Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 165 ปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพ! (3)
“ท่านพ่อมีลูกสาวคนเดียว…ก็คือข้า…เขาคงจะไม่บังคับข้ามาก เกินไป ตราบใดที่ข้าขู่เขาด้วยความตาย ข้าก็มั่นใจว่าจะสามารถอดทน ต่อไปได้เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถไปตามหาเจ้าใน อนาคตอันใกล้นี้ได้”
“ได้โปรดอย่าตามหาข้า…ถือว่าขอร้องเจ้า ข้ารู้จักเจ้า และรู้ว่าด้วย นิสัยของเจ้า เจ้าจะต้องพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา แน่นอน อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าทําอย่างนั้นจริงๆ…เจ้าก็จะทําให้ความ พยายามทั้งหมดของข้าสูญเปล่า ตอนนี้เจ้ามีสิ่งที่สําคัญกว่าที่ต้องลงมือ ทํา อย่างน้อย…ก่อนที่เจ้าจะมีพลังมากพอ ได้โปรดอย่าออกตามหาข้า สําหรับตัวข้า ข้าก็จะพยายามเกลี้ยกล่อมท่านพ่อให้ดีที่สุด”
“ข้าต้องไปแล้ว แต่ข้าก็ไม่รู้สึกเสียใจใดๆ มีแค่เพียงความโหยหา ต่อเจ้าเท่านั้น เหว่ยชิง เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าจะรักข้าตลอดไป… แต่ ข้ารักเจ้า…”
“จากเทียนเอ๋อร์ แมวอ้วนของเจ้า”
…ใช่ จะยอมแพ้ง่ายๆได้ยังไง ?? เมื่อข้าอยู่ในจุดที่ตกต�าที่สุดใน ชีวิต เมื่อได้ยินข่าวว่าอาณาจักรของข้าถูกรุกรานและทําลายเป็นครั้ง
แรก…เป็นเทียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆข้า เป็นนางที่ปลอบโยนข้า ให้กําลังใจ ข้า ทําให้ข้ามีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ มีแรงที่จะเริ่มลงมือทํา บางอย่างจนถึงทุกวันนี้ เทียนเอ๋อร์มอบตัวตนที่มีค่าที่สุดของนางให้ข้า เพื่อช่วยให้ข้าได้เยียวยาตัวเอง…อย่างที่นางเคยกล่าวไว้ ในชีวิตนี้นาง จะเป็นของข้าเท่านั้น! ข้ายังไม่ได้บอกนางด้วยซ�าว่าข้ารักนางมากแค่ ไหน…
นางคือเจ้าแมวอ้วนของข้า เทียนเอ๋อร์ของข้า! ของข้าเท่านั้น!
ความทรงจําที่เทียนเอ๋อร์มอบตัวตนทั้งหมดให้กับเขาหลั่งไหลกลับ เข้ามาในห้วงสํานึก… ความทรงจําในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากอดเจ้า แมวอ้วนนอนหลับอย่างไร… ความอบอุ่นและการปลอบโยนของนาง… โจวเหว่ยชิงสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของเขาเต็มไปด้วยพลังอันกล้าแข็ง อย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
ความเจ็บปวดทั้งหมดดูเหมือนจะถูกระงับด้วยพลังวิญญาณที่ทรง อานุภาพนั้น ทําให้สติของเขาพลันกลับมาแจ่มชัดยิ่งขึ้น ดวงตาที่เคย เปลี่ยนเป็นสีเลือดก่อนหน้านี้ค่อยๆกลับไปเป็นสีตามปกติและฟื้ นคืน ประกายแวววาว ทว่าลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น… ก่อเกิดเป็นความแตกต่างอัน แสนแปลกแยก ตัดกับร่างกายที่เข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างโดยที่เขา ไม่รู้ตัว
ปัจจุบันม่านตาดําอันลุ่มลึกของโจวเหว่ยชิงฉายชัดเพียงความแน่ว แน่ที่แสนมั่นคง ไม่ว่าจะเจ็บปวดมากแค่ไหน ความทรมาณนั้นจะฉีก กระชากตัวตนของเขาเพียงใด…แต่หากเพื่อเทียนเอ๋อร์แล้ว ข้าจะยอม ทนต่อทุกสิ่ง ไม่มีสั่นคลอน
หลงซื่อหยายืนอยู่ที่ด้านข้าง เขาได้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน ร่างกายของโจวเหว่ยชิงด้วยตัวเอง และในปัจจุบันหกสุดยอดมหาราชา สวรรค์ผู้นี้ก็กําลังตกตะลึงสุดขีดอย่างแท้จริง
ในชีวิตของเขา หลงซื่อหยาไม่เคยรู้สึกอยากให้ความเคารพนับถือ ผู้ใดอย่างแท้จริงมาก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกไป แต่ทั่วทั้งโลกก็มี เพียง 2 คนเท่านั้นที่เขาให้ความนับถือ หนึ่งคือต้วนเทียนหลาง ชายที่ มอบชีวิตให้นิกายมรดกแห่งจ้าวผู้แข็งแกร่งอย่างเต็มที่จนกระทั่งไต่ไป ถึงจุดสุดยอดของโลกอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์
อีกหนึ่งคนคือเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ซู่อ้าวเทียน แน่นอนว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลงซื่อหยาย่อมไม่มีทางยอมรับมันออกไป โดยตรง แต่ซู่อ้าวเทียนก็บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้อย่างแท้จริง เป็น ระดับเทพเจ้าสวรรค์ที่แม้แต่เขาก็ไม่สามารถเอื้อมมือไปถึง ในใจของ หลงซื่อหยา เขามักจะมีประกายความเคารพต่อซู่อ้าวเทียนอยู่เสมอ เขาท้าสู้ซู่อ้าวเทียนจํานวนนับไม่ถ้วน และก็เป็นอีกนับครั้งไม่ถ้วน
เช่นกันที่เขาล้มเหลว นั่นจึงทําให้สุดท้ายหลงซื่อหยาก็มีความสัมพันธ์ที่ แปลกประหลาดกับซู่อ้าวเทียน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดนี้ หลงซื่อหยาก็ตระหนักได้ว่าลึกๆ ใน ใจของเขามีอีกหนึ่งคนที่ควรค่าแก่การเคารพ คนผู้นั้นคือลูกศิษย์แสน ล�าค่าของเขา…
โดยปกติอาจารย์มักจะไม่ให้ความเคารพหรือชื่นชมลูกศิษย์ของ ตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในใจของหลงซื่อหยากําลังมี ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโจวเหว่ยชิงในตอนนี้ชัดเจนเกินไป
ในขณะที่หลงซื่อหยาเติมปราณสวรรค์เข้าไปในร่างกายของโจว เหว่ยชิงอย่างสม�าเสมอ เขาก็สามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงในแก่น พลังวิญญาณของเด็กหนุ่มได้อย่างชัดเจน และหลงซื่อหยาก็ตระหนักรู้ ว่าโจวเหว่ยชิงใกล้จะพังทลายแค่ไหน แม้ว่าหลงซื่อหยาจะเป็นผู้มีพลัง ระดับมหาราชาสวรรค์ แต่เขาก็หมดหนทางที่จะให้ความช่วยเหลือเด็ก หนุ่ม ทําได้เพียงเฝ้ามองอย่างเป็นห่วงเท่านั้น
ตอนนี้หลงซื่อหยาเริ่มสํานึกเสียใจแล้ว เป็นเพราะเขาตกลงที่จะ นําโจวเหว่ยชิงมาที่นี่เพื่อปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพของเขา ล่วงหน้า… ตอนนี้จึงทําได้เพียงแค่เฝ้ามองดูเด็กหนุ่มผู้มากพรสวรรค์
ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา คนที่หลงซื่อหยาคาดหวังว่าจะแซงหน้า อาจารย์อย่างเขาและก้าวไปสู่ระดับเทพเจ้าสวรรค์ในอนาคต ค่อยๆ พังทลายและตายลง เช่นนี้ทุกคนย่อมต้องจินตนาการถึงความเจ็บปวด รวดร้าวในใจของหลงซื่อหยาได้แล้ว อย่างไรก็ตาม…ในขณะที่เขาคิด ว่าโจวเหว่ยชิงกําลังจะแตกสลายไปต่อหน้า ปาฏิหาริย์ก็ปรากฏขึ้นมา อย่างแท้จริง
ในช่วงเวลานั้นประกายแสงในภาพลวงตาของพยัคฆ์เทพอสูรมืด เหนือศีรษะของโจวเหว่ยชิงดูเหมือนจะซีดจางไปเล็กน้อย ก่อนที่มันจะ อ่อนกําลังลงเรื่อยๆ ข้างๆเสือดําขนาดมหึมามีภาพลวงตาอีกภาพกําลัง ส่องประกายเรืองรองออกมา แม้จะจืดจาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเสือ ขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
สําหรับภาพเสือขาวตัวนั้น หลงซื่อหยาย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะทําเพียงกระพริบวูบและจางหายไปทันที ทิ้งไว้เพียงเงา จางๆเบื้องหลัง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่ามันคือพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ ศักดิ์สิทธิ์จากภูเขาหิมะสวรรค์!
สิ่งที่มาพร้อมกับการปรากฏตัวของภาพลวงตาเสือขาวคือบอล แสง 4 ลูกที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของโจวเหว่ยชิง หนึ่งไร้สีตัวแทน ทักษะธาตุกาลเวลา หนึ่งสีเทาแสดงถึงทักษะธาตุปีศาจ หนึ่งสีทองแทน ทักษะธาตุเทวา และสีม่วงสุดท้ายแสดงถึงทักษะธาตุวิญญาณ บอลแสง
4 สีที่แตกต่างกันหมุนวนก่อกําเนิดเป็นวังวนแปลกประหลาด หมุน คว้างไปรอบๆและผลุบหายเข้าไปในศีรษะของโจวเหว่ยชิงผ่านจุดตาย ไป่ฮุ่ยของเขา ในขณะนั้นพลังวิญญาณของโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะถูก ยกระดับขึ้น ความรู้สึกที่ว่าเขากําลังจะแตกสลายได้ทุกเมื่อหายไปอย่าง สิ้นเชิงเมื่อพลังวิญญาณของเขาฟื้ นคืนกลับมา ร่างกายก็แสดงให้เห็น ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงลําดับแรกคือพลังปราณธาตุแสงและธาตุมืดทั้ง 2 ที่หลงซื่อหยาส่งเข้าไปในแก่นวิญญาณของโจวเหว่ยชิงเพื่อปกป้องเขา พวกมันถูกผลักกลับออกมาด้วยพลังที่เหนือกว่า
จากนั้นพลังสายเลือดทั้งสองที่ต่อสู้กันในร่างกายของโจวเหว่ยชิง วิญญาณมังกรกลายสภาพและพยัคฆ์เทพอสูรมืดก็หยุดประมือกัน อย่างสันติชั่วคราว แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วครู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ ของพวกมันหลังจากนั้นไม่ได้รุนแรงอีกต่อไป ราวกับว่าพวกมันเพิ่งถูก ยับยั้งโดยพลังของบุคคลที่สาม
ต้องเป็นพลังวิญญาณที่น่าเกรงขามขนาดไหนถึงจะทําเช่นนั้นได้! เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็เข้าสู่วัฏจักรการปลุกวิญญาณมังกร กลายสภาพได้อย่างแท้จริง และในที่สุดเขาก็ได้เข้าสู่อันตรายในระยะ เริ่มต้น เมื่อพ้นช่วงอันตรายครั้งแรกไปแล้ว กระบวนการต่อไปก็จะ ราบรื่นยิ่งกว่าที่หลงซื่อหยาคาดไว้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สิ่งที่สําคัญที่สุด คือความแน่วแน่และความยึดติดของโจวเหว่ย ชิง ถ้าไม่ใช่เพราะพลัง มุ่งมั่นอันแรงกล้า สติของเขาก็คงจะพังทลายไปนานแล้ว นี่เป็นสาเหตุ ที่ทําให้หลงซื่อหยารู้สึกเคารพในตัวเด็กหนุ่ม หลงซื่อหยาถามตัวเอง บางทีหากเป็นเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับโจวเหว่ยชิง เขาก็คงไม่มี ความมั่นใจว่าจะสามารถทําแบบเดียวกันได้สําเร็จ
สิ่งที่หลงซื่อหยาอยากรู้มากที่สุดคือเหตุใดทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ถึงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของโจวเหว่ยชิงในเวลาเดียวกันพร้อมกับ พลังสายเลือด นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ
ความจริงแล้ว สาเหตุที่สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเทียน เอ๋อร์… และอาจกล่าวได้ว่าในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เทียนเอ๋อร์ได้ ช่วยชีวิตของโจวเหว่ยชิงไว้อีกครั้ง
ขณะที่พบกับโจวเหว่ยชิง แรกเริ่มเดิมทีเทียนเอ๋อร์กําลังอยู่ใน ระหว่างการวิวัฒน์ และเป็นเพราะทักษะธาตุปีศาจและธาตุกาลเวลา ของเด็กหนุ่มนั่นเองที่ทําให้เธอต้องการอยู่ด้วยกันกับเขา สิ่งที่ดึงดูด เทียนเอ๋อร์มากที่สุดก็คือการรวมของทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ที่แสน สมบูรณ์แบบ
ในเวลานั้น ระดับพลังปราณและความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิง ยังถือว่าต�าเกินไปจนเขาไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งนี้ และระดับความดึงดูดก็ยังคง มีน้อยจนเกือบจะเลือนลางสําหรับโจวเหว่ยชิง
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันหลายปี ในช่วงเวลานั้น ระดับพลังปราณของเทียนเอ๋อร์ก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด อาจกล่าว ได้ว่าเมื่ออยู่กับโจวเหว่ยชิง ทั้งสองได้ผสานทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 เข้าด้วยกัน ทําให้ความเร็วในการฝึกปราณของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่าง ก้าวกระโดด…มีเพียงแค่โจวเหว่ยชิงเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เมื่อเทียนเอ๋อร์ผ่านไปถึงระดับมณี 7 ชุด ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ก็เกิดการหมุนเวียนวัฏจักร ทําให้พลังปราณของโจวเหว่ยชิงก้าวสู่ระดับ ต่อไปเช่นกัน ในเวลานั้น แม้ว่าเทียนเอ๋อร์จะได้รับผลประโยชน์ มากมายจากโจวเหว่ยชิง แต่พลังของเธอก็มีอิทธิพลต่อเด็กหนุ่มอย่าง มากเช่นกัน
ในวันแห่งโชคชะตาบนเกาะมณีสวรรค์ ทั้งคู่ได้ร่วมแบ่งปันค�าคืน อันงดงามด้วยกัน และเทียนเอ๋อร์ก็ได้มอบครั้งแรกอันแสนล�าค่าที่สุดให้ โจวเหว่ยชิง ทว่าในระหว่างนั้นเอง ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ก็ได้ผ่าน กระบวนการ ‘ผสมผสาน’ กันอย่างแนบแน่นที่สุด ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา ไม่เพียงแค่ร่างของเทียนเอ๋อร์เท่านั้นที่มีพลังของโจวเหว่ย
ชิงเจือปนอยู่ ด้านโจวเหว่ยชิงเองก็เช่นกัน ร่างกายของทั้งคู่ต่างก็มีพลัง ของกันและกันสถิตอยู่
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกําลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ความคิดแสนดื้อรั้นสุดท้ายภายในใจของเขาก็คือเทียนเอ๋อร์ ทักษะธาตุ ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ที่เป็นของเทียนเอ๋อร์ซึ่งหลงเหลืออยู่ในร่างกายของโจว เหว่ยชิงจึงถูกเปิดใช้งานและตื่นขึ้นมาในทันที
พลังวิญญาณมังกรกลายสภาพและสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืด นั้นแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 มา รวมตัวกันก็ก่อเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตขึ้นมา ที่สําคัญกว่านั้น คือสถานะของพวกมันยังอยู่ในระดับที่เหนือกว่าสิ่งอื่น เมื่อความยึดติด ที่แสนดื้อรั้นของโจวเหว่ยชิงและทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ปะทุขึ้นมา พร้อมกัน นั่นจึงพาเขาผ่านพ้นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดไปได้สําเร็จ นําโจวเหว่ยชิงเข้าสู่เส้นทางการปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพที่ ถูกต้อง
เหตุการณ์ที่แสนพลิกผันเช่นนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมา ได้…และเมื่อโจวเหว่ยชิงตระหนักว่าตอนนี้เขากําลังเดินอยู่บนเส้นทาง ที่มุ่งตรงไปสู่ความสําเร็จจริงๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นเรื่อง เกินคาดฝัน…นับประสาอะไรกับหลงซื่อหยา
ตรงกลางหน้าผากของโจวเหว่ยชิงมีจุดแสงเล็กๆปรากฏขึ้น มัน ไม่ได้มีขนาดใหญ่หรือชัดเจนนัก รูปร่างพอๆเมล็ดถั่วปากอ้า แต่ความ แวววาวของมันก็ทําให้ลาวาโดยรอบแทบจะซีดจางไปในทันที
หากตรวจสอบอย่างใกล้ชิดพวกเขาก็จะสามารถมองเห็นว่าแท้จริง แล้วแสงนั้นถูกสร้างขึ้นจากสีที่แตกต่างกัน เป็น 4 สีผสมกัน … สีที่แสดง ถึง 4 ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ พวกมันค่อยๆเคลื่อนตัวลงไปในหน้าผากของ โจวเหว่ยชิง ซึมเข้าสู่ผิวหนังที่จมอยู่ใต้ลาวาอย่างช้าๆ
เมื่อถึงจุดนั้น โจวเหว่ยชิงก็สามารถสัมผัสพลังงานแปลกๆที่ ไหลเวียนอยู่รอบร่างกายของตนได้อย่างชัดเจน
ความเจ็บปวดทั้งหมดยังคงอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะยอมแพ้อีก แล้ว นอกจากนี้ ในขณะที่วังวนแปลกประหลาดได้เข้ามาแทรกแซง ภายในร่าง ทั้งวิญญาณมังกรกลายสภาพและพลังสายเลือดพยัคฆ์เทพ อสูรมืดก็กําลังเริ่มรวมตัวกันที่ใจกลางของวังวนและผสานกันอยู่ภายใน น่าแปลกที่หลังจากพวกมันโผล่เข้าไปใจกลางวังวนกลับสามารถหลอม รวมเข้าด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์และหยุดอยู่ตรงกลางหน้าอกของโจว เหว่ยชิงพอดิบพอดี
เริ่มแรกเนื่องจากวังวนนี้มีขนาดเล็กมาก มันจึงสามารถดึงดูดและ ผสานขุมพลังทั้ง 2 สายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา
ผ่านไปและขุมพลังทั้ง 2 ถูกดึงเข้ามาผสานกันมากขึ้น วังวนก็เริ่มขยาย ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และแสงของมันดูเหมือนจะหรี่ลงเล็กน้อย
สาเหตุที่วังวนขยายใหญ่ขึ้นเป็นเพราะขุมพลังใหม่ที่เพิ่งผสานเข้า ด้วยกันเริ่มต้นเคลื่อนไหวไปด้วย ดังนั้นแม้ว่าความเร็วในการหมุนวนจะ ไม่เพิ่มขึ้น แต่แรงดึงดูดที่ส่งผลต่อวิญญาณมังกรกลายสภาพและพลัง สายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดกลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นสาเหตุที่ ความเจ็บปวดของโจวเหว่ยชิงค่อยๆบรรเทาลง
…………………………………………….