Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 163 ปล้นทั้งกองพล! (2)
ความรู้สึกนั้นอัศจรรย์เกินไป ราวกับว่าเขายืนอยู่บนยอดพายุหมุน
และพายุนี้ก็เหมือนกับแท่นที่พาพวกเขาลอยไปบนอากาศด้วย
ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ พุ่งทะยานไปยังท้องฟ้าเหมือนดาวตก
“อาจารย์ ไม่ใช่ว่ายอดฝีมือระดับท่านสามารถบินได้ทุกคนหรอก
นะ…?” โจวเหว่ยชิงไม่แม้แต่จะพยายามซ่อนความชื่นชมและความ
อิจฉาของตนเอง เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีทักษะธาตุลมเช่นกัน!
หลงซื่อหยากล่าวว่า “พื้นฐานก็คือต้องมีทักษะธาตุลมก่อน และ
อันที่จริงก็ไม่จําเป็นต้องไปถึงระดับของข้าด้วยซ�า หากเจ้าผ่านไปถึง
ระดับราชาสวรรค์และมีปราณขั้นบรรลุวิถี เจ้าก็จะสามารถบินได้แล้ว
ในปราณสวรรค์ 4 ระดับใหญ่ๆ แต่ละระดับเป็นการก้าวกระโดดครั้ง
สําคัญ จากปราณสวรรค์ขั้นพื้นฐานไปสู่ขั้นทะลวงพิภพ จากเปลี่ยน
พลังวิญญาณเป็นลมปราณ ไปจนถึงขั้นที่เปลี่ยนลมปราณเป็นรูปร่าง
โดยพลังปราณสวรรค์ระดับนี้จะมีรูปร่างได้แล้ว สําหรับปราณสวรรค์
ขั้นทะลวงพิภพสู่ขั้นทะลุสวรรค์ ระดับนี้สามารถนําพลังปราณสวรรค์ที่
มีรูปร่างกลับสู่วิถีไร้รูปแบบอีกประเภทหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม ความ
แตกต่างในขั้นที่ไร้รูปแบบนี้ก็คือทักษะควบคุมของคนๆนั้นจะสูงมาก
พอจนควบคุมพลังปราณให้ออกจากร่างกายได้แล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเมื่อจ้าวมณีสวรรค์มาถึงระดับมณี 6 ชุดขึ้นไป ความอึดในระหว่าง
การต่อสู้จึงเพิ่มขึ้นสูง ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทําให้ศาสตร์การควบคุมทักษะ
ขั้นสูงสุดทั้ง 6 ของข้าเริ่มเผยพลังที่แท้จริงออกมา พลังปราณขั้นทะลุ
สวรรค์เป็นพื้นฐานที่ต�าที่สุด มีความสามารถในการควบคุมพลังปราน
ในบรรยากาศเพื่อนํามาใช้งานโดยตรง”
“ …สําหรับความแตกต่างระหว่างปราณสวรรค์ขั้นทะลุสวรรค์และ
ขั้นบรรลุวิถีนั้นเป็นช่องว่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดา 4 ขั้นหลัก ปราณ
สวรรค์ขั้นทะลุสวรรค์เป็นการควบคุม ส่วนปราณสวรรค์ขั้นบรรลุวิถี
เป็นการหลอมรวมหรือผสานเข้าด้วยกัน เมื่อมาถึงขั้นบรรลุวิถี เมื่อนั้นก็
จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง
อย่างแท้จริง…พูดง่ายๆว่าหากจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุลมต้องการ
บิน เขาก็สามารถทําเช่นนั้นได้ด้วยทักษะเพียงอย่างเดียว อืม อย่างน้อย
ก็ในช่วงเวลาสั้นๆล่ะนะ แต่การบินตลอดเวลาย่อมเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็น
เพราะพวกเขาไม่สามารถควบคุมพลังปรานธาตุลมภายในร่างกายหรือ
รอบตัวได้อย่างหมดจดเต็มร้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงปราณสวรรค์
ขั้นบรรลุวิถี เรื่องนี้ย่อมแตกต่างออกไป ข้าสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่ง
เดียวกับสายลม ผสานร่างกับสายลม …เช่นนั้นยังจะต้องสิ้นเปลืองพลัง
ปราณด้วยหรือ? ด้วยเหตุนี้…หากเจ้าต้องการบินจริงๆ ระดับราชา
สวรรค์จึงเป็นข้อกําหนดพื้นฐานของเจ้า…”เมื่อได้ยินการวิเคราะห์อย่างรวบรัดจากอาจารย์ของเขา โจวเหว่ย
ชิงก็รู้สึกราวกับว่าตนเองเกิดการรู้แจ้งขึ้นมา เขารู้ดีว่าอาจารย์กําลังชี้
ทางเกี่ยวกับปราณสวรรค์ขั้นทะลุสวรรค์และขั้นบรรลุวิถีให้เขาล่วงหน้า
ทําให้เขาตระหนักเกี่ยวกับความลับที่ลึกล�าของพวกมันก่อนเวลาอัน
สมควร หากสามารถทะลุผ่านระดับมณี 6 ชุดไปได้ในครั้งนี้ เขาก็จะไป
ถึงขั้นทะลุสวรรค์แล้ว!
เพื่อประหยัดเวลา หลงซื่อหยาจึงใช้พลังระดับมหาราชาสวรรค์
ของเขาพาโจวเหว่ยชิงบินตรงไปยังที่ราบสูงเหนือพรมแดนทางเหนือ
ลึกเข้าไปในอาณาจักรวั่นโซ่ว ปกติแล้วยอดฝีมือระดับมหาราชาย่อมไม่
อาจหาญทําสิ่งนั้น และแม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับมหาราชาสวรรค์
ธรรมดาๆก็ต้องพิจารณาถึงการมีอยู่ของเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะ
สวรรค์และลังเลที่จะลงมือเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลงซื่อหยาไม่ได้
หวาดกลัวฝ่ายนั้นแม้แต่น้อย และเขาก็บินขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับลาก
โจวเหว่ยชิงไปด้วย
…
ในขณะที่คู่หูศิษย์อาจารย์กําลังวิ่งไปที่ภูเขาวิญญาณอัคคี แขกคน
หนึ่งก็มาเยือนกองบัญชาการใหญ่แห่งกองพันไร้พ่าย เป็นผู้บัญชาการ
กองพลที่ 7 เซินจี้นั่นเอง“ข้าต้องขอโทษด้วย ผู้บัญชาการกองพันโจวไม่ได้อยู่กับเราใน
ขณะนี้…” ในกระโจมบัญชาการหลัก เซินจี้ได้พบกับผู้บัญชาการกอง
พันชั่วคราวอย่างหัวเฟิง เมื่อทราบข่าวว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้อยู่ที่กองพัน
ไร้พ่ายในขณะนี้ เขาก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
ด้วยสถานะและตําแหน่งผู้บัญชาการกองพลของเซินจี้ โดยปกติ
แล้วเขาเพียงแค่ต้องส่งใครบางคนมาแจ้งโจวเหว่ยชิงเท่านั้น ทว่าเวลา
นี้ชายหนุ่มกลับลงมาตามหาอีกฝ่ายด้วยตัวเองเพียงเพราะต้องการผูก
มิตรกับเขา
หน่วยสอดแนมได้กลับมารายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของกอง
ทหารหมาป่าและกองทหารยูนิคอร์นจํานวนมากอย่างละเอียด ด้วยเหตุ
นี้ เซินจี้จึงได้ตระหนักถึงพลังของกองพันไร้พ่ายอย่างแท้จริง
สงครามกําลังจะเริ่มขึ้น และอาจกล่าวได้ว่าอาณาจักรวั่นโซ่วให้
ความสําคัญกับแนวรบด้านตะวันตกเฉียงเหนืออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมา
ก่อน ทั้งยังพยายามรวบรวมกองกําลังที่แข็งแกร่งจํานวนมากกว่าใน
อดีตหลายเท่า กองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกได้ร้องขอกําลังเสริมไป
แล้ว และตอนนี้พวกเขาก็มีจํานวนมากกว่า 700,000 คน ถึงกระนั้น
กองบัญชาการใหญ่ก็มีความคาดหวังเพียงเลือนลางเกี่ยวกับผลลัพธ์
ของการต่อสู้ในครั้งนี้ ทว่าพวกเขาก็ยังไม่ต้องการถอยร่นกลับไปที่เมือง
เทียนเป่ย และนั่นก็จะต้องเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น หาไม่แล้วพวกเขาอาจจะถูกประณามจากชาวเมืองและอาณาจักร ด้วยเหตุนี้ มันจึง
