Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 160 การต่อสู้ระหว่างศัตรูหัวใจ! (3)
ความจริงโจวเหว่ยชิงไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก ก่อนหน้านี้ทักษะ
ทั้งหมดของเขาทรงพลังอย่างแท้จริง แต่การปล่อยมันออกไปทั้งหมดใน
ครั้งเดียวก็แทบจะทําให้พลังปราณสวรรค์เขาแห้งเหือดหมดบ่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดที่เผาผลาญพลัง
ปราณไปจํานวนมาก
โจวเหว่ยชิงไม่รู้ว่าเขาจะทําลายเกราะป้องกันสีทองรอบๆตัวกู่อิ่
งปิงได้อย่างไร แต่เขาก็คงต้องลองดู
เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยางฟาดลงบนชั้นเกราะทองคําของ
ทักษะเทพพิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ และโจวเหว่ยชิงก็รับรู้ถึงกระแสพลังรุนแรง
ที่พุ่งเข้ามาในตัวทันที ราวกับว่าจิตวิญญาณทั้งหมดของเขากําลังถูก
เผาไหม้ แม้โจวเหว่ยชิงจะสวมเกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง แต่
ความรู้สึกร้อนแผดเผานั้นก็ทําให้เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่าง
ของเด็กหนุ่มกระเด็นถอยหลังไปในทันที
กู่อิ่งปิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางกล่าวว่า “เจ้ามีทักษะธาตุ
ปีศาจและทักษะธาตุมืด ทว่ากล้าแตะต้องปราการเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์ของข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่รู้รึว่าทักษะธาตุเทวาเป็นสิ่งที่ตรงกัน
ข้ามกับขั้วพลังด้านมืดทั้งหมด…”
ในขณะนี้สมองของโจวเหว่ยชิงก็ราวกับว่าได้เห็นแสงสว่างในที่สุด
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทําไมตนเองถึงตกเป็นรองกู่อิ่งปิงตลอดมา ไม่ใช่
แค่ความแตกต่างระหว่างพลังของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะ
ธาตุที่ปะทะกันอีกด้วย คู่ต่อสู้ของเขามีทักษะธาตุเทวาซึ่งเป็น 1 ใน 4
ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ มันปรากฏขึ้นเพื่อตอบโต้ทั้งทักษะธาตุปีศาจและ
ทักษะธาตุมืดของเขา ทําให้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดบางอย่างไร้
ประโยชน์ไปในทันที นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมสายฟ้าเทพเจ้าอสูรมืดจึง
ถูกทําลายอย่างง่ายดายด้วยทักษะธาตุเทวา เนื่องจากมันสร้างขึ้นจาก
ทั้งทักษะธาตุปีศาจและทักษะธาตุมืดนั่นเอง!
กู่อิ่งปิงก้าวไปหาโจวเหว่ยชิง แน่นอน เขาสามารถบอกได้ว่า
ปัจจุบันพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว แม้
ชายหนุ่มจะไม่คาดคิดมาก่อนว่าการโค่นโจวเหว่ยชิงจะต้องใช้เวลานาน
และต้องเผชิญกับปัญหามากมายขนาดนี้ แต่สุดท้ายชัยชนะก็ยังตกเป็น
ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
โจวเหว่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับเบื้องหน้า
อย่างเต็มที่ ในเวลาเดียวกัน หลุมดําพลังปราณกว่า 20 แห่ง ณ จุดตาย
ของเด็กหนุ่มก็กําลังทํางานด้วยความเร็วสูงสุดอย่างแท้จริง พวกมันหมุนวนอย่างบ้าคลั่งขณะที่ดึงพลังปราณสวรรค์จากชั้นบรรยากาศเข้า
มาช่วยให้เขาฟื้ นตัว
มือขวาของกู่อิ่งปิงโบกขึ้น และไม้เท้าหัวมังกรในมือของเขาก็พุ่ง
ทะยานไปหาโจวเหว่ยชิงในขณะที่มันเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทอง
ในช่วงเวลาไม้เท้าหัวมังกรก็ดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมา มันเปล่งแสงและ
กลายร่างเป็นมังกรสีทองขนาด 2 จั้งกระโจนเข้าใส่โจวเหว่ยชิง นี่คือ
ทักษะที่ติดมากับศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพนั่นเอง
ชั้นผลึกแสงสีเทาสว่างวาบขึ้นจากร่างของโจวเหว่ยชิง และ
หลังจากเสียง *ตูม* ที่ดังขึ้น มันก็สามารถสกัดกั้นการจู่โจมของมังกร
ทองขนาดใหญ่ได้ ในเวลาเดียวกัน โจวเหว่ยชิงก็เงยหน้าขึ้นมองตรงไป
ที่องค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิง แสงสีแดงม่วงพลันสว่างจ้าออกมาจากดวงตา
ทั้งสองข้างของเขา
แม้จะมีโอกาสชนะเพียงเล็กน้อย แต่โจวเหว่ยชิงก็ยังไม่เต็มใจที่จะ
ยอมแพ้ สิ่งที่เขาเพิ่งใช้ออกไปในตอนนี้คือการโจมตีทางวิญญาณของ
ทักษะผนึกเทพเจ้ามังกรปีศาจ
เกือบจะในเวลาเดียวกัน แสงสีทองก็กระพริบขึ้นในดวงตาของกู่อิ่
งปิง และแสงที่แตกต่างกันทั้งสองสีก็ปะทะกันกลางอากาศ ทําให้เกิด
ประกายไฟรุนแรง โจวเหว่ยชิงรู้สึกเจ็บปวดที่ดวงตาราวกับถูกทิ่มแทงอย่างกะทันหัน และร่างกายของเขาก็สะดุดถอยหลังอย่างไม่สามารถ
ควบคุมได้ สมองรู้สึกราวกับถูกค้อนทุบใส่ซ�าๆ
“ฮึ่ม! กล้าใช้การโจมตีทางวิญญาณกับข้า…คนที่มีทักษะธาตุ
วิญญาณ…ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ถึงอย่างไรระดับพลังปราณและ
ทักษะของเจ้าก็อยู่ห่างชั้นจากข้ามากเสียขนาดนั้น…”
องค์ชายสิงโตกล่าวอย่างเหยียดหยามในขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้
มากขึ้นเรื่อยๆ โจวเหว่ยชิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ปราการเทพ
ปีศาจต้านรับการโจมตีของมังกรทอง ร่างกายของเขาถูกผลักจน
กระเด็นออกไปไกลอย่างไม่อาจควบคุมได้ แม้อัตราการฟื้ นฟูพลัง
ปราณสวรรค์ของเด็กหนุ่มจะเร็วมาก แต่ภายใต้การโจมตีของมังกรทอง
ยักษ์อย่างไม่หยุดหย่อน จํานวนพลังปราณที่ถูกเผาผลาญไปกับ
ปราการเทพปีศาจก็มากเกินกว่าอัตราการฟื้ นฟูของตัวเขาแล้ว
“พอได้แล้ว! กู่อิ่งปิง เจ้ากล้า…” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่สามารถอด
กลั้นได้อีกต่อไป และในพริบตาเดียว หญิงสาวก็พุ่งตรงมาข้างหน้าทันที
ในเวลาเดียวกัน ชายชราสองคนที่มาด้วยกันกับกู่อิ่งปิงก็ปรากฏตัว
ขึ้นขวางทางซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และหลินเทียนอ้าวเอาไว้
“ระดับราชาสวรรค์…” ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
ด้วยความตกใจกู่อิ่งปิงมีสถานะอะไรในอาณาจักรน่ะหรือ? เขาอยู่บนจุดสูงสุด
ของปิรามิดอย่างแน่นอน เผ่าสิงโตเป็นราชวงศ์ของอาณาจักรวั่นโซ่วมา
หลายปีและพวกเขาก็ครอบครองขุมพลังต่างๆเอาไว้มากมายอย่างไม่
น่าเชื่อ โดยธรรมชาติแล้วจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาทั้งสองคนจึงอยู่ที่นี่
เพื่อปกป้องเขาเป็นในฐานะผู้คุ้มกัน
หลินเทียนอ้าวและซ่างกวนเฟยเอ๋อร์อาจแข็งแกร่ง มีระดับพลัง
ปราณหรือความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในบรรดากลุ่มคนที่อายุเท่าพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อแต่ละคน
เผชิญหน้ากับราชาสวรรค์ พวกเขาจะยังทําอะไรได้บ้าง? ทั้งคู่ย่อมไม่
สามารถผ่านคนเหล่านี้ไปได้ง่ายๆ แน่นอนว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา
ทั้งสองจะไม่ดําเนินการใดๆกับพวกเขาหากไม่มีคําสั่งของกู่อิ่งปิง และ
ทําเพียงแค่ขวางทางไว้เท่านั้น หาไม่พวกเขาทั้ง 3 ก็อาจตายไปแล้ว
กู่อิ่งปิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินคําพูดของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ เขาค่อยๆ
สาวเท้าก้าวไปหาโจวเหว่ยชิงด้วยแววตาดุร้าย เมื่อมองไปยังศัตรูหัวใจ
เขาเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า วันนี้เขาคือผู้ชนะ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคู่
ต่อสู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้นี้อายุน้อยกว่าเขาหลายสิบปี ที่สําคัญกว่านั้นคือ
เขาชนะใจเทียนเอ๋อร์ไปแล้ว
ในที่สุดพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็หมดลงเต็มที่ เมื่อ
เผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่แท้จริง จุดอ่อนที่เขามีในการต่อสู้ก็โผล่ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน โจวเหว่ยชิงไม่มีพลังปราณสวรรค์เพียงพอที่จะใช้
ทักษะต่างๆทั้งหมดเพื่อป้องกันการโจมตีอันทรงพลังขององค์ชายสิงโต
นอกจากนี้ ทักษะหลายอย่างของเขายังถูกกู่อิ่งปิงกดข่มเอาไว้อย่าง
เต็มที่
ปราการเทพปีศาจพลันสลายกลายเป็นเศษประกายแสง และ
มังกรทองยักษ์ก็พุ่งเข้าปะทะหน้าอกของโจวเหว่ยชิงอย่างรุนแรงดุดัน
ทั้งร่างของโจวเหว่ยชิงถูกส่งลอยขึ้นไปในอากาศ เลือดสดๆพุ่ง
ออกมาจากปากของเขาทันที หากไม่ได้กระจกหัวใจแหล่งกําเนิดความ
แข็งแกร่งปกป้องเอาไว้ เขาย่อมต้องตายทันทีหลังจากการจู่โจมในครั้ง
นี้
มังกรทองถลากลับไปที่มือขององค์ชายสิงโตและเลื้อยพันรอบไม้
เท้าหัวมังกรดั่งเดิม กู่อิ่งปิงก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อไปให้ถึงตัวโจวเหว่ย
ชิง
การโจมตีครั้งนี้โหดร้ายและรุนแรงเกินไป โจวเหว่ยชิงจึงไม่เหลือ
พลังปราณสวรรค์แม้แต่กระผีกเดียว เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง
และกระจกป้องกันหัวใจก็หายไปแล้วเนื่องจากไม่มีพลังปราณเหลือ
เพียงพอเพื่อคงสภาพพวกมันเอาไว้ ในเวลาเดียวกัน สถานะปีศาจ
กลายร่างก็ค่อยๆซึมหายเข้าไปในร่างกายของเขา โจวเหว่ยชิงล้มลงกับ
พื้น ใบหน้าฉายแววซีดเผือก อวัยวะภายในร่างกายรู้สึกเหมือนถูกพลิกคว�าและเขย่าไปมา นั่นทําให้เด็กหนุ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือดโดยไม่
รู้ตัว ตอนนี้โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าแม้แต่การหายใจก็ยังกลายเป็นเรื่อง
ยากลําบากด้วยซ�า
กู่อิ่งปิงไม่ได้บุกต่อและปลดปล่อยการโจมตีขั้นสุดท้ายออกมา เขา
เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น มองลงไปยังโจวเหว่ยชิงที่กําลังนอนหมดสภาพ
ด้วยรูปลักษณ์สูงสง่าและหล่อเหลา ดวงตาของเขาฉายแววดุร้าย บน
ใบหน้ามีความลังเลและครุ่นคิด
ขณะจ้องมองกลับไปยังดวงตาขององค์ชายสิงโต โจวเหว่ยชิงรู้สึก
ว่ามีม่านสีแดงฉายปกคลุมดวงตาของเขา แม้จะเจ็บปวดไปทั้ง
สรรพางค์กาย แต่เขาก็ยังฝืนตัวเอง ดันพื้นทีละนิดเพื่อลุกขึ้น แม้กําลัง
จะต้องตาย เขาก็จะไม่ตายในท่านั้น แต่จะยืนหยัดต่อหน้าศัตรูหัวใจ
อย่างห้าวหาญ
กู่อิ่งปิงมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้ารู้ไหมว่าข้ารักเทียน
เอ๋อร์มากี่ปี? ข้าจะบอกอะไรให้… ตั้งแต่วันที่นางเกิด นางก็ถูกลิขิตให้
เป็นภรรยาของข้าแล้ว ภรรยาขององค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงคนนี้ ตั้งแต่ยัง
เด็กข้าคอยดูแลและปกป้องนางไม่ให้ได้รับความเจ็บปวดหรือทุกข์
ทรมานแม้เพียงเล็กน้อย ด้วยนิสัยซุกซนของนาง แม้ว่าข้าจะถูก
อาจารย์ลงโทษอย่างหนักหลายครั้ง ข้าก็ยินดีที่จะทําเช่นนั้น ทุกๆวันข้า
เฝ้าดูนางเติบโตและงดงามขึ้นวันแล้ววันเล่า หัวใจของข้าเต็มไปด้วยความรักและความหวังเนื่องจากรู้ว่านางจะกลายเป็นภรรยาของข้าใน
ที่สุด แต่…คนสารเลวเช่นเจ้า เจ้ากล้าหลอกลวงเด็กสาวไร้เดียงสาผู้ไม่รู้
อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก ขโมยหัวใจของนางไปจากข้า แม้กระทั่ง
ร่างกายของนาง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ยอมแพ้และจะนํา
หัวใจของนางกลับคืนมา”
โจวเหว่ยชิงกระอักเลือดออกมาอีกคําหนึ่งและพูดว่า “พล่ามอะไร
เหลวไหล! ความรักของเจ้าเป็นเพียงรักข้างเดียวทั้งนั้น หลอกลวงอัน
ใด? เทียนเอ๋อร์รักข้า และข้าก็รักนางเช่นกัน พวกเราใช้เวลาร่วมทุกข์
ร่วมสุขกันมาหลายปี เจ้าจะไม่มีวันนําหัวใจของนางกลับคืนไปได้ นาง
จะเป็นของข้าเท่านั้น เหมือนที่ข้าเป็นของนางเสมอ แม้ว่าเจ้าจะฆ่าข้า
เจ้าก็จะไม่มีวันเปลี่ยนความจริงข้อนั้นได้ แม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็ยังคงอยู่
ในใจของเทียนเอ๋อร์ตลอดไป เอาสิ! ฆ่าข้าเลย…ฮ่าๆๆ”
นิสัยดื้อรั้นและหัวแข็งของโจวเหว่ยชิงได้รับการกระตุ้นขึ้นมาทันที
ในขณะนั้นเขาลืมเรื่องกลัวตายไปโดยสิ้นเชิง แม้จะไม่สามารถเอาชนะ
ศัตรูหัวใจที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ แต่เด็กหนุ่มก็จะไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่แสดง
อาการอ่อนแอและขอถอนตัวจากไป
กู่อิ่งปิงกระแทกเท้าของเขาเข้าที่หน้าท้องของโจวเหว่ยชิงด้วยการ
เตะอย่างป่าเถื่อน ส่งเด็กหนุ่มลอยละลิ่วกลับไปอีกครั้ง ในพริบตาเดียว
องค์ชายสิงโตก็หายตัวและโผล่ออกมาอีกครั้งกลางอากาศ คว้าตัวโจวเหว่ยชิงและระดมฟาดใส่ร่างที่กําลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนั้น อ้วนน้อยโจวก็ได้กลายเป็นกระสอบทรายไปจริงๆ
“อ้วนน้อย!” ดวงตาของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แดงเรื่อขึ้นเช่นกัน หญิง
สาวปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในคราวเดียวโดยไม่สนใจเรื่องการ
ป้องกัน เสี่ยงชีวิตโจมตีจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาเบื้องหน้าทันที
อนิจจา เนื่องจากฝั่ งตรงข้ามเองก็เป็นยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์
ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น เธอจึงไม่สามารถทําลายปราการป้องกันเขาได้เลย
ในขณะนั้นเสียงหึ่งเบาหวิวก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสีเงินวูบวาบ จู่ๆ
องค์ชายสิงโตที่กําลังระดมต่อยตีโจวเหว่ยชิงก็แข็งทื่อกลางอากาศ
เกราะเทพพิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์รอบกายของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆในทันที
ท่ามกลางอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างฉุกลหุก กู่อิ่งปิงได้แสดงความ
แข็งแกร่งและพลังที่แท้จริงของเขาออกมาให้เห็นที ชายหนุ่มฝืนขยับ
ร่างกายในช่วงวินาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีใส่จุดสําคัญ ใน
ท้ายที่สุด แสงสีเงินก็ทําได้เพียงแค่กรีดลึกผ่านซี่โครงของเขา เลือดสดๆ
พลันไหลซึมออกมาจากบาดแผลทันที
อันที่จริง ร่างที่ลงมืออย่างกระทันหันก็คือจักรพรรดิสีเงินถั่วแดง
น้อยซึ่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของโจวเหว่ยชิงเกิดเสียงดังโครมและโจวเหว่ยชิงก็หล่นลงกระแทกพื้น เด็กหนุ่ม
พ่นเลือดออกมาจากปาก กระทั่งไหลออกมาจากจมูกและใบหูของเขา
ด้วย เขาได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้แล้ว และการโจมตีครั้งใหม่ก็ทําให้
โจวเหว่ยชิงตกอยู่ในอาการกึ่งรู้สึกตัว มีเพียงเงาสีแดงทาบทับอยู่ใน
ดวงตาเท่านั้น แขนทั้งสองข้างและขาซ้ายหัก มีเพียงขาขวาปีศาจที่
แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเท่านั้นที่ทรงพลังมากพอที่จะไม่หักไปด้วย
กระทั่งซี่โครงของเขาก็ยังมีอย่างน้อย 5 ซี่ที่หักไป ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังมี
ชีวิตอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าทําไม ที่จริงกู่อิ่งปิงสามารถฆ่าเขาได้ง่ายดาย แต่
เขากลับไม่ได้ทําเช่นนั้น
“หึ จักรพรรดิสีเงินตัวน้อยที่อ่อนแอ…” กู่อิ่งปิงได้รับบาดเจ็บ แต่
นั่นก็ไม่นับเป็นอะไรร้ายแรงสําหรับยอดฝีมือเช่นเขา ถึงกระนั้น แววดุ
ร้ายในดวงตาของชายหนุ่มแฝงประกายอํามหิตยิ่งขึ้น มือของกู่อิ่งปิง
ยกขึ้นหมุนวนในอากาศ ทันใดแสงสีแดงทองอันทรงพลังก็สาดซัด
ออกมา คล้ายจะรวมตัวกันในรัศมี 50 หลา ช่วงเวลานั้น แสงสีแดงทอง
ก็ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นตาข่าย บังคับจักรพรรดิสีเงินถั่วแดงน้อยให้หยุด
การเคลื่อนไหวในขณะที่มันถูกจับขังอยู่ภายใน
“ตาย!” แสงสีทอง 2 สายพุ่งออกมาจากดวงตาของกู่อิ่งปิงตรงไปที่
ถั่วแดงน้อย ในขั้นต้น มันพยายามที่จะดิ้นให้หลุดพ้นจากตาข่ายด้วย
ทักษะกระชากมิติและทักษะสายฟ้าทะลวงจักรพรรดิสีเงิน แต่ไม่นาน
ร่างของมันก็กลับแข็งทื่อ สั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนที่จะบินโซซัดโซเซ ตาข่ายแสงดูเหมือนจะยุบเข้าไปด้านใน และหลังจากเกิดเสียงที่
น่าหวาดกลัว ร่างเล็กๆของถั่วแดงน้อยก็ถูกทําลายจนป่นปี้ โดยตาข่ายที่
มีพลังแสนน่ารังเกียจนั้นและร่วงหล่นไปกลายเป็นเศษเลือดเนื้อเกลื่อน
พื้น ตายสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย
อสูรสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด… ทว่ากลับดูคล้ายจะอ่อนแอและ
ไร้พิษสงต่อหน้าทักษะผสานทักษะธาตุวิญญาณและธาตุศักดิ์สิทธิ์ของ
กู่อิ่งปิง เห็นได้ชัดว่าหากเขาต้องการฆ่าโจวเหว่ยชิงจริงๆ แม้ว่าจะมีโจว
เหว่ยชิงอีกกี่สิบคน ทั้งหมดก็ต้องตายแน่นอน
กู่อิ่งปิงยกมือขึ้นไปทางโจวเหว่ยชิง และแรงดึงดูดอันทรงพลังก็
ลากร่างของเด็กหนุ่มไปตรงหน้าเขา
“กู่อิ่งปิง ถ้าเจ้ากล้าฆ่าเขา วังสวรรค์ไพศาลของเราจะไม่ปล่อย
เรื่องนี้ไปง่ายๆแน่ เหว่ยชิงเป็นลูกเขยของวังสวรรค์ไพศาลของเรา…”
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
กู่อิ่งปิงมองไปที่เธออย่างเย็นชา “ถ้าข้าอยากจะฆ่าเขา แม้ว่าเขา
จะเป็นลูกชายของจ้าววังสวรรค์ไพ