Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 158 ทักษะเทพนรก! (2)
ทหารจากกองร้อยหลักที่ 1 ลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วและดึงม้า
ของพวกเขาไปป้องกันด้านข้างเพื่อสกัดกั้นลูกศรของกรมทหารยูนิ
คอร์น ในเวลาเดียวกันก็ยิงสวนกลับไปด้วยธนูศาสตรามณียุทธ์ของ
ตัวเอง แม้จะทนไม่ได้ที่ต้องเสียสละม้าศึกไปเช่นนั้น แต่นี่คือสนามรบ
ไม่ใช่สนามฝึกซ้อม บางครั้งเราจึงจําเป็นต้องเสียสละบางอย่างไปบ้าง
และสิ่งที่สําคัญที่สุดคือการปกป้องชีวิตของตนเองในขณะที่กําจัดศัตรู
ไปด้วย
เมื่อเห็นว่าศัตรูลงจากหลังม้าเพื่อตอบโต้คืน กัมโปราก็ดีใจมาก
ศัตรูมีจํานวนราวๆ 500 คนเท่านั้น และก่อนหน้านี้ข้อได้เปรียบเพียง
อย่างเดียวของฝ่ายนั้นก็คือธนูและลูกศรที่ทําให้ทหารของเขาต้องพบ
กับความสูญเสีย คราวนี้มาดูกันว่าพวกเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!
กองกําลังทหารยูนิคอร์นมีประสบการณ์สู้รบมาอย่างโชกโชน แต่
พวกเขาไม่เคยประสบกับความสูญเสียเช่นวันนี้มาก่อน กรมทหารยูนิ
คอร์นตั้งแถวโอบล้อมกองพันไร้พ่ายอย่างรวดเร็วก่อนที่กัมโปราจะ
ออกคําสั่งด้วยซ�า ในขณะเดียวกันก็ยังคงยิงธนูตอบโต้ตลอดเวลา เมื่อ
กองพันไร้พ่ายถูกล้อมอย่างสมบูรณ์แล้ว กองทหารยูนิคอร์นก็เตรียมพุ่ง
เข้าใส่พร้อมๆกันการบุกจู่โจมที่ทรงพลังของอสูรยูนิคอร์น เมื่อรวมกับหอกยาว 3
เมตรในมือของผู้ขี่…หากใครโดนแทงเข้าใส่โดยตรง กระทั่งจ้าวมณียุทธ์
ระดับ 3 มณีธรรมดาๆก็ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไม
หัวเฟิงจึงสั่งให้ลงจากหลังม้าและใช้ม้าศึกเป็นที่กําบัง เมื่อมีม้าคอย
ขัดขวางการโจมตีระรอกแรก ความเร็วของอสูรยูนิคอร์นก็จะได้รับ
ผลกระทบไปด้วย ที่สําคัญเมื่อคือการโจมตีครั้งแรกถูกม้าศึกป้องกันไว้
ได้ ทหารกองพันไร้พ่ายก็จะมีเวลาให้พลิกสถานการณ์ได้ง่ายกว่าเดิม
“เก็บพลังปราณสวรรค์ไว้ให้มากที่สุด” หัวเฟิงตะโกนออกมาเสียง
ดังลั่น
เขาไม่จําเป็นต้องอธิบายให้มากความ และทหารกองพันไร้พ่ายก็รู้
ความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคําพูดของเขาในทันที สาเหตุที่พวกเขา
กล้าเผชิญหน้ากับศัตรูในการต่อสู้ระยะประชิดเป็นเพราะทุกคนมี
ความสามารถในการบินและสามารถแยกตัวจากการต่อสู้ได้ทุกเมื่อที่
ต้องการ อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาใช้พลังปราณสวรรค์มากเกินไปใน
ระหว่างการต่อสู้จะทําให้ไม่สามารถบินได้อีกต่อไป และนั่นจะไม่
กลายเป็นโศกนาฏกรรมของเหล่าทหารหรอกหรือ?
กองร้อยหลักที่ 1 ของกองพันไร้พ่ายล้วนสะพายดาบขนาดใหญ่
ติดตัวไว้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจก็คือดาบในมือของพวกเขาคือของที่ปล้นมา
จากกรมทหารหมาป่าเท้าเร็วในการต่อสู้ครั้งก่อน ดาบเหล่านั้นได้รับการออกแบบมาอย่างปราณีตและเหมาะอย่างยิ่งสําหรับใช้ในสนามรบ
แต่ละเล่มมีความยาวเกือบ 4 ฉื่อ โดยด้ามจับยาวประมาณ 1 ฉื่อ ดาบ
เล่มนี้สามารถจับได้ด้วยมือทั้งสองข้าง ส่วนใบมีดก็ทั้งกว้างและหนา
ขอบของมันไม่ได้คมกริบเป็นพิเศษ แต่เนื่องจากความหนัก นั่นทําให้
เมื่อกระแทกลงในตําแหน่งที่เหมาะสม แม้แต่หัวม้าก็สามารถตัดขาดได้
ในคราวเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้ดาบถูกถือโดยจ้าวมณียุทธ์ที่ทรง
พลังจํานวนมาก
แม้ว่าจ้าวมณียุทธ์บางคนจะมีพลังยุทธ์ประเภทความว่องไว การ
ประสานงาน หรือความยืดหยุ่นเป็นหลัก แต่ร่างกายของพวกเขาก็ได้รับ
การส่งเสริมโดยพลังปราณสวรรค์ ความแข็งแกร่งทนทานของพวกเขา
จึงเหนือกว่าทหารทั่วๆไป ด้วยพลังปราณสวรรค์ที่มี ในแง่ของความ
แข็งแกร่งและพละกําลังในการต่อสู้ ทั้งหมดย่อมไม่ด้อยไปกว่าทหารยูนิ
คอร์นเหล่านี้แน่นอน
ทหารกองพันไร้พ่าย 500 คนยืนอยู่ในขบวนทัพรูปวงกลม
เช่นเดียวกับเม่นยักษ์ที่พองหนามแหลม ดาบทั้งหมดของพวกเขาหัน
ออกไปประจันด้านนอก พวกเขาถูกจัดให้เผชิญหน้ากันเป็นคู่ๆ ทหาร
ทั้งหมดรวมกลุ่มกันอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อความง่ายในการสั่งการ
ทันใดนั้นเอง ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะและเกิดการต่อสู้ขึ้นครั้งนี้โจวเหว่ยชิงไม่เพียงแต่นํายอดฝีมือที่ดีที่สุดจากกองร้อยหลัก
ที่ 1 ของกองพันไร้พ่ายมา แต่เขายังนําเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงส่วน
ใหญ่ในกองพันมาทั้งหมดด้วย! ผู้บัญชาการกองร้อยหลัก ผู้บัญชาการ
กองร้อยสามัญ และรองผู้บัญชาการ ทุกคนต่างระเบิดพลังออกมาอย่าง
เต็มที่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้กระจายตัวอยู่ในแถวทหารทั้งหมด
กลายเป็นเสาหลักที่มั่นคงภายในขบวนทัพรูปวงกลม ด้วยระดับ 6 มณี
ที่ทรงพลังหรือสูงกว่านั้น พวกเขาจึงยังคงสามารถใช้พลังปราณสวรรค์
ในการต่อสู้ได้ตราบเท่าที่ไม่หักโหมจนเกินไป และนั่นก็จะไม่ส่งผลต่อ
ความสามารถในการบินในภายหลังหากจําเป็นจริงๆ มีเจ้าหน้าที่
ระดับสูงเกือบ 40 คนหรือมากกว่านั้นเสริมกําลังให้กับรูปขบวนแถว
ทั้งหมด นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ามีเทพธนูทั้ง 7 แห่งหน่วย
เกาทัณฑ์สวรรค์อยู่ตรงกลางคอยยิงลูกศรออกไปด้วยพละกําลังทั้ง
