่า ก่อนจะไปถึงมณี 9 ชุด ความเร็วในการเพิ่มระดับมณีของเขาจะไม่ช้า เหมือนคนอื่นๆ กล่าวคือ…ข้าคาดว่าภายใน 4-5 ปี หรืออาจจะน้อยกว่า นี้ เขาก็จะไปถึงระดับเทวะขั้นสูงสุดแล้ว”
“เมื่อถึงเวลานั้น ใครจะรู้ เขาอาจจะสามารถไปถึงระดับราชา สวรรค์ได้ก่อนอายุ 30! นั่นคือสิ่งที่แม้แต่ลุงใหญ่ก็ไม่สามารถทําได้! ท่าน พี่ ลองคิดดูสิ ใน 4-5 ปี ท่านแน่ใจหรือว่าจะไปถึงระดับราชาสวรรค์ได้ แน่นอน? นอกจากนี้ เรายังอายุมากกว่าเขาเล็กน้อย นั่นคือเหตุผลว่า ทําไมข้าถึงบอกว่าเขาจะตามท่านทันในอนาคต”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์มองไปยังน้องสาวคนเล็กที่ดูมีความสุขและพูด อย่างเฉยเมย “ระดับพลังปราณมีความสําคัญ แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยในการ ตัดสินสําหรับทุกสิ่ง นอกจากนี้ ทั้งหมดยังเป็นเพียงการคาดเดาของเจ้า เท่านั้น”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์หัวเราะอย่างสนุกสนานขณะที่เธอพูดว่า “ท่าน พี่ ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เชื่อจริงๆ! เอาเช่นนี้ หากพูดถึงความสามารถ ในการต่อสู้ล่ะ? แม้ท่านจะมีชุดสวรรค์ไพศาลไร้สิ้นสุด แต่สหายคนนั้นก็ มีชุดในตํานาน ‘ชุดชังพสุธาไร้ที่ยก’ ด้วยเช่นกัน! บางทีหากเปรียบกัน แล้ว แม้ชุดในตํานานของเขาอาจจะอ่อนกว่าของท่านเล็กน้อย แต่ทั้ง สองจะมีความแตกต่างกันมากแค่ไหนกันเชียว? อย่าลืมว่าเขายังมี สถานะปีศาจกลายร่างและมณีธาตุทั้ง 6 ในแง่ของการต่อสู้ตัวต่อตัว ตอนนี้แม้แต่ข้าเองก็ไม่กล้าพูดว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ และถึงแม้ ข้าจะทําได้ แต่นั่นก็จะต้องแลกมาด้วยความสูญเสียที่ใหญ่หลวง นั่น เป็นเพราะข้ารู้จักทักษะส่วนใหญ่ของเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าท่านจะ แข็งแกร่งกว่าข้า แต่ถ้าท่านไม่รู้เกี่ยวกับความสามารถของเขา แม้ว่า
ท่านจะสามารถเอาชนะเขาได้ ท่านก็จะต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก เช่นกัน”
ทันใดนั้น ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็หัวเราะคิกคัก “เฟยเอ๋อร์ เจ้ารู้ไหมว่า ตอนนี้เจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า “ข้าหน้าตาเป็น อย่างไรหรือ?”
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์พูดต่อไปพลางหัวเราะ “ตอนนี้เจ้าดูเหมือนแม่ไก่ ที่กางปีกปกป้องลูกไก่ตัวน้อยของตัวเอง เจ้ายังไม่ได้แต่งงานกับสหาย คนนั้นด้วยซ�า แต่เจ้ากลับปกป้องเขาเสียขนาดนี้แล้ว นอกจากความ จริงที่ว่าตอนนี้เขายังตามข้าไม่ทัน แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าข้าใน ภายหลัง แล้วอย่างไรล่ะ? ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ใช่ศัตรูกันอยู่ดี”
“ท่านพี่ ท่านกล้าพูดว่าข้าเหมือนแม่ไก่เหรอ! ข้า…ข้า…” ขณะที่ เธอพูดอย่างนั้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็พุ่งเข้าใส่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์อย่าง โหดเหี้ยม … ในขณะที่พี่น้องทั้งสองกําลังเล่นกันอยู่ที่ฝั่ งหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็ได้ เริ่มการฝึกปราณแบบปิดประตูในกระโจมของเขาเอง
คราวนี้การปิดประตูฝึกปราณไม่ได้เป็นไปตามคําสั่งของหลงซื่อ หยา แต่เป็นสิ่งที่เขาร้องขอด้วยตัวเอง หลังจากได้รับการสั่งสอนโดย หลงซื่อหยา โจวเหว่ยชิงก็รู้ชัดเกี่ยวกับข้อบกพร่องของตัวเองและสิ่งที่ เขายังขาดไป มองเพียงผิวเผินพรสวรรค์ของเขานั้นน่าทึ่งมาก แต่ถึง อย่างไรเด็กหนุ่มก็เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกของจ้าวมณีสวรรค์ไม่นานเท่าใดนัก ข้อบกพร่องของเขาจึงยังมีอยู่มากมายเช่นกัน จุดด่างพร้อยเหล่านี้อาจ ดูเหมือนไม่มากนัก บางอย่างอาจเล็กจ้อยด้วยซ�า แต่ถ้าศัตรูสามารถจับ จุดได้และใช้ประโยชน์จากมัน นั่นก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ส่งเขาไปสู่นรก ชั่วนิรันดร์ก็เป็นได้
ที่สําคัญกว่านั้นคือกองพันไร้พ่ายยังมีทหารใหม่เข้ามาเติมเต็มอีก เป็นจํานวนมาก และโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกได้ว่าภาระบนไหล่ของเขาหนัก เพิ่มขึ้น แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่ความรู้สึกของผู้แบกรับก็ เติบโตขึ้นในใจของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การปิดประตูฝึกปราณเพื่อ ทะลุไปสู่ระดับมณี 5 ชุดคือเป้าหมายปัจจุบันของโจวเหว่ยชิง และใน ครั้งนี้เขาจะทําเช่นนั้นด้วยการฝึกศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ขณะที่อยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง
หลงซื่อหยายังคงอยู่ในกระโจมเดียวกับโจวเหว่ยชิงตลอดช่วงเวลา นี้ ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกําลังฝึกศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 เขาก็คอยให้คําแนะนําโดยละเอียดและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆของลูก ศิษย์
ในสายตาของหลงซื่อหยา ความหลงใหลและความมุ่งมั่นที่โจว เหว่ยชิงมีต่อการฝึกปราณนั้นต�าเตี้ยเรี่ยดินกว่าเขามาก ย้อนกลับไปใน สมัยนั้น หลงซื่อหยาประสบเหตุการณ์ต่างๆมามากมายเพื่อยกระดับ พลังปราณ เกือบจะไม่สามารถก้าวข้ามเส้นทางที่แสนยากลําบาก เหล่านั้นมาได้ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ยอมรับว่าศิษย์ของเขาคนนี้เหนือกว่าตัวเองในแง่ของความเข้าใจและ สติปัญญา นอกเหนือจากความสามารถอื่นๆของเขาแล้ว ยังมีความเร็ว ในการฝึกฝนที่น่าตกใจอยู่ด้วย หลงซื่อรู้ว่าตัวเองเข้มงวดมาก แต่โจว เหว่ยชิงก็ยังคงทําให้เขาประหลาดใจได้ในทุกวัน ศาสตร์การควบคุม ทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ในมือลูกศิษย์ของเขากําลังค่อยๆเข้าที่เข้าทาง หลังจากผ่านมานานหลายวัน อย่างน้อยศาสตร์การควบคุมทักษะขั้น สูงสุดทั้ง 6 ของโจวเหว่ยชิงก็เริ่มเข้าสู่ระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมและอยู่ ในสถานะที่มั่นคงมากขึ้น อย่างน้อยสําหรับทักษะทั้งหมดที่อยู่ต�ากว่า ระดับ 5 มณี เขาก็สามารถเลียนแบบได้แล้ว
แน่นอน นั่นไม่ได้หมายความว่าโจวเหว่ยชิงจะฝึกเลียนแบบทุก ทักษะ แต่เป็นเฉพาะบางทักษะธาตุเท่านั้นที่เขาต้องฝึกเลียนแบบให้ เชี่ยวชาญ นั่นก็คือการฝึกขั้นพื้นฐานของศาสตร์การควบคุมทักษะขั้น สูงสุดทั้ง 6 อย่างหนักหน่วง ดังคํากล่าวที่ว่า ‘วิธีการที่ใช้อาจแตกต่าง กัน แต่หลักการยังคงเหมือนเดิมเสมอ’ เมื่อรู้กุญแจสําคัญของวิธีการ
ด้วยความสามารถของเขา การเลียนแบบทักษะใดๆย่อมง่ายดาย กว่าเดิมมาก
สําหรับโจวเหว่ยชิง การให้เวลา 2 เดือนสําหรับก้าวไปสู่ระดับ 5 มณีนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ถึงอย่างไรวิชาเทพอมตะของเขาก็ ‘น่า รังเกียจ’ เหมือนที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวไว้จริงๆนั่นแหละ พลังปราณ สวรรค์ของเด็กหนุ่มเพิ่มขึ้นโดยไม่มีการชะลอตัว แม้กระทั่งก้าวมาสู่ ระดับพลังปราณที่สูงๆแล้วก็ตาม โดยปกติการเพิ่มระดับพลังปราณจะยากขึ้นเรื่อยๆเมื่อจํานวนมณี สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีของโจวเหว่ยชิง เมื่อใดก็ตามที่เขาทะลวง ไปอีกระดับ หลุมดําพลังปราณ ณ จุดตายของเขาก็จะวิวัฒน์ขึ้นอีก ระดับด้วย เพราะแรงดึงดูดพลังปราณจากบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้มันจึงช่วยชดเชยความล่าช้าที่เกิดขึ้นระหว่างเลื่อนระดับพลัง ได้
เดิมทีโจวเหว่ยชิงกังวลมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากไปถึง ระดับที่ 36 เอื้อมแตะถึงขั้นทะลุสวรรค์และบรรลุระดับราชาสวรรค์ เพราะถึงอย่างไรนั่นก็คือขีดจํากัดของวิชาเทพอมตะ ด้วยจุดตาย ทั้งหมด 36 จุด เขาจึงไม่มีวิชาเทพอมตะในระดับที่สูงกว่านี้อีกแล้ว ทว่า โจวเหว่ยชิงไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตมากเกินไป เมื่อมี อาจารย์อย่างหลงซื่อหยา นั่นจึงไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว อย่างน้อยก่อนที่
เขาจะฝ่าด่านราชาสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าหลงซื่อหยาคงจะไม่ยอมห่าง จากข้างกายเขาง่ายๆ
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงเข้าสู่การปิดประตูฝึกปราณ ทุกวันเขาจะใช้ สถานะปีศาจกลายร่างเพื่อฝึกฝนทักษะต่างๆของตนเอง ไม่ใช่เพื่อแค่ ฝึก ‘ญาณเยือกเย็น’ เท่านั้น แต่ยังทําเพื่อยกระดับประสาทสัมผัสและ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความลับอันล�าลึกของสถานะที่ว่านั้น ทั้งยัง ทําให้เขาสามารถเพิ่มเวลาให้คงอยู่ในสถานะนั้นให้นานขึ้นอีกด้วย ใน เวลาเดียวกัน โจวเหว่ยชิงก็ยังได้เรียนรู้ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้น สูงสุดทั้ง 6 และบ่มเพาะพลังปราณสวรรค์อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปด้วย อาจกล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่แค่การฝึกใช้ทักษะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึก ปราณสวรรค์ด้วย ไม่ได้ละเลยอย่างใดอย่างหนึ่ง นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดของโจวเหว่ยชิงเมื่อเทียบกับจ้าวมณีสวรรค์คนอื่นๆ ข้อ ได้เปรียบจากวิชาเทพอมตะนี้เองที่จะทําให้เขาสามารถไล่ตามพี่น้อง แฝด 3 ซ่างกวนได้
ในขณะเดียวกัน การพัฒนาศักยภาพกองพันไร้พ่ายก็มาถูกทาง แล้ว ตามแผนที่โจวเหว่ยชิงวางไว้ พวกนักเลงใหม่ 3,000 นายที่เข้าร่วม กองพันไร้พ่ายได้กระจายตัวออกไปอยู่ในแต่ละกองร้อยใหม่อย่าง รวดเร็ว และด้วยอาหารและเงินล่อใจ ตลอดจน ‘โฆษณาชวนเชื่อ’ จาก ทหารกองพันไร้พ่ายที่มีอายุมากกว่า นั่นจึงเปลี่ยนพวกเขาทั้งหมดได้ใน เวลาไม่นานนัก
……………………………….