Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 163 ปล้นทั้งกองพล! (3)
ในขณะนี้กองพันไร้พ่ายได้เปิดสถานีเดิมพัน 10 แห่งเพื่อต้อนรับ
การเดิมพันทั้งหมด อัตราต่อรองที่พวกเขาตั้งไว้มีดังนี้ ฝ่ายทหารราบ
หนักชนะ 1:100 (จ่าย 1 ได้คืน 100 เท่า) หากกองพันไร้พ่ายชนะ 1:1
(จ่าย 1 ได้คืน 1 เท่า)
ด้วยการกระทําดังกล่าว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นทําให้กรมทหาร
ราบหนักโกรธอย่างแท้จริง ในเวลาเดียวกัน กองทัพจ้งเทียนภาคเหนือ
เขตตะวันตกทั้งหมดก็ระเบิดความโกลาหลออกมา
ด้วยความกล้าที่จะเปิดเดิมพันด้วยอัตราการต่อรองดังกล่าว จึง
เห็นได้ชัดว่ากองพันไร้พ่ายมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริง ในเวลา
เดียวกัน มันก็ยังสามารถยั่วยุกรมทหารราบหนักได้อย่างมี
ประสิทธิภาพอีกด้วย
ผู้ที่มีความคิดอ่านเรียบง่ายบางคนรีบไปวางเดิมพันทันที ใน
ความคิดของพวกเขา เนื่องจากมีคนเต็มใจให้เงินเป็นของขวัญ เช่นนั้น
พวกเขาจะไม่รับไว้ได้อย่างไร?
ผู้ที่ฉลาดกว่าย่อมรู้สึกว่าการกระทําของกองพันไร้พ่ายเป็นเพียง
การทําให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธเกรี้ยวและพยายามหาประโยชน์บางอย่างจากสิ่งนั้น ไม่มีใครคิดว่าเป็นกองพันไร้พ่ายที่มั่นใจในความสามารถ
ของตนเองจริงๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นก็มีผู้คนวางเดิมพันกันอย่างรวดเร็ว รวมถึงผู้ที่
ยืนมุงดูอยู่ข้างหลังห่างๆ สาเหตุที่หลายคนทําเพียงเฝ้าดูก็เพราะพวก
เขาไม่เชื่อว่ากองพันไร้พ่ายจะสามารถหาเงินมาจ่ายการเดิมพัน
ดังกล่าวได้จริง
อย่างไรก็ตาม ในคืนนั้นเพียงคืนเดียว ความสงสัยทั้งหมดก็เลือน
หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้ว่ากองพันไร้พ่ายได้รับทองคําจํานวน
มหาศาลมาจากที่ใด ทว่ามีกองเหรียญทองผุดขึ้นที่สถานีเดิมพันทั้ง 10
แห่งราวกับภูเขาทองคําขนาดย่อมๆ แต่ละแห่งได้รับการคุ้มกันอย่าง
แน่นหนาโดยทหารจํานวนมาก
ด้วยเหตุนี้ ทั้งกองพลที่ 7 จึงราวกับถูกปาระเบิดลง และจํานวนคน
ที่วางเดิมพันก็เพิ่มสูงขึ้นแบบเท่าทวีคูณ
กองบัญชาการกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกรู้ข่าวนี้อย่าง
รวดเร็ว แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาคิดจะหยุด มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ใน
เวลานั้นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงและทหารจํานวนมากได้วางเดิมพัน
สําหรับการต่อสู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากถึงจุดนี้พวกเขายังพยายามที่
จะหยุดหรือยึดเงินเดิมพัน มันจะเป็นการทําลายขวัญกําลังใจของเหล่า