หมดแล้ว แม้จะถูกล้อมรอบไปด้วยกรมทหารยูนิคอร์น แต่พวกเขาก็ยัง
สามารถต่อสู้ได้อย่างไร้ปัญหา อย่างน้อยก็ยังยันเอาไว้ได้ในเวลานี้
หลังจากผ่านการต่อสู้ไปเพียงครู่เดียว กรมทหารยูนิคอร์นทั้งหมด
ก็เริ่มเดือดจัด
หน้าด้าน! ไร้ยางอายจริงๆ! มนุษย์เหล่านี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
นั่นเป็นความคิดเดียวในสมองของทหารยูนิคอร์นทั้งหมดในขณะที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ระยะประชิด ทหารยูนิคอร์นทุก
คนต่างมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรพวกเขาก็คุ้นเคยกับการ
บุกฝ่าเข้าใส่ศัตรู และการโจมตีของพวกเขาก็ให้ผลร้ายแรงมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยทักษะที่น่ากลัวของหอกที่ถืออยู่ในมือ ในสายตา
ของพวกเขา ฝั่ งศัตรูล้วนเป็นนักรบที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล และ
ตอนนี้พวกเขาก็ไล่ตามถึงตัวฝ่ายนั้นแล้ว ดังนั้นการกวาดล้าง 500 คนที่
เหลือนี้จึงไม่ควรใช้เวลานานนัก
อนิจจา เมื่อการต่อสู้ที่แท้จริงมาถึง พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าการ
จัดการกับทหารกลุ่มนี้ยากเย็นแค่ไหน การกระทําที่ไร้ยางอายที่สุดของ
กองร้อยหลักที่ 1 แห่งกองพันไร้พ่ายก็คือพวกเขาไม่แม้แต่จะพยายาม
ปกป้องตัวเองและมุ่งเน้นไปที่การโจมตีเท่านั้น!
พวกเขาสังเวยม้าศึกของตัวเองเพื่อสกัดกั้นการจู่โจมของอสูรยูนิ
คอร์นและทําให้พวกเขาเคลื่อนที่ได้ช้าลง แม้ว่าทหารยูนิคอร์นจะใช้
หอกแทงใส่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมหลบ ส่วนมากจะหันลําตัวหนีเล็กน้อย
เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีในพื้นที่ส่วนสําคัญเท่านั้น
ในขณะที่หอกแทงลงไปบนเกราะไทเทเนียม สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมี
เพียงประกายไฟกระเด็นออกมา ทั้งยังไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
ให้แก่ศัตรูด้วยซ�า ในความเป็นจริง ผู้ที่สามารถฝากร่องรอยไว้บนชุด
เกราะคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทหารยูนิคอร์นเท่านั้นเนื่องจากไม่จําเป็นต้องหลบหลีกหรือป้องกันตัวเอง พวกเขาจึง
สามารถโจมตีได้ตามอําเภอใจ ทว่าก็ไม่มีใครกล้าประมาทเช่นกัน เจ้า
กําลังจะแทงข้างั้นรึ? ได้เลย งั้นข้าจะใช้ดาบตัดขายูนิคอร์นของเจ้า!
แม้ว่ายูนิคอร์นจะเป็นอสูรสวรรค์ระดับต�า แต่การป้องกันของมันก็
เทียบม้าปีศาจผีที่มีเกล็ดหนาทนทานไม่ได้สักนิด ดังนั้นหากขาของพวก
มันถูกตัดหรือได้รับบาดเจ็บขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้นเป็นลําดับต่อไป?
ในขณะที่ผู้ควบขี่ล้มลงกระแทกพื้น ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ลุกขึ้น ดาบ
ขนาดใหญ่ก็บั่นลงไปศีรษะแล้ว
ดาบขนาดใหญ่เหล่านี้ถูกเหล่าทหารนักเลงฟาดฟันออกไปอย่างไม่
แยแส ราวกับว่าพวกเขาเต็มใจที่จะแลกชีวิตโดยไม่สนใจเรื่องการ
ป้องกันตนเอง สิ่งที่ทําให้ทหารยูนิคอร์นโกรธจัดก็คือขบวนทัพรูป
วงกลมนั้นขยับหมุนวนอยู่ตลอดเวลาเหมือนเครื่องบดเนื้อขนาดใหญ่
เมื่อใดก็ตามที่เกิดการต่อสู้ที่รุนแรง เมื่อทหารธรรมดาเริ่มรับมือไม่ไหว
จู่ๆพวกเขาก็จะถูกสับเปลี่ยนให้ไปเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่
ทรงพลังกว่าจากกองพันไร้พ่ายแทน
นี่ไม่เหมือนกับที่พวกเขาคาดเอาไว้เลยสักนิด สถานการณ์ขณะ
ต่อสู้ระยะประชิดไม่ได้ดีไปกว่าตอนที่พวกเขาต่อสู้กันในระยะไกล
แม้แต่น้อย ในขณะนี้กรมทหารยูนิคอร์นกําลังถูกไล่ล่าสังหารโดยขบวน
ทัพรูปวงกลม เลือดและเศษเนื้อปลิวว่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ขณะที่
ยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มจํานวนขึ้นเรื่อยๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่ากองร้อยหลักที่ 1 ของกองพัน
ไร้พ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าในแง่ของความสามารถในการต่อสู้เมื่อเทียบ
กับเผ่าอีกาทองและเผ่าคนเถื่อน แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นจ้าวมณี
ยุทธ์ แต่หากวัดกันในเรื่องพละกําลัง ความแข็งแกร่ง ความทนทาน
และความอึดทน พวกเขาย่อมไม่สามารถเทียบชนเผ่าที่แข็งแกร่งทั้ง 2
ได้เลย ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็ลงทุนใช้เงินจํานวนมากเพื่อ
ติดอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พวกเขา อาจกล่าวได้ว่ากองพันไร้พ่ายทั้งหมด
ต่างมีอาวุธครบมือ นับประสาอะไรกับกองร้อยหลักอันดับหนึ่งที่ยอด
เยี่ยมที่สุด พวกเขาทุกคนเหมือนป้อมปราการเหล็กเดินได้และไม่อาจ
โค่นล้มลงได้ง่ายๆ เมื่อการได้ครอบครองอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ
เหนือกว่ารวมกับความได้เปรียบของจ้าวมณียุทธ์ นั่นจึงทําให้กรมทหาร
ยูนิคอร์นเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
กรมทหารยูนิคอร์นเริ่มเปลี่ยนยุทธวิธีการรบ พวกเขาผละออกห่าง
และใช้อสูรยูนิคอร์นเพื่อร่อนจู่โจมจากที่สูงอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีนี้ พวก
เขาจึงสามารถบินข้ามม้าศึกที่ขวางทางและใช้ประโยชน์จากความ
ได้เปรียบของอสูรยูนิคอร์นอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่ไร้ยางอายของกองพันไร้พ่ายก็ได้เผยโฉม
ออกมาให้เห็นอีกครั้ง และทําให้กรมทหารยูนิคอร์นรู้สึกเดือดจัด
ในขณะที่อสูรยูนิคอร์นร่อนอยู่เหนือกองพันไร้พ่าย ทหารฝ่ายตรงข้ามก็
ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทุกคนหมอบลงพร้อมกันและยกดาบชี้ขึ้นฟ้าการป้องกันของอสูรยูนิคอร์นนั้นจัดว่าดี แต่ก็ไม่ได้เลิศเลอนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้ฝ่าเท้าที่ไม่มีการป้องกันใดๆ นั่นเป็นผลให้อสูรยูนิ
คอร์นเกือบทุกตัวที่ร่อนอยู่เหนือขบวนทัพรูปวงกลมถูกผ่าเปิดท้อง
ทั้งหมด
หลัวเขอตี้ยืนอยู่ตรงกลางขบวนทัพรูปวงกลมพร้อมกับหน่วย
เกาทัณฑ์สวรรค์คนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้หยุดยิงธนูเลยนับตั้งแต่การต่อสู้
เริ่มต้นขึ้น นั่นก็เพื่อกําจัดทหารทั้งหมดที่เพิ่งสูญเสียสัตว์พาหนะและ
ตกลงไปตรงกลางขบวนทัพรูปวงกลม ในขณะเดียวกัน เขาก็บ่นเสียงดัง
ว่า “ไร้ยางอาย นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว! พวกเจ้ากําลังใช้กลยุทธ์
‘ดาบทิ่มก้น[1]’ชัดๆ ตาแก่อันธพาลนี่ สมองของเจ้าสร้างมาจากอะไร
กันแน่? ช่างเป็นกลวิธีที่ไร้ยางอายจริงๆ เจ้าคิดออกมาได้ยังไงกัน?”
มู่เอินเหลือบมองเขา ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสประดับด้วยรอยยิ้ม
กว้าง “ไม่ว่าจะดาบทิ่มก้นหรือจิ้มหอกใส่หน้าอก ใครเขาจะไปสนใจกัน
ล่ะเฟ้ย! ยังไงมันก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี ตราบใดที่ยังใช้การได้ มันจะไร้
ยางอายได้อย่างไร? หรือการปล่อยให้คู่ต่อสู้ฆ่าเจ้าได้ไร้ยางอายน้อย
กว่า? หากเจ้าเต็มใจที่จะทําเช่นนั้นก็จงวิ่งเข้าไปให้พวกมันแทงเสีย! พี่
ใหญ่คนนี้จะไม่หยุดเจ้าแน่นอน”อันที่จริงกลยุทธ์ ‘ดาบทิ่มก้น’ นั้นถูกคิดโดยมู่เอิน แน่นอนว่ากลวิธี
ดังกล่าวไม่ได้ถูก จํากัดไว้สําหรับขบวนทัพรูปวงกลมเท่านั้น แต่ยังมี
ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เพียงแค่ว่ายังไม่มีโอกาสอื่นให้ใช้เท่านั้น
แม้หัวหน้าครูฝึกการต่อสู้ระยะประชิดของกองพันไร้พ่ายจะเป็น
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอก็ยุ่งอยู่กับการ
ช่วยเหลือเหล่าทหารปลุกมณีพลังประจําตัว ด้วยเหตุนี้ คนอื่นๆจึงต้อง
เข้ามาช่วยงานหญิงสาวและรับหน้าที่สอนบางส่วนไป
ในแง่ของการต่อสู้แบบตัวต่อตัว กลวิธีของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์นั้น
ยอดเยี่ยมมาก ทว่าสําหรับการต่อสู้ในสนามรบ กลยุทธ์ที่มีประโยชน์
ที่สุดกลับเป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ‘ดาบทิ่มก้น’ นี้ถูกคิดขึ้นโดยมู่เอิน และเมื่อ
เขาถ่ายทอดกลยุทธ์อันแสนเรียบง่ายแต่ได้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมนี้ออกไป
เขาก็บอกกับทหารกองพันไร้พ่ายด้วยน�าเสียงที่จริงจังว่า “ในโลกนี้
บางครั้งยิ่งกลยุทธ์นั้นเลวร้ายหรือไร้ยางอายมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมี
ประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ตราบใดที่มันสามารถใช้การได้ กลยุทธ์นั้น
ก็จะไม่ถูกเรียกว่าเลวร้ายอีกต่อไป แต่จะเรียกว่ามีความยืดหยุ่นและ
ปรับตัวได้สูงแทน หรือแม้กระทั่งจะเรียกว่ามีประสบการณ์ในการต่อสู้ก็
ได้ เพราะถึงอย่างไร สงครามก็ต้องจบลงด้วยชีวิตของเจ้าหรือศัตรู
เท่านั้น”เหล่าทหารกองพันไร้พ่ายมาจากไหนน่ะหรือ? พวกเขาต่างก็เป็น
นักเลงผู้คดโกงหรือชั่วร้าย และ ‘กลยุทธ์ไร้ยางอาย’ ของมู่เอินก็เหมาะ
สําหรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดก็พร้อมใจกันหยิบกลยุทธ์นี้ขึ้นมา
ใช้ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ การใช้ ‘ดาบทิ่มก้น’ ในปัจจุบันนี้ก็
เกิดจากคําสอนเหล่านั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การใช้กลยุทธ์ ‘ดาบทิ่มก้น’ ในขบวนทัพรูปวงกลมก็
ต้องมีเทพธนูทั้ง 7 แห่งหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์คอยยืนอยู่ตรงกลางเป็น
ฐานเพื่อสนับสนุนคนที่เหลือทั้งหมดด้วย เพราะถึงแม้ว่าทหารยูนิคอร์น
เหล่านี้อาจจะสูญเสียพาหนะ แต่พวกเขาก็ยังสามารถต่อสู้ได้ และหาก
ฝ่ายนั้นกระโดดเข้ามากลางวงได้จํานวนมากและปิดล้อมพวกเขาได้
สองชั้นจากทั้งข้างในและข้างนอกแถว มันก็จะกลายเป็นอันตรายอย่าง
ยิ่งต่อฝ่ายกองพันไร้พ่าย
ในขณะนั้นเอง เทพธนูทั้ง 7 แห่งหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็แสดงพลัง
เต็มรูปแบบของพวกเขาออกมา เผยให้เห็นความแข็งแกร่งของทหาร
กองร้อยหลักที่ 1 แห่งกองพันไร้พ่ายเป็นครั้งแรก
ด้วยเสียงสั่นสะเทือนของสายธนูเพียงครั้งเดียว ลูกศรอย่างน้อย 5
ดอกก็ถูกยิงออกไปพร้อมกัน โดยแต่ละลูกมุ่งค้นหาเป้าหมายที่แตกต่าง
กัน ทหารฝ่ายศัตรูร่วงตกลงมาจากหลังอสูรยูนิคอร์น และก่อนที่จะทัน
ได้ลุกขึ้นยืน ชีวิตของพวกเขาถูกปลิดไปแล้วเหล่ามนุษย์สัตว์ยังเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ความรู้สึก พวกเขาต่างก็
รักใคร่สัตว์เลี้ยงใต้อาณัติราวกับชีวิตของตัวเอง แม้ทหารยูนิคอร์นจะรู้
ดีว่าหากพวกเขาร่อนลงไปตรงกลางวงได้จํานวนมากเพียงพอเมื่อไหร่
แม้แต่นักธนูผู้ทรงพลังทั้ง 7 ที่กําลังจัดการกับพวกเขาก็จะไม่สามารถ
รับมือไหว อย่างไรก็ตาม นั่นก็ยังหมายความว่าพวกเขาจะต้องสังเวย
สัตว์พาหนะคู่หู อสูรยูนิคอร์นอันเป็นที่รักไปทั้งหมดด้วย!
ด้วยเหตุนี้ทหารยูนิคอร์นทั้งหมดจึงเกิดอาการลังเล และในไม่ช้า
พวกเขาก็จมปลักอยู่กับการต่อสู้ที่แสนวุ่นวาย พัวพันอยู่กับการต่อสู้อัน
ดุเดือดอีกครั้ง ในขณะที่การต่อสู้ดําเนินไป รอยขีดข่วนก็ถูกทิ้งไว้บนชุด
เกราะไทเทเนียมของทหารกองพันไร้พ่ายมากยิ่งขึ้น ทว่าในอีกด้านหนึ่ง
ศัตรูของพวกเขากลับต้องมาแลกด้วยชีวิต
ตอนแรกทหารยูนิคอร์นโดยรอบมีจํานวนมากกว่า 6,000 นาย แต่
จํานวนของพวกเขาก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ด้วยคําสั่งขอกัมโปรา ทหารยูนิ
คอร์นจึงหยุดความพยายามที่จะเหินขึ้นด้านบนเพื่อโจมตี แต่พวกเขา
ยังคงบุกเข้าไปอย่างช้าๆ โดยใช้ความยาวของหอกเพื่อขยายพื้นที่การ
โจมตี เป้าหมายของพวกเขาก็คือการฆ่าม้าทั้งหมดที่ขวางทาง ก่อนจะ
ถอยออกไปและทําการโจมตีอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ ในที่สุดพวกเขาก็จะ
สามารถชนะด้วยความได้เปรียบด้านพาหนะในขณะที่ด้านนี้กําลังพัวพันยุ่งเหยิงกับต่อสู้แสนยากลําบาก ในอีก
ด้านหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็กําลังจะแสดงให้เห็นถึงความไร้เทียมทานของ
เขา
รูปแบบการรุมโจมตีด้วยดาบของทหารกองทหารหมาป่าทําให้โจว
เหว่ยชิงเริ่มมีปัญหา ที่ด้ามจับดาบแต่ละเล่มมีโซ่โลหะยาวบางๆพันอยู่
และทันทีที่ดาบถูกโยนลงไปที่พื้น พวกมันก็จะถูกดึงกลับไปหาเจ้าของ
ทันที ด้วยวิธีนี้ ฝูงขบวนกระบี่จึงกลายเป็นวงวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด
…………………………………………..
[1] โดยพื้นฐานแล้วเป็นการเล่นคํา อาจแปลอีกนัยว่า ‘การจับของ
ลับ/ของสงวน’