Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 158 ทักษะเทพนรก! (3)
ขณะนี้ นอกเหนือจากหลินเทียนอ้าวที่เปิดใช้การป้องกันเต็ม
รูปแบบและไม่มีปัญหาให้ต้องหนักใจแล้ว แม้แต่ ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ตก
อยู่ท่ามกลางกระแสแห่งความบ้าคลั่งเนื่องจากถูกล้อมรอบไปด้วย
ขบวนดาบจากทุกทิศทาง
“เจ้าสองคน ถอยห่างออกไปจากตัวข้าอย่างน้อยหนึ่งร้อยหลา
เดี๋ยวนี้” โจวเหว่ยชิงตะโกนบอกซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และหลินเทียนอ้าว
ซึ่งพยายามบุกฝ่าเข้ามาหาเขาเพื่อรวมตัวกันอีกครั้ง
ตอนนี้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กําลังโกรธจัดที่ถูกขบวนดาบจากคน
จํานวนมากรุมล้อมโจมตี เพราะนั่นทําให้แม้แต่เธอก็ยังยากจะรับมือ
ไหว ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าของหญิงสาวยังครอบคลุมไม่ทั่วทั้ง
ร่างกาย และแม้ว่าดาบธรรมดาจะไม่ส่งผลใดๆกับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ แต่
ก็มียอดฝีมืออีกหลายคนที่ภายในดาบเปี่ ยมไปด้วยทักษะน่ารังเกียจ
ต่างๆ
ถึงอย่างไรซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ยังคงเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง
ดังนั้นหากมีคมดาบเล็ดรอดเข้ามาทิ้งร่องรอยไว้บนผิวกายของเธอได้
แม้แต่แห่งเดียว หญิงสาวก็คงไม่มีทางมีความสุขไปกับมัน! ด้วยเหตุนี้เธอจึงทําได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลบหลีกหรือสกัดกั้นการ
โจมตีทั้งหมดก่อนจะปลดปล่อยกงจักรวายุชิ้นแล้วชิ้นเล่าจากปลายเท้า
เพื่อสังหารคู่ต่อสู้
เมื่อได้ยินคําพูดของโจวเหว่ยชิง หลินเทียนอ้าวก็หันไปด้านข้าง
และพุ่งไปหาซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ทันที ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานก่อนจะไป
ถึงตัวเธอ โล่ประสานศาสตรามณียุทธ์ในมือของเขาพลันหมุนไปรอบ
ด้านขณะปิดกั้นดาบส่วนใหญ่ที่กําลังมุ่งโจมตีซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เสียง
กระทบกระทั่งของโลหะแว่วดังขึ้น แต่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กลับรู้สึกว่า
กดดันที่เธอได้รับลดน้อยลงมาก เมื่อมีหลินเทียนอ้าวคอยป้องกัน พวก
เขาทั้งสองคนจึงถอยร่นได้ตามคําสั่งของโจวเหว่ยชิงทันที
ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็เริ่มลงมือ เพราะเหนื่อยล้าจากการวิ่ง
ไปมาบนสนามรบ ประกอบกับอาการบาดเจ็บการลอบโจมตีของบาร์
เทซ ในวินาทีนั้นเด็กหนุ่มพลันเงื้อค้อนหน้าร้องไห้ขึ้นสูง ช่วงเวลาต่อมา
ชั้นแสงสีเทาหนาทึบก็พวยพุ่งออกมาจากภายในและห่อหุ้มร่างกายของ
เขาเอาไว้ทั้งหมด ดาบที่พุ่งเข้ามาทุกเล่มล้วนปะทะเข้ากับเกราะแสงสี
เทาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ก่อนจะกระเด็นออกไปและเริ่มสึกกร่อนอย่าง
รวดเร็ว
เด็กหนุ่มยืนอยู่ตรงกลางปราการแสงสีเทา ดวงตาของโจวเหว่ยชิง
จริงจังและจดจ่อความสนใจไปที่การต่อสู้เบื้องหน้า ถึงตอนนี้เขาก็ได้ส่งม้าปีศาจผีของตนกลับเข้าไปในแหวนมิติแล้วเนื่องจากกลัวว่าทักษะ
ของเขาจะทําให้มันได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญ โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ที่นั่น
เพื่อรอให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และหลินเทียนอ้าวถอยร่นไปอยู่ในระยะที่
ปลอดภัยในขณะที่กองทหารหมาป่าที่อยู่รอบๆรวมตัวกันเข้ามาใกล้
มากขึ้นและโจมตีใส่เขาตลอดเวลา ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ได้ฤกษ์
ปลดปล่อยการโจมตีของตนเองเสียที
เกราะแสงสีเทานี้ถูกเรียกว่า ปราการเทพปีศาจ และเป็นอีกหนึ่ง
ทักษะธาตุปีศาจที่ตื่นขึ้นมาเองเมื่อเขาไปถึงระดับมณี 5 ชุด คล้ายคลึง
กับวิธีที่สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดของเขาถูกปลุกขึ้นมาก่อนหน้านี้
ปราการเทพปีศาจไม่ใช่ทักษะผสานเหมือนกับสายฟ้าเทพเจ้าอสูร
มืด แต่มีเพียงทักษะธาตุปีศาจชนิดเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเขา
ยืนอยู่ในปราการเทพปีศาจ พลังปราณสวรรค์ธาตุปีศาจก็ดูเหมือนจะ
หมุนเวียนในรูปแบบแปลกใหม่โดยสิ้นเชิง มันสามารถกลืนกินทักษะ
ธาตุปีศาจและอารมณ์เชิงลบทั้งหมดในบรรยากาศรอบข้างเพื่อ
นํามาใช้งานได้ ดังนั้นการนํามันออกมาใช้กลางสนามรบที่คุกกรุ่นก็อาจ
กล่าวได้ว่าเหมือนปลาเห็นน�า เนื่องจากอารมณ์เชิงลบของทหารที่
เสียชีวิตใหม่ทั้งหมดจะถูกดูดเข้ามาในเกราะแสงสีเทาราวกับแม่น�า
หลากสายไหลลงสู่ก้นทะเลลึก ปราการเทพปีศาจมีความสามารถใน
การป้องกันที่ทรงพลังแม้แต่ในช่วงเริ่มต้น และยิ่งพลังปราณเพิ่มขึ้น
เท่าไหร่ พลังของมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น กระทั่งดาบของบาร์เทซก็ไม่สามารถแทงทะลุปราการป้องกันเข้ามาได้ ไม่แม้แต่จะทิ้งร่องรอยขีด
ข่วนใดๆเอาไว้ด้วยซ�า
เมื่อโจวเหว่ยชิงรู้ว่าตนเองได้ปลุกทักษะป้องกันขึ้นมาได้ เขาก็ดีใจ
จนน�าตาแทบไหลอาบแก้ม! นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นทักษะในฝันของโจว
เหว่ยชิง เข้ากันได้ดีเป็นปี่ เป็นขลุ่ยกับบุคลิกกลัวตายของเขา เมื่อถึงจุด
นี้ ทุกคนย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเด็กหนุ่มจะมีความสุขและ
ตื่นเต้นขนาดไหน นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงกล้าที่จะนําซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์และหลินเทียนอ้าวบุกลึกเข้าไปในดินแดนของศัตรูเพียงกลุ่มเดียว
อันที่จริง สําหรับการจะทะลวงผ่านปราการเทพปีศาจในปัจจุบันของ
เขาได้นั้น แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 7-8 ชุดที่ไม่มีศาสตรามณียุทธ์
ระดับเทพเจ้าก็ยังไม่มีโอกาสทลายมันลงได้เลย
หลังจากยกค้อนคู่ในตํานานขึ้นเปิดใช้ปราการเทพปีศาจ ในชั่ว
พริบตาถัดมา บริเวณเหนือค้อนคู่ก็มีแสงสีดํามืดค่อยๆแผ่ขยายออกไป
เป็นรูปร่างมนุษย์อย่างคลุมเครือและมีปีก 3 คู่อยู่ด้านหลัง แม้ว่าจะมี
หมอกบดบังและมองไม่เห็นชัดเจน แต่รูปร่างพื้นฐานของมันก็สามารถ
กลายเป็นที่จดจําได้ง่ายๆแล้ว
ปีกสีดํา 6 ข้างแผ่ออกอย่างช้าๆ และกลิ่นอายอันน่าเกรงขามก็แผ่
กดดันไปทั่วบริเวณ ราวกับจะส่งผลให้พวกเขาอึดอัดจนหายใจได้
ยากลําบากประสาทสัมผัสของหมาป่าสงครามนั้นเฉียบแหลมกว่าผู้ขี่ และ
ทันใดนั้น พวกมันทุกตัวก็รับรู้ถึงอันตรายจึงพยายามที่จะล่าถอย
ออกไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลุ่มคนทั้งหมดอยู่ท่ามกลางขบวนดาบที่
อัดแน่น พวกมันจะล่าถอยออกไปได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?
อะไร…นั่นคืออะไร?! บาร์เทซกําลังตกตะลึงครั้งใหญ่ เขาอยู่ที่
บริเวณด้านนอกของวงล้อมและเพิ่งจะกระโดดถอยห่างออกมาโดยไม่
ลังเล เขาเคยได้ยินจากพี่ใหญ่มามากมายเกี่ยวกับวิธีที่โจวเหว่ยชิงใช้
สายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดจัดการกับเขา รวมถึงภาพเงาที่ปรากฏขึ้น
ด้านหลังด้วย
ที่บริเวณด้านหลังของเด็กหนุ่ม ปีกสีดําทั้ง 6 ของร่างที่ทอประกาย
วิบวับมีแสงสีม่วงเข้มปรากฏขึ้น แรงกดดันที่แผ่ออกมาพลันทวีความ
รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลานั้น ราวกับว่าดวงอาทิตย์ที่กําลังสว่างจ้า
บนท้องฟ้ากําลังอับแสงลง
ราวกับความมืดมิดกําลังโผล่ขึ้นปกคลุมเหนือร่างของทุกคนหลัง
เกิดเสียงสะบัดปีกทั้ง 6 ขณะมีโจวเหว่ยชิงยืนอยู่ตรงศูนย์กลาง ความ
มืดก็แผ่กระจายออกไปรอบๆในรัศมี 100 หลาทันที
ในความเป็นจริง ด้วยระดับมณี 5 ชุดของโจวเหว่ยชิง เมื่อเขา
ปลดปล่อยทักษะนี้ มันจะแผ่ขยายออกไปในรัศมี 50 หลาเท่านั้น ทว่าด้วยพลังเสริมจากค้อนคู่ในตํานาน มันจึงทําให้เขาสามารถขยาย
ขอบเขตการใช้งานของทักษะออกไปเป็น 100 หลาได้
โดยปกติแล้วค้อนคู่ในตํานานจะไม่ได้เสริมประสิทธิภาพการโจมตี
โดยตรง แต่จะช่วยเพิ่มระยะเวลาหรือขยายพื้นที่ผลกระทบ
ตัวอย่างเช่นหากเป็นทักษะโซ่ตรวนวายุ พลังเสริมจากค้อนคู่ก็คือเวลา
ใช้งานที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่า ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็ยังคงเป็นเพียง
จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุด แน่นอนว่าหากทักษะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
มันก็ต้องเผาผลาญพลังปราณสวรรค์เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทว่าแม้จะเป็นพลัง
เสริมของค้อนคู่ในตํานาน แต่ผลลัพธ์ของทักษะก็มีประสิทธิภาพยอด
เยี่ยมเกินกว่าพลังปราณที่ใช้ไปเสียอีก
เมื่อแสงสีม่วงเข้มสว่างวาบไปทั่วทั้งสนาม นักรบมนุษย์หมาป่าทุก
คนก็พลันกําลังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ ทว่าไม่ช้าพวกเขาก็ต้อง
ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้เป็นอะไร แสงสีม่วงเข้มนั้นกระพริบ
หนึ่งครั้งและหายไปราวกับว่าไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆให้กับพวก
เขาเลย แม้แต่บาร์เทซที่ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วก็ชะงักไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นว่าทหารที่ยืนอยู่ด้านหน้ายังอยู่ดีไร้รอยขีดข่วน เห็นได้ชัดว่า
ทักษะนั้นแตกต่างจากที่พี่ชายของเขาอธิบายไว้ เป็นไปได้ไหมว่านั่น
อาจเป็นเพียงทักษะไร้ประโยชน์ซึ่งมีไว้เพื่อข่มขู่ทําให้คนอื่นกลัว
เท่านั้น? และในไม่ช้า…คําตอบก็ถูกเผยออกมาพื้นในรัศมี 100 หลาที่แสงสีดําแผ่ออกไปปกคลุมได้เปลี่ยนเป็นสี
ม่วงเข้มโดยไม่มีใครได้ทันรู้ตัว จู่ๆฟองอากาศสีม่วงเข้มขนาดใหญ่
หลายฟองก็ผุดขึ้นมาจากใต้ผืนดินราวกับว่ามีน�าเดือดปุดๆอยู่ด้านล่าง
ทั่วทั้งสนามกลายเป็นโลกสีม่วงผสมดํา เสียงกรีดร้องดังออกมาจาก
ภายในเขตพื้นที่ผลกระทบเป็นระรอก ทหารเผ่ามนุษย์หมาป่าทุกคนที่
ถูกฟองอากาศเหล่านั้นห่อหุ้มตัวพลันละลายกลายเป็นของเหลวสีดํา
เหนอะหนะอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถูกกลืนกินเข้าไปจนหมด และฟองน�า
เหล่านั้นก็ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ กลืนกินทุกสิ่งเบื้องหน้าเข้าไปไม่ยอม
หยุดหย่อน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วนัก แต่ก็เห็นได้
ชัดว่าเป็นพลังที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมจนไม่อาจหยุดยั้งได้ เมื่อเผชิญ
กับพลังทําลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับต�าในกรม
ทหารหมาป่าก็ไม่สามารถหลบหนีหรือต่อต้านได้ ฟองสีม่วงเข้มเหล่านี้
ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูดที่ทรงพลังอย่างน่าประหลาด และแม้ว่าเหล่า
ทหารจะพยายามใช้หมาป่าสงครามกระโดดข้ามเพื่อหลบหลีกฟอง
พวกนี้ แต่ในท้ายที่สุดนั่นก็ยังกลายเป็นเป็นความพยายามที่ไร้
ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเลือดเนื้อหรือกระดูก สสารทั้งหมดดูเหมือนจะ
สลายหายไปภายในฟองอากาศที่น่าสะพรึงกลัวและกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ของมันในที่สุด อารมณ์เชิงลบพวยพุ่งออกมาอย่างหนาแน่น และดู
เหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องในเขตพื้นที่แห่งนี้ ทั้งหมดไหลเอื่อยไปยังบริเวณศูนย์กลางที่โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ ทําให้ปราการเทพ
ปีศาจของเขาทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริง แม้แต่โจวเหว่ยชิง
เองก็ยังตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นเพราะเขาไม่เคยคาดคิดว่าทักษะของตนเอง
จะให้ผลลัพธ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย
นี่เป็นทักษะที่เขากักเก็บมาจากเกาะมณีสวรรค์ จากอสูรสวรรค์
ระดับมหาราชาขั้นสูงสุด อสูรสวรรค์ตัวนั้นเป็นอสูรทักษะธาตุมืดที่ทรง
พลังที่สุดบนเกาะมณีสวรรค์ อย่างน้อยก็ในบรรดาวังกักเก็บทักษะที่
เปิดให้คนทั่วไปเข้าซื้อบริการ เช่นเดียวกับปีศาจมังกรสาว ภาพทักษะ
สวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเมื่อเขาใช้ทักษะนี้ แสดงให้เห็นว่ามันก็ใกล้เคียงกับ
ทักษะระดับเทพเจ้าสวรรค์มากที่สุด
หลงซื่อหยาเคยบอกโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ว่าแม้ทักษะเหล่านี้จะมี
ภาพทักษะสวรรค์ แต่พวกมันก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับเทพเจ้าสวรรค์อย่าง
แท้จริง ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคือภาพทักษะสวรรค์ของทักษะ
ระดับเทพเจ้าสวรรค์ที่แท้จริงจะคมชัดกว่านี้และแตกต่างออกไป นั่น
เป็นเพราะพวกมันจะเปลี่ยนไปตามทักษะที่ถูกเปิดใช้งาน
แม้ว่าทักษะของโจวเหว่ยชิงจะไม่ได้อยู่ในระดับเทพเจ้าจริงๆ แต่
พลังของมันก็ยังน่ากลัวมากพอสมควร ไม่มีใครกล้าดูถูกทักษะนี้อย่าง
แน่นอน ก่อนหน้านี้ เหตุผลที่โจวเหว่ยชิงเลือกทักษะนี้ให้เป็นทักษะธาตุ
มืดที่ 4 ของเขาก็เป็นเพราะมันคือทักษะผลกระทบวงกว้างชื่อของทักษะนี้คือทักษะเทพนรก นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเหว่ยชิงใช้
ทักษะนี้ และแม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าพลังของมันจะน่ากลัว
ได้ขนาดนี้ ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของมันได้ภายในพื้นที่
ผลกระทบของทักษะ ทุกครั้งที่สัมผัสกับฟองอากาศ หนึ่งชีวิตก็จะถูก
พรากไป… และแสงสีม่วงดําที่เปล่งประกายออกมาทั้งหมดก็ดูเหมือน
จะบ่งบอกถึงการมาเยือนของเทพนรกบนผืนดิน ภาพทักษะสวรรค์ของ
เทพนรกที่ส่องแสงระยิบระยับดูเหมือนจะคมชัดและเสถียรมากขึ้น ใน
เวลาเดียวกัน โจวเหว่ยชิงก็สัมผัสได้ว่าพลังปราณสวรรค์ของเขากําลัง
ไหลบ่าออกไปในอัตราความเร็วที่น่าตกใจ ทักษะเทพนรกเป็นทักษะที่
ผู้ใช้สามารถคงสภาพมันไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และจะย้ายพื้นที่โจมตีไป
ตามร่างเจ้าของในขณะที่เขาเคลื่อนไหว กล่าวคือถ้าโจวเหว่ยชิงก้าวไป
ข้างหน้า พื้นที่ผลกระทบของทักษะก็จะเคลื่อนย้ายไปข้างหน้าพร้อม
กับเขาด้วย แต่แน่นอนว่านั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขามีพลังปราณสวรรค์
เพียงพอใช้คงสภาพมันไว้หรือไม่
หลังจากตกตะลึงชั่วครู่ โจวเหว่ยชิงก็ฟื้ นคืนสติได้ เขาเปิดใช้งาน
ทักษะพายุสลาตันโดยไม่ลังเลและพุ่งไปข้างหน้าทันที ในช่วงเวลา
ต่อมา กองทหารหมาป่ากลุ่มใหญ่อีกกลุ่มก็พื้นที่ผลกระทบของทักษะ
ล้อมเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หลังจากปลดปล่อยฟองอากาศออกไปใหม่ใน
ครั้งนี้ โจวเหว่ยชิงก็เก็บทักษะกลับคืนทันที เนื่องจากในช่วงเวลาสั้นๆที่
เขาใช้ทักษะ พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดก็ถูกใช้ไปแล้วมากกว่า 6 ใน 10ส่วน นอกจากนี้ ตั้งแต่ที่เขาปลดปล่อยทักษะครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เวลา
เพิ่งจะผ่านไปแทบจะไม่ถึง 3 วินาทีด้วยซ�า!
น่าเสียดายจริงๆ! โจวเหว่ยชิงคร�าครวญกับตัวเองข้างใน หากเขา
เริ่มเคลื่อนไหวทันทีที่เปิดใช้งานทักษะเทพนรก บางทีเขาอาจจะกําจัด
ทหารหมาป่าได้อีกหลายนาย ทักษะเช่นนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ใช่แค่พลัง
ของมันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วย ทักษะเทพนรก
เป็นหนึ่งในทักษะหายากที่เขาไม่ได้ผ่านการฝึกอัดทักษะ 3,000 ครั้ง
เนื่องจากโดยปกติแล้วทักษะผลกระทบวงกว้างมักจะไม่ต้องอาศัย
ทักษะควบคุมที่ดีมากนัก นอกจากนี้ ทักษะดังกล่าวยังทรงพลังเกินไป
และในขณะที่ใช้ทักษะ โจวเหว่ยชิงก็ยังไม่สามารถขยับตัวออกไป
สังหารศัตรูรอบตัวได้อีกด้วย
ตั้งแต่โจวเหว่ยชิงเริ่มฝึกปราณมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นทักษะโจมตี
ชนิดแรกในบรรดาทักษะธาตุมืดทั้งหมดของเขา และพลังของมันก็น่า
สะพรึงกลัวมาก… แม้ว่าเขาจะทําผิดพลาดไปบ้างและไม่ได้ใช้พลัง
จนถึงขีดสุด แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ต้องยั้งมือไว้บ้างเนื่องจากอยู่ในสนาม
รบขนาดใหญ่… แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เพียงแค่ปล่อยทักษะนี้ออกมา 3
วินาทีและขยับตัวเพียงเล็กน้อย เขาก็ทําให้กองทหารหมาป่าและอสูร
หมาป่าสงครามของพวกเขาหายไปจากโลกใบนี้อย่างไร้ร่องรอยกว่า
300 คู่! ไม่ว่ามนุษย์สัตว์จะดุร้ายและกล้าหาญเพียงใด พวกเขาก็ยังคง
เป็นมนุษย์และหวาดกลัวความตาย เมื่อเห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา หัวใจของมนุษย์สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่เต็มไป
ด้วยความหวาดหวั่นระคนตกใจ พวกเขาถอยกรูดออกไปด้วยความตื่น
ตระหนกโดยไม่สนใจว่าจะชนกันสะเปะสะปะหรือไม่ ในสายตาของ
มนุษย์สัตว์เหล่านี้ โจวเหว่ยชิงไม่ใช่มนุษย์ ทว่าเป็นปีศาจตนหนึ่ง!
……………………………………………..