Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 164 เจ้าเล่ห์มากแผนการ! (1)
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองพลที่ 7 เท่านั้นที่มา
เยี่ยมชม แม้แต่บุคคลระดับเบื้องบนของกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขต
ตะวันตกก็มารวมตัวกันเฝ้ามองจากระยะไกลๆด้วย สําหรับผู้
บัญชาการกองพลเซินจี้ เขาได้รับบทเป็นผู้ตัดสินในการต่อสู้ในครั้งนี้
กองพันไร้พ่ายส่งนักรบออกมา 5,000 คน ในจํานวนนั้นมี 3,000
คนแต่งกายเต็มยศในชุดเกราะสีเงิน ส่วนอีก 2,000 คนอยู่ในชุดผ้า
ธรรมดา สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือในบรรดา 2,000 คนนั้น เกือบ
ครึ่งหนึ่งเป็นเพศหญิง กระทั่งรูปร่างของพวกเธอก็ใหญ่โตมาก
นอกจากนี้ยังกํายําอย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าโจวเหว่ยชิงยังอยู่ที่กองพันไร้พ่ายและเห็นหัวเฟิงเตรียมแผน
ต่อสู้เช่นนี้ เขาก็จะต้องพูดว่า “ท่านไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไง… อ้อ แม้
จะไร้ยางอาย แต่ข้าก็ชอบมาก!”
ถึงอย่างไรพวกเขาก็รับเงินเดิมพันมากว่า 10 ล้านเหรียญทอง และ
แทบไม่มีใครเดิมพันฝ่ายกองพันไร้พ่ายเลย คําพูดเดิมของหัวเฟิงมีดังนี้
“มีแค่พวกเราบางคนที่ได้สู้” ด้วยเหตุนี้ นอกจากทหารในกองพันที่แข็งแกร่งที่สุด 3,000 นายแล้ว เผ่าอีกาทองและเผ่าคนเถื่อนต่างก็ส่ง
นักรบออกมาเผ่าละ 1,000 คน
แต่เดิมหม่าหลงและหงหยูก็ต้องการที่จะร่วมต่อสู้กับคนของพวก
เขาเอง เพราะเมื่อมองไปที่ภูเขาเงินทั้งหมดกว่า 10 ล้านเหรียญทอง
ดวงตาของพวกเขาก็กลายเป็นสีแดงก�า อ๊ากกก ถ้าพวกเขาสามารถส่ง
คนออกไปต่อสู้ได้ทั้งหมด อย่างน้อยพวกเขาก็จะต้องได้รับส่วนแบ่ง
ก้อนโต! แม้จะมีนักรบที่แท้จริงเพียง 2,000 คนต่อเผ่า แม้ว่าพวกเขา
จะต้องรวบรวมสหายที่อายุน้อยกว่าหรือผู้เฒ่ามีอายุมากๆออกมาสู้ แต่
ทหารธรรมดาก็เทียบพลังของคนในชนเผ่าไม่ได้อยู่แล้ว และพวกเขาก็
มั่นใจว่าจะสามารถรวบรวมได้ครบ 5,000 คนแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดข้อเสนอแนะของพวกเขาก็ถูกปฏิเสธ
และจบลงด้วยฉากเบื้องหน้าที่ทุกคนได้เห็นในตอนนี้ หากพวกเขาชนะ
การต่อสู้ครั้งนี้ เผ่าอีกาทองและเผ่าคนเถื่อนจะได้รับเผ่าละ 1 ล้าน
เหรียญทอง ถึงอย่างไรการเดิมพันนี้ก็ได้ถูกจัดขึ้นโดยหัวเฟิงและกอง
พันไร้พ่าย การให้ผลประโยชน์นี้แก่พวกเขาถือว่าไว้หน้าทั้งสองชนเผ่า
มากแล้ว อีก 8 ล้านจะตกเป็นเงินกองกลางของกองพัน เหตุผลนั้นง่าย
มาก หลายคนที่ได้รับชุดเกราะหรือศาสตรามณียุทธ์ยังไม่ได้เริ่มจ่ายเงิน
คืนและยังติดหนี้กองพันอยู่ กระทั่งเงินเดือนหรือเงินรางวัลต่างๆที่ได้
จากการรบก็ยังไม่เพียงพอ โดยธรรมชาติแล้วเงินเหล่านี้จึงจะถูกนําไปใช้เพื่อความต้องการต่างๆในกองพันและเหล่าทหารก็จะได้ชําระ
‘หนี้’ บางส่วนออกไปด้วย
เกี่ยวกับเรื่องราว ‘เบื้องหลัง’ ทั้งหมดเหล่านี้ แน่นอนว่า
บุคคลภายนอกย่อมไม่รู้เห็นอะไรด้วย เมื่อมองไปยังทหารกองพันไร้
พ่ายจํานวน 5,000 นายซึ่งกําลังเดินทัพออกจากค่าย แม้ว่าพวกเขาจะ
ดูดี แต่เมื่อเทียบกับทหารราบหนักหมื่นนายที่แต่งกายด้วยชุดเกราะ
เต็มยศคล้ายป้อมปราการเคลื่อนที่… ทหารกองพันไร้พ่ายก็ดูเหมือนจะ
ถูกบดขยี้ได้อย่างง่าย ดาย
นี่เป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม ไม่ว่าจะมีทหารคนใดคนหนึ่งแข็งแกร่ง
กว่า แต่ในการต่อสู้ขนาดใหญ่เช่นนี้ คนๆนั้นก็มักจะไม่มีบทบาทสําคัญ
ใดนัก…เว้นแต่พวกเขาจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาหรือสูงกว่า
เท่านั้น
ก่อนหน้านี้เซินจี้ได้ตรวจสอบมาแล้วว่าในฝั่ งของกองพันไร้พ่าย
ทั้งโจวเหว่ยชิงและอาจารย์ของเขาได้จากไปด้วยกัน ดังนั้นพวกเขาจึง
ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย สําหรับยอดฝีมือคนอื่นๆในกองพันไร้พ่าย แม้เซินจี้จะ
รู้จักพวกเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจ เพราะท้ายที่สุดในกองพลที่
7 ของเขาก็มีทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ 2 หน่วย หน่วยแรกก็คือครึ่งหนึ่ง
ของกรมทหารม้าหนัก ทหาร 5,000 นายนี้เป็นนักรบชั้นยอดที่ดีที่สุด
และมีทหารม้าหนักธรรมดาอีก 5,000 นายก่อเกิดเป็นกรมทหารม้าหนักทั้งหมดของเขา ต่อไปเป็นกรมทหารราบหนักเบื้องหน้าเหล่านี้
ทั้งหมดหมื่นนายเป็นนักรบที่มีประสบการณ์ในสนามรบ และภารกิจที่
สําคัญที่สุดของพวกเขาคือสกัดกั้นการบุกจู่โจมของทหารม้าฝ่ายศัตรู
เพื่อสร้างแนวป้องกันให้ทั้งกองทัพ พวกเขาเป็นรากฐานที่สําคัญของ
กองพลที่ 7 ด้วยโล่หอคอยและความแข็งแกร่งทางกายภาพที่แท้จริง
จากการฝึกฝนที่แสนยากลําบาก… ในแง่ของความสามารถส่วนบุคคล
ตลอดจนถึงความแข็งแกร่งโดยรวม พวกเขาอาจจะสูงกว่าทหารม้า
หนักด้วยซ�า
ผู้บัญชาการกรมทหารราบหนักมีนามว่าโอนิ เขาเป็นรองผู้
บัญชาการกองพลที่ 7 ซึ่งมียศต�ากว่าเซินจี้เพียงครึ่งเดียว ในกองพลที่
7 เขาเองก็มีสถานะสูงส่งเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ
7 ชุดอีกด้วย
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พร้อมด้วยหม่าหลง หงหยู และหลินเทียนอ้าวยืน
อยู่ที่ด้านหน้าของกองพันไร้พ่าย หญิงสาวพูดอย่างเฉยเมยขณะกวาด
ตามองกองพันไร้พ่ายอย่างเย็นชา “ สําหรับสิ่งที่พวกเจ้าต้องทํา ข้า
แน่ใจว่าไม่จําเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก… ทุกคนควรรู้ดี ถ้าเรา
แพ้ มันจะไม่ใช่แค่เรื่องแพ้พนัน แต่ข้าจะมอบการฝึกพิเศษให้แก่พวก
เจ้าทั้งหมด… และทุกคนก็จะได้เรียนรู้ว่าความหมายที่แท้จริงของนรก
คืออะไร…เข้าใจหรือไม่?”เดิมทีเมื่อได้ยินว่าเงินเดิมพันส่วนใหญ่จะถูกนําไปใช้เพื่อลดหนี้
ขวัญกําลังใจของพวกเขาก็ไม่ได้สูงมากนัก ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดของซ่าง
กวนเฟยเอ๋อร์ ทหารกองพันไร้พ่าย 3,000 คนก็ดูเหมือนจะเงยหน้า
พรึ่บและพร้อมที่สุดเท่าที่จะพร้อมได้ในทันที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ใช้กลวิธีดังกล่าว แต่มันก็พิสูจน์
แล้วว่าได้ผลอีกเช่นเคย ถึงอย่างไรนั่นไม่ใช่เพียงคําพูดลอยลม และเธอ
ก็จะทําตามสัญญาที่ให้ไว้อย่างแน่นอน เหล่าทหารกองพันไร้พ่ายที่เคย
ผ่านประสบการณ์ ‘ฝึกพิเศษ’ ของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์มาก่อน นับตั้งแต่
นั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็ได้เผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับการฝึกที่น่ากลัวราว
กับขุมนรกออกไปทั่วกองพัน ภายในกองพันไร้พ่าย ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ผู้
งดงามมีฉายาว่าเทพธิดาปีศาจ และนั่นก็ไม่ใช่ฉายาที่ตั้งให้เล่นๆเท่านั้น
ในระยะไกลๆ ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์จ้องมองน้องสาวของตนเองจาก
มุมที่ซ่อนอยู่ เมื่อเห็นน้องสาวที่ดูองอาจกล้าหาญอย่างน่าประทับใจ
หญิงสาวก็เริ่มก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา แม้จะเป็นทายาทของวังสวรรค์ไพศาล
แต่เธอก็ไม่เคยได้สัมผัสความภาคภูมิใจเช่นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ในตอนนี้
ถึงตอนนี้ หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกแปลกประหลาด คล้ายจะกําลังเฝ้ารอเวลา
ที่เฟยเอ๋อร์จะกลับไปยังวังสวรรค์ไพศาลและให้เธอเข้ามาแทนที่ ทว่า
ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์จะทําได้ดีกว่าน้องสาวของเธอหรือไม่?เมื่อมาถึงจุดนี้ เซินจี้ก็ขี่ม้าศึกขนาดใหญ่มาหยุดอยู่ตรงกลางขบวน
ทัพทั้งสอง เขาประกาศเสียงดังว่า “ตามที่ตกลงกันไว้ การต่อสู้ระหว่าง
กองพันไร้พ่ายกับกรมทหารราบหนักที่ 7 จะเริ่มในไม่ช้า ก่อนอื่น ข้าจะ
ประกาศเกี่ยวกับกฎกติกาการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายจะซ้อมรบแบบประชิด
ตัวและจะไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธใดๆ นอกจากนี้ การมุ่งเป้าไปที่การทํา
ให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บสาหัสหรือสังหารคู่ต่อสู้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดย
เด็ดขาด การต่อสู้จะกินเวลา 2 ชั่วโมง และฝ่ายที่ยังมีทหารยืนอยู่มาก
ที่สุดจะเป็นผู้ชนะ”
กฎนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมามาก แน่นอนว่าหากมองเผินๆ
กรมทหารราบหนักถือว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะแค่ในแง่ของจํานวน
เพียงอย่างเดียว พวกเขาก็มีเป็น 2 เท่าของกองพันไร้พ่ายแล้ว
เนื่องจากชัยชนะขึ้นอยู่กับจํานวนทหารที่เหลืออยู่ พวกเขาจึงเป็นต่อ
อีกฝ่ายไปกว่า 5,000 คนตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของการต่อสู้
ครั้งนี้กลับไม่ได้ก็ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นโดยเซินจี้ แต่เป็นหัวเฟิง! ไม่ต้องสงสัย
เลยว่าเขาได้วางกองพันไร้พ่ายไว้ในตําแหน่งอันตรายมาก มิฉะนั้นผู้คน
ก็คงไม่ถูกล่อลวงให้มาเดิมพันกับพวกเขาง่ายๆ
หากนั่นเป็นเพียงแค่ 5,000 ปะทะ 5,000 ด้วยความแข็งแกร่งของ
ทหารกองพันไร้พ่าย พวกเขาจําเป็นจะต้องอาศัยเผ่าคนเถื่อนและเผ่า
อีกาทองอยู่หรือ?ไม่มีใครเชื่อว่ากองพันไร้พ่ายจะชนะได้ เหตุผลนั้นง่ายมาก
นอกเหนือจากเผ่าใหม่ 2 เผ่าที่เพิ่งเข้าร่วมกองพันไร้พ่ายแล้ว ทหารคน
อื่นๆต่างก็มีพื้นเพมาจากกองทัพภาคเหนือของอาณาจักรจ้งเทียน…ซึ่ง
ก็คือกลุ่มทหารนักเลงทั้งหลาย พวกเขาส่วนใหญ่หรืออาจจะทั้งหมดได้
ทําความผิดบางอย่างหรือมีเรื่องกับนายทหารระดับสูง นั่นจึงทําให้พวก
เขาถูกส่งไปยังกองพันนักเลง กระนั้นกองพันไร้พ่ายของโจวเหว่ยชิงก็
ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพียง 1 ปีเท่านั้น และอาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครรู้จักพวก
เขาอย่างแท้จริงเลย คนเดียวที่รู้มากที่สุดคือเซินจี้ และสิ่งที่เขารู้ก็คือ
ทักษะการยิงธนูของพวกเขาได้รับการฝึกฝนจนถึงระดับที่น่าประทับใจ
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้ระยะประชิดของพวกเขา
จะยอดเยี่ยมไปด้วย นอกจากนี้ ในแง่ของการต่อสู้ระยะประชิด กรม
ทหารราบหนักถือเป็นหนึ่งในกรมทหารที่ดีที่สุดจากทั้งกองพล
แม้กระทั่งในกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมด ยิ่งตอนนี้พวกเขา
ได้เปรียบด้วยจํานวน 2 ต่อ 1 กองพันไร้พ่ายจะเอาชนะพวกเขาได้
อย่างไร?
นายทหารระดับสูงคนใดที่ทํางานคุ้มค่าจ้างย่อมรู้วิธีฝึกกองกําลัง
ของตนเอง เพียงแค่วิธีการนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนอย่างไร
เท่านั้น ฝึกกองทหารในระยะเวลาน้อยกว่า 1 ปีน่ะรึ… แม้ว่าจะเป็นผู้
ฝึกสอนที่ดีที่สุด… ก็ไม่น่าจะมีคุณภาพที่ก้าวกระโดดได้เช่นนั้น… ใช่
หรือไม่?การรับรู้แบบอุปาทานหมู่ทําให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพจ้ง
เทียนภาคเหนือเขตตะวันตกซึ่งกําลังเฝ้าดูอยู่ในระยะไกลมองกองพัน
ไร้พ่ายด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและรอรวบเงินที่จะได้กลับคืนอย่าง
สบายใจ… มาดูกันว่ากองพันไร้พ่ายจะจัดการกับหนี้จํานวนมหาศาลนั้น
อย่างไร!
อนิจจา พวกเขาไม่รู้ว่าโจวเหว่ยชิงได้เทเงินใส่กองพันไร้พ่ายมาก
เพียงใด แม้จะมองข้ามเรื่องอื่นไป แค่จํานวนม้วนคัมภีร์ศาสตรามณี
ยุทธ์ ทรัพยากรที่ใช้ไปก็มีมูลค่าหลายสิบล้านเหรียญทองแล้ว! นั่นยังไม่
นับอุปกรณ์ชั้นดีทั้งหมดของพวกเขาและอีกมากมาย รวมถึงยาอันล�า
ค่าที่ทําให้ทหารกองพันไร้พ่ายทั้งหมดกลายเป็นจ้าวมณี! แม้แต่เงิน
รางวัลสําหรับทหารกองพันไร้พ่ายก็มีจํานวนมากมายมหาศาล อาจ
กล่าวได้ว่ากองพันไร้พ่ายเป็นกองทหารที่มีค่าตัวแพงที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ของดินแดนไร้ขอบเขต บางครั้งเงินจํานวนมหาศาลก็
อาจเป็นตัวกระตุ้นให้คุณภาพทหารดีขึ้นได้!
…
ทันทีที่เซินจี้เสร็จสิ้นการประกาศกฎกติกา ทั้งสองฝ่ายก็เริ่ม
เคลื่อนไหว
การตั้งแถวของพวกเขาก็เรียบง่ายมากเช่นกัน ถึงอย่างไรมันก็เป็น
การต่อสู้ระยะประชิด และทั้งสองฝ่ายก็กระจายตัวออกไปในรูปแบบเส้นตรงที่หันหน้าเผชิญกัน แถวเป็นระเบียบของกรมทหารราบหนักทํา
ให้พวกเขาดูเหมือนป้อมปราการบนกําแพงโลหะยาวเหยียด และด้วย
จิตสังหารที่เข้มข้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพร้อมที่จะสู้แล้ว
ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบและพูดอย่างเคร่งขรึม
“ปล่อยผู้บัญชาการกรมทหารฝ่ายศัตรูให้ข้าจัดการ ส่วนคนอื่นๆแค่
เลือกเป้าหมายและต่อสู้ในเขตของแต่ละคน ไม่มีกลยุทธ์อะไรสําหรับ
การต่อสู้ในครั้งนี้ ไปอัดเจ้ากระป๋องเหล็กพวกนั้นให้แบนซะ!”
“การต่อสู้ เริ่มได้!” เซินจี้ตะโกนออกมาเสียงดังจากใจกลางสนาม
ด้วยมณีระดับ 8 ชุดของเขา เสียงจึงสามารถดังก้องไปทั่วทั้งสนามรบได้
กรมทหารราบหนักใช้ชีวิตสมฐานะทหารชั้นสูงอย่างแท้จริง ทันที
ที่เซินจี้สั่งให้เริ่มการต่อสู้ พวกเขาทั้งหมื่นคนก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่าง
มั่นคงและเป็นระเบียบเรียบร้อย เดินทัพไปอย่างพร้อมเพรียงในขณะที่
รักษาตําแหน่งในขบวนแถวไปด้วย ในระหว่างที่พวกเขาเคลื่อนตัวไปยัง
กองพันไร้พ่ายอย่างช้าๆ การกระทบกระทั่งของชุดเกราะก็ทําให้เกิด
เสียงอื้ออึงดังไปทั่ว ทหารราบหนักไม่ได้วิ่ง เพราะถึงอย่างไรชุดเกราะ
หนักเต็มรูปแบบของพวกเขาก็หนักมาก ทว่าการบุกอย่างช้าๆก็ทําให้
เกิดแรงกดดันอันทรงพลังเช่นกัน บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าการวิ่ง
แบบธรรมดาด้วยซ�า ราวกับว่าตอนนี้ภูเขากําลังถล่มใส่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลิ่นอายและจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขา
กําลังถูกปลุกขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องเมื่อย�าเท้าเดินไปข้างหน้า
สําหรับฝั่ งกองพันไร้พ่าย ด้วยคําสั่งเดียวจากซ่างกวนเฟยเอ๋อร์
พวกเขาทั้ง 5,000 คนต่างก็เริ่มพุ่งเข้าหากรมทหารราบหนักทันที
ไม่มีรูปแบบ ไม่มีระเบียบ หรือแม้แต่แถวอันใด ทหาร 5,000 คนวิ่ง
และพุ่งไปข้างหน้าด้วยกําลังทั้งหมดที่มี ในช่วงเวลานั้น รูปแบบที่เคย
เรียบร้อยก็กระจัดกระจายออกไปเป็นวงกว้าง
เมื่อมองไปที่ภาพดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงซึ่งกําลังเฝ้าดู
ต่างก็เกือบจะระเบิดหัวเราะออกมา ในสนามรบ อะไรคือสิ่งที่สําคัญ
ที่สุด? การจัดขบวนแถว คําสั่ง ระเบียบและวินัย… การดําเนินการตาม
คําสั่งอย่างถูกต้องจะทําให้สามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดาย ขณะนี้
กรมทหารราบหนักกําลังจัดขบวนทัพอย่างสมบูรณ์แบบ รวมตัวกันอยู่
อย่างหนาแน่น…ในขณะที่กองพันไร้พ่ายวิ่งกระจัดกระจายกันออกมา
อย่างยุ่งเหยิง เช่นนี้จะไม่เท่ากับการฆ่าตัวตายหรอกหรือ?
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน รอยยิ้มของเจ้าหน้าที่
ทหารเหล่านั้นก็ต้องแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของพวกเขาทันทีซ่างกวนเฟยเอ๋อร์พุ่งไปนําหน้าผู้อื่น ความเร็วของหญิงสาวถือว่า
มากที่สุดและเป้าหมายก็เด่นชัดมาก ผู้บัญชาการกรมทหารที่ตัวโตเป็น
พิเศษอย่างโอนินั่นเอง
ไม่นานมานี้ ในที่สุดซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็ทะลุเข้าสู่ระดับมณี 7 ชุด
และอยู่ในระดับเดียวกันกับคู่ต่อสู้ของตนเองแล้ว อย่างไรก็ตาม อย่าลืม
ว่าหญิงสาวมาจากวังสวรรค์ไพศาลและมีมณียุทธ์แปรสภาพคู่
นอกจากนี้ อันที่จริงการต่อสู้ระยะประชิดไม่ใช่จุดแข็งของซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์หรอกหรือ?
*ตูม*
การปะทะครั้งแรกของทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้นระหว่างซ่างกวนเฟย
เอ๋อร์และผู้บัญชาการกรมทหารราบหนักโอนิ
โอนิรู้สึกคันไม้คันมือกับการต่อสู้นี้มาตลอดทั้งวัน ในสายตาของ
เขา กองพันไร้พ่ายกล้าที่จะยั่วยุและท้าทายทางฝ่ายนี้ก่อน นั่นคือความ
โง่เขลาอย่างแท้จริง พวกเขาพยายามฆ่าตัวตายชัดๆ เมื่อเห็นฝ่ายตรง
ข้ามพุ่งเข้าใส่ตน เขาจึงไม่ลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า การต่อสู้ครั้งนี้
แท้จริงแล้วคือการงัดความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของพวก
เขาออกมาใช้เพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้เซินจี้ได้สั่งทั้งสองฝ่ายแล้ว ไม่
ว่าจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ จ้าวมณียุทธ์ หรือจ้าวมณีธาตุ ไม่มีใครได้รับ
อนุญาตให้ใช้ศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บ นี่ก็เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่ไม่คาดฝันหรือแม้กระทั่งหลีกเลี่ยงความตาย เพราะถึง
อย่างไรทั้ง 2 ฝ่ายก็เป็นพันธมิตรกันอยู่ดี
……………………………………….