Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 165 ปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพ! (2)
พลังสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดนั้นเยือกเย็นและทะนงตัว ในขณะที่พลังของวิญญาณมังกรกลายสภาพนั้นร้อนแรงและโหดเหี้ยม สองฝ่ายดูเหมือนจะมีศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งเป็นของตัวเอง ทั้งคู่ต่าง ไม่มีใครยอมถอยให้กัน
เวลานี้โจวเหว่ยชิงต้องการขอบคุณเซินปู้ในครั้งนั้นอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้เปลวไฟสีเขียวทองของเซินปู้เคยทําให้เกิดเหตุการณ์นี้มา ก่อนในเวลานั้น แม้ว่าในขณะนั้นความรุนแรงจะน้อยกว่าปัจจุบันมาก แต่มันก็เคยเปิดโอกาสให้โจวเหว่ยชิงได้สัมผัสกับ ‘ความรู้สึกอันน่ายินดี จนขนลุก’ เช่นนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้ มันจึงทําให้เขาสามารถตระเตรียม ใจได้ระดับหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากครั้งก่อนขุมพลังทั้ง 2 แทบจะตก ลงกันไม่ได้และในที่สุดก็ยอมแพ้ถอยห่างจากกัน…นั่นหมายความว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกมันจะยังคงต่อสู้กัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะหยุด ลงในตอนสุดท้าย…และนั่นก็เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ที่สุด
ความเจ็บปวดระลอกแรกนั้นรุนแรงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ทั่วทั้ง ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงบิดเบี้ยวเป็นรูปร่างที่ไม่อาจจินตนาการจาก ความเจ็บปวดที่ไม่มีอะไรเทียบได้ ร่างกายของเขาพลันกําลังชักกระตุก อย่างรุนแรง ทุกส่วนสั่นสะเทือนด้วยความเจ็บปวดอย่างแท้จริง
ที่แผ่นหลังของโจวเหว่ยชิง ในที่สุดรอยประทับของวิญญาณมังกร กลายสภาพก็ถูกเปิดใช้งานโดยสมบูรณ์และปรากฏขึ้นชัดเจนเรื่อยๆ เหนือศีรษะของโจวเหว่ยชิง บอลอากาศสีเทาดํากําลังก่อตัวขึ้นอย่าง ช้าๆ กลายร่างเป็นเสือดําขนาดใหญ่ที่มีปีกสีเทา-ดําคู่หนึ่งอยู่บนแผ่น หลังของมัน ส่วนหางเป็นแมงป่อง … มันคือร่างจริงของพยัคฆ์เทพอสูร มืด!
หลงซื่อหยาสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่าโจวเหว่ยชิงกําลังเผชิญหน้า กับสิ่งใด แต่ก็รู้ว่าในตอนนี้เขาไม่สามารถใจอ่อนได้ มิฉะนั้นมันอาจ ก่อให้เกิดอันตรายต่อโจวเหว่ยชิง เวลานี้การปลุกวิญญาณมังกรกลาย สภาพได้เริ่มขึ้นแล้ว และมันก็จะหยุดไม่ได้อีกต่อไป …มิฉะนั้น นอกจาก โจวเหว่ยชิงจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆจากมันแล้ว สิ่งนี้ยังจะเป็น อันตรายต่อร่างกายของเขาอีกด้วย
ปราณธาตุไฟที่อยู่รอบๆคอยปกป้องร่างกายของโจวเหว่ยชิงกําลัง หรี่แสงลงอย่างช้าๆทว่าสม�าเสมอ เป็นผลให้อุณหภูมิที่เขาต้องต้านรับ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
แรกเริ่มวิญญาณมังกรกลายสภาพภายในร่างกายของโจวเหว่ยชิง ได้ถูกยับยั้งไว้โดยพลังสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืด แต่ด้วยการ สนับสนุนและการกระตุ้นเพิ่มเติมจากไฟวิญญาณสวรรค์ วิญญาณ
มังกรกลายสภาพจึงเริ่มแข็งแกร่งและร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ ตรงเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดกับพลังสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืด
การปะทะกันของพวกมันเกิดขึ้นในทุกเส้นลมปราณ ทุกช่องทาง ทุกตารางนิ้วของกล้ามเนื้อและกระดูก … การปะทะกันของน�าแข็งและ ไฟอันน่าหวาดกลัว ราวกับว่าพยายามจะฉีกทึ้งร่างของโจวเหว่ยชิง ออกเป็นชิ้นๆ
ตอนนี้สมองของโจวเหว่ยชิงเป็นเหมือนกองโจ๊กเละๆ ความ เจ็บปวดนั้นรุนแรงราวกับว่าเขากําลังจะถูกฉีกทึ้งออกจากกัน ตลอดเวลา ทว่าเด็กหนุ่มก็จดจําคําพูดของอาจารย์ได้อย่างชัดเจนว่าให้ มุ่งสมาธิไปที่การปกป้องแก่นวิญญาณอย่างเต็มที่ โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่า หากตนเองหมดสติไป บางทีร่างกายอาจจะถูกฉีกกระชากออกจากกัน ด้วยพลังต้านจากทั้ง 2 ฝ่ายภายในตัวของเขา
ในขณะนั้นเอง หลงซื่อหยาก็เริ่มลงมือ เขาค่อยๆปรับลดระดับพลัง ปราณสวรรค์ธาตุไฟที่ปกป้องโจวเหว่ยชิงออกอย่างช้าๆ พลังปรานอีก 2 หนึ่งลอยออกมาจากฝ่ามือทั้ง2 ข้าง ธาตุมืดจากฝ่ามือซ้ายและธาตุ แสงจากฝ่ามือขวา พลังปราณทั้ง 2?ทะยานออกไป พุ่งเข้าสู่แก่น วิญญาณของโจวเหว่ยชิงทันที
เมื่อมีพลังทั้ง 2 คอยสนับสนุนเขา โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณ ของเขาปลอดโปร่งขึ้น ประสาทสัมผัสกลับเข้าสู่การควบคุมของตนเอง
อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันแม้ว่าเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตราย จากอาการเสียสติ แต่การที่ประสาทสัมผัสฟื้ นคืนมาก็ทําให้ความรู้สึก เจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ไม่ว่าโจวเหว่ยชิงอยากจะกรีดร้องเพราะความเจ็บปวดมาก แค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทําได้แล้ว ภายในร่างกายของเด็กหนุ่ม เส้น เลือดและหลอดลมทุกเส้นต่างพากันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เส้นเลือดสี เขียวปูดออกมาบนหน้าผากของเขา และดวงตาก็แทบจะถลนหลุด ออกมาจากเบ้า
ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะเตรียมใจมาดีมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องเผชิญกับ ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้เช่นนี้ มันก็แทบจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ อาจทานทนได้ เลือดไหลซึมออกมาจากทุกรูขุมขนในร่างกายอย่าง ต่อเนื่องเป็นละอองเล็กๆ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเลือดเหล่านั้นไม่ได้ ระเหยไปหลังหลั่งออกมาจากร่างของเขา… แต่ครึ่งหนึ่งกลายเป็น น�าแข็งและอีกครึ่งหนึ่งระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟ… กลายเป็นภาพที่ แปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เด็กน้อย อดทนไว้! จุดเริ่มต้นของทุกอย่างมักยากที่สุด ตราบใดที่ เจ้าผ่านสิ่งนี้ไปได้ เจ้าก็จะมีโอกาสประสบความสําเร็จ” หลงซื่อหยา ตะโกนออกมาเสียงดัง กัดฟันเริ่มฉีกทําลายชั้นป้องกันสุดท้าย รอบตัวโจวเหว่ยชิงออก
ในที่สุดลาวาก็สัมผัสกับร่างที่ไร้การป้องกันของโจวเหว่ยชิง ตอนนี้ นอกจากศีรษะของเขาแล้ว ร่างกายทั้งหมดล้วนจมอยู่ในลาวา หลอมเหลว
ภาพลวงตาของพยัคฆ์เทพอสูรมืดปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของโจว เหว่ยชิงอย่างชัดเจน และมันก็ร้องโหยหวนสู่สรวงสวรรค์ ทันใดนั้น ลาวารอบตัวโจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะก่อตัวเป็นสัญลักษณ์กลมๆ ราว กับมังกรที่กําลังบินวนอยู่รอบตัวของเขาและปะทะเข้ากับพยัคฆ์เทพ อสูรมืด
กลุ่มควันโดยรอบหนาแน่นขึ้น และแม้แต่ศีรษะของหลงซื่อหยาก็ เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เพราะความร้อน โดยรอบ แต่เป็นเพราะความกังวลภายในใจของเขาอย่างแท้จริง
แม้ว่าหลงซื่อหยาจะรู้เกี่ยวกับพลังสายเลือดในร่างกายของโจว เหว่ยชิงแล้วว่าพวกมันไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันสามารถ ทําให้เกิดสถานะปีศาจกลายร่างได้ มันจะอ่อนแอได้อย่างไร? ทว่าใน ความคิดดั้งเดิมของเขา ไม่ว่าสายเลือดนั้นจะทรงพลังเพียงใด มันก็ไม่ น่าจะเทียบเคียงวิญญาณมังกรกลายสภาพได้ เพราะถึงอย่างไร มังกรก็ ถือว่ายืนอยู่บนจุดสุดยอดของพีระมิดท่ามกลางอสูรสวรรค์ระดับเทพ เจ้าทั้งหลายอยู่ดี
ในความคิดดั้งเดิมของเขา ด้วยความช่วยเหลือและการกระตุ้น ของไฟวิญญาณสวรรค์ที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ วิญญาณมังกร กลายสภาพจะกลืนกินพลังสายเลือดดั้งเดิมของโจวเหว่ยชิงได้อย่าง ง่ายดาย ก่อนจะผสานเข้ากับมันและเริ่มกระบวนการปลุกวิญญาณ มังกรกลายสภาพอย่างเต็มที่… จากนั้นก็จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพลังสายเลือดของโจว เหว่ยชิงจะทรงพลังถึงขนาดนี้ และแม้ในสภาพแวดล้อมที่ว่า มันก็ยังคง เป็นคู่ต่อกรที่สมบูรณ์แบบสําหรับวิญญาณมังกรกลายสภาพในขณะที่ ปะทะกัน เมื่อมองไปที่เสือดําเหลือบเทาขนาดมหึมา หลงซื่อหยาก็ ตระหนักได้ว่าบางทีทักษะอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 ของโจวเหว่ยชิง ธาตุมืด ธาตุ กาลเวลา และทักษะกลืนกินก็น่าจะเกิดขึ้นเพราะพลังสายเลือดนี้ นั่น หมายความว่าอย่างไรกันแน่? นั่นหมายความว่าพลังสายเลือดของโจว เหว่ยชิงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขา หิมะสวรรค์…บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ�า!
สายเลือดที่มีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ 2 ชนิด! แม้จะเป็นวิญญาณมังกร กลายสภาพ มันจะสามารถกลืนกินพลังสายเลือดนี้อย่างเต็มที่ได้ อย่างไร!? ในกรณีเช่นนี้…ผลลัพธ์ของมัน และความเจ็บปวดที่โจวเหว่ย ชิงต้องทนทุกข์ทรมานนั้นเลวร้ายกว่าที่หลงซื่อหยาคาดไว้มากนัก
หากพลังทั้งสองมีความแข็งแกร่งต่างกัน หนึ่งอ่อนแอหนึ่ง แข็งแกร่ง ฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าจะกลืนกินฝ่ายที่อ่อนแอกว่าได้อย่าง ง่ายดายและหลอมรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน ทว่าหากทั้งสองฝ่ายมีพลัง เท่าเทียมกัน มันก็จะจบลงด้วยทางตันดังเช่นสภาพของโจวเหว่ยชิงใน ขณะนี้ บางทีนี่อาจจะไม่ได้ส่งผลให้กระบวนการยาวนานขึ้นมากนัก แต่ แน่นอนว่ามันจะเพิ่มความเจ็บปวดที่โจวเหว่ยชิงต้องเผชิญอย่างทบ ทวีคูณ ในตอนนี้แม้แต่หลงซื่อหยาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสุดท้าย แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร…แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะทนต่อความเจ็บปวด ทั้งหมดได้ แต่อะไรจะเกิดขึ้นกับวิญญาณมังกรกลายสภาพและพลัง สายเลือดดั้งเดิมภายในตัวเขา เขาทําได้เพียงแค่กังวล…กังวลว่าโจว เหว่ยชิงจะผ่านพ้นสิ่งนี้ไปได้หรือไม่
เป็นไปไม่ได้…นี่คือ…เป็นไปไม่ได้…ข้าไม่สามารถแบกรับได้อีก ต่อไป ความเจ็บปวดที่บรรยายออกมาเป็นคําพูดไม่ได้เช่นนี้ มันเป็น ความทรมานที่แสนจะทานทนสําหรับโจวเหว่ยชิง แม้ว่าสติสัมปชัญญะ ของเขาจะยังคงตื่นตัวเต็มที่ แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกเหมือนจะตายได้ทันที หากต้องแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้ต่อไป เมื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ ทรมานระดับที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันเลือนหายไปจากสติของเขา
อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงจะยอมแพ้เช่นนี้จริงๆน่ะเหรอ?
ตอนนี้เด็กหนุ่มจมอยู่ในลาวาเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว และเขา ก็ใกล้จะพังทลายเต็มที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป และความเจ็บปวด นั้นก็น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้ ไม่แม้แต่จะเคยฝันถึง ด้วยซ�า… ไม่ว่าเขาจะเตรียมความพร้อมทางจิตใจมาดีอย่างไร ความ เจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่เขาเคยผ่านมาก่อนในชีวิตอันแสนสั้น นี้ก็เทียบกันไม่ติดแม้แต่น้อย ตอนนี้แม้ว่าหลงซื่อหยาต้องการที่จะหยุด กระบวนการปลุกพลัง เขาก็ไม่สามารถทําได้แล้ว …เนื่องจากพลังขอ วิญญาณมังกรกลายสภาพได้ถูกปลุกขึ้นเป็นที่เรียบร้อย วิธีเดียวที่จะ หยุดความเจ็บปวดของโจวเหว่ยชิง…ก็คือการฆ่าเขา
หยุด…หยุดเถอะ…ข้าไม่สามารถทําต่อได้แล้ว…ได้โปรดปล่อยให้ ข้าตาย…โจวเหว่ยชิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จิตวิญญาณของเขา แทบจะแห้งเหือดไปแล้ว
เมื่อความเจ็บปวดทรมานเกินขีดจํากัดของความอดทน ร่างกาย ของคนๆหนึ่งก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันตนเอง นั่นก็คือการเป็นลม
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยพลังปราณภายนอกที่ หลงซื่อหยาใช้ปกป้องแก่นวิญญาณของเขา แม้ว่าโจวเหว่ยชิงอยากจะ เป็นลม เขาก็ไม่สามารถทําได้อยู่ดี
เด็กหนุ่มทําได้เพียงแค่อดทนต่อความเจ็บปวดที่ยากจะแบกรับนี้ ด้วยประสาทสัมผัสอันแจ่มชัด
ถึงกระนั้น ขีดจํากัดก็ยังคงเป็นขีดจํากัด และในช่วงเวลาที่มันทะลุ ผ่านขีดจํากัดของเขาไป โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าตนเองตกอยู่ ท่ามกลางความมืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใดแม้แต่น้อย มืดเหลือเกิน… เจ็บปวด…ทําไมข้าถึงยังไม่ตาย…ได้โปรดให้ข้าตายเถิด…โจวเหว่ยชิง กรีดร้องอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางโลก แห่งความมืดอย่างกะทันหัน… เป็นร่างหนึ่งที่แสนคุ้นเคย
สิ่งนั้นมีร่างสีขาว และตรงกันข้ามกับความมืดมิดที่ดูสิ้นหวังแห่งนี้ มันดูสดใสและโดดเด่นมาก จากจุดสีขาวเล็กๆค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น เรื่อยๆขณะเดินเข้าใกล้โจวเหว่ยชิง
ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็สามารถมองเห็นฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน มันคือเสือขาวตัวใหญ่ลายสีฟ้าเข้ม กําลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตา เศร้าโศก…ความเศร้าโศกนั้นไม่ใช่เพราะตัวมันเอง… แต่เป็นเพราะเขา!
เจ้าแมวอ้วน! เทียนเอ๋อร์…เทียนเอ๋อร์ของข้า! เมื่อเห็นร่างตรงหน้า โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาสั่นสะท้าน คล้ายมีไอเย็น เยียบแล่นริ้วไปทั่วแนวกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเศร้าอัน แสนขมขื่นที่ไม่อาจจินตนาการได้ในดวงตาของเทียนเอ๋อร์ ราวกับจะ บอกเขาถึงสิ่งนี้ ถ้าเจ้ายอมแพ้ตอนนี้ ถ้าเจ้าตาย … ข้าตายร่วมกับเจ้า…
ทันใดนั้น ในห้วงความคิดของโจวเหว่ยชิง จดหมายที่เทียนเอ๋อร์ เคยเขียนถึงเขาก็ส่องสว่างและปรากฏขึ้นอีก ครั้ง… ไม่ใช่จดหมายที่ องค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงมอบให้เขา แต่เป็นจดหมายที่เทียนเอ๋อร์เขียนด้วย ตัวเองและทิ้งไว้ให้เขา ณ เกาะมณีสวรรค์ก่อนที่เธอจะจากไป
“เหว่ยชิง…ข้าต้องไปแล้ว แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะยากเย็น เหลือเกิน แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแยกจากเจ้าไปตั้งแต่ ตอนนี้ ขอโทษด้วย เหว่ยชิง ในเวลาที่เจ้าต้องการข้ามากที่สุด ข้ากลับ ต้องจากไป ทว่าข้าก็ไม่อาจทําอย่างอื่นได้นอกจากแยกตัวไป…”
“เจ้ากําลังเผชิญกับปัญหามากมายอยู่แล้ว และข้าก็ไม่อาจปล่อย ให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้เพราะตัวข้า เช่นนั้น ข้าจึงต้อง จากไป โชคดีที่ก่อนจะจากไป ข้าสามารถมอบร่างกายให้เจ้าอย่างเต็ม ตัว ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นของเจ้าแล้ว และข้าก็จะเป็นของเจ้าตลอดไป ไม่ว่าพวกเขาจะบังคับข้าอย่างไร ข้าก็จะเป็นผู้หญิงของโจวเหว่ยชิง เท่านั้น”
…………………………………………….