Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 158 ทักษะเทพนรก! (1)
กองทหารหมาป่าไม่ได้สร้างแรงกดดันแก่โจวเหว่ยชิงมากนัก นั่น
ทําให้เขาสามารถสังเกตสนามรบทั้งหมดได้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทั้ง 3
คนได้บุกลึกเข้าไปในขบวนของศัตรูแล้ว และพวกเขาก็ถูกโอบล้อมไว้
ด้วยกองทหารหมาป่า กระทั่งชุดเกราะไทเทเนียมก็ยังเริ่มแสดงให้เห็น
ถึงร่องรอยสึกหรอจากดาบที่ถูกฟันใส่ต่อเนื่อง
“ย่าาาาาห์!” โจวเหว่ยชิงคํารามดังลั่น กลิ่นอายกระหายเลือดที่
ทรงพลังทว่าเย็นยะเยือกพวยพุ่งออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม ระเบิด
ออกมาพร้อมกับเสียง เสียงคํารามที่โกรธเกรี้ยว ทําให้ทั้งสนามรบที่มี
ทหารหลายหมื่นนายได้ยินกันถ้วนทั่วโดยชัดเจน อสูรหมาป่าสงครามที่
อยู่ใกล้เคียงที่สุดหลายตัวสะดุดล้มพับลงกับพื้นจากการคลื่นเสียงนั้น
แรงกดดันอันทรงพลังของพยัคฆ์เทพอสูรมืดถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อ
โจวเหว่ยชิงเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง ในการทําเช่นนั้น เขายัง
สามารถช่วยเผ่าอีกาทองและเผ่าคนเถื่อนลดแรงกดดันได้ในเวลา
เดียวกันอีกด้วย
ทันทีที่เข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง ชุดเกราะไทเทเนียมของโจว
เหว่ยชิงก็ถูกบังคับให้เปิดอ้าออก และเขาก็โยนมันทิ้งเพื่อเผยให้เห็น
ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง ร่างกายท่อนบนล้วนเปลือยเปล่า มีลายเสือหมุนวนเป็นเส้นแสงสีดํา ทําให้เขาดูดุร้ายและป่าเถื่อนมาก
ยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น โจวเหว่ยชิงก็อาศัยค้อนคู่ในมือใช้ทักษะพายุสลาตัน
แหวกเป็นทางโชกเลือดยาวเกือบ 10 หลา ราวกับรถบดหน้าดินที่แสน
บ้าคลั่ง โดยมีกองทหารหมาป่าอย่างน้อย 20 คนกระเด็นออกไปจาก
เส้นทางของเขา คนที่โดนถากๆก็อาจได้รับบาดเจ็บ แต่หากปะทะ
โดยตรงก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ ชุดในตํานาน ‘ชังพสุธาไร้ที่
ยก’ เมื่อใช้ควบคู่ไปกับการระเบิดพลังสถานะปีศาจกลายร่าง ทั้งหมด
อธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าทรงพลังจนน่ารังเกียจ ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้
จนถึงตอนนี้ จํานวนทหารที่เสียชีวิตภายใต้ค้อนของโจวเหว่ยชิงมี
จํานวนรวมกันกว่า 1 กองร้อยแล้ว!
เป็นหมอนั่นแน่ๆ …
ในขณะที่บาร์เทซเห็นโจวเหว่ยชิงเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง เขา
ก็นึกประหวั่นถึงคําอธิบายของพี่ใหญ่ในระหว่างต่อสู้ทันที เห็นได้ชัดว่า
สหายที่ควงค้อนคู่อยู่ในมือคนนี้คือไอ้สารเลวที่ทําให้พี่ใหญ่ของเขา
บาดเจ็บสาหัส
บาร์เทซรู้สึกเจ็บปวดกับพิษบาดแผลของพี่ชาย และเขาก็ต้องการ
ที่จะแก้แค้น แน่นอนว่าด้วยคําเตือนของบัต เลอร์ เขาจะไม่ดูถูก
ความสามารถของเด็กหนุ่มคนนั้นเด็ดขาด“เตรียมจู่โจม ขบวนดาบบาทูลู!”
