Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 167 ไร้พ่ายในโลกหล้า! (1)
กรมทหารที่ 16 เริ่มล่าถอยทันที และบริเวณพื้นที่ว่างที่พวกเขา
เพิ่งถอนตัวออกมา กองร้อยหลักที่ 1 ก็ยังไม่ได้หยุดระดมยิง เสียงหวีด
แหลมของลูกศรแหวกอากาศดําเนินไปอย่างไม่หยุดหย่อน ศพทหาร
มนุษย์หมาป่าและทหารมนุษย์สุนัขร่วงลงกับพื้นระเนระนาด เมื่อเทียบ
กับทหารยูนิคอร์นที่พวกเขาเคยเผชิญมาก่อน มนุษย์สัตว์ทั้ง 2 เผ่านี้ถือ
ว่าจัดการได้ง่ายกว่ามาก
ก่อนหน้านี้ ในขณะที่พวกเขาเข้าไปช่วยเหลือเผ่าคนเถื่อนและเผ่า
อีกาทองซึ่งถูกล้อมเอาไว้ ทหาร 500 นายของกองร้อยหลักที่ 1 ก็ได้ทํา
ให้กรมทหารยูนิคอร์นและกรมทหารหมาป่าตื่นตระหนกและหวาดผวา
ด้วยความสามารถในการรบของพวกเขา เวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับ 2
กรมทหารที่อ่อนแอกว่าสองเผ่าที่ว่า ทั้งยังมีพันธมิตรจํานวนมากอยู่
เคียงข้าง กองร้อยหลักที่ 1 จึงเริ่มเปิดฉากยิงธนูด้วยความมั่นใจสุดขีด
แม้จะเป็นนักธนู แต่พวกเขาก็ไม่ยอมล่าถอย ค่อยๆคืบคลานไปยังแนว
หน้ายังบริเวณพื้นที่ที่ว่างอยู่แม้ว่าพวกเขาจะกําลังยิงธนูไปด้วยอย่าง
ต่อเนื่องก็ตาม ภายในไม่กี่นาที พื้นที่ที่ศัตรูบุกเข้ามาจู่โจม ที่ซึ่งมีกรม
ทหารที่ 16 ยืนประจําอยู่ก่อนหน้านี้ก็เกือบจะกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่าง
เปล่าในขณะกรมทหารที่ 16 ถอยร่นออกไปด้านหลัง กองพันไร้พ่าย
และกรมทหารราบหนักก็ก้าวเท้าออกมาพร้อมเพรียงกันอย่างช้าๆใน
แถวขบวนทัพที่สมบูรณ์แบบ หัวเฟิงรัวออกคําสั่งเป็นชุดหลังจากเข้าสู่
พื้นที่ ผู้บัญชาการกองร้อยคนอื่นๆจึงเข้าร่วมการต่อสู้อย่างช้าๆ
นับตั้งแต่กองพันไร้พ่ายเติบโตขึ้นจนมีกําลังพลถึง 5,000 นาย นี่
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งหมดได้อยู่ในสนามรบร่วมกัน จ้าวมณี 5,000
คน…นักธนูชั้นยอดที่มีธนูศาสตรามณียุทธ์…นี่เป็นแนวคิดแบบไหนกัน
แน่!? รูปแบบการโจมตีของพวกเขาถือว่าเรียบง่ายมาก ใช้ 2 กองร้อย
หลักต่อเป็นแถวเดี่ยว จัดขบวนในรูปแบบเรียงซ้อนและยิงลูกศรออกไป
อย่างต่อเนื่องตามลําดับ 2 กรมทหารวั่นโซ่วที่แต่เดิมเคยสร้างปัญหาให้
กรมทหารทั้ง 6 ของจ้งเทียนก็ถูกปราบลงอย่างง่ายดายในทันที สิ่งที่มา
พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองซึ่งสร้างความหวาดกลัว
ให้แก่จิตใจของทุกคนที่ได้ยินก็คือคลื่นทหารมนุษย์หมาป่าและทหาร
ราบเผ่าสุนัขที่ล้มลงเป็นผักอยู่กับพื้น ความจริงไม่ใช่แค่ฝ่ายศัตรูเท่านั้น
แม้แต่ทหารพันธมิตรก็ยังรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิด
อะไรขึ้น แต่อย่างน้อยรังสีกดดันที่ตนกําลังแบกรับอยู่แต่เดิมก็ลดลง
เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าแม้แต่ทหารกองพันไร้พ่ายก็ไม่สมบูรณ์แบบไปเสียทุก
อย่าง ลูกศรของพวกเขาย่อมพลาดเป้าได้แน่นอน แต่ถึงกระนั้น
ทั้งหมดก็ยังถือว่าแม่นยํากว่านักธนูทั่วไปมาก นอกจากนี้ยังมีลูกศรพลังทะลุทะลวงสูงที่ยิงจากธนูศาสตรามณียุทธ์อยู่ในมืออีก พลังของมันเห็น
ได้ชัดจากจํานวนผู้บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตหลังถูกยิงด้วยลูกศร
บริเวณปีกสนามซึ่งแต่เดิมกําลังไต่อยู่บนขอบเหวสุดอันตราย ใกล้
เพลี่ยงพล�าและรอคอยเพียงความช่วยเหลือ … ภายในเวลาเพียงไม่กี่
อึดใจ แรงกดดันเหล่านั้นก็สลายหายไปแล้ว
หลังจากกองพันไร้พ่ายเข้าสู่สนามรบ กรมทหารหมาป่าและกรม
ทหารราบดาบโค้งเผ่าสุนัขก็ไม่สามารถเดินทัพต่อไปข้างหน้าได้อีก
ภายใต้การโจมตีของลูกศรที่พุ่งลงมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่พวกเขาทําได้มี
เพียงละทิ้งซากศพสหายไว้เบื้องหลังเท่านั้น
ทหารที่เฝ้าดูบางคนได้อาสานับจํานวนให้กองพันไร้พ่าย…พวกเขา
ยิงลูกศรออกไปเพียง 24 ระลอก และทหารส่วนที่เหลือของกรมทหาร
หมาป่าและกรมทหารราบดาบโค้งเผ่าสุนัขต่างก็ล่าถอยกลับไปใน
สภาพที่ไม่ดีนัก… นอกจากนี้ยังมีทหารเหลืออยู่เพียงไม่ถึงพัน
ถึงอย่างไรทั้ง 2 เผ่าก็เป็นถึงกรมทหารที่มีพลังสูงส่งจากอาณาจักร
วั่นโซ่ว! สําหรับฝ่ายทหารอาณาจักรจ้งเทียน ทุกคนที่เห็นภาพนั้นพลัน
รู้สึกราวกับว่านี่เป็นความฝัน … เป็นภาพลวงตาชนิดหนึ่ง พวกเขานับ
ไม่ถ้วนต่างคิดว่าตนเองกําลังจะต้องตาย แต่การต่อสู้ก็จบลงก่อนที่จะ
รู้ตัวด้วยซ�าแน่นอนว่าทหารราบหนักที่อยู่ข้างๆ กองพันไร้พ่ายนั้นแตกตื่นยิ่ง
กว่า พวกเขายกโล่หอคอยออกและยังคงไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ตรงหน้า สหายที่ฝึกฝนมากับพวกเขาทุกๆวัน คนเหล่านั้นได้สร้าง
ปาฏิหาริย์ที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ “ไร้พ่ายบนโลกหล้า!” เสียงโห่ร้องดัง
ก้องขึ้นไปทั่วท้องฟ้า ทหารกองพันไร้พ่ายทุกคนตะโกนออกมาเสียง
เซ็งแซ่และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาเป็นกองพันไร้พ่ายอย่างแท้จริง ไร้พ่ายบนโลกหล้าแห่งนี้!
ในสนามรบ ณ ชายแดนภาคเหนือ เบื้องหน้าทหารกองทัพจ้งเทียน
ภาคเหนือเขตตะวันตกจํานวนหลายแสนคน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขา
แสดงความแข็งแกร่งออกมาให้โลกใบนี้ได้ยลอย่างเต็มที่ ใช้การกระทํา
เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าแม้จะมาจากกองพันนักเลง แต่พวกเขาก็
แข็งแกร่งที่สุด… กองพันนักเลงที่แข็งแกร่งที่สุด!
แม้เทพธนูทั้ง 7 แห่งหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ที่มักจะรักษาความสงบ
เยือกเย็นของตนเองเอาไว้ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
ของทหารกองพันไร้พ่าย ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเลือดภายในกาย
เดือดพล่านขึ้นมาเนื่องจากความตื่นเต้น ในใจของพวกเขามีชื่อหนึ่ง
โผล่ออกมา ชื่อของผู้ที่สร้างกองพันไร้พ่าย
เขาเป็นผู้ที่นํามาซึ่งปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง และเมื่อปาฏิหาริย์นี้
กําลังจะถูกนําไปยังบ้านเกิดเก่าของพวกเขา ใครจะกล้าพูดว่าเขาจะไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้อีกครั้ง เพื่อกอบกู้และฟื้ นฟูอาณาจักร
ที่แสนงดงามและยิ่งใหญ่!
“เคลื่อนพล มุ่งไปที่ปีกซ้ายของสนาม พวกเจ้าทุกคนฟังข้าให้ดี
เมื่อเราไปถึงปีกซ้าย ข้าต้องการให้ทุกคนเล็งเป้าไปที่ทหารยูนิคอร์น แต่
พยายามอย่าทําอันตรายอสูรยูนิคอร์นโดยเด็ดขาด ทหารส่งคนไปหา
หัวหน้าเผ่าหม่าหลงให้เตรียมตัวมารับอสูรสวรรค์เหล่านั้นพร้อมกับ
นักรบในเผ่าของเขา”
สงครามยังคงดําเนินต่อไป แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปาฏิหาริย์
เท่านั้น
พวกเขาเพิกเฉยต่อแนวรบตรงกลางอีกครั้ง เมื่อได้รับชัยชนะ
เด็ดขาดที่นี่แล้ว กองพันไร้พ่ายจึงหันขบวนไปทางปีกซ้ายอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายของพวกเขาคือกรมทหารยูนิคอร์นและกรมทหารราบดาบ
โค้งเผ่าสุนัขกลุ่มอื่นๆ
ในขณะที่กองพันไร้พ่ายผละออกจากปีกขวาอย่างเงียบๆ
ผู้บังคับบัญชาของทหารทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ใน
ความเป็นจริง ทั้งสองฝ่ายล้วนมีความรู้สึกเดียวกัน นั่นก็คือความตก
ตะลึงพรึงเพริศอย่างกะทันหัน ทว่าด้านหนึ่งเป็นความตกละลึงเพราะ
ความสุข ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น”เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นที่ปีกขวา?” ผู้บัญชาการกองทัพ
ภาคเหนือเขตตะวันตก 1 ใน 3 ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพจ้งเทียน
ผู้บัญชาการแบรนโดอุทานกับทหารใต้บังคับบัญชาของเขา ดวงตา
ยังคงเต็มเปี่ ยมไปด้วยความตกใจ เขาเพิ่งได้รับข่าวว่ากรมทหารข้าศึก
ทั้ง 2 ที่อยู่ปีกขวาได้หนีไปแล้ว ทั้งยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่ไม่ถึง 1 ใน 10
อีกต่างหาก
พวกเขาทําสงครามกับอาณาจักรวั่นโซ่วมาหลายปี และนี่เป็นครั้ง
แรกที่ผู้บัญชาการแบรนโดได้พบกับสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อสักครู่ที่ผ่าน
มา เขาเพิ่งจะส่งคนไปเสริมที่ปีกด้านขวาซึ่งกําลังตกอยู่ในอันตราย
และในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจก็มีรายงานใหม่เข้ามาแล้ว
“เป็นกองพันไร้พ่าย พวกเขาสร้างปาฏิหาริย์จริงๆ!” คนที่พูดคือ
ชายชราอายุประมาณ 60 ขึ้นไป เขายืนข้างๆผู้บัญชาการแบรนโดใน
ชุดเครื่องแบบเต็มยศ คนๆนี้คืออาจารย์และพ่อทูนหัวของเซินจี้ เซินปู้
และเซินอี้ รองผู้บัญชาการกองทัพภาคเหนือเขตตะวันตก เซินอู่
“เดี๋ยวก่อน…เจ้ากําลังจะบอกว่า…เป็นกองพันแปลกๆที่วังสวรรค์
ไพศาลเกณฑ์คนจากกองพันนักเลงทั้งหมดไปใช่หรือไม่?” แน่นอนว่าผู้
บัญชาการแบรนโดรู้จักกองพันไร้พ่าย เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ให้
ความสนใจกับฝ่ายนั้นเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า
เขาไม่อยากให้ความสําคัญกับกองพันไร้พ่าย แต่เป็นเพราะเขาทําไม่ได้ต่างหาก เพราะถึงอย่างไรเรื่องที่วังสวรรค์ไพศาลเข้ามาแทรกแซง
กิจการทหารก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และหากพวกเขาเข้ามายุ่ง
เกี่ยวกับสงครามจริงๆ หากมองในภาพรวมมันก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
ดังนั้นเขาจึงแสร้งทําเป็นไม่สังเกตเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และปล่อยให้
เซินอู่จัดการทุกอย่างแทน
“กองพันไร้พ่ายมีพลังทําลายล้างรุนแรงขนาดนั้นจริงหรือ? พวก
เขาทําได้อย่างไร?” ผู้บัญชาการแบรนโดอุทานด้วยความประหลาดใจ
กับเซินอู่
เซินอู่ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ผู้บัญชาการ ข้าก็ไม่แน่ใจใน
ตัวเองเช่นกัน เมื่อสักครู่ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว คิดว่าน่าจะได้รับ
ข่าวสารกลับมาเร็วๆนี้”
ใช้เวลาไม่นาน ผู้บัญชาการกองพลที่ 7 อย่างเซินจี้ก็มาที่
กองบัญชาการใหญ่ด้วยตัวเอง
“ทําความเคารพผู้บัญชาการสูงสุด รองผู้บัญชาการ” ใบหน้าของ
เซินจี้เต็มไปด้วยความตระหนกและตื่นเต้น เมื่อได้ยินข่าวยืนยันก่อน
หน้านี้ เขาก็ยากที่จะทําใจเชื่อเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงก็ได้
ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาแล้ว เซินจี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจาก
ยอมรับมัน เขารู้ว่าสิ่งนี้มีความสําคัญจึงรีบไปรายงานตัวที่สํานักงาน
ใหญ่ด้วยตัวเองทันที ถึงอย่างไรก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้จักและคุ้นเคยกับกองพันไร้พ่ายมากพอ เมื่อพวกเขาสามารถกําจัดกรมทหารฝ่ายศัตรูที่
ปีกขวาได้ มันจึงกลายเป็นข่าวลับระดับสูงสุดของกองทัพจ้งเทียน
ภาคเหนือเขตตะวันตกทันที
“เซินจี้ เกิดอะไรขึ้น?” ผู้บัญชาการแบรนโดถามอย่างเคร่งขรึม
“ธนูศาสตรามณียุทธ์! ผู้บัญชาการ เป็นธนูศาสตรามณียุทธ์! ทหาร
กองพันไร้พ่ายล้วนเป็นจ้าวมณี…จ้าวมณี 5,000 คน! พระเจ้า นั่นคือ
จ้าวมณี 5,000 คน !! พวกเขาส่วนใหญ่เป็นจ้าวมณียุทธ์ และด้วยธนู
ศาสตรามณียุทธ์อันทรงพลัง ภายใต้การระดมยิงกว่า 20 ครั้ง ในที่สุด
พวกเขาก็สามารถกําจัดศัตรูจาก 2 กรมทหารนั้นได้”
“เดี๋ยวก่อน อะไรนะ? จ้าวมณีทั้งหมด? เป็นไปได้อย่างไร? ทหาร
เหล่านั้นล้วนมาจากกองพันนักเลงไม่ใช่หรือ?” เซินอู่อดไม่ได้ที่จะ
อุทานออกมา
เซินจี้ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ข้ายังไม่รู้สถานการณ์ที่แน่นอน
เช่นกัน ถึงอย่างไรเราก็ประเมินกองพันไร้พ่ายไว้สูงมากแล้ว ทว่าข้าก็
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะยังคงประเมินพวกเขาต�าเกินไปอยู่ดี ตอนนี้
พวกเขาเคลื่อนพลไปทางปีกซ้ายแล้ว เพราะพวกเขามีภูมิหลังเป็นถึงวัง
สวรรค์ไพศาล ข้าจึงไม่ได้ออกโรงบัญชาการพวกเขา…ผู้บัญชาการ รอง
ผู้บัญชาการ ตอนนี้พวกเราควรทําอย่างไรดี?”ผู้บัญชาการแบรนโดผุดลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันและกล่าวว่า “เรา
จะทําอย่างไร? เจ้าต้องรอให้ข้าพูดอะไรอีกหรือ? ส่งคําสั่งของข้า
ออกไป เซินจี้ ข้าต้องการให้เจ้าเป็นผู้นําทหารคุ้มกันส่วนตัวของข้าไป
สนับสนุนกองพันไร้พ่าย ไม่ว่าอย่าง ไรก็อย่าให้พวกเขาเป็นอันตราย
รีบไปเดี๋ยวนี้ การปรากฏตัวของกองพันไร้พ่ายอาจเป็นสิ่งที่สามารถ
ช่วยกองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกทั้งหมด เพื่อพลิกสถานการณ์ที่ไม่
อาจเป็นไปได้ของเรา”
ในฐานะผู้บังคับบัญชาและแม่ทัพที่มีประสบการณ์ ไม่ต้องสงสัย
เลยว่าแบรนโดสัมผัสได้ทันทีว่าการปรากฏตัวของกองพันไร้พ่ายถือ
เป็นโอกาสล�าค่าสําหรับพวกเขา จากนั้น เขาจึงสั่งการลงไปอีกครั้ง ให้
กรมทหารม้าหนักสํารองจํานวน 2 กรมเคลื่อนย้ายออกไปในสนามรบ
พวกเขาได้รับคําสั่งเดียวเท่านั้น ทํางานร่วมกันเพื่อรับรองความ
ปลอดภัยของกองพันไร้พ่าย
แม้ว่าผู้บัญชาการแบรนโดจะไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสามารถใน
การโจมตีและความแข็งแกร่งของกองพันไร้พ่าย แต่เขาก็มั่นใจว่าหาก
พวกเขาสามารถกําจัดกรมทหารอาณาจักรวั่นโซ่ว 2 กรมได้ในเวลาอัน
สั้น กองพันไร้พ่ายก็จะเป็นกลายอาวุธเทพสําหรับกองทัพภาคเหนือ
เขตตะวันตก… เป็นอาวุธที่จะช่วยพวกเขาสามารถต่อสู้กับกองทัพ
อาณาจักรวั่น โซ่วได้ในขณะที่ผู้บัญชาการแบรนสั่งการออกไปหลายชุด สถานการณ์ใน
สนามรบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
กรมทหารทั้ง 10 จากอาณาจักรวั่นโซ่วซึ่งรั้งพลอยู่ด้านหลังก็เริ่ม
เคลื่อนไหวแล้ว ไกลออกไป กลุ่มเมฆสีดําขนาดมหึมาลอยขึ้นเหนือผืน
ดิน จับกลุ่มกันราวกับเมฆดําประหลาดก่อนจะบินออกมาที่สนามรบใน
ระดับความสูงเกือบ 1,000 เมตรอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นกลุ่มเมฆดําเหล่านั้น กองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกซึ่ง
คุ้นเคยกับกองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วเป็นอย่างดีก็รู้สึกประหลาดใจไป
โดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าพวกเขาจดจําได้และรู้ว่ากลุ่มเมฆดําเหล่านี้
หมายถึงอะไร…แต่เพียงแค่แปลกใจที่พวกเขามาที่นี่ พวกเขาเป็นหนึ่ง
ในไพ่ลับของกองทัพอาณาจักรวั่นโซ่ว กองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรี
ในอาณาจักรวั่นโซ่วทั้งหมด มีเพียงเผ่ามนุษย์อินทรีเท่านั้นที่
สามารถฝึกฝนและขี่หลังอสูรอินทรีที่มีความสามารถในการบิน อย่าง
น้อยก็มีจํานวนเพียงพอให้สร้างกรมทหารได้ ทั้งอาณาจักรวั่นโซ่วมี
ทหารกลุ่มนี้อยู่เพียง 1 กรม แน่นอนว่าเนื่องจากความหายาก พวกเขา
จึงไม่ได้อยู่ร่วมกันภายในกรมทหารเดียว แต่แบ่งเป็นกองพันกระจายไป
ยังกองทัพต่างๆในอาณาจักรวั่นโซ่ว นอกจากนี้ พวกเขายังไม่เข้าร่วม
สงครามง่ายๆ เว้นเสียแต่จะจําเป็นจริงๆเท่านั้นไม่มีใครเคยจินตนาการว่าอาณาจักรวั่นโซ่วจะให้ความสนใจกับ
กองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกมากจนถึงขนาดส่งเผ่ามนุษย์อินทรีมา
จริงๆ… เมื่อมองเห็นพวกเขาบินกรูขึ้นสู่อากาศ ดูจากจํานวนแล้วก็
น่าจะมีราวๆ 2 กองพัน
หากจะบอกว่าในสงคราม แม้จะต้องเผชิญความยากลําบากจนหืด
ขึ้นคอ แต่พวกเขาก็ยังสามารถขัดขวางกรมทหารหมีทรราชย์เอาไว้ได้
บ้าง เช่นนั้นเผ่าอินทรีก็คงเป็นกองกําลังที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้มา
ก่อน เหตุผลนั้นง่ายมาก นอกจากอาณาจักรวั่นโซ่วแล้ว ยังไม่มี
อาณาจักรอื่นๆที่มีกองทัพอากาศแข็งแกร่งระดับนี้มาก่อน
อินทรีสงครามที่นักรบเผ่ามนุษย์อินทรีเลี้ยงไว้มีความยาว
ประมาณ 2 เมตร ปีกของพวกมันยาวมากกว่า 5 เมตร และบรรทุก
นักรบเผ่ามนุษย์อินทรี ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในมนุษย์สัตว์ที่มีรูปร่างเล็กใน
บรรดามนุษย์สัตว์ด้วยกันเอาไว้ อินทรีสงครามทั้งหมดสะพายหอกสั้น
12 อันและแล่งธนูจํานวนมาก…ดูไปแล้วอุปกรณ์ของพวกเขาก็
คล้ายคลึงกับกองพันไร้พ่ายหลายส่วน ยกเว้นนักรบเผ่ามนุษย์อินทรีจะ
นั่งอยู่บนอินทรีสงครามของพวกเขาในขณะที่กองพันไร้พ่ายจะต้องบิน
ด้วยตัวเอง
………………………………………