ทหารอย่างไม่ต้องสงสัยนอกจากนี้ กองพันไร้พ่ายยังได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์
ไพศาลอีกด้วย นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมกองบัญชาการกองทัพจ้งเทียน
ภาคเหนือเขตตะวันตกจึงไม่เข้ามายุ่งเรื่องของพวกเขาง่ายๆ ใน
สถานการณ์ดั่งว่า ปัญหาการเดิมพันครั้งใหญ่ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ก็ถูก
คลี่คลายลงด้วยประการนี้
“ผู้บัญชาการกองพัน จํานวนผู้เดิมพันมีมากเกินไป เราแทบจะ
ตามจดบันทึกไม่ทันแล้วขอรับ” เว่ยเฟิงรีบไปที่กระโจมบัญชาการเพื่อ
รายงานแก่หัวเฟิง เขาวางตัวได้อย่างเหมาะสมในขณะที่โจวเหว่ยชิง
จากไป แม้เว่ยเฟิงจะมีระดับพลังปราณสูงกว่า แต่เขาก็ชื่นชม
ความสามารถของหัวเฟิงอย่างแท้จริงและเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายอย่าง
เต็มที่ นอกเหนือจากเรื่องอื่นๆ เพียงแค่ทักษะการยิงธนูขั้นเทพของเขา
ก็ควรค่าแก่การชื่นชมแล้ว นอกจากนี้ เว่ยเฟิงก็ยังได้เรียนรู้เรื่องราว
มากมายจากหัวเฟิงอีกด้วย
เมื่อได้ยินคําพูดของเว่ยเฟิง หัวเฟิงก็ยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “ไม่มี
ปัญหา บอกสถานีพนันว่าบันทึกแค่ผู้ที่เดิมพันฝ่ายเราก็พอ สําหรับผู้ที่
เดิมพันฝ่ายกรมทหารราบหนัก พวกเขาแค่ให้เงินพวกเราใช้ ไม่
จําเป็นต้องสนใจ ตอนนี้เราได้เงินเดิมพันมาเท่าไหร่?”
เมื่อได้ยินคําพูดของหัวเฟิง การแสดงออกของเว่ยเฟิงก็ดูแปลก
ประหลาดไป ทว่าเขาก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เราได้รับเงินมามากกว่า5,000,000 เหรียญทองแล้ว ความจริงทหารธรรมดาไม่ได้วางเดิมพัน
มากมายอะไรนัก เพราะถึงอย่างไรพวกเขาไม่มีเงินมากอยู่แล้ว ทว่า
เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงนั้นเดิมพันจํานวนมากหน่อย… ตอนนี้มีผู้คน
นับไม่ถ้วนกําลังเฝ้ารอหัวร่อใส่พวกเรา”
หัวเฟิงยิ้มและพูดว่า “ให้พวกเขารอชมด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
“แน่นอน! ให้พวกเขารอดูเรื่องตลกเถิด แล้วเราจะได้เห็นว่าใครจะ
ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย อ่า นี่เป็นการปล้นทั้งกองพลชัดๆ ความรู้สึก
เช่นนี้ไม่นับเป็นความสุขธรรมดาๆแล้ว!” หลัวเขอตี้ฉายาขี้เมาเหลี่ยม
จัดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังพร้อมกับยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา
ขณะนี้เทพธนูทั้ง 7 แห่งหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็อยู่ในกระโจม
เช่นกัน พวกเขากําลังพูดคุยรายละเอียดเรื่องการต่อสู้ที่กําลังจะมา
ถึงกับซ่างกวนเฟยเอ๋อร์และหลินเทียนอ้าว
เว่ยเฟิงกล่าวด้วยความกังวล “ก็เป็นไปได้ แต่เราอาจจะทําให้
กองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกทั้งหมดขุ่นเคืองเอา…”
หัวเฟิงยิ้มอีกครั้ง พรสวรรค์ของเว่ยเฟิงคนนี้ไม่เลวนัก แต่น่า
เสียดายที่ความสามารถในการมองภาพรวมของเขายังไม่มี ทั้งยังขาด
คุณสมบัติมองการณ์ไกลของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง แท้ที่จริงแล้วเป็น
อันธพาลน้อยเหว่ยชิงคนนั้นต่างหากที่แสนหลักแหลม! การเดิมพันนี้แท้จริงแล้วถูกคิดค้นโดยโจวเหว่ยชิงก่อนที่เขาจะจากไป แน่นอนว่า
บางทีอาจมีเงาอาจารย์อันธพาลของเขาอยู่เบื้องหลังแผนการนี้ด้วย แต่
ย่อมไม่มีใครรู้ความจริงในเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดมู่เอินก็พักผ่อนอยู่ที่
นั่นด้วยสีหน้าไร้กังวล ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขา
อย่างไรก็ตาม เบ้าตาขวาของเขากลับฟกช�าไปทั้งสองข้าง…ใครเลยจะรู้
ว่าเขาถูกชกต่อยอย่างรุนแรงเมื่อใด
“รองแม่ทัพเว่ยเฟิงไม่ต้องกังวลไป บางทีเราอาจจะเผลอไปปลุก
ปั่ นความโกรธของผู้คนที่นี่เข้า แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน มันย่อม
ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ท้ายที่สุดแล้วสงครามครั้งสําคัญก็กําลังจะมาถึง
และกองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วก็จะต้องปะทะกับกองทัพแนวหน้าในอีก
ไม่ช้า เพียงแค่เสียเงินทอง พวกเขาย่อมไม่อาจลงมือกับพวกเราได้ใน
เร็วๆนี้หรอก หากเราพิสูจน์ตัวเองในสนามรบได้ พวกเขาก็จะต้องเป็น
ฝ่ายกลืนยาขมลงท้องในที่สุด”
เกิดแสงสว่างวาบในสมองของเว่ยเฟิง และเขาก็รีบจัดการทุกสิ่ง
อย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้น เสียงโวยวายหนึ่งก็พลันดังออกมาจากนอกกระโจม “มู่
เอิน ออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้ !!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ใบหน้าของมู่เอินก็เปลี่ยนไปทันที และเขาก็
ถอยกรูไปข้างหลัง เกือบจะสะดุดเก้าอี้ล้มก่อนจะพลิกกลับขึ้นมายืนได้มั่นคงอีกครั้ง เขาผลุนผลันออกไปจากกระโจมโดยการแหวกผ้าใบด้าน
ข้างขึ้น
ทันทีที่มู่เอินจากไป หงหยูก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านนอก หญิงสาว
ร้องอย่างโกรธเกรี้ยว “มู่เอินอยู่ที่ไหน? ตาแก่อันธพาลนั่นอยู่ที่ไหน!?”
หัวเฟิงไม่สามารถรักษาความสงบได้ และเขาก็เอ่ยด้วยความ
ประหลาดใจ “หัวหน้าเผ่าหงหยูมีเรื่องอะไรหรือ?”
หงหยูพูดด้วยความโกรธเคือง “ผู้บัญชาการกองพันหัวเฟิงโปรด
อย่าเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ หากข้าไม่ทุบตีตาแก่นั่นจนมารดาจําไม่ได้ ข้าก็
ไม่ขอชื่อว่าหงหยูอีกต่อไป!”
ยี่ฉือกรีดนิ้วเป็นสัญลักษณ์ ‘ดรรชนีกล้วยไม้’ และกล่าวว่า “พี่สาวมี
อะไรหรือ? มู่เอินทําอะไรท่าน?”
หงหยูพูดอย่างเคืองขุ่น “ตาเฒ่านั่นกล้าแอบดูข้าอาบน�า!”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น กระโจมทั้งหลังก็ตกอยู่ท่ามกลางความอึ้ง
งันไปชั่วขณะ ในเวลาต่อมา พวกเขาทั้งหมดก็ชี้ไปยังด้านที่มู่เอินแอบ
หนีออกไป จากนั้นหงหยูก็หันหลังและพุ่งออกจากกระโจมด้วยความ
โกรธเกรี้ยวอีกครั้งหลังจากที่เธอหายลับไป สมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็
แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างทําอะไรไม่ถูก ในท้ายที่สุดสายตาของพวก
เขาทั้งหมดก็ไปบรรจบกันที่หลัวเขอตี้ผู้ซึ่งยักไหล่และพูดอย่างไร้
เดียงสาว่า “ทําไมเจ้าถึงมองข้าแบบนั้นล่ะ? ข้าไม่ได้ไปด้วยสักหน่อย
ข้าไม่มีรสนิยมชมชอบของ ‘หนัก’ แบบตาแก่อันธพาลนั่นหรอก…”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยอมแพ้และพูดต่อ “ … เอาล่ะๆ…ข้าจะ
บอกความจริง เมื่อวานเขาขอให้ข้าไปกับเขา บอกว่าเผ่าอีกาทองเต็ม
ไปด้วยหญิงงามล่มเมืองและเราควรจะไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ข้าดื่มหนักมากเกินไปและไม่อยากจะขยับตัวทําอะไรเลย
ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ไปกับเขา เฮ้อ…ถ้าเขาไปแอบมองเฉยๆก็คงไม่เป็นไร
หรอก แต่นี่ดันโดนจับเสียได้ เฮ้อ…ตาแก่อันธพาลนั่นฝีมือถดถอยลงไป
มากจริงๆ…”
หัวเฟิงลูบหน้าผากของเขาและพูดว่า “ข้าหวังว่าเขาจะไม่ถูกฉีก
เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นั่น…ไม่ได้ ‘หนัก’ แบบธรรมดาๆ นั่นคือหัวหน้าเผ่า
หงหยู…ร่างกายของนางทรงพลังมากกว่าอู่หยาด้วยซ�า! ด้วยระดับพลัง
ปราณของนาง หากลองตบมู่เอินไปสักทีหนึ่ง… ข้าไม่กล้าจินตนาการ
ผลลัพธ์เลยด้วยซ�า…”
สุ่ยเฉามองเขาตาเล็กตาน้อยอย่างขวยเขินและพูดว่า “สุดท้ายข้าก็
ยังดีกว่าหงหยูใช่ไหมล่ะ ดูสิว่าข้าอ่อนโยนต่อเจ้าแค่ไหน!”ตอนนี้ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป และเธอก็แอบ
หลบออกจากกระโจมเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง หญิง
สาวเริ่มเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่าทําไมอ้วนน้อยโจวถึง ‘เลวร้าย’ มาก
ขนาดนี้ … นั่นก็เพราะอาจารย์ของเขาเหล่านั้น…
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยังไม่ทันได้เดินออกไป นักธนูวัยกลางคนที่น่า
เกรงขามของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มวางเดิมพันกันเองแล้ว
เกาเซินร้องออกมาโดยไม่ลังเล “ข้าพนันได้เลยว่ามู่เอินจะต้อง
นอนพักฟื้ นอย่างน้อย 1 เดือน”
“ข้าเดิมพัน 2 เดือน!” สุ่ยเฉายิ้มและกล่าว
หัวเฟิงขมวดคิ้วและมองไปที่พวกเขาทั้งหมดก่อนจะพูดว่า “หาก
ต้องการวางเดิมพันกัน ข้าก็จะไม่หยุดพวกเจ้าหรอกนะ แต่ว่าใครจะ
เป็นเจ้ามือล่ะ? อย่ามองข้า ข้าจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆกับการเดิมพัน
ที่ไม่มั่นคงและมีโอกาสแพ้สูงเช่นนี้แน่”
“แล้วข้าล่ะ? ข้าจะเป็นเจ้ามือรับเดิมพันเอง” หลัวเขอตี้กล่าว เห็น
ได้ชัดว่ายังคงอยู่ในอาการมึนเมา
คนอื่นๆแลกเปลี่ยนสายตากัน การที่หลัวเขอตี้อยู่ในอาการมึนเมา
เช่นนี้ หากพวกเขาไม่ฉวยโอกาสหลอกล่อเขาก็คงจะแย่มาก!หัวเฟิงถามต่อ “ในฐานะเจ้ามือรับเดิมพัน เจ้ามีเงื่อนไขในการเดิม
พันอย่างไร?”
หลัวเขอตี้เรอออกมาเป็นกลิ่นเหล้าฟุ้งเต็มกระโจม “ข้าพนันได้เลย
ว่าใช้เวลาไม่นานหัวหน้าเผ่าหงหยูจะพาตาแก่อันธพาลกลับมาเหมือน
นกน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่[1]นอกจากนี้ นางจะยังจ้องมองเขาอย่าง
อ่อนโยน แม้กระทั่งอยากแต่งงานกับเขา”
ปากของทุกคนกระตุกในเวลาเดียวกัน เกือบจะเป็นอาการกระตุก
ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ยี่ฉือพูดด้วยเสียงสูง “สหายคนนี้ดื่มมากเกินไป
จริงๆ เอาล่ะ เราจะพนันกับเจ้า!”
‘ตีสุนัขตกน�า'[2]เป็นประเพณีที่ยึดถือกันมาช้านานของหน่วย
เกาทัณฑ์สวรรค์ และส่วนที่เหลือก็รีบวางเดิมพันอย่างรวดเร็ว คนเดียว
ที่ไม่เดิมพันคือฮั่นโม่ผู้ซึ่งกําลังนั่งเงียบผิดปกติ
หัวเฟิงมองไปที่ฮั่นโม่และถามว่า “ป้อมธนู ทําไมเจ้าไม่วางเดิมพัน
ล่ะ?”
ฮั่นโม่ส่ายหัวและพูดว่า “ข้ากลัวว่าจะแพ้”
เกาเฉินกล่าวด้วยความประหลาดใจ “แพ้คนขี้เมานี่น่ะเหรอ? จะ
เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าไม่ได้ยินเงื่อนไขการเดิมพันของเขาหรือ?”ฮั่นโม่พูดอย่างเฉยชา “ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือในบรรดาพวกเราทุกคน
คนที่รู้จักตาแก่อันธพาลดีที่สุดก็คือเขา และสองคนนั้นก็สนิทกันที่สุด
เจ้าเคยเห็นตาแก่อันธพาลทําอะไรโดยไม่วางแผนหรือ?”
“มีบางอย่างผิดปกติแล้ว!”
พวกเขาทั้งหมดหันไปมองหลัวเขอตี้โดยไม่รู้ตัวและทันได้เห็นว่า
สหายคนนั้นกวาดเหรียญทองเดิมพันทั้งหมดลงในแหวนมิติของเจ้า
ตัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในกระโจมเปลี่ยนไปและดูท่าจะไม่ได้
อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา หลัวเขอตี้ที่ดูเหมือนกําลังเมามายก่อน
หน้านี้ก็เงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างเขินอาย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?!
ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
หัวเฟิงขบฟันและพูดว่า “พูด! หากเจ้าคายความลับออกมา เราจะ
ถือว่านั่นเป็นการจ่ายเงินสําหรับข้อมูล มิฉะ นั้น…เจ้าก็คงจะรู้ผลที่
ตามมาภายหลัง…”
เมื่อมองไปยังกลุ่มคนซึ่งกําลังถูฝ่ามืออย่างกระตือรือร้น หลัวเขอตี้
ก็ทําได้เพียงแค่ทอดสายตาน่าสงสารและพูดว่า “เอาล่ะๆ ได้ ข้าจะบอก
พวกเจ้าทุกอย่าง ก็อย่างที่เจ้าทุกคนน่าจะรู้กันดี หลายปีที่ผ่านมามู่เอิน
สวมหน้ากากอยู่”พวกเขาที่เหลือพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ความจริงที่ว่ามู่เอินสวม
หน้ากากเป็นความลับที่มีเพียงไม่กี่คนในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น
ที่รู้ และแม้แต่โจวเหว่ยชิงเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพวก
เขาก็ไม่รู้เหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้เช่นกัน หลัวเขอตี้กล่าวต่อ “สาเหตุที่มู่
เอินสวมหน้ากากนั้นเป็นเพราะหัวหน้าเผ่าหงหยู…หรือจะพูดให้ชัดเจน
ยิ่งขึ้น… อู่หยาคือ…ลูกสาวของมู่เอิน……”
*ตุบ* *ตุบ* *ตุบ* *ตุบ* ลูกตาของคนที่เหลือร่วงหล่นลงที่พื้น
ทันที…
…
ตอนเที่ยงของวันที่ 2 เวลาสําหรับการต่อสู้มาถึงแล้ว
สถานีพนันของกองพันไร้พ่ายตอบรับการเดิมพันมาตลอดจนถึง
เวลานี้ และในเวลานี้พวกเขาก็มีเงินเดิมพันสะสมอยู่เกือบ 10 ล้าน
เหรียญทองแล้ว สําหรับกองทัพนี่ถือเป็นจํานวนมหาศาล เพราะถึง
อย่างไรทหารหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนก็ไม่ได้ร�ารวยมากมายขนาด
นั้น หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ากองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขต
ตะวันตกทั้งหมดรวมถึงทหารฝ่ายสนับสนุนและขนส่งมีจํานวนมากกว่า
หนึ่งล้านคน ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เห็นเงินก้อนโตเช่นนี้ ใน
เวลาเดียวกัน การเดิมพันระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้กลายเป็นหัวข้อใหญ่ที่
กองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกรมทหารราบหนักของกองพลที่ 7 ออกมาที่บริเวณด้านนอกของ
ค่ายค่อนข้างเร็ว พวกเขาไม่ได้นําอาวุธมาด้วยและสวมเพียงชุดเกราะ
หนักเต็มยศ แม้มองดูจากระยะไกลๆ ทุกคนก็สามารถสัมผัสจิต
วิญญาณแห่งการต่อสู้และจิตสังหารอันเข้มข้นของพวกเขาได้
กองทหารใดบ้างที่สามารถทนต่อคําดูถูกและยั่วยุได้โดยไม่รู้สึก
โกรธ? เห็นได้ชัดว่ากรมทหารราบหนักย่อมไม่ใช่คนประเภทนั้น!
ค่าจ้างของทหารราบหนักสูงที่สุดในกองทัพ คราวนี้ทั้งกรมทหาร
ราบหนักตั้งแต่พลทหารไปจนถึงนายทหารระดับสูงทุกคนต่างก็เดิมพัน
ทุกอย่างที่มีในการต่อสู้ครั้งนี้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขา
พลันก็ลุกโชนอย่างควบคุมไม่ได้ บางทีแม้ในขณะปะทะกับอาณาจักร
วั่นโซ่ว พวกเขาก็ยังไม่ได้มีจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ ทุกคน
ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความพร้อมอย่างเต็มที่ ดวงตาแดงก�าราวกับว่าได้มอง
กองพันไร้พ่ายล้มลงแทบเท้าของตนเองไปแล้ว
ในทางตรงกันข้าม เมื่อถึงเวลาต่อสู้ กองพันไร้พ่ายกลับค่อยๆ
เดินขบวนออกจากค่ายของพวกเขาอย่างเนิบช้า
……………………………………………[1] นกน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่ หมายถึงผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักยืน
เกาะคลอเคลียกับผู้ชายตัวโต เป็นภาพคู่รักที่สมบูรณ์แบบ แต่ในที่นี้
เปรียบมู่เอินเป็นนกตัวเล็ก
[2] ตีสุนัขตกน�า หมายถึงซ�าเติมผู้อื่น คล้ายกับสํานวนคนล้มแล้ว
ข้าม