บาร์เทซตะโกนออกมาเสียงดัง เขาไม่ได้บุกเข้าไปใกล้กว่านี้ เห็นได้
ชัดว่าแม้จะเป็นระดับมณี 9 ชุดที่ทรงพลังอย่างพี่ใหญ่ เขาก็ยังคงตก
เป็นเหยื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ พลังของตัวเขาเองย่อมเทียบไม่ได้กับบัต
เลอร์ จะเป็นเช่นไรหากเขาตกอยู่ภายใต้พิษที่น่ากลัวเช่นนั้นอีกคน?
เมื่อกองทหารหมาป่าได้ยินคําสั่งของบาร์เทซ รูปแบบแถวที่เริ่มตก
อยู่ในสภาพระส�าระสายก็เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น เกิดการ
ปรับเปลี่ยนรูปขบวนและกระจายตัวออกไปในชั่วขณะนั้น จู่ๆพวกเขา
ทั้งหมดก็ตะโกนพร้อมกันว่า“ บาทูลู!” ด้วยความเกรี้ยวกราด ดาบ
ขนาดใหญ่ของทุกคนพลันทะยานออกมาพร้อมกับกลิ่นอายที่แปลก
ประหลาด พุ่งโจมตีใส่โจวเหว่ยชิงจากทุกทิศทาง
นี่เป็นการจู่โจมรูปแบบพิเศษที่กองทหารหมาป่าสร้างขึ้นเพื่อ
ต่อต้านจ้าวมณีสวรรค์ที่ทรงพลังโดยเฉพาะ เป็นสิ่งที่ออกแบบมาเพื่อ
กําจัดบุคคลที่มีพลังมากกว่าตัวเอง เพราะไม่ว่าจ้าวมณีสวรรค์จะ
แข็งแกร่งเพียงใด ในที่สุดก็ยังต้องมีขีดจํากัดในด้านปริมาณพลังงาน
สวรรค์ ในทางทฤษฎีแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าสวรรค์ก็สามารถถูก
ล้อมและสังหารได้ในที่สุด
ดาบนั้นเต็มไปด้วยพลังสายเลือดศักดิ์สิทธิ์อันทรงอานุภาพของ
นักรบมนุษย์หมาป่า แฝงไปด้วยความกระหายเลือดและความเกรี้ยวกราด สิ่งสําคัญที่สุดคือขบวนดาบเหล่านี้ยังเป็นดาบที่จ้าวมณีสวรรค์
เผ่ามนุษย์หมาป่าขว้างออกไปด้วยพละกําลังเต็มพิกัด หากใครไม่ทัน
ระวังก็อาจจะถูกจัดการได้ง่ายๆ
โจวเหว่ยชิงแค่นเสียงในลําคอ ค้อนในมือของเขาถูกหมุนควงไปมา
ในเวลาเดียวกัน แสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากค้อน ทําให้เกิดพายุหมุนสี
เขียวรอบตัวเด็กหนุ่ม ดาบทั้งหมดลุกพรึ่บด้วยเพลิงแสงสีเขียวและถูก
ผลักกลับไปหาทหารกองทหารหมาป่าผู้เป็นเจ้าของ บางคนโชคร้ายถูก
โจมตีด้วยดาบของตัวเอง และเลือดก็ไหลเจิ่งนองบนพื้นอีกครั้ง
โจวเหว่ยชิงในปัจจุบันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เขากําลัง
ตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่กําลังเกิดขึ้นตรงหน้า ทว่าทันใดนั้น จู่ๆก็เกิดเสียง
ดังกึกก้อง และดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งทะลวงผ่านพายุหมุนของโจวเหว่ยชิง
เข้ามาได้ แม้เด็กหนุ่มจะตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยใช้ปลายค้อนฟาด
ไปออกไปต้านรับ แต่พลังที่แฝงเร้นอยู่ในดาบเล่มนั้นก็แข็งแกร่งเกินไป
นอกจากนี้ยังมีทักษะธาตุลมที่บ้าคลั่งฝังอยู่ภายในด้วย ท่ามกลาง
ประกายแสงสีเขียววูบวาบ ดาบเล่มนั้นพลันฟาดลงปะทะกับค้อนของ
โจวเหว่ยชิง
วิชาเทพอมตะและเกราะเทพอมตะถูกเปิดใช้งานทันที เมื่อแสงสี
เขียวตกกระทบกับม่านแสงสีขาวหนาทึบ มันก็ปิดกั้นพลังของฝ่ายตรง
ข้ามเอาไว้ได้ และแรงปะทะส่วนใหญ่ก็ถูกกระจายออกไป ในขณะเดียวกัน ร่างกายที่สุดแสนจะแข็งแกร่งเพราะสถานะปีศาจกลาย
ร่างก็ช่วยบรรเทาความเสียหายได้อีกบางส่วน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมี
บาดแผลปรากฏขึ้นที่ไหล่ของเขา เลือดสดๆพลันไหลซึมออกมา แม้ว่า
บาดแผลจะเริ่มสมานตัวเองด้วยความช่วยเหลือจากสถานะปีศาจกลาย
ร่างและโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากนักเมื่ออยู่ในสถานะนี้ ทว่า
เขาก็ยังคงประหลาดใจเล็กน้อย
ในสถานะปีศาจกลายร่าง โจวเหว่ยชิงยังมีพลัง ‘ญาณเยือกเย็น’
ด้วย แต่ถึงกระนั้น เขากลับไม่สามารถส่องดูความแข็งแกร่งของดาบ
ที่ว่าได้ ใครจะเคยจินตนาการล่ะว่าดาบนี้มีทักษะเฉพาะบางอย่างฝังอยู่
ภายใน บางทีอาจคล้ายกับศรติดตามไร้เสียงที่ครั้งหนึ่งซ่างกวนปิงเอ๋อร์
เคยใช้ นอกจากนี้ คนที่ขว้างดาบเล่มนั้นยังไม่ได้อยู่ใกล้เขามากนัก แต่
กลับสามารถทลายปราการป้องกันทั้งหมดและทําร้ายเขาได้ นั่น
หมายความว่าเขาต้องเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6 ชุดขึ้นไปแน่นอน
อันที่จริงดาบเล่มนั้นถูกขว้างออกมาโดยบาร์เทซ ก่อนหน้านี้เขา
ยืนอยู่ไม่ไกลเพื่อรอจังหวะโจมตีที่สมบูรณ์แบบนี้ และในที่สุดเขาก็
สามารถทําร้ายโจวเหว่ยชิงได้สําเร็จ อนิจจา บาดแผลนั้นกลับไม่ได้ลึก
หรือร้ายแรงแต่อย่างใด ทว่าเนื่องจากโจวเหว่ยชิงติดอยู่กับคลื่นดาบถา
โถมรอบตัวจึงไม่มีโอกาสได้สอดส่องส่องตามหาที่มาของเขาบาร์เทซยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ไม่ว่าบุคคลนั้นจะทรงพลังเพียงใด
หรือมีทักษะที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเพียงแค่คนๆเดียว เมื่อ
เทียบกับความแข็งแกร่งของทหารทั้งกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็น
อย่างดี ความตายก็จะยังคงเป็นผลลัพธ์สุดท้ายสําหรับศัตรู
ทางด้านโจวเหว่ยชิง ทั้ง 3 คนดูเหมือนจะกําลังตกอยู่ในวงล้อม
ของฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตาม ทว่าในอีกฝั่ งหนึ่ง สําหรับกองร้อยหลัก
ที่ 1 ของกองพันไร้พ่าย สถานการณ์กลับกําลังดําเนินไปในทิศทางที่
ตรงกันข้าม
แม้ไม่มีโจวเหว่ยชิงคอยบัญชาการ หัวเฟิงก็ยังคงรู้วิธีจัดการกับ
ศัตรูในการต่อสู้ครั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือการช่วยเหลือเผ่า
อีกาทองและเผ่าคนเถื่อน ทว่าในขณะเดียวกัน เงื่อนไขเบื้องต้นก็ยังเป็น
การรักษากําลังพลของกองพันไร้พ่ายไว้ให้ได้มากที่สุด สูญเสียให้น้อย
ที่สุดเท่าที่จะทําได้
เมื่อเห็นทหารยูนิคอร์นกําลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา ธนูศาสตรามณี
ยุทธ์ของกองพันไร้พ่ายก็แสดงอานุภาพของพวกมันออกมาอีกครั้ง
หากพวกเขายิงจากระยะไกลมากกว่า 500 หลา บางทีด้วยพลัง
ความเชี่ยวชาญ และกําลังกายที่แท้จริงของของทหารยูนิคอร์น นั่นอาจ
ทําให้พวกเขาสามารถปัดป้องลูกศรทิ้งไปได้ อย่างไรก็ตาม หัวเฟิงกําลัง
เฝ้ารอคอยนานเป็นพิเศษ กระทั่งพวกเขาจะพุ่งเข้ามาในระยะ 500หลาจึงสั่งให้ยิงอีกครั้ง หลังยิงลูกศรออกไปเพียงครั้งเดียว กองทหารยูนิ
คอร์นหลายร้อยนายก็ทยอยร่วงลงไปปะทะพื้นอีกครั้ง คราวนี้ศัตรูของ
พวกเขามีมากเกินไป และพวกเขาก็ไม่สามารถเผื่อเวลาสําหรับจัดการ
อสูรยูนิคอร์นได้อีกแล้ว ส่วนใหญ่จึงเน้นยิงทหารที่เป็นผู้ขี่ก่อนเป็น
ลําดับแรก หากไร้ซึ่งการควบคุมของคนขี่ อสูรยูนิคอร์นเหล่านั้นก็ย่อม
ไม่สามารถคงรูปขบวนโจมตีได้อย่างถูกต้อง
อสูรยูนิคอร์นเหล่านี้รวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วย
ความสามารถในการบินร่อนของพวกมัน พรสวรรค์นี้ระเบิดออกมาด้วย
ความเร็วที่น่าหวาดกลัวในช่วงเวลาสั้นๆ
นับตั้งแต่กองร้อยหลักที่ 1 ของกองพันไร้พ่ายเริ่มต้นจู่โจม พวก
เขาก็สามารถยิงลูกศรออกไปเพียง 5 รอบก่อนที่กรมทหารยูนิคอร์นจะ
พุ่งเข้ามาใกล้ในระยะ 300 หลา ในระยะที่ว่านี้ ในที่สุดทหารยูนิคอร์นก็
สามารถใช้ธนูยาวของตัวเองเพื่อตอบโต้ได้ และลูกศรก็เริ่มถูกยิง
ออกมาจากฝั่ งนั้นบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทําให้กัมโปรา หัวหน้ากรมทหารยูนิคอร์นโกรธ
จัดก็คือทันทีที่ลูกศรถูกยิงออกไปจากฝั่ งนี้ กองพันไร้พ่ายก็หันหลังเผ่น
แน่บไปแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มีเจตนารอเพื่อปะทะกับพวก
เขา และสิ่งที่น่าเกลียดที่สุดก็คือในขณะที่สหายเหล่านี้วิ่งหนีไป พวกเขาก็หันกลับมายิงลูกศรอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้คนของเขาบาดเจ็บล้ม
ตายอย่างต่อเนื่อง
ในแง่ของความแข็งแกร่งในการต่อสู้ อสูรยูนิคอร์นนั้นเหนือกว่า
หมาป่าสงครามอย่างแน่นอน ทว่าในแง่ของความเร็ว นอกเหนือจาก
การระเบิดของความเร็วขณะใช้การร่อนจู่โจมแล้ว ความเร็วปกติของ
พวกเขาก็ไม่อาจเทียบหมาป่าสงครามได้ แต่ก็ยังเป็นที่แน่นอนว่ามัน
เร็วกว่าม้าธรรมดาๆ ถึงกระนั้นมันก็ยังมีข้อจํากัด ในขณะที่กองพันไร้
พ่ายกําลังหลบหนีด้วยความเร็วเต็มที่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไล่ตามพวก
เขาทันในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ก็ยังไม่ควรดูถูกทักษะการยิงธนู
ของกองพันไร้พ่าย ทหารแนวหน้าของกรมทหารยูนิคอร์นที่กําลังไล่
ตามไปจึงถูกยิงถล่มลงอย่างต่อเนื่อง ทําให้ความเร็วในการไล่ล่าของ
พวกเขาช้าลงเล็กน้อย
สําหรับการทําร้ายศัตรู กัมโปราทําได้เพียงฝากความหวังไว้ที่คัน
ธนูและลูกศรของพวกเขาเท่านั้น กองทหารยูนิคอร์นมีความพร้อมใน
ด้านยุทโธปกรณ์และธนูยาวของพวกเขาถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต
สามารถยิงได้อย่างแม่นยําในระยะ 300 หลา
อนิจจา ในไม่ช้ากัมโปราก็อยากจะสบถสาปแช่งออกมาเสียงดัง
เหตุผลนั้นง่ายมาก ทหารกองพันไร้พ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจลูกศรของ
พวกเขาแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่สนใจที่จะหลบด้วยซ�า!นอกจากความแม่นยําที่แตกต่างกันแล้ว พลังของลูกศรจากทั้งสอง
ฝั่ งก็มีความแตกต่างกันมากเกินไป เกินพอที่จะทําให้กัมโปราโกรธมาก
จนเขาแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด
ณ ฝั่ งทหารยูนิคอร์น หากพวกเขาโดนศรไททาเนียมที่ยิงออกมา
โดยธนูศาสตรามณียุทธ์อันทรงพลังเหล่านั้นปักทะลุร่าง แม้จะไม่ตาย
แต่ก็ต้องกระเด็นออกไปจากหลังยูนิคอร์นหรือหมดสภาพที่จะต่อสู้ได้
อีก ส่วนคู่ต่อสู้ของพวกเขาล่ะ? ฝั่ งนั้นติดอาวุธครบครัน และไม่สนใจ
กระทั่งลูกศรที่พุ่งเข้าหาโดยสิ้นเชิง เพราะถึงอย่างไรชุดเกราะ
ไทเทเนียมก็สามารถทําให้ลูกศรกระเด็นออกไปได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยัง
ใช้โล่กลมอันเล็กๆของตัวเองป้องกันก้นม้าด้วยซ�า!
ในระยะ 2-300 หลา ธนูและลูกศรธรรมดาจะเจาะทะลุการป้องกัน
ของชุดเกราะไทเทเนียมที่ทหารกองพันไร้พ่ายสวมใส่ได้อย่างไร? มาก
ที่สุดก็เพียงแค่ทิ้งรอยบากเล็กๆเอาไว้เท่านั้น
นักรบกองพันไร้พ่ายจึงต่างแสดงสีหน้ามีความสุขกันอย่างล้น
หลาม ไม่ว่าศัตรูของพวกเขาจะสาดลูกศรออกมาอย่างไร ทั้งหมดก็จะ
ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ ความรู้สึกเช่นนี้น่าอัศจรรย์เกินไปจริงๆ ในขณะ
ที่ถอยกําลังพล พวกเขาก็ยังคงยิงสวนอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เสียชีวิตและ
บาดเจ็บในกรมทหารยูนิคอร์นจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพลังของธนู
ศาสตรามณียุทธ์ เมื่อมีจํานวนมากมายขนาดนี้ฝ่ายศัตรูย่อมไม่อาจหลบหลีกพ้นอยู่แล้ว ถึงแม้ว่ากองทหารม้ายูนิคอร์นจะมีชุดเกราะ แต่
มันจะเทียบกับโลหะผสมไทเทเนียมของกองพันไร้พ่ายได้อย่างไร
กองทหารยูนิคอร์นไม่ได้มีรูปแบบการบุกจู่โจมเช่นเดียวกับกอง
ทหารหมาป่า พวกเขาไม่ได้ย่อรูปขบวนหรือใช้การจู่โจมแบบต่อแถว
เป็นเส้นตรงเพื่อลดความเสียหาย ในทางตรงกันข้าม พวกเขากลับ
กระจายตัวออกเป็น 2 ฝั่ ง โอบเข้าหาคู่ต่อสู้เหมือนแผ่กรงเล็บขนาด
ใหญ่
“เล็งม้าของพวกมัน ยิงม้าให้ล้ม!” กัมโปราคํารามด้วยความเกรี้ยว
กราด เพียงไม่กี่นาที เขาก็สูญเสียทหารไปอีก 1 กองพันแล้ว! เช่นนี้ชาย
หนุ่มจะไม่โมโหได้อย่างไร? ในการต่อสู้วันนี้ กรมทหารของเขาได้
สูญเสียนักรบชั้นดีไปแล้วอย่างน้อย 3 กองพัน!
ในที่สุดแผนของกัมโปราก็ได้ผล ทันทีที่กองทหารยูนิคอร์นเริ่มเล็ง
เป้าไปที่ม้าศึกของศัตรู กลยุทธ์การถอยไปยิงไปของกองพันไร้พ่ายก็
หยุดลงในที่สุด
ถึงอย่างไรม้าเหล่านั้นก็ไม่ได้ติดตั้งชุดเกราะไทเทเนียมเหมือนพวก
เขา แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงมากกว่า 20 คนที่นําโดยหัวเฟิง
นั่งอยู่บนม้าปีศาจผีบริเวณด้านหลังสุดเพื่อคุ้มกันการล่าถอยและมีโล่
ป้องกันม้าเป็นของตนเอง แต่จํานวนของพวกเขาก็ไม่เพียงพอที่จะปกป้องคนทั้งกองร้อยหลัก นอกจากนี้ยังมีม้าของทหารกองพันไร้พ่าย
บางส่วนถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมาถึงจุดนี้ พละกําลังของแต่ละคน รวมถึงความสามารถใน
การต่อสู้ของกองร้อยหลักที่ 1 ทหารกลุ่มที่ดีที่สุดในกองพันไร้พ่ายก็ได้
แสดงแสนยานุภาพออกมาให้เห็นแล้ว ทุกครั้งที่ม้าถูกสังหาร สหายที่อยู่
ด้านข้างจะดึงคนๆนั้นขึ้นหลังม้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้
กรมทหารยูนิคอร์นที่ไล่ตามจึงได้เห็นเพียงซากศพของม้าศึก ทว่าไม่มี
ทหารกองพันไร้พ่ายแม้แต่คนเดียวที่ถูกสังหารจนถึงตอนนี้
“หัวหน้า ไม่ได้การแล้ว สุดท้ายเราก็จะไม่สามารถช่วยทุกคนเอาไว้
ได้” ตอนนี้ยี่ฉือมีท่าทีจริงจังขณะที่พูดกับหัวเฟิง ซึ่งนั่นเป็นภาพที่หา
ยากมากสําหรับ ‘เธอ’
แน่นอนว่าเทพธนูทั้ง 7 แห่งหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ย่อมเป็นผู้ที่
สังหารศัตรูส่วนใหญ่ ลูกศรแต่ละดอกที่ยิงออกไป อย่างน้อยก็สังหาร
ศัตรูได้หนึ่งคนหรือมากกว่านั้น
หัวเฟิงมองไปยังมู่เอินที่พยักหน้ากลับมาให้เขา “ทุกคนลงจาก
หลังม้า ใช้ม้าของเจ้าเป็นเกราะป้องกันชั่วคราว เตรียมตัวให้พร้อม
สําหรับการต่อสู้ระยะประชิด!”พวกเขาได้ยินไม่ผิด หัวเฟิงได้สั่งให้พวกเขาต่อสู้ระยะประชิด
ไม่ใช่บินขึ้นไปในอากาศ!
โจวเหว่ยชิงต้องการฝึกกองพันไร้พ่ายให้หนัก และการมีทักษะการ
ต่อสู้ระยะไกลเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ ถึงอย่างไรเมื่อศัตรูของ
พวกเขาคุ้นเคยกับรูปแบบการโจมตีของกองพันไร้พ่ายแล้ว มันก็เป็น
เรื่องง่ายที่จะเริ่มตอบโต้การโจมตีระยะไกลของพวกเขา ในที่สุดการ
ต่อสู้ในระยะประชิดก็คงจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เฉพาะเมื่อได้
สัมผัสประสบการณ์การต่อสู้ในสนามรบจริงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ทหาร
กองพันไร้พ่ายเหล่านี้จึงจะสามารถนําการฝึกการต่อสู้ระยะประชิดมา
ใช้ ดัดแปลงให้กลายเป็นรูปแบบเฉพาะของแต่ละคนและคุ้นชินกับมัน
สิ่งนี้จะทําให้กองพันไร้พ่ายมีประสิทธิภาพในการรบสูงขึ้น ทําให้พวก
เขากลายเป็นกลุ่มที่ยอดเยี่ยมในทุกๆด้าน
………………………………………..