Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 159 องค์ชายสิงโต! (3)
ลางร้ายผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของโจวเหว่ยชิง แต่มันก็สาย
เกินไปแล้วที่จะหลบหนี ทั้ง 3 คนเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และมีเพียงซ่าง
กวนเฟยเอ๋อร์เท่านั้นที่สามารถหลบหนีได้ด้วยปีกศาสตรามณียุทธ์ของ
เธอ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้ง 3 ใกล้ถึงตัวพวกเขาแล้ว โจวเหว่ยชิงจึง
ต้องการทราบว่าฝ่ายนั้นรู้เกี่ยวกับตัวเขาได้อย่างไร เด็กหนุ่มตั้งป้อม
ระวังภัยทันที จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
หากทั้ง 3 คนที่รุกล�าเข้ามาเป็นยอดฝีมือระดับมณี 8 ชุดธรรมดาๆ
พวกเขาก็ไม่จําเป็นต้องหวาดกลัวมากเกินไป ถึงอย่างไรทั้งโจวเหว่ยชิง
และซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ต่างก็มีพลังเหนือกว่าระดับของตนเองอยู่แล้ว
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังมีชุดศาสตรามณียุทธ์ในตํานานอีกด้วย เมื่อมีพลัง
ป้องกันที่แข็งแกร่งของหลินเทียนอ้าวคอยสนับสนุนพวกเขา ฝ่ายโจว
เหว่ยชิงอาจไม่แพ้ในการต่อสู้แบบ 3 ต่อ 3 ก็เป็นได้
ในที่สุดทั้ง 3 คนก็มาถึงจุดหมาย หยุดอยู่ห่างจากกลุ่มของโจว
เหว่ยชิงไปประมาณสิบกว่าหลา ในขณะที่โจว เหว่ยชิงกําลังจดจ้องพวก
เขาด้วยสายตาพิจารณา เขาก็ได้ยินเสียงร้องอย่างประหลาดใจของซ่าง
กวนเฟยเอ๋อร์ “องค์ชายสิงโต!”โจวเหว่ยชิงไม่คาดคิดจริงๆว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะรู้จักคู่ต่อสู้ เด็ก
หนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาทันที
จากบรรดาคนทั้ง 3 เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางนั้นเป็น
ผู้นํา คนๆนี้สูงกว่าโจวเหว่ยชิงครึ่งศีรษะและมีรูปร่างดี เส้นผมของเขา
เป็นสีแดงทองสุกปลั่ง ผมยาวปลิวสะบัดไปตามสายลมทางด้านหลัง
รูปลักษณ์ของเขาดูหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะสายตาที่ใช้จ้อง
มองโจวเหว่ยชิงอย่างดุร้าย ทําให้เด็กหนุ่มสัมผัสถึงแรงกดดันที่ทรงพลัง
ฝ่ายนั้นแต่งกายด้วยชุดคลุมสีทองอ่อน ทําให้รูปลักษณ์โดยรวมดูน่า
สง่างามประทับใจ…องค์ชายสิงโตงั้นรึ?
แท้จริงแล้วนี่คือองค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิง กู่อิ่งปิงถูกขนาบข้างด้วยชาย
ชรา 2 คน ทั้งคู่น่าจะอายุประมาณ 60 ปี รูปร่างใหญ่โต กล้ามเนื้อ
บึกบึน เส้นผมสีแดงและสวมเสื้อคลุมสีทองอ่อนเหมือนกัน อย่างไรก็
ตาม ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างพวกเขากับกู่อิ่งปิงก็คือเส้น
ผมของพวกเขาไม่ได้มีสีทองแวววาวแซมอยู่ด้วย และนี่ก็เป็นเหตุผลว่า
ทําไมผู้ที่ได้พบเห็นภาพนี้จึงมองออกตั้งแต่แรกว่าองค์ชายสิงโตเป็น
ผู้นํา
สีหน้าของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์น่าเกลียดมาก โดยธรรมชาติแล้วเธอ
รู้จักองค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงเป็นอย่างดี เมื่อ 3 ปีก่อนทั้งเธอและซ่างกวน
เสว่เอ๋อร์ได้เข้าร่วมการประลองของ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาหิมะสวรรค์กับผู้เป็นลุงและบิดา หญิงสาวเคยได้พบกับเขามาก่อนหน้า
นี้แล้ว หากจะกล่าวว่าซ่างกวนเสว่เอ๋อร์เป็นสุดยอดนักรบรุ่นเยาว์ในวัง
สวรรค์ไพศาลแล้ว กู่อิ่งปิงคนนี้ก็คงเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่ง
ที่สุดจากทั้ง 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ 3 ปีก่อน เขาก็ได้ก้าวขึ้นสู่
ระดับมณี 7 ชุดขั้นสูงสุดแล้ว ตอนนี้เธอจึงสามารถคาดเดาได้อย่าง
ง่ายดายว่าเขาน่าจะทะลวงไปถึงระดับมณี 8 ชุดสําเร็จเช่นกัน
องค์ชายสิงโตไม่เพียงแต่เป็นศิษย์หลักของภูเขาหิมะสวรรค์เท่านั้น
เขายังเป็นรัชทายาทของราชวงศ์อาณาจักรวั่นโซ่วและเผ่าสิงโต
วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเขาจะสืบทอดบัลลังก์ในอนาคต
หรือจะกลายเป็นผู้นําคนต่อไปของภูเขาหิมะสวรรค์ ถึงอย่างไรก็ไม่ต้อง
สงสัยเลยว่าเขาจะต้องได้ขึ้นครองตําแหน่งสูงสุดของอาณาจักรวั่นโซ่ว
แน่นอน สําหรับองค์ชายสิงโต การที่เขามาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน
เช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเขาเองที่ตะโกนเรียกชื่อโจวเหว่ยชิง ดังนั้น
อาจเป็นไปได้ไหมว่าเขามาที่นี่เพื่อชําระแค้นแทนทั้งสองกรมทหาร?
กระนั้น เขาจะทราบข่าวและตอบสนองอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้
อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ภูเขาหิมะสวรรค์ยังถูกจํากัดด้วยข้อตกลง
ระหว่าง 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาก็จะไม่เข้าแทรกแซงใน
สงครามระหว่างอาณาจักรธรรมดาๆแน่นอน
เนื่องจากเธอไม่รู้เหตุผลว่าทําไมกู่อิ่งปิงจึงมาปรากฏตัวที่นี่ ซ่าง
กวนเฟยเอ๋อร์จึงพูดอย่างเย็นชา “ศิษย์สายหลักผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูเขาหิมะสวรรค์ รัชทายาทแห่งอาณาจักรวั่นโซ่วตั้งใจบุกลึกเข้ามาในเขตแดน
อาณาจักรจ้งเทียนของเรา เจ้ากําลังจะผิดสัญญาการไม่เข้าแทรกแซง
สงครามระหว่างอาณาจักรของ 5 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เฉลียวฉลาดมาก และคําพูดของเธอก็เป็นการ
ชี้นําให้กับทั้งโจวเหว่ยชิงและองค์ชายสิงโต เพื่อแจ้งให้โจวเหว่ยชิงรู้ถึง
ตัวตนและสถานะของอีกฝ่ายในขณะที่เอ่ยวาจาทําร้ายองค์ชายสิงโต
ไปด้วย
สายตาของกู่อิ่งปิงจับจ้องไปที่โจวเหว่ยชิงทันทีที่เขามาถึง ใน
ความเป็นจริง เหตุผลที่ว่าทําไมอาณาจักรวั่นโซ่วถึงได้เพิ่มจํานวนทหาร
เพื่อรบกับกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือก็เป็นเพราะเขานั่นเอง นับตั้งแต่
ที่กู่อิ่งปิงได้เห็นภาพของโจวเหว่ยชิงในวันนั้น ชายหนุ่มก็เจาะจงมาที่นี่
เพื่อตามหาเขาโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม กองทัพตะวันตกเฉียงเหนือก็มี
จํานวนมาก กว่าหนึ่งแสนนาย และการตามหาเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อ
เป็นเช่นนี้ องค์ชายสิงโตจึงนําผู้ติดตามสองคนไปเฝ้ารออยู่ที่ชายแดน
ก่อนหน้านี้ จู่ๆเขาก็ได้รับข่าวจากแนวหน้าอย่างกะทันหันว่ากรม
ทหารเก็บกวาดเส้นทางทั้งสองได้พบกับศัตรูที่น่ากลัวเข้า ทันใดนั้น กู่อิ่
งปิงก็นึกถึงเรื่องที่โจวเหว่ยชิงนําคนของเขาไปดักซุ่มโจมตีกรมทหาร
หมาป่าเท้าเร็วก่อนหน้านี้ ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น เขาจึงรีบพุ่งทะยาน
ออกมาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ แม้ทั้ง 3 คนจะอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล แต่เขาก็ยังสัมผัสถึงการปรากฏตัวของภาพทักษะสวรรค์
ได้ ในฐานะสมาชิกเผ่าสิงโตวิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ เขามี
สายเลือดของอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดเคียงคู่มากับพยัคฆ์วิญญาณ
สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ประสาทสัมผัสและการรับรู้ของเขาจึงแข็งแกร่งกว่า
คนอื่นๆมาก
เมื่อตรวจจับภาพทักษะสวรรค์ได้ มันก็ยืนยันแล้วว่าสิ่งที่กู่อิ่งปิง
คาดเดาอาจถูกต้อง และนั่นก็คือสาเหตุที่เขาตะโกนเรียกชื่อออกมา
ก่อนหน้านี้ ชื่อ ‘โจวเหว่ยชิง’ ที่เขาเรียนรู้มาจากเทียนเอ๋อร์ หลังจากที่
เขาพาเจ้าชายหมาป่าไปรับการรักษาที่ภูเขาหิมะสวรรค์ เทียนเอ๋อร์
และกู่อิ่งปิงก็ได้พบหน้ากันอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังต้องมาที่
ชายแดนเพื่อตามหาโจวเหว่ยชิงและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ทว่า
ชายหนุ่มก็ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นกันว่าการพบกันระหว่างเขากับมนุษย์
ที่ขโมยหัวใจและร่างกายของคู่หมั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ทันทีที่เขามองเห็นโจวเหว่ยชิง ดวงตาขององค์ชายสิงโตก็เต็มไป
ด้วยเพลิงโทสะ เนื่องจากชายหนุ่มเคยได้เห็นโจวเหว่ยชิงผ่านความทรง
จําของบัตเลอร์มาก่อนแล้ว เขาจึงจําคนไม่ผิดอย่างแน่นอน ตอนนี้เมื่อ
ได้ยินเสียงของซ่างกวนเฟย เอ๋อร์ เขาจึงเบนความสนใจไปที่เธอในทันที“เจ้ามาจากวังสวรรค์ไพศาล…เด็กซ่างกวนคนนั้น” น�าเสียงทุ้มต�า
ขององค์ชายสิงโตเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความบ้าคลั่งที่ถูกกด
ข่มเอาไว้
“ข้าคือซ่างกวนเฟยเอ๋อร์”
องค์ชายสิงโตพูดอย่างเย็นชา “เจ้าถามข้าว่าทําไมถึงมาที่นี่ แล้ว
ตัวเจ้าล่ะ? ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าคือคนที่น่าจะเข้ามาแทรกแซงการต่อสู้
ระหว่างอาณาจักรของเรา อย่างไรก็ตาม ข้าไม่อยากเสียเวลาคุยกับเจ้า
วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อเขา และมันก็เป็นธุระส่วนตัวของข้า”
คิ้วของโจวเหว่ยชิงขมวดขึ้นเล็กน้อย “เรื่องส่วนตัว? ข้าไม่คิดว่าข้า
รู้จักเจ้านะ?” เด็กหนุ่มค่อนข้างรู้สึกสงสัยอยู่ภายในใจ ด้วยคําพูดเกริ่น
นําของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เขาจะไม่เข้าใจพลังที่แท้จริงขององค์ชาย
สิงโตคนนี้ได้อย่างไร ทว่าทันใดนั้น จู่ๆก็ราวกับว่าเด็กหนุ่มตระหนัก
บางอย่างได้ ใบหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนไปในพริบตา โจวเหว่ยชิง
นึกถึงเหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้ เหตุผลที่องค์ชายสิงโตตามหาเขา
“เจ้าไม่รู้จักข้า แต่ก็ควรรู้จักเทียนเอ๋อร์ใช่ไหม? ข้าเป็นคู่หมั้นของ
เทียนเอ๋อร์” คําพูดของกู่อิ่งปิงถูกเอ่ยลอดไรฟันออกมา เขารักเทียน
เอ๋อร์อย่างแท้จริง ชายหนุ่มมีอายุมากกว่าเทียนเอ๋อร์สิบปีและอาจ
กล่าวได้ว่าเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมาด้วยตัวเอง กู่อิ่งปิงเฝ้ารอหญิงสาวมา
ตลอด และการแต่งงานของทั้งคู่ก็ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการเมืองเท่านั้นหาไม่แล้ว เมื่อเขารู้ว่าเธอสูญเสีย ‘พรหมจรรย์’ ไปอย่างไร เขาก็อาจ
ปฏิเสธการแต่งงานและกอบโกยประโยชน์ทดแทนอื่นๆจากอาจารย์
ของตนแทน ทว่าท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่ได้ทําเช่นนั้นและยืนกรานที่จะ
แต่งงานกับเทียนเอ๋อร์ให้ได้ นั่นไม่ใช่เพราะต้องการเอาอกเอาใจซู่อ้าว
เทียน แต่เป็นเพราะเขารักเทียนเอ๋อร์ด้วยใจจริง
ในขณะนี้ เมื่อเห็นชายที่ขโมยหัวใจและร่างกายของเทียนเอ๋อร์ไป
ในอกของเขาจะไม่เต็มไปด้วยความเกลียดชังได้อย่างไร
คราวนี้โจวเหว่ยชิงรับรู้ว่าตัวเองคาดเดาถูกต้อง แม้จะไม่รู้ว่าทําไม
องค์ชายสิงโตถึงรู้เรื่องของเขาหรือหาตัวเขาเจอได้อย่างไร แต่เด็กหนุ่ม
ก็รู้ว่าไม่เหลือเวลาให้เตรียมตัวอีกต่อไป
“เทียนเอ๋อร์สบายดีไหม?” เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูหัวใจผู้ที่ดวงตา
แทบจะพ่นไฟออกมา โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเทียน
เอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
กู่อิ่งปิงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาถามถึงเทียนเอ๋อร์?
เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
สายตาของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ชายทั้งสองคนยืนอยู่ที่
นั่น จ้องมองซึ่งกันและกันราวกับกระทิงคลั่งสองตัวที่พร้อมที่จะพุ่งเข้าขวิดกันเพื่อตัวเมีย บรรยากาศคุกกรุ่นระหว่างพวกเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับว่าการต่อสู้จะสามารถปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ
หลินเทียนอ้าวขยับเข้าใกล้โจวเหว่ยชิงโดยไม่รู้ตัว เมื่อข้ไปใกล้มาก
ขึ้น ชายหนุ่มก็สัมผัสความแข็งแกร่งและอันตรายที่แท้จริงจากกู่อิ่งปิง
ได้อย่างชัดเจน
“ข้าขอท้าเจ้า ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายก็จงเดินออกมาต่อสู้” ในขณะที่
เขาเอ่ย กลิ่นอายอันเข้มข้นของพลังปราณสวรรค์ก็ระเบิดออกมาจาก
ร่างของกู่อิ่งปิงพร้อมกับแสงสีแดงทองที่เข้าปกคลุมทั่วร่างกายของเขา
และแผ่กระจายออกไปด้านนอก มณียุทธ์หยกน�าแข็ง 8 ดวงรอบข้อมือ
ขวาบ่งบอกถึงคุณสมบัติความแข็งแกร่ง มือของเขาชี้ไปที่โจวเหว่ยชิง
ประกายดุร้ายฉายชัดในดวงตาราวกับต้องการจะฉีกกระชากร่างเด็ก
หนุ่มเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อ้วนน้อย อย่า!” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กล่าวอย่างร้อนใจ โดย
ธรรมชาติแล้วเธอย่อมต้องได้ยินว่าโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงกําลัง
ทะเลาะกันเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง…อันที่จริงเธอเคยพบเทียนเอ๋อร์มา
ก่อน แต่ในตอนนี้หญิงสาวไม่อาจสนใจเรื่องหึงหวงได้อีกต่อไป ซ่างกวน
เฟยเอ๋อร์ย่อมกระจ่างใจดีว่ากู่อิ่งปิงมีพลังเช่นไร เพราะท้ายที่สุดแม้แต่
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์พี่สาวของเธอก็เทียบองค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงไม่ได้นับประสาอะไรกับโจวเหว่ยชิง องค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงย่อมไม่ใช่จ้าวมณี
สวรรค์ระดับมณี 8 ชุดธรรมดาๆแน่นอน!
โจวเหว่ยชิงหันไปมองซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก่อนจะพูดด้วยน�าเสียง
จริงจัง “นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ข้าจะหันหลังกลับได้” ในขณะที่เอ่ยเช่นนั้น
เขาก็หันไปหากู่อิ่งปิงและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เชิญ”
การต่อสู้ครั้งนี้เกิดเพราะเทียนเอ๋อร์ เป็นการต่อสู้ระหว่างลูกผู้ชาย
และไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความอีก ความแข็งแกร่งและพลังเท่านั้นที่
จะแก้ไขปัญหาและความเป็นศัตรูระหว่างพวกเขาได้ ทั้งสองฝ่ายเผย
จิตสังหารใส่อีกฝ่ายอย่างดุดันพอๆกัน
แม้โจวเหว่ยชิงจะรู้ว่าพลังของตนไม่อาจเทียบคู่ต่อสู้ได้ แต่เขาก็จะ
ไม่ยอมหันหลังกลับ มิฉะนั้น เขาก็อาจจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอให้รัก
เทียนเอ๋อร์อีกต่อไป
จริงๆแล้วโจวเหว่ยชิงย่อมกลัวความตาย แต่ในบางสถานการณ์
เขาก็ไม่อาจถอย สิ่งที่ซ่อนลึกเข้าไปถึงไขกระดูกของเขาก็คือความ
เลือดร้อนของคนหนุ่มสาวนั่นเอง
กู่อิ่งปิงโบกมือ และชายชราสองคนที่ขนาบข้างเขาค่อยๆก้าวถอย
หลังเพื่อเว้นระยะห่างออกไปซ่างกวนเฟยเอ๋อร์กําลังจะเอ่ยขัด แต่ก็ถูกหลินเทียนอ้าวที่ก้าวถอย
หลังมาก่อนหน้านี้หยุดไว้เสียก่อน แม้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะไม่เต็มใจ แต่
ตอนนี้เธอจะยังทําอะไรได้บ้าง? หญิงสาวทําได้เพียงด่าทอโจวเหว่ยชิง
ในใจว่าเจ้าคนมักมากในกาม ในขณะที่พยายามซ่อนความกังวลไว้ข้าง
ใน เวลาเดียวกัน เธอก็พร้อมที่จะเข้าไปแทรกแซงอย่างเต็มที่หากองค์
ชายสิงโตพยายามจะสังหารโจวเหว่ยชิงจริงๆ
ขณะที่อีก 4 คนก้าวถอยห่างออกไป มีเพียงโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิง
เท่านั้นที่หันหน้าเข้าหากัน ทั้งสองไม่ได้ถอยห่างออกไปด้วย สายตาของ
พวกเขาเต็มไปด้วยประกายดุร้ายและแข็งกร้าว
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างศัตรูความรักและจะไม่มีทางหันหลังกลับ
คนที่โจมตีก่อนคือโจวเหว่ยชิง ระดับพลังปราณของเขาเทียบคู่
ต่อสู้ไม่ได้ และเขาก็จะไม่ยอมให้องค์ชายสิงโตสะสมพลังปราณของเขา
ต่อไปจนถึงขีดสูงสุด หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น การโค่นเขาลงในครั้งเดียวก็คง
จะเป็นเรื่องง่ายดายมาก
ด้วยเสียงคํารามต�าๆ โจวเหว่ยชิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราว
กับลูกศรที่ถูกยิงจากคันธนู ในระหว่างที่อยู่กลางอากาศ เขาก็ลงมือ
เสร็จสิ้นไปหลายอย่างและเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างทันที เด็กหนุ่มรู้
ว่าหากไม่มีสถานะปีศาจกลายร่าง เขาก็จะไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกัน ภาพทักษะสวรรค์ของปีศาจมังกรสาวก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาด้วย ทักษะผนึกมังกรเงียบเป็นอีกหนึ่งกุญแจสําคัญ
ที่ทําให้เขามีโอกาสได้รับชัยชนะ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ทันทีที่โจวเหว่ยชิงเริ่มเคลื่อนไหว กู่อิ่งปิงก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน หลัง
คํารามออกมาดังลั่น เส้นผมสีแดงทองของเขาปลิวขึ้นสูงตามสายลม
แสงสีทองเข้มข้นพุ่งออกมาจากร่างขณะที่ชายหนุ่มพุ่งไปข้างหน้า เขา
ไม่มีลูกไม้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ เพียงแค่ชกไปที่หน้าอกของโจวเหว่ยชิงตรงๆ
เท่านั้น
…………………………………………..