Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 167 ไร้พ่ายในโลกหล้า! (2)
แน่นอนว่าเผ่ามนุษย์อินทรีทั้ง 2 กองพันมาที่นี่เพื่อกําจัดกองพันไร้
พ่ายโดยเฉพาะ ด้วยสายตาที่ยอดเยี่ยมของเผ่าอินทรี แม้จะอยู่สูงขึ้นไป
ถึง 1,000 เมตร พวกเขาก็ยังคงสามารถมองเห็นเป้าหมายบนพื้นดินได้
อย่างชัดเจน
อาณาจักรวั่นโซ่วได้เตรียมการเกี่ยวกับกองพันไร้พ่ายไว้เป็นอย่าง
ดี หลังจากบัตเลอร์ผู้บัญชาการกรมทหารหมาป่าเท้าเร็วได้รับบาดเจ็บ
ภูเขาหิมะสวรรค์เองก็ได้รู้เรื่องนี้เช่นกัน นอกจากนี้ กรมทหารหมาป่า
และกรมทหารยูนิคอร์นก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายอย่างหนัก
หน่วงอีกด้วย เช่นนี้กองพันไร้พ่ายจะไม่กระตุ้นความสนใจของ
อาณาจักรวั่นโซ่วได้อย่างไร? กรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรีทั้ง 2 จึงถูกส่ง
มาเพื่อจัดการกองพันไร้พ่ายด้วยเหตุผลที่ว่า
อย่างไรก็ตาม อาณาจักรวั่นโซ่วได้คํานวณผิดพลาด…เกี่ยวกับ
จํานวนที่แท้จริงของกองพันไร้พ่าย ตามรายงานของพวกเขา กองพันไร้
พ่ายมีจํานวนเทียบเท่า 1 กองพันปกติหรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย
พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ากองพันไร้พ่ายจะมีทหารเพิ่มขึ้นเป็น 5,000
นายแล้ว!ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูกองทัพอากาศเผ่าอินทรีที่กําลังบินเข้ามาใกล้
ขี้เมาเหลี่ยมจัดหลัวเขอตี้ก็พูดด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “พวกนั้น…
บนท้องฟ้า… มาที่นี่เพราะพวกเราใช่ไหม?”
หัวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าน่าเกลียด “จะเป็นอะไรได้อีก กรมทหาร
ราบหนักเตรียมป้องกันด้านบน ทุกคน ช้าลง ปลอดภัยไว้ก่อน”
กองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรีทั้ง 2 กองพันมาเร็วเกินไป ก่อนที่
กองพันไร้พ่ายจะไปถึงปีกซ้าย ฝ่ายนั้นก็ลอยขึ้นไปเหนืออากาศแล้ว ห่า
ลูกศรพลันพุ่งตกลงมาจากท้องฟ้า เล็งเป้าไปยังกองพันไร้พ่าย ชุด
เกราะไทเทเนียมของกองพันไร้พ่ายอาจจะแข็งแกร่ง แต่แสงสะท้อน
ของพวกมันก็ค่อนข้างโดดเด่นและมองเห็นได้ชัดเจน ทําให้พวกเขาตก
เป็นเป้านิ่งได้ง่าย
ทหารกองพันไร้พ่ายยกธนูศาสตรามณียุทธ์ของพวกเขาขึ้นและยิง
สวนกลับโดยไม่ลังเล อนิจจา น่าเสียดายที่มีสิ่งรบกวนมากเกินไป ถึงแม้
ทักษะการยิงธนูและธนูศาสตรามณียุทธ์ของพวกเขาจะทรงพลังอย่าง
ยิ่ง แต่มันก็ยังยากที่จะโจมตีเป้าหมายที่ลอยอยู่กลางอากาศ โดย
เฉพาะที่ความสูงมากกว่า 1,000 เมตร …แม้ว่าบรรดาลูกศรจะพุ่งไป
ตรงเป้า แต่หลายดอกก็สูญเสียพลังจากแรงโน้มถ่วงและถูกปัดออก
อย่างง่ายดายด้วยกรงเล็บของอินทรีสงครามแว่วเสียงโลหะกระทบกันดัง *ติ้ง** ติ้ง** ติ้ง** ติ้ง* ฝ่ายทหารราบ
หนักเองก็สามารถปิดกั้นฝนลูกศรจากท้องฟ้าได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็
ตาม การจู่โจมครั้งต่อมากลับไม่ใช่ลูกศรอีกต่อไป แต่เป็นหอกที่โยนลง
มาจากด้านบน
เสียง *ติ้ง* *ติ้ง* กลายเป็นเสียงสะท้อนดังกึกก้อง หากห่าลูกศร
ก่อนหน้านี้ถูกป้องกันไว้ด้วยชุดเกราะไทเทเนียมของกองพันไร้พ่าย
เพียงอย่างเดียว หอกชุดนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ฆ่าพวกเขาแน่นอน
ณ จุดนี้ ทุกคนรวมถึงหัวเฟิงรู้สึกชื่นชมและเคารพการตัดสินใจ
ของโจวเหว่ยชิงอย่างแท้จริง วิสัยทัศน์ การมองการณ์ไกลและการ
เตรียมการของเขาในเรื่องนี้… ได้ทําให้กองพันไร้พ่ายหลีกเลี่ยงอันตราย
ที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาได้สําเร็จ
“ผู้บัญชาการกองพัน ให้กองร้อยหลักที่ 1 ของข้าขึ้นไปทักทาย
พวกมันหน่อยเถอะ กองทัพอากาศกับกองทัพอากาศ…ให้เราสอน
บทเรียนแก่พวกมัน” เหลยซีส่งเสียงออกมา
หัวเฟิงเหลือบมองเขาและกล่าวว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วฟัง
คําสั่งของข้าซะ เจ้าต้องการให้ทหารของเจ้าบินขึ้นไปและเสียสละชีวิต
เพื่ออะไร? ฝ่ายนั้นมีข้อได้เปรียบเพราะอยู่บนพื้นที่สูงเหนือศีรษะพวก
เรา…ก่อนที่เจ้าจะไปถึงครึ่งทาง หอกของศัตรูก็จะเสียบร่างพวกเจ้าทุก
คนแล้ว”แรงดิ่งจากการพุ่งตกลงมา ณ ความสูง 1,000 เมตร…นับประสา
อะไรกับการขว้างอย่างเต็มกําลัง แม้แต่โล่หอคอยหนาๆก็ยังยุบจากแรง
กระแทกที่หนักหน่วง แม้ว่ากองร้อยหลักที่ 1 จะเป็นทหารระดับสูงของ
กองพันไร้พ่ายและสวมชุดเกราะไทเทเนียมกันทุกคน แต่หากพวกเขา
ไม่ระวังก็อาจถูกกวาดล้างได้ทั้งหมด กองพันไร้พ่ายย่อมไม่สามารถ
แบกรับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้ได้! ดังนั้นหัวเฟิงจึงจะไม่ยอมเสี่ยง
แน่นอน โจวเหว่ยชิงทิ้งกองพันไร้พ่ายไว้กับพวกเขา และเขาก็ต้องคืน
ให้เด็กหนุ่มในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
มู่เอินเดินเข้าไปใกล้หัวเฟิงและเอ่ยเบาๆ “รอก่อน ปล่อยให้พวก
มันขว้างหอกต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะพกหอกจํานวนมากขนาดนั้น
มากับอสูรอินทรีได้ เมื่อขว้างหอกทั้งหมดเสร็จแล้ว … เราจึงจะจัดการ
กับพวกมันได้ สําหรับตอนนี้ เราต้องทําเพียงระมัดระวังและดําเนินการ
ต่อตามแผนเดิมของเรา จัดการกับกรมทหารยูนิคอร์น…และจับอสูรยูนิ
คอร์นสวรรค์ให้ได้”
หัวเฟิงมองมู่เอินด้วยสายตาของอัจฉริยะจอมเจ้าเล่ห์ 2 คนที่
เข้าอกเข้าใจและชื่นชมซึ่งกันและกัน ในไม่ช้า เขาก็ออกคําสั่งหลายชุด
ทหารราบหนักชูโล่หอคอยที่ทั้งหนาและหนักของพวกเขาขึ้นในรูปแบบ
เชื่อมต่อเป็นแผ่นเดียวเพื่อตั้งรับศัตรูบนท้องฟ้า ทําให้การโจมตีใดๆ
จากทางด้านบนไม่สามารถทะลุผ่านเข้ามาถึงตัวพวกเขาได้ ภายใต้การ
คุ้มกันของป้อมปราการโลหะเคลื่อนที่ กองพันไร้พ่ายจึงสามารถเพิกเฉยต่อการคุกคามของกองพันเผ่ามนุษย์อินทรีบนท้องฟ้า เดินหน้า
ต่อไปทางปีกซ้ายอย่างช้าๆและมั่นคง แม้ว่าพวกเขาต้องชะลอ
ความเร็วลงมากก็ตาม
สิ่งที่มู่เอินพูดนั้นถูกต้อง หอกของทหารเผ่ามนุษย์อินทรีมีจํานวน
จํากัดมาก และพวกเขาก็ไม่สามารถโจมตีเช่นนี้ได้ตลอดไป หลังจากที่
ฝนหอกพุ่งลงมาหลายระรอก พวกเขาก็ชะลอตัวและหยุดมือเพื่อหา
โอกาสอื่นกําจัดกองพันไร้พ่ายอีกครั้ง
กองพันไร้พ่ายมาถึงปีกซ้ายอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น เสียงกรีดร้อง
โหยหวนของลูกศรแหวกอากาศก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทหารเผ่ามนุษย์
อินทรีด้านบนต่างรู้สึกกังวลที่ได้เห็นคลื่นลูกศรทะยานออกไปหา
พันธมิตรของตน ทั้งหมดทําได้เพียงเฝ้าดูกรมทหารราบดาบโค้งเผ่า
สุนัขและทหารยูนิคอร์นถูกยิงร่วงเหมือนข้าวสาลีในฤดูเก็บเกี่ยว
ในแง่ของความสามารถในการต่อสู้บนอากาศอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่ากองพันไร้พ่ายย่อมสู้กองพันเผ่ามนุษย์อินทรีไม่ได้ เพราะถึง
อย่างไรเผ่ามนุษย์อินทรีก็สามารถเชื่อใจอินทรีสงครามในเรื่องการบิน
ทว่าในแง่ของพลังการโจมตีทําลายล้างที่แท้จริง เนื่องจากเป็นจ้าวมณี
ที่มีธนูศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมด กองพันไร้พ่ายจึงเหนือกว่า
กองทัพอากาศเผ่ามนุษย์อินทรีแน่นอนในขณะที่การเข่นฆ่าเริ่มขึ้นอีกครั้ง หัวเฟิงก็แอบเรียกเหลยซีไปที่
ด้านข้างและออกคําสั่งกับเขาด้วยน�าเสียงกดต�า ไม่นานหลังจากนั้น
กองร้อยหลักที่ 1 แห่งกองพันไร้พ่ายก็หยุดยิง และลงไปนอนนิ่งภายใต้
การคุ้มครองของทหารราบหนักเพื่อพักผ่อนและฟื้ นฟูพลังปราณ
สวรรค์ เตรียมพร้อมสําหรับคําสั่งถัดไป
นับตั้งแต่มีการจัดตั้งกรมทหารเผ่ามนุษย์อินทรี อาจกล่าวได้ว่าทุก
อย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และพวกเขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้มา
ก่อน ทว่าตอนนี้พวกเขากลับถูกโล่หอคอยของทหารราบหนักขัดขวาง
เช่นนี้จะไม่ทําให้ทั้งหมดเริ่มบันดาลโทสะได้อย่างไร ฝนหอกและลูกศร
อีกชุดร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า อนิจจา แรงจากลูกศรเหล่านั้นไม่
เพียงพอ แต่ฝูงหอกกลับค่อนข้างทรงพลัง ดังนั้นแม้จะเป็นความ
แข็งแกร่งของทหารราบหนัก การถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องก็เกือบจะทําให้
พวกเรารู้สึกเกินต้านทาน ทั้งหมดจึงต้องใช้ประโยชน์จากการทํางาน
ประสาน วางโล่หอคอยไว้บนขอบโล่ของสหายร่วมรบเพื่อเพิ่มพลังใน
การยึดเกาะ นั่นจึงเป็นผลให้การยิงของศัตรูได้รับผลกระทบและพลังใน
การโจมตีของพวกเขาจึงลดลงบางส่วน
นักรบมนุษย์สัตว์ไม่กลัวความตาย และในช่วงเวลานี้ความจริงข้อ
นั้นก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างแท้จริง แม้ว่ากองพันไร้พ่ายจะสังหาร
ศัตรูไปได้จํานวนมาก แต่พวกเขาก็ยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
จาก 10 กรมทหารที่หนุนอยู่ด้านหลัง 4 กรมในนั้นเริ่มพุ่งเข้ามาแล้ว ในบรรดาพวกเขา 2 กรมตรงไปที่ปีกขวาเพื่อบุกแทนทหารที่เพิ่งเสียชีวิต
ส่วนอีก 2 กรมมุ่งหน้าไปทางปีกซ้ายเพื่อเสริมกําลัง ในบรรดาทหารทั้ง
2 กรมที่กําลังมุ่งหน้าไปทางปีกซ้าย มีกรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็น
พิเศษ
เห็นได้ชัดว่ากรมทหารนี้ไม่ได้มีจํานวน 10,000 นาย เพื่อให้เห็น
ภาพชัดยิ่งขึ้นก็คือ พวกเขามีจํานวนเพียง 1 กองพันเท่านั้น แต่พวกเขา
กลับถูกนับว่าเป็น 1 กองพลภายในกองทัพวั่นโซ่ว
ทหารทั้งหมดสูงกว่า 4 เมตร กล้ามเนื้อของพวกเขาปูดโปนออกมา
อย่างน่าหวาดกลัว อาจจะมากกว่าทหารราบหนักเผ่ามนุษย์หมีด้วยซ�า
พวกเขามีเส้นผมสีเหลืองอมน�าตาล และเมื่อทั้งหมดเริ่มวิ่งเข้ามาจาก
ระยะไกลๆ โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือนด้วยแรงย�าเท้า เกิดเสียง
ดังก้องไปทั่วพื้นดินราวกับเกิดแผ่นดินไหว จากที่ไกลๆพริบตาเดียวก็
ขยับเข้ามาใกล้ พวกเขาพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วโดยอาศัยร่างกายขนาด
ใหญ่เป็นแรงผลักดัน
นี่คือกรมทหารแมมมอธ เป็นยอดฝีมือและทหารเอกแห่ง
อาณาจักรวั่นโซ่ว ในอาณาจักรวั่นโซ่วมีชนเผ่าแมมมอธคลั่งเพียง
2,000 คนเท่านั้น พวกเขาจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 กองพัน เหตุผลที่พวก
เขาเป็นที่รู้จักในนามกรมทหารแม้จะมีจํานวนเพียง 1,000 คนก็เป็นเพราะแม้จะมีจํานวนแค่นี้ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็
เหนือกว่าเผ่ามนุษย์สัตว์อื่นๆที่มีจํานวน 10,000 คนไปแล้ว
เผ่าแมมมอธคลั่งเป็นที่รู้จักในนามเครื่องบดเนื้อในสนามรบ อาวุธ
ของพวกเขาคือเสาโทเทมแมมมอธยาวกว่า 6 เมตร และมีเส้นผ่าน
ศูนย์กลางประมาณครึ่งเมตร พวกมันถูกสร้างขึ้นจากไม้ที่มีเอกลักษณ์
เฉพาะจากภาคเหนือ เรียกว่าไม้โลหะแข็ง แต่ละอันมีน�าหนักมากกว่า
1,000 จิน
ทุกครั้งที่นักรบเผ่าแมมมอธคลั่งปรากฏตัวในสนามรบภาคเหนือ
ปกติแล้วพวกเขามักจะบุกไปที่กองทัพภาคเหนือตอนกลางเสมอ และ
เผ่าแมมมอธก็จะได้พบกับกองพันจ้าวมณีสวรรค์แห่งจ้งเทียน หากพูด
ถึงทหารมนุษย์สัตว์และความแข็งแกร่งของแต่ละเผ่า มนุษย์สัตว์
แมมมอธอาจกล่าวได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆด้วยซ�า
กองทัพอาณาจักรวั่นโซ่วควบคุมการแพร่กระจายของข่าวสารได้
อย่างสมบูรณ์แบบเกินไป กระทั่งกรมทหารแมมมอธคลั่งเข้าสู่สนามรบ
แล้ว กองทัพภาคเหนือเขตตะวันตกถึงเพิ่งรู้ว่าอาณาจักรวั่นโซ่วได้ส่ง
กองกําลังที่น่ากลัวมาที่ฝั่ งนี้
เพื่อกองพันไร้พ่าย อาณาจักรวั่นโซ่วได้ส่งทหารที่ดีที่สุดของพวก
เขา ทั้งเผ่ามนุษย์อินทรีและเผ่าแมมมอธคลั่งออกมา…เช่นนี้ใครๆก็ย่อม
มองออกว่าพวกเขาให้ความสําคัญกับกองพันไร้พ่ายเพียงใดแน่นอน ในขณะที่อาณาจักรวั่นโซ่วเริ่มเคลื่อนไหว ทหารฝ่าย
อาณาจักรจ้งเทียนก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ก่อนหน้านี้กองพันไร้พ่ายได้กวาด
ล้างศัตรูทั้งหมดที่อยู่ทางด้านปีกซ้าย และนั่นก็เป็นการขัดขวาง
แผนการบุกโจมตีและรูปขบวนทัพของอาณาจักรวั่นโซ่วเป็นอย่างมาก
ทั้งยังทําให้แนวป้องกันของกองทัพจ้งเทียนมีเสถียรภาพมั่นคงมาก
ยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทางด้านปีกขวา พวกเขาได้รับการกําลังเสริมจากกรมทหารราบ
สวรรค์และกรมทหารราบธรรมดา ในขณะที่แนวรบตรงกลางได้ทหาร
ราบหนัก 2 กรมเข้ามาช่วยต้าน ขัดขวางการโจมตีที่แสนบ้าคลั่งจาก
กรมทหารหมีทรราชและกรมทหารกระทิงคลั่ง
การตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดย่อมเกิดที่ปีกซ้าย โดยกรมทