Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 156 มณีชุดที่5! (1)
“ผู้บัญชาการกองพัน ผู้บัญชาการกองพลเซินจี้ขอให้ท่านเข้าร่วม
ประชุมที่กองบัญชาการใหญ่” เว่ยเฟิงบอกกับ โจวเหว่ยชิง
3 วันก่อนหน้านี้ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ออกจากการปิดประตูฝึก
ปราณ กล้ามเนื้อของเด็กหนุ่มฟีบลงเล็กน้อย และเมื่อซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
เห็นเขาเช่นนั้น หัวใจของเธอก็รู้สึกปวดร้าว สองวันมานี้เธอจึงตุ๋นซุป
เนื้อซึ่งช่วยบํารุงร่างกายมอบให้เขาเป็นระยะๆ
ทันทีที่โจวเหว่ยชิงเสร็จสิ้นการปิดประตูฝึกปราณ สิ่งแรกที่เขา
ตรวจสอบก็คือความคืบหน้าของกองพันไร้พ่าย โชคดีที่สิ่งต่างๆดําเนิน
ไปใกล้เคียงกับที่เด็กหนุ่มคาดหวัง และมันก็มาถูกทางแล้ว แม้จะยัง
ห่างไกลจากการเป็นกองกําลังชั้นยอดที่แท้จริง ไร้พ่ายและไม่มีใคร
เทียบได้ตามที่หัวใจของเขาวาดหวัง แต่โจวเหว่ยชิงก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่อง
ง่ายที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดเช่นนั้นในเวลาสั้นๆ และความก้าวหน้าระดับ
นี้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจมากแล้ว
“ขอให้ข้าเข้าร่วมการประชุมทหารงั้นรึ?” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่าง
สงสัยนับตั้งแต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ไม่มีทหารกองพลที่ 7 คนใดกล้าที่
จะมายั่วยุกองพันไร้พ่ายอีก และแม้แต่เซินจี้ก็ไม่ได้มาหาเขานับตั้งแต่
นั้นเป็นต้นมา
เว่ยเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับ
กองทัพอาณาจักรวั่นโซ่ว ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าในปีนี้กองทัพอาณาจักร
วั่นโซ่วมีจํานวนมากกว่าปีที่ผ่านมา และสถานการณ์ที่ชายแดนก็ตึง
เครียดมาก พวกตําแหน่งสูงๆในกองบัญชาการใหญ่จะต้องใคร่ครวญ
ว่าจะปะทะกับพวกเขาหรือดีไม่ หรือจะถอยร่นไปที่เมืองเทียนเป่ยเพื่อ
ตั้งรับ”
โจวเหว่ยชิงขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ถอยกลับไปที่เมืองเทียนเป่ย?
จะเป็นไปได้อย่างไร? แล้วเมืองและหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่รอบๆบริเวณนี้ล่ะ
พวกเขาจะไม่หนาวตายหรือ? ดี ข้าจะไปประชุมด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนไปใส่ชุดเกราะผู้บัญชาการ
กองพันก่อนจะเดินตามเว่ยเฟิงออกไป
เมื่อพวกเขาออกจากกระโจมขนาดใหญ่ก็พบเข้ากับกับชายคน
หนึ่ง เขามีรูปร่างสูงใหญ่และมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ดวงตาเปล่งประกาย
ด้วยพลังและความแข็งแกร่ง ชุดเกราะไทเทเนียมของกองพันไร้พ่ายทํา
ให้เขามีรูปลักษณ์องอาจกล้าหาญ ทว่าก็มีบรรยากาศคล้ายพวกโจรป่าราวกับเสือดําที่พร้อมจะจู่โจมเหยื่อได้ทุกเมื่อ เขามีเส้นผมสีดําตัดสั้น
ยาวประมาณ 1 นิ้ว ขับเน้นความเป็นลูกผู้ชายแกร่งกล้า
เมื่อเห็นเว่ยเฟิงและโจวเหว่ยชิง เขาก็ไม่ได้แสดงความเคารพใดๆ
ก่อนจะสาวเท้ายาวๆเข้าหาพวกเขา
“รองผู้บัญชาการเว่ย นี่คือ?” เด็กหนุ่มมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วย
ความอยากรู้อยากเห็น เขาจ้องไปที่หมวกเกราะที่มีขนสีเหลืองแสดงถึง
ตําแหน่งผู้บัญชาการกองพัน
เว่ยเฟิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “เหลยซี ข้าจะแนะนําให้รู้จัก
นี่คือผู้บัญชาการกองพันไร้พ่าย ผู้บัญชาการกองพันโจวของเรา ผู้
บัญชาการกองพัน นี่คือเหลยซี ผู้บัญชาการกองร้อยหลักคนใหม่ของ
เรา เขาได้รับชัยชนะในงานประลองกองพันครั้งล่าสุด ตอนนี้แมมมอธก็
เป็นรองผู้บัญชาการของเขา”
“โอ้? ยินดีต้อนรับสู่กองพันไร้พ่าย” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างสุภาพ
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของเหลยซี เด็กหนุ่มคนนี้กลับดูเด็กกว่าเขาไป
หลายปี ชายหนุ่มยื่นมือออกไปด้วยสีหน้าซื่อตรงเพื่อจับกับฝ่ายตรง
ข้าม ทว่าหัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ เด็กหนุ่มคนนี้ เขา
มีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นผู้บัญชาการกองพันไร้พ่ายได้อย่างไร!เหลยซีจับมือของโจวเหว่ยชิง เผยรอยยิ้มไร้ความสุขบนใบหน้าใน
ขณะที่พูดว่า “ผู้บัญชาการกองพันโจว ข้าได้อยู่ในกองพันไร้พ่ายมา
ระยะหนึ่งแล้ว ข้าคิดว่ากฎของท่านได้รับการคิดคํานวณมาเป็นอย่างดี
ทําให้เราสามารถรวมตัวกันได้อย่างเหนียวแน่น อย่างไรก็ตาม ข้าขอ
ทราบได้ไหมว่ากฎที่ท่านตั้งไว้สามารถใช้กับตัวท่านเองด้วยหรือไม่? ถ้า
ข้าเอาชนะท่านได้ นั่นหมายความว่าข้าจะเป็นผู้บังคับกองพันใช่ไหม?”
หลังจากเวลาผ่านไปนานกว่า 2 เดือน ทหารกองพันไร้พ่ายใหม่
กว่า 3,000 นายก็ได้หลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับกองพันไร้พ่ายเกือบ
ทั้งหมดแล้ว วิธีการที่น่าประทับใจมากมายของกองพันไร้พ่ายสร้าง
ความประหลาดใจให้กับเหล่านักเลงที่แสนดุร้ายและหัวแข็งเช่นเหลยซี
และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องสงสัยเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกเรียกว่าผู้
บัญชาการกองพันในตํานาน โจวเหว่ยชิง ถ้าโจวเหว่ยชิงมีพลังมากพอ
เขาก็จะยอมรับมัน แต่เบื้องหน้าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ดูซื่อตรงและไร้
เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ นิสัยพยศเลือดร้อนตามธรรมชาติ
ของเขาก็ถูกเผยออกมา และชายหนุ่มก็ไม่สามารถต้านทานความอยาก
ท้าสู้โจวเหว่ยชิงไว้ได้ ณ ขณะนั้น
เว่ยเฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เหลยซี อย่าก่อปัญหาเลย ตอนนี้ผู้
บัญชาการกองพันโจวต้องเข้าร่วมการประชุมที่กองพลที่ 7”เหลยซีมองไปที่เขาอย่างไม่ใส่ใจ พลังของเว่ยเฟิงเทียบเขาไม่ได้
แต่เหลยซีก็ไม่สนใจตําแหน่งรองผู้บัญชาการกองพันและรู้สึกว่า
อยากจะเป็นผู้บัญชาการกองร้อยหลักของตนมากกว่า นั่นเป็นเหตุผล
ว่าทําไมเขาถึงไม่ท้าสู้กับเว่ยเฟิง อย่างไรก็ตาม นั่นก็หมายความว่าเขา
ไม่ได้เกรงกลัวหรือเคารพเว่ยเฟิงเลย
เขาเหยียดริมฝีปากขึ้นพลางกล่าวว่า “รองผู้บัญชาการกองพันเว่ย
ท่านพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก เนื่องจากกฎของกองทัพมีไว้สําหรับทุกคน ถ้าข้า
เอาชนะเขาได้ ข้าก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการกองพัน และข้าก็จะ
กลายเป็นคนที่จะไปประชุม ณ กองพลที่ 7 แทน”
สําหรับทั้ง 3 คนที่ยืนอยู่ตรงกลางค่ายและพูดกันเสียงดัง ทหาร
กองพันไร้พ่ายหลายคนที่ผ่านมาจึงสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าพวกเขาจึงลอบเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูเหตุการณ์ ทหารเก่าทุก
คนรู้จักโจวเหว่ยชิงเป็นอย่างดี แต่ทหารรุ่นใหม่ต่างก็อยากรู้อยากเห็น
เกี่ยวกับเขา ตําแหน่งและสถานะของเหลยซีในกองพันไร้พ่ายนั้นไม่ได้
ถือว่าต�าต้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากงานประลองกองพัน และเขา
ก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเช่นกัน นอกจากนี้ นิสัยของเขาก็ดูกล้า
หาญมาก ชายหนุ่มชื่นชอบการต่อสู้และได้รับความเคารพนับถือจาก
บรรดาคนรอบข้าง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าทําบางอย่างที่ทําให้ทุกคน
ต้องหันคอกลับไปมองเขาใหม่อีกครั้ง นั่นก็คือพยายามไล่จีบซ่างกวน
เฟยเอ๋อร์ แม้ว่านั่นจะส่งผลให้เขาถูกทุบตีอย่างรุนแรง แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนเดียวที่กล้าทําเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดเป็นผลให้เหลยซีได้รับ
เกียรติสูงส่งในกองพันไร้พ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองร้อยหลักของ
เขาเอง
เมื่อเห็นความเย่อหยิ่งและความดื้อรั้นในดวงตาของเหลยซี โจว
เหว่ยชิงก็ยิ้มน้อยๆ เขาจับมือกับเหลยซี มองไปที่เว่ยเฟิงและพูดว่า “ไม่
มีปัญหา นี่ไม่น่าจะใช้เวลานาน เอาล่ะ เจ้าต้องการท้าสู้กับข้าใช่ไหม? ดี
มาก ถ้าเจ้าชนะ ตําแหน่งผู้บัญชาการกองพันไร้พ่ายก็เป็นของเจ้า
อย่างไรก็ตาม การท้าสู้กับข้าย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย หากเจ้าแพ้ล่ะ?”
ขณะที่โจวเหว่ยชิงพูด รอยยิ้มที่อ่อนโยนของเขาทําให้เว่ยเฟิงรู้สึก
หนาวสั่นไปถึงกระดูก เขาทํางานกับโจวเหว่ยชิงมาเกือบปีแล้ว และ
ชายหนุ่มก็เข้าใจนิสัยของผู้บัญชาการกองพันหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดี ยิ่ง
เขายิ้มอย่างมีความสุขและดูใสซื่อมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความคิดที่ชั่ว
ร้ายมากเท่านั้น… เหลยซีเอ๋ยเหลยซี เจ้ากําลังหาเหาให้ตัวเองแล้ว!
เหลยซีส่งเสียงหึในลําคอและพูดว่า “หากข้าแพ้ ท่านสามารถ
จัดการกับข้าได้ตามที่ต้องการ” เดิมทีเหลยซีก็เป็นคนที่ไม่เกรงกลัว
สวรรค์หรือนรกอยู่แล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเองว่า กระทั่งโดน
หัวหน้าครูฝึกไล่ทุบตี ข้าก็ยังคงอยู่ดี เช่นนั้นเจ้าทําอะไรได้?
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าให้เขาและยิ้มพลางกล่าวว่า “ดีมาก เข้ามา
เลย”ในขณะที่เอ่ย เด็กหนุ่มก็ปล่อยมือของเหลยซี อย่างไรก็ตาม
ในทันทีที่โจวเหว่ยชิงคลายการยึดเกาะ เหลยซีก็พุ่งเข้าใส่ทันที ชาย
หนุ่มไม่ได้ดึงมือกลับ แต่ใช้มันฟาดขึ้นไปที่ลําคอของโจวเหว่ยชิงใน
พริบตาเดียว
เพื่อให้ได้เป็นผู้บัญชาการกองพันนักเลงของกองทัพภาคกลาง
เหลยซีได้เหยียบย่างขึ้นสู่ตําแหน่งของเขาด้วยฝีมือการต่อสู้ แม้จะอายุ
เพียง 30 ปี แต่เขาก็ต่อสู้ได้อย่างด้านชาและมีประสบการณ์โชกโชน
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากเข้าร่วมกองทัพ เหลยซีได้รับตําแหน่งมาด้วย
การปีนข้ามกองซากศพของเหล่ายอดฝีมือทั้งนั้น
ประสบการณ์การต่อสู้ของเขามีมากเกินไป ไม่เหมือนกับจ้าวมณี
สวรรค์ธรรมดาที่อาจมีระดับพลังสูงส่งแต่ขาดประสบการณ์ เหลยซีไล่
ล่าการต่อสู้มาโดยตลอด และไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม หากมันทําให้
สามารถชนะได้ เขาก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล
เนื่องจากความเร็วที่แท้จริงของเหลยซี แม้แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่มี
เวลามากพอให้ตอบโต้ เด็กหนุ่มจึงทําได้เพียงขยับศีรษะเล็กน้อยเพื่อ
พยายามเบี่ยงหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
เหลยซีกวาดมือขวาไปข้างหน้า มุ่งเป้าไปที่คอของโจวเหว่ยชิงอีก
ครั้ง ในเวลาเดียวกัน พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดในร่างกายของเขาก็ถูก
หมุนเวียนออกมาในระดับที่สูงสุด เกิดเป็นแสงสีขาวหนาทึบปกคลุมที่ฝ่ามือของชายหนุ่ม เขาไม่ได้ใช้ทักษะกักเก็บ แต่เป็นเพียงแค่พลัง
ปราณสวรรค์ล้วนๆ ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็อยู่ในระยะประชิด และ
ด้วยพลังปราณสวรรค์ที่ถูกปลดปล่อยออกมา มันจึงไปถึงคอของโจว
เหว่ยชิงในทันที
หากฝ่ามือนี้โดนเข้ากับเนื้อจริงๆ บางทีศีรษะของโจวเหว่ยชิงอาจ
ถูกหั่นสะบั้นออกไปแล้ว บริเวณรอบข้อมือของเหลยซีมีหยกน�าแข็ง 6
ดวงส่องประกายแวววาว แสดงสถานะอันทรงพลังของเขาในฐานะจ้าว
มณีสวรรค์ระดับ 6 ชุด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เหลยซีรับรู้ได้ว่าการโจมตีอย่างกะทันหัน
ของเขาจะประสบความสําเร็จและเผลอเบามือลงเล็กน้อย เขาก็
ตระหนักได้ทันทีว่ามือของตนเองไม่สามารถขยับได้ อากาศรอบๆมือดู
เหมือนจะรวมตัวกันกลายเป็นบางสิ่ง มัดรวบมือของเหลยซีและทําให้
มันหยุดชะงักลงกลางอากาศ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการป้องกันที่เรียบ
ง่าย แต่พลังปราณสวรรค์ของเหล่ยซีก็ถูกขัดขวางไว้สําเร็จเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นเอง โจวเหว่ยชิงหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับฝ่ามือ
ของเหลยซี เขาไม่ได้พยายามหลบ แต่กลับลดศีรษะลงและกระแทก
หน้าผากเข้ากับฝ่ามือของเหลยซี ในเวลาเดียวกัน มือขวาของเด็กหนุ่ม
ก็ถูกยกขึ้นไปทางเหลยซี แสงสีเงินสว่างวาบออกมาจากใบหน้าของเขาเหลยซียกมือซ้ายขึ้น โล่ดินศาสตรามณียุทธ์ถูกวางขวางเบื้องหน้า
หน้าเพื่อป้องกันการโจมตีของโจวเหว่ยชิง ในขณะที่มือขวาของเขา
กระแทกเข้าที่หน้าผากของโจวเหว่ยชิง
*ปัง* *ปัง* เสียงการปะทะดังขึ้นพร้อมกัน 2 ครั้ง โล่ดินในมือซ้าย
ของเหลยซีแตกเป็นเสี่ยงๆในพริบตา ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึก
เจ็บปวดที่มือขวาอย่างกะทันหันขณะแรงมหาศาลกระแทกเข้าสู่
ร่างกาย ทําให้ร่างของเขาหมุนคว้างไปรอบๆและเกือบจะล้มลงไป
กระแทกพื้น
“ระวัง!” เสียงของโจวเหว่ยชิงดังขึ้นในหูของเขา วินาทีต่อมา
เหลยซีก็เห็นดาบแสงสีเขียว บอลแสงสีม่วง ฟ้า และดาบแสงสีเงินพุ่ง
เข้ามาหาเขาจากทิศทางที่แตกต่างกัน พวกมันดูเหมือนจะไม่เร็วเท่าใด
นัก แต่แรงกดดันที่แท้จริงจากอาวุธเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อร่างกาย
ของเหลยซีในทันที
‘3 ทักษะธาตุ?’ หัวใจของเหลยซีเต็มไปด้วยความแตกตื่น แม้เขา
จะเห็นว่ามณีสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงมีเพียง 5 ชุด น้อยกว่าของตนเอง
ไป 1 ชุด แต่ถ้าโจวเหว่ยชิงมี 3 ทักษะธาตุ ฝ่ายนั้นก็จะมีทักษะมากกว่า
ตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการใช้มือปะทะหน้าผากของโจวเหว่ยชิงเพียง
ครั้งเดียว เหลยซีก็สัมผัสได้ว่าไม่ควรประเมินความแข็งแกร่งทาง
กายภาพของผู้บัญชาการกองพันหนุ่มคนนี้ต�าเกินไปไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว เหลยซีใช้ปลายเท้ากระแทกพื้น ร่างกาย
ของเขาพุ่งกลับหลังไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเอาชนะศัตรู เราจะต้อง
ปกป้องตัวเองให้ได้เสียก่อน นี่คือกฎแห่งการเอาชีวิตรอดในสนามรบ
ถึงกระนั้น การล่าถอยของเหลยซีก็มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุก
ครั้งที่เขาก้าวถอยหลัง ตําแหน่งที่เขายืนอยู่ก่อนหน้าก็จะมีแท่งดิน
แหลมพุ่งเข้าใส่ทักษะทั้ง 3 ของโจวเหว่ยชิงอย่างแม่นยํา
อนิจจา สิ่งที่ทําให้เหลยซีตกตะลึงก็คือทักษะทั้ง 3 ของโจวเหว่ยชิง
กลับทําราวพวกมันมีชีวิตและเบี่ยงหลบแท่งดินแหลมๆของเขาได้อย่าง
ง่ายดาย แม้ว่าความเร็วของพวกมันจะไม่ได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้เร็วหรือช้า
เกินไป แต่พวกมันก็ยังคงไล่ตามติดร่างที่กําลังถอยหนีของเขาต่อ
เหลยซีมีสายตาอันชาญฉลาดจากประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหมดที่
ผ่านมา ดังนั้นเมื่อมองเพียงปราดเดียว เขาจึงสามารถบอกได้อย่าง
ง่ายดายว่าทักษะทั้ง 3 นี้ถูกบีบอัดไว้ด้วยแรงดันสูง หากของพวกนี้ชน
เข้ากับเขาจริง มันก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ดังนั้นด้วยแรงกดดันจากทักษะ
ที่กําลังรุกคืบเข้าหาทั้งสาม เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอย
หนีต่อไป
โจวเหว่ยชิงไม่ได้ไล่ตามเขาต่อ มือของเด็กหนุ่มขยับเป็นท่าทาง
หนึ่งก่อนที่จะพุ่งออกไปอีกครั้ง และแสงไฟอีก 3 ดวงก็พุ่งตรงมาที่เหลย
ซีทันที หนึ่งคือวังวนหลุมดําสีเทา หนึ่งเป็นบอลแสงสีเขียวเข้ม และสุดท้ายเป็นบอลแสงรูปร่างบิดเบี้ยว ทั้งหมดรวมตัวกันก่อเป็นสนาม
พลังปราณสามเหลี่ยมไร้รูป
ทักษะเหล่านี้ถูกปลดปล่อยออกมาโดยตรงจากมือของเขาโดยไม่
ต้องใช้เวลาเตรียมการใดๆ หรือก็คือปลดปล่อยออกมาได้ในทันที 6
ทักษะพร้อมๆกัน จาก 6 ทักษะธาตุที่แตกต่างกัน และทักษะทั้ง 6
เหล่านี้ก็พุ่งทะยานออกไปในทิศทางที่แตกต่างกันเพื่อโจมตีเหลยซีจาก
ทุกทิศทาง เว่ยเฟิงยืนอยู่ที่ด้านข้าง และสิ่งที่เขาเห็นก็คือนิ้วของโจว
เหว่ยชิงที่กําลังเริงระบําเป็นจังหวะเหมือนผีเสื้อที่โบยบินท่ามกลาง
ทะเลดอกไม้ ในเวลาเดียวกัน ทักษะทั้ง 6 ก็เหมือนกับหุ่นเชิดที่ขยับ
ตามคําสั่งของเขา หลบหลีกการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ไล่ตามศัตรูอย่าง
ไม่ลดละและเข้าโฉบใกล้อีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา