Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 162 การตื่นขึ้นล่วงหน้าของวิญญาณมังกรกลายสภาพ! (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 162 การตื่นขึ้นล่วงหน้าของวิญญาณมังกรกลายสภาพ! (1)
เมื่อมองไปยังหลงซื่อหยาและต้วนเทียนหลางที่กําลังหัวเราะร่วน
ด้วยกัน โจวเหว่ยชิงก็มีเพียงความคิดเดียวใน ใจ… นั่นก็คือราวกับว่ามี
อาจารย์มู่เอินสองคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ผู้อาวุโสสองคนนี้ทําไมพวกเขา
ถึงหัวเราะได้น่าเกลียดขนาดนี้
“ท่านอาจารย์… บางทีท่านอาจจะ… เอ่อ… หายโกรธแล้วหรือ?”
โจวเหว่ยชิงถามอย่างไม่แน่ใจ
“โกรธ? จะโกรธไปไย ข้าบรรยายไม่ออกด้วยซ�าว่าข้ามีความสุข
มากแค่ไหน หึๆๆ เจ้าเด็กเหลือขอ ทําได้ดีๆ ที่เจ้าถูกอัดมานี่ย่อมต้อง
คุ้มค่าแน่นอน” เดิมทีหลงซื่อหยาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจากการที่
โจวเหว่ยชิงถูกทุบตีอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตอนนี้ความ
โกรธของเขาจะหายเกลี้ยงหมดแล้ว
โจวเหว่ยชิงมองดูผู้อาวุโสทั้งสองด้วยความสับสน สมองพลันว่าง
เปล่ากับสิ่งที่เกิดขึ้น
ต้วนเทียนหลางหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “เหว่ยชิง ความ
จริงไม่ใช่แค่ตัวข้าและอ้วนหลงเท่านั้นที่ดีใจมาก ในความเป็นจริง ยอด
ฝีมือระดับมหาราชาสวรรค์ใดๆต่างก็ต้องหัวเราะออกมาดังๆด้วยความยินดีกับข่าวนี้ การที่เฒ่าปีศาจซู่อ้าวเทียนเป็นที่ร�าลือว่าแข็งแกร่งที่สุด
ในแผ่นดินใหญ่นั้นไม่ใช่คําลวง และการที่เขามีชื่อเสียงเช่นนั้นก็ไม่ใช่
เพียงเพราะความโชคดี พลังของเขาย่อมต้องเหนือกว่าพวกเราทุกคน
แน่นอนอยู่แล้ว…ตราบใดที่ยังคงอยู่ในระดับมหาราชาสวรรค์ พวกเรา
ทุกคนก็ยังต้องพ่ายแพ้และเสียเปรียบให้เจ้านั่น ตลอดชีวิตของเฒ่า
ปีศาจซู่ เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ทั้งยังมีนางเมื่ออายุมากแล้ว… ด้วย
เหตุนี้นางจึงมีค่าสําหรับเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอนที่นางเกิด
พวกเขาก็ได้หมั้นหมายนางให้กับองค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงแห่งราชวงศ์
อาณาจักรวั่นโซ่วแล้ว แต่เด็กเหลือขอตัวน้อยอย่างเจ้ากลับสามารถ
ขโมยหัวใจของนางมาได้จริงๆ ทําให้ลูกสาวที่แสนล�าค่าของเฒ่าปีศาจ
ซู่มาตกหลุมรักเจ้าได้! อ้วนหลงถูกเฒ่าปีศาจตนนั้นบดขยี้มาก็หลายครั้ง
คราวนี้เขาจะไม่รู้สึกฮึกเหิมและลําพองใจได้อย่างไร? เขาอาจจะไม่
สามารถเอาชนะเฒ่าปีศาจซู่ได้ แต่ลูกสาวของเจ้านั่นกลับถูกลูกศิษย์ผู้
ล�าค่าของเขาขโมยมา…ฮ่าๆ ชมดูอาจารย์ของเจ้าเอาเถิด หัวเราะจน
ปากแทบจะเบี้ยวอยู่แล้ว!”
ปากของโจวเหว่ยชิงกระตุกโดยไม่รู้ตัว ตามที่คาดไว้ เสียงหัวเราะ
เยาะเย้ยของพวกเขาไม่ใช่เพียงการแสดง
สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆหรือ? เมื่อมองไปยังเหล่าอาจารย์ที่กําลังหัวเราะ
อย่างบ้าคลั่ง โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกมั่นใจอย่างน่าประหลาดว่าเขาจะนําเทียนเอ๋อร์กลับคืนมาได้ “อาจารย์ แล้วข้ากับเทียนเอ๋อร์ล่ะ ท่านจะไม่
ต่อต้านเรื่องนี้จริงๆหรือ?”
หลงซื่อหยาหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “ต่อต้าน? ทําไมข้าถึง
ต้องต่อต้านเรื่องนั้นด้วยเล่า? เจ้าแค่พักผ่อนให้ดีและฟื้ นฟูสภาพ
ร่างกายก่อน ภายหลังข้าจะพาเจ้าขึ้นภูเขาหิมะสวรรค์เพื่อตามหาเฒ่า
ปีศาจซู่เอง สําหรับเรื่องอื่น ข้า อาจารย์ของเจ้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง
แน่ แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของเจ้า ข้าจะไม่ช่วยเข้าไป
แทรกแซงได้อย่างไร? พวกเรามาแสดงละคร ‘แย่งชิงเจ้าสาว’ ต่อหน้า
เฒ่าปีศาจซู่กันดีกว่า… หากเราทําสําเร็จ ใครจะรู้ว่าเฒ่าปีศาจตนนั้นจะ
โกรธแค้นขนาดไหน… หึๆๆๆ”
“ท่านอาจารย์ ท่านมีวิธีการใดบ้างที่จะทําให้ข้าสามารถเลื่อน
ระดับพลังปราณในช่วงเวลาสั้นๆ?” โจวเหว่ยชิงเอ่ยถามอีกครั้ง
หลงซื่อหยาชะงักไป และต้วนเทียนหลางที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กล่าว
ว่า “เหว่ยชิง หลงซื่อหยากําลังสอดมือเข้าไปช่วยเจ้าอยู่แล้ว ทําไมเจ้า
ถึงต้องพยายามดึงต้นกล้าให้งอก[1]ด้วยล่ะ?”
สายตาของโจวเหว่ยชิงเริ่มมืดมน แววตาของสายฉายแววดื้อรั้นใน
ขณะที่สูดหายใจเข้าลึก เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงกดต�าโดยไม่สนใจความ
เจ็บปวดและอาการคันยิบของร่างกาย “อาจารย์ ท่านลุงอาวุโสต้วน ข้าหวังว่าข้าจะได้รับอนุญาตให้จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ข้าต้องนําผู้หญิง
ของข้ากลับมาด้วยกําลังของตัวเอง”
หลงซื่อหยากล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสวรรค์หมื่นอสูร
คืออะไร? มันคือสถานที่แบบใดหรืออันตรายแค่ไหน? ด้วย
ความสามารถของเจ้า เจ้าย่อมไม่อาจไปถึงภูเขาหิมะสวรรค์ได้เพราะ
จะกลายเป็นอาหารของอสูรสวรรค์แถวนั้นไปเสียก่อน เจ้าไม่
จําเป็นต้องขบคิดให้มากความ แม้ว่าเฒ่าปีศาจซู่จะมีพลังมหาศาล แต่
เขาก็ไม่ได้ไร้เหตุผลไปซะทีเดียว เรื่องนี้เราไม่ผิด ทั้งเจ้าและลูกสาวที่
แสนล�าค่าของเขามีสิทธิ์ที่จะตกหลุมรักซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม
เรื่องที่เจ้าต้องเร่งพัฒนาความแข็งแกร่งในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นเรื่อง
จริง ในอาณาจักรวั่นโซ่ว ความแข็งแกร่งของบุคคลคือสิ่งที่บ่งบอกถึง
ความเป็นวีรบุรุษ หากเจ้าสามารถเอาชนะองค์ชายสิงโตได้ เขาก็จะไม่มี
หน้ามายืนกรานขอดูแลคู่หมั้นและแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นอีกต่อไป
ทว่าตอนนี้ช่องว่างระหว่างพลังของเจ้ากับเขายังกว้างเกินไป
นอกจากนี้ พวกเรามีเวลาอีกเพียง 2 เดือนก่อนวันที่หนาวที่สุดในฤดู
หนาวจะมาเยือน…ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะ
ปิดช่องว่างทั้งหมดนั่น เว้นเสียแต่…”
“เว้นเสียแต่…เว้นแต่อะไรขอรับ?” โจวเหว่ยชิงถามอย่างร้อนใจ
นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ โจวเหว่ยชิงก็ไม่เคยรู้สึกด้อยค่า
เช่นวันนี้มาก่อน ถึงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส… แต่ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ของตนอยู่ที่นี่ ด้วยบาดแผลเหล่านั้น เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลาย
เดือนเพื่อฟื้ นตัว ลึกๆภายในใจเด็กหนุ่มก็ไม่ได้เกลียดชังศัตรูหัวใจคน
นั้น เพราะหากเป็นคนอื่นอยู่ในสถานะเดียวกับกู่อิ่งปิง ทุกคนก็จะต้อง
ทําแบบเดียวกันอยู่ดี ในเวลานั้น ความพ่ายแพ้กลับทําให้เขาเต็มไปด้วย
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาจะต้องต่อสู้และเอาชนะกู่อิ่งปิง นําเทียน
เอ๋อร์กลับคืนมาด้วยมือของเขาเองให้ได้ มิฉะนั้นเขาจะคู่ควรกับความ
รักของนางได้อย่างไร?
หลงซื่อหยาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้
เจ้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่
เหมาะกับเจ้าเพียงคนเดียวอีกเช่นกัน วิธีนี้ค่อนข้างอันตราย และเจ้าก็
ต้องทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส แน่นอนว่าด้วยการปกป้องคุ้มครอง
จากข้า เจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดเช่นนี้ก็
ไม่ควรมีใครริมองข้ามแน่นอน หากเจ้าไม่สามารถอดทนต่อความ
เจ็บปวดได้ เจ้าก็อาจจะฟั่ นเฟือนหรือจิตใจแตกสลายไป ในกรณีเช่นนี้
แม้แต่ทักษะรักษาหรือทักษะฟื้ นคืนชีพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังไม่สามารถ
ช่วยรักษาได้”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและกล่าวว่า “อาจารย์ ท่านไม่คิดว่าศิษย์ของท่าน
แข็งแกร่งและทนทายาดมากหรือ? แม้จะโดนทุบตีแบบทุกวันนี้ ข้าก็ยัง
สามารถยิ้มแย้มมีความสุขได้ อย่างที่ท่านพูด หากมันไม่อันตรายถึง
ชีวิต ข้าก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้แน่นอน”หลงซื่อหยากล่าวว่า “วิธีการที่ว่าคือปลุกวิญญาณมังกรกลาย
สภาพในร่างกายของเจ้าล่วงหน้าและทําให้มันผสานเข้ากับร่างกายของ
เจ้าได้เต็มที่ก่อนเวลา”
“วิญญาณมังกรกลายสภาพ?” เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น ดวงตา
ของ โจวเหว่ยชิงก็สว่างวาบขึ้น แม้เขาจะไม่ได้ลืมเลือนเกี่ยวกับการ
ดํารงอยู่ของวิญญาณมังกรกลายสภาพ แต่เขาก็ผ่านการฝึกปราณมา
อย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาและไม่ได้คิดไปถึงเรื่องนี้เลย
ถึงอย่างไรวิญญาณมังกรกลายสภาพก็จะตื่นขึ้นเมื่อเขาไปถึงระดับมณี
9 ชุดเท่านั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเข้าถึงหรือบรรลุได้ภายในไม่กี่
วัน ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก ดังนั้น
เมื่อได้ยินหลงซื่อหยาพูดขึ้นมา จู่ๆหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหวัง
ลุกโชนขึ้นในทันที ถึงอย่างไรวิญญาณมังกรกลายสภาพก็เป็นพลังของ
มังกรระดับเทพเจ้าสวรรค์! มังกร แม้จะเป็นโลกของอสูรสวรรค์ พวก
มันก็ยังจัดอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
หลงซื่อหยาพยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้าจําครั้งสุดท้ายที่บอกข้า
เกี่ยววิธีที่วิญญาณมังกรกลายสภาพถูกกระตุ้นชั่วขณะเพราะการโจมตี
ของทักษะธาตุไฟอันทรงพลัง รวมถึงวิธีที่ช่วยให้เจ้าดูดซับมันได้ไหม?”โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “แน่นอน ข้าจําได้ ถึงเวลานั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเฟยเอ๋อร์ ก็เป็นไปได้ว่าข้าจะไม่มี
ชีวิตรอดมายืนอยู่ตรงหน้าท่านตรงนี้”
หลงซื่อหยากล่าวต่อ “หากเจ้าสามารถปลุกวิญญาณมังกรกลาย
สภาพได้สําเร็จ มันก็จะช่วยเพิ่มพลังปราณสวรรค์ได้ปริมาณมหาศาล
อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังช่วยให้ร่างกายของเจ้าเกิดการวิวัฒน์และ
พัฒนาขึ้นอีกครั้ง…ร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น อึดทน และยืดหยุ่น
มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นั่นยังจะทําให้พลังปราณสวรรค์ของเจ้าบริสุทธิ์
อย่างเต็มที่ อยู่ในรูปแบบที่ปราศจากการปนเปื้ อน”
“ด้วยความช่วยเหลือของข้า ข้าก็มีความมั่นใจถึง 6 ใน 10 ส่วน ทํา
ให้มั่นใจได้ว่าเมื่อเจ้าปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพแล้ว เจ้าจะ
สามารถไปถึงระดับมณี 6 ชุดได้แน่ๆ ซึ่งก็คือการกระโดดข้าม 4 ระดับ
ไปได้โดยตรง ก็อย่างที่เจ้ารู้ ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6
ของข้าจะเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเมื่อผู้ใช้มีมณี 6 ชุดขึ้นไป นั่นก็เพื่อให้
สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้ ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะ
สามารถใช้มันในการต่อสู้ได้อย่างแท้จริง เมื่อรวมกับความสามารถอื่นๆ
ที่วิญญาณมังกรกลายสภาพมอบให้เจ้า พัฒนาร่างกายและปรับปรุง
กล้ามเนื้อของเจ้า มันจะเป็นการหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและ
ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสําคัญ แม้ว่ากู่อิ่งปิงจะอยู่ในระดับมณี 8 ชุด
แต่ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ก็เกิดขึ้นเพื่อท้าทายพลังที่เหนือกว่าระดับของผู้ใช้อยู่แล้ว นอกจากนี้ ด้วยวิญญาณมังกรกลาย
สภาพและสถานะปีศาจกลายร่าง ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะสามารถต่อกรกับ
เขาได้แน่นอน ที่สําคัญเจ้ายังจะสามารถหลอมรวมชุดในตํานานได้อีก
1 ชิ้น…”
การได้ยินหลงซื่อพูดถึงข้อดีทั้งหมดของการปลุกวิญญาณมังกร
กลายสภาพล่วงหน้า สีหน้าของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้ผ่อนคลายหรือ
แสดงออกถึงความสุข เขารู้ชัดเกี่ยวกับความสําคัญของการไต่เต้าไป
ตามพลังปราณแต่ละขั้นอย่างเหมาะสมในระหว่างการฝึกตนของจ้าว
มณีสวรรค์ ดังที่ต้วนเทียนหลางได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยการเร่ง ‘ดึง
ต้นกล้าให้โต’ หากผู้ใดต้องการที่จะประสบความสําเร็จโดยไม่ยอม
ทําลายรากฐานหรืออนาคตของตัวเอง เขาก็จะต้องแลกมาด้วยราคาที่
แสนแพงเช่นกัน
ดังที่คาดไว้ การแสดงออกของหลงซื่อหยาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเมื่อเขา
พูดถึงจุดนี้ หลังหยุดชั่วขณะ ชายชราก็เอ่ยต่ออย่างจริงจัง “อย่างไรก็
ตาม สิ่งพื้นฐานที่สําคัญก็คือเจ้าจะสามารถปลุกวิญญาณมังกรกลาย
สภาพได้สําเร็จหรือไม่…และเพื่อที่จะทําเช่นนั้น เจ้าจะต้องทนต่อไฟ
สวรรค์ที่แผดเผาวิญญาณของเจ้า ความเจ็บปวดที่แสนทุกข์ทรมาณ
ของมัน มังกรเป็นอสูรธาตุไฟระดับสูงสุด และเพียงแค่มอบวิญญาณ
มังกรกลายสภาพให้ก็ถึงกับทําให้เจ้ามีภูมิคุ้มกันธาตุไฟ เพื่อให้วิญญาณ
มังกรกลายสภาพตื่นขึ้นก่อนเวลา เจ้าจะต้องได้รับการกระตุ้นด้วยไฟสวรรค์จํานวนมาก จากนั้นจึงจะมีโอกาสปลุกพลังได้สําเร็จ ไฟสวรรค์
จะเผาผลาญลงไปลึกถึงแก่นวิญญาณของเจ้า และความเจ็บปวดก็จะ
ผุดขึ้นอย่างไม่อาจบรรยายได้ ทว่าในกรณีของเจ้า นั่นจะเป็นการปะทะ
กับสถานะปีศาจกลายร่างของเจ้าเองด้วย…ส่งผลให้เจ้าต้องทนกับ
ความเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม และเจ้าก็จะต้องทนต่อไปจนกว่า
วิญญาณมังกรกลายสภาพจะตื่นเต็มที่ กล่าวคือเจ้าจะต้องผ่านทั้งไฟ
สวรรค์เผากายาและไฟสวรรค์เผาวิญญาณ … ในระหว่างกระบวนการนี้
สิ่งเดียวที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้คือปกป้องจิตวิญญาณหลักของเจ้า และ
ทําทุกอย่างให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ตายเพราะสิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่
ข้าลงมือ นั่นหมายความว่าเจ้าจะต้องมีสติรับรู้กระบวนการชําระกายา
และชําระวิญญาณให้บริสุทธิ์ด้วย”
โจวเหว่ยชิงจดจําได้อย่างชัดเจนเมื่อครั้งที่วิญญาณมังกรกลาย
สภาพได้ปะทะกับสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดของเขาได้ และในขณะที่
หลงซื่อหยาพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เข้าใจถึงความยากลําบากที่รออยู่เบื้อง
หน้าได้ทันที เพื่อที่จะปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพของเขาอย่าง
ถูกต้องและสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าเขาต้องหลอมรวมพลังวิญญาณ
มังกรกลายสภาพเข้ากับสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดให้ถูกต้องและรวม
เป็นหนึ่งเดียวผ่านการปะทะกัน ทําให้พลังของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่าง
สิ้นเชิงตามสถานการณ์ปกติ กระบวนการนี้จะช้าลงอย่างเต็มที่เมื่อเขาไป
ถึงระดับมณี 9 ชุด เมื่อถึงจุดนั้น พลังปราณสวรรค์ของเขาจะแข็งแกร่ง
มากและร่างกายก็จะอึดทนจนสามารถต้านทานความเจ็บปวดได้ดีกว่า
และทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางได้ค่อนข้างง่าย ทําให้การปลุกพลังสําเร็จ
โดยไม่มีปัญหามากนัก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาอยู่ในระดับมณี 5 ชุด
เท่านั้น และใครๆต่างก็สามารถจินตนาการถึงความแตกต่างที่แท้จริง…
รวมถึงความยากลําบากที่รอเขาอยู่เบื้องหน้าได้
ทว่าโจวเหว่ยชิงยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกหรือ? ไม่ เขาไม่มีแล้ว หลัง
เทียนเอ๋อร์มอบร่างกายให้เขาอย่างหมดจดในเกาะมณีสวรรค์เวลานั้น
เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป เด็กหนุ่มไม่สามารถทําให้เทียนเอ๋อร์
ผิดหวัง ผิดหวังในความรัก ผิดหวังในตัวเขา…ปล่อยให้เด็กสาวที่เลือก
ทําทุกอย่างเพื่อตัวเขาและกลับไปที่ภูเขาหิมะสวรรค์เพียงลําพังคนนี้
ผิดหวังได้
“เทียนเอ๋อร์ทุกข์ทรมาณน้อยไปกว่าข้าหรือไม่? นั่นควรจะสาหัส
กว่าข้าด้วยซ�า… และถ้าผู้หญิงอย่างนางสามารถแบกรับสิ่งนั้นได้ ใน
ฐานะลูกผู้ชาย ถ้าข้าไม่สามารถรับความเจ็บปวดนี้ได้ ข้ายังจะมี
คุณสมบัติเป็นบุตรเขยของภูเขาหิมะสวรรค์ เป็นสามีของเทียนเอ๋อร์ได้
อีกหรือ? อาจารย์ ไม่ต้องกังวล ข้าจะอดทนต่อทุกอย่างให้ได้” โจวเหว่ย
ชิงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นเมื่อมองไปที่ความเด็ดเดี่ยวในดวงตาของเขา หลงซื่อหยาก็พยัก
หน้าเห็นด้วย ในที่สุดเขาก็กล่าวว่า “ดีมาก…ดี…ดี…เจ้าเป็นศิษย์
ประเสริฐของข้าอย่างแท้จริง ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก เช่นนั้นข้าจะเค้น
ทุกอย่างที่มีออกมา ทําให้แน่ใจว่าเจ้าจะประสบความสําเร็จในสิ่งที่
ปรารถนาอย่างแน่นอน!”
ต้วนเทียนหลางยืนอยู่ที่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มจางๆและกล่าวว่า
“อ้วนหลง นี่ก็นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นเจ้าเกิดความหึกเหิมและตื่นเต้น
มากขนาดนี้ เจ้ายังต้องการให้ข้าไปกับเจ้าด้วยหรือไม่?”
หลงซื่อหยาส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่จําเป็น เจ้าแค่ช่วยเหว่ยชิง
สร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตํานานชิ้นที่ 5 ให้เสร็จโดยเร็วที่สุดก็พอ
คราวนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างเฒ่าปีศาจซู่กับตัว
ข้าในอีกรูปแบบหนึ่ง …เป็นสมรภูมิที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ข้าได้ต่อสู้
กับเขามาหลายครั้งหลายคราและไม่เคยชนะมาก่อน คราวนี้ข้าจะต้อง
ปราบเจ้าสิ่งมีชีวิตเก่าแก่นั่นให้ได้!”
…………………………………………..
[1] ดึงต้นกล้าให้งอก แปลสํานวนจีนตามตัวอักษร โดยพื้นฐาน
แล้วหมายถึงการทําลายสิ่งต่างๆเพราะรีบร้อนมากเกินไป (อธิบายถึง
บุคคลที่ไม่อดทนทํางานให้สําเร็จ พยายามหาทางลัดจนเสียเรื่อง)