เป็นการต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากกองพลที่ 7 สามารถนํานักธนูชั้น
ยอดเข้ามาคอยช่วยเหลือเพิ่มอีก 5,000 คน มันก็จะช่วยเหลือฝ่ายเขา
ได้มาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตามทฤษฎีแล้วกองพันไร้พ่ายจะอยู่ภาย
การบัญชาการของเขา แต่เซินจี้ก็ไม่อาจควบคุมคนเหล่านั้น นั่นจึงเป็น
เหตุผลว่าทําไมชายหนุ่มถึงเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง
“ถ้าผู้บัญชาการกองพลเซินจี้มีเรื่องจะพูดคุยเกี่ยวกับกองพันไร้
พ่าย ท่านก็สามารถพูดคุยกับข้าได้โดยตรง ข้าได้รับอนุญาตให้ทําการ
ตัดสินใจเรื่องต่างๆแทนโจวเหว่ยชิงในระหว่างที่เขาไม่อยู่…” หัวเฟิง
กล่าวอย่างสุขุมสง่างาม แม้จะแต่งกายด้วยชุดเกราะทหาร แต่เขาก็ยังดู
เป็นสุภาพบุรุษเหมือนขุนนางผู้สูงส่งมากกว่าทหารทั่วไป
เซินจี้กล่าวว่า “สงครามครั้งใหญ่ใกล้จะมาเยือนในทุกขณะ และ
กองทัพแนวหน้าของอาณาจักรวั่นโซ่วก็ได้เข้าสู่พรมแดนของเราแล้ว
กองพันไร้พ่ายจะเข้าร่วมกับกองพลที่ 7 เพื่อต่อสู้ร่วมกับเราใช่
หรือไม่?”
หัวเฟิงเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง “แน่นอน กองพันไร้พ่ายก็
เป็นนักรบภาคเหนือที่จะมีเข้าไปมีส่วนร่วมในการปะทะกับศัตรู เราจะ
ไม่เข้าร่วมการต่อสู้ได้อย่างไร…”เซินจี้ไม่ได้ผ่อนคลายเพียงเพราะคําพูดของหัวเฟิง เหตุผลนั้นง่าย
มาก สิ่งที่หัวเฟิงพูดคือกองพันไร้พ่ายเป็นส่วนหนึ่งของนักรบภาคเหนือ
ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกหรือแม้แต่กองพลที่ 7
เซินจี้เป็นทหารมือเก๋าที่เฉลียวฉลาดของกองทัพ และเขาก็สังเกตเห็น
การเล่นคํานี้อย่างรวดเร็ว
“ในกรณีนั้น ผู้บัญชาการกองพันหัวเฟิงต้องการสิ่งใดที่กองพลที่ 7
ของเราสามารถจัดหาให้ได้หรือไม่?” เซินจี้ถามอย่างกระวนกระวาย
โดยไม่ขยับเปลือกตา
หัวเฟิงยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “อันที่จริงเรามีความต้องการ 2
ประการ ก่อนอื่นข้าหวังว่าเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ศัตรูที่ถูกสังหารโดย
กองพันไร้พ่ายของเราจะทําให้เราได้รับรางวัลเป็นเหรียญทองตามที่
สัญญา”
เซินจี้รีบเอ่ยตอบโดยไม่ลังเล “นั่นไม่ใช่ปัญหา และมันก็เป็นสิ่งที่
เบื้องบนสั่งการลงมา ไม่ใช่สิ่งที่เราจะกลับคําได้ง่ายๆ…” ณ จุดนี้เขารีบ
พยักหน้าตอบตกลงด้วยอย่างรวดเร็ว แต่ในอนาคตอันใกล้ เซินจี้จะได้
เรียนรู้ว่าทําไมหัวเฟิงถึงต้องเน้นย�าประเด็นนี้เป็นพิเศษ
หัวเฟิงยังคงมีรอยยิ้มสง่างามและสูงส่งประดับอยู่บนใบหน้า
ขณะที่กล่าวต่อว่า “ประการที่ 2 ข้าแน่ใจว่าผู้บัญชาการกองพลเซินจี้
รู้อยู่แล้วว่าทหารกองพันไร้พ่ายของเราล้วนแต่เป็นนักธนู ในสนามรบนักธนูสามารถสร้างความเสียหายได้มากโขแต่ในขณะเดียวกันก็
เปราะบางมากเช่นกัน เมื่อเราสร้างความเสียหายและทําให้ศัตรู
บาดเจ็บล้มตายได้มากพอ พลธนูและทหารม้าของศัตรูก็จะต้องหันมา
โจมตีพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ ดังนั้นข้าหวังว่าผู้บัญชาการกองพล
เซินจี้จะสามารถส่งกองกําลังพิเศษมาปกป้องและรับรองความ
ปลอดภัยของเรา ด้วยวิธีนี้ เราจึงจะสามารถโจมตีในสนามรบต่อไปได้”
คําขอทั้ง 2 ข้อที่หัวเฟิงเสนอขึ้นมาดูเหมือนจะสมเหตุสมผลอย่าง
ยิ่ง และเซินจี้ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะยิ้มและพูดว่า
“ไม่มีปัญหา คําขอเหล่านั้นสมเหตุสมผลและเป็นไปตามที่มันควรจะ
เป็นแล้ว ข้าจะส่งทหารคุ้มกันไป 2-3 กองพันเพื่อคุ้มกันกองพันไร้พ่าย
เป็นพิเศษ”
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่กองพัน แต่เป็น 1 กรมทหาร… เท่านั้นก็
เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ ข้าต้องการให้เป็นกรมทหารราบหนัก อ้อ ไม่
เพียงแค่นั้น ทหารราบหนักจะต้องติดตั้งโล่หอคอยครบชุดด้วย” หัวเฟิง
ยิ้มเลือนลางขณะที่เขาเอ่ยอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา เซินจี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ผู้
บัญชาการกองพันหัวเฟิง ข้าเกรงว่านั่นจะเป็นไปไม่ได้ ท่านต้องรู้ก่อน
ว่าทหารม้าอาณาจักรวั่นโซ่วเหล่านั้นทรงพลังเพียงใด กองพลที่ 7 ของ
เรามีกรมทหารราบหนักเพียงหนึ่งเดียว และพวกเขาก็มีความสําคัญสูงสุดต่อกลศึกที่ใช้ปะทะกับทหารม้าของศัตรู พวกเขาเป็นรากฐานที่
สําคัญยิ่งสําหรับเราในสนามรบ การใช้ทหารราบหนักเพื่อจุดประสงค์
ในการปกป้องและให้ที่กําบังแก่กองพันไร้พ่ายเพียงอย่างเดียวถือเป็น
ใช้งานพวกเขาอย่างเสียเปล่า แม้ข้าจะอนุญาติ ทว่าข้าก็จะไม่อาจตอบ
คําถามผู้บังคับบัญชาการระดับสูงในกองบัญชาการใหญ่ได้ และข้าจะ
ไม่สามารถตอบคําถามทหารกองพลที่ 7 รวมถึงกรมทหารราบหนัก
เช่นกัน ในแง่ของการปกป้องคุ้มกันกองพันไร้พ่าย ข้าไม่คิดว่าเราคง
ต้องใช้พลังระดับนั้นหรอกนะ?”
หัวเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ผู้บัญชาการกองพลเซินจี้ ด้วยคําพูด
เช่นนี้…ท่านไม่ได้กําลังดูถูกกองพันไร้พ่ายของเราอยู่หรือ? ข้าสามารถ
บอกกับผู้บัญชาการกองพลได้อย่างตรงไปตรงมาว่าหากท่านปล่อยกอง
พันไร้พ่ายของเราเข้าสู่สนามรบ เราจะดึงความสนใจทั้งหมดจาก
อาณาจักรวั่นโซ่วได้ทันที หากผู้บัญชาการกองพลเซินจี้ไม่เห็นด้วยกับ
เงื่อนไขของข้า เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่เสี่ยงเข้าสู่สนามรบ เพราะ
ท้ายที่สุดนักรบกองพันไร้พ่ายทุกคนก็ล้วนเป็นทหารระดับสูงที่ผู้
บัญชาการกองพันโจวของเราใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักใน
การฝึกฝนเตรียมความพร้อม”
การแสดงออกของเซินจี้ดูน่าเกลียดมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคําพูดของ
หัวเฟิง เป็นเพียงผู้บัญชาการกองพันชั่วคราว แต่สหายคนนี้กลับกล้าคุกคามเขาจริงๆ? ตลอดหลายปีที่เขาอยู่ในกองทัพ นี่เป็นครั้งแรกที่พบ
เจอเหตุการณ์เช่นนี้
“ผู้บัญชาการกองพันหัวเฟิง โปรดจําไว้ว่านี่คือกองทัพภาคเหนือ
เขตตะวันตก ข้าเคารพผู้บัญชาการกองพันโจว แต่ที่นี่คือกองพลที่ 7
และข้าก็เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 7 เช่นกัน”
หัวเฟิงหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “แล้วอย่างไรเล่า? ผู้
บัญชาการกองพลเซินจี้ เอาเช่นนี้ ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น พวกเรามา
เดิมพันกันสักเล็กน้อยก่อนดีหรือไม่?”
“เดิมพัน?” เซินจี้เริ่มประหลาดใจกับคําเชิญชวนที่กะทันหันเช่นนี้
หัวเฟิงพยักหน้าและพูดต่อ “นั่นง่ายมาก ท่านสามารถส่งกรม
ทหารราบหนักที่ท่านว่ามาที่นี่และต่อสู้กับกองพันไร้พ่ายของเรา และ
เราก็จะไม่ใช้ธนู… ทหารของข้า 5,000 คนปะทะกับทหารราบหนัก
10,000 คนในการต่อสู้ระยะประชิด”
“หา?” เซินจี้จ้องมองไปที่หัวเฟิง ขากรรไกรของเขาอ้าค้างด้วย
ความประหลาดใจ ภายในใจชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าผู้บัญชาการกอง
พันชั่วคราวคนนี้บ้าไปแล้วหรือ? มีน�ารั่วเข้าไปในสมองของเขาหรือ
ยังไง? จะใช้นักธนูฟาดฟันกับทหารราบอาวุธหนักในการต่อสู้ระยะประชิด ทั้งยังเสียเปรียบในด้านตัวเลขอีกด้วย? นั่นไม่เท่ากับการฆ่าตัว
ตายหรอกหรือ?
ราวกับว่าหัวเฟิงไม่ได้สังเกตเห็นความประหลาดใจและความตกใจ
บนใบหน้าของเซินจี้ และเขาก็เอ่ยต่ออย่างใจเย็น “เมื่อทั้งสองฝ่ายต่อสู้
กัน พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธใดๆ แต่สามารถชุดสวม
เกราะ ด้วยวิธีนี้ เราจึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ ป้องกันไม่ให้เหล่า
ทหารได้รับบาดเจ็บร้ายแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ”
เซินจี้มองไปที่หัวเฟิง ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกแปลกๆราวกับถูก
จูงจมูก แต่ถ้ามีใครถามเขาว่ากองพันกองพันไร้พ่ายสามารถเอาชนะ
กรมทหารราบหนักได้ในการต่อสู้ระยะประชิดหรือไม่ เขาก็จะตอบว่า
ไม่เชื่อแม้แต่นิด
“เงื่อนไขของการเดิมพันคืออะไร?” เซินจี้ถามอย่างเคร่งขรึม
หัวเฟิงยิ้มและพูดว่า “นั่นง่ายมาก ถ้าเราชนะ ข้าอยากให้ผู้
บัญชาการกองพลเซินจี้ทําตามที่สัญญา…ให้กรมทหารราบหนักนี้ทํา
หน้าที่ป้องกันกองพันของเราอย่างเต็มที่…แค่ป้องกันเพียงอย่างเดียว
ข้าจะขอให้ทหารราบ 2 คนใช้โล่หอคอยของพวกเขาป้องกันนักรบกอง
พันไร้พ่ายแต่ละคน ในทางกลับกัน ถ้าเราแพ้ในการเดิมพัน ในระหว่าง
สงครามปะทะกองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วปีนี้ ผู้บัญชาการกองพลเซินจี้
จะสามารถสั่งการเราได้ตามที่เห็นสมควร และพวกเราก็จะปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น เรายินดีจะจ่ายเงิน 200,000
เหรียญทองให้เพื่อเป็นการขอโทษต่อกรมทหารราบอาวุธหนักที่ดูถูก
พวกเขา ข้อเสนอนี้เป็นอย่างไร?”
เนื่องจากหัวเฟิงได้เอ่ยออกมาแล้ว เซินจี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทําไมหัวเฟิงถึงมั่นใจขนาดนี้ แต่หากไม่ตอบรับและให้
กรมทหารราบอาวุธหนักรู้เรื่องที่เขาทําเช่นนั้นภายหลัง มันก็จะ
ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมามากมาย พลธนูท้าทายทหารราบอาวุธ
หนักในการต่อสู้ระยะประชิด แต่ทหารราบหนักกลับขี้ขลาดเกินกว่าจะ
ยอมรับการท้าทายนั้น? นั่นคงจะกลายเป็น ‘ข่าว’ ที่ถูกกระพือไปไกล
แน่นอน
กองทัพเป็นสถานที่ที่แตกต่างจากแห่งอื่นๆ ที่นี่เกียรติยศและการ
รักษาหน้ามีค่าเท่ากับหรือยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของคนๆหนึ่ง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในแง่ของความสําเร็จในฐานะทหาร มันเป็นยิ่งกว่านั้นด้วยซ�า
“ดี ข้าเห็นด้วย เวลาเป็นสิ่งสําคัญ…เช่นนั้นเราจะกําหนดเวลาการ
ต่อสู้ให้เป็นวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง”
“ตกลง ถือว่าเราทําสัญญากันแล้ว”
ข่าวการเดิมพันของหัวเฟิงและเซินจี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งกองพล
ที่ 7 อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งภายในกองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกทั้งหมดก็ไม่เว้น ถึงอย่างไรการเดิมพันและเงื่อนไขดังกล่าวก็อยู่เหนือ
หลักเหตุผลสําหรับคนอื่นๆ การใช้นักธนูเพื่อต่อสู้กับทหารราบเกราะ
หนักในการต่อสู้ระยะประชิด? ผู้คนนับไม่ถ้วนที่ได้ยินเกี่ยวกับการเดิม
พันต่างก็คิดว่าหัวเฟิงเป็นคนปัญญาอ่อนอย่างแท้จริง
สําหรับเรื่องราวเกี่ยวกับกองพันไร้พ่าย ภายในกองพลที่ 7 มีเพียง
กรมทหารที่ 16 เท่านั้นที่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับพวกเขา สําหรับ
กรมทหารอื่นๆที่เหลือ พวกเขาเคยได้ยินเพียงข่าวลือเกี่ยวกับกองพันไร้
พ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าพวกเขายังได้รับคําสั่งที่เข้มงวดว่าไม่ให้ปะทะ
กับกองพันไร้พ่ายอีกด้วย
สงครามกับอาณาจักรวั่นโซ่วกําลังจะเริ่มต้นขึ้น และนี่ก็เป็นโอกาส
เสาะหาความบันเทิงที่หาได้ยากยิ่ง นั่นจึงเป็นผลให้กองทัพภาคเหนือ
เขตตะวันตกทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
………………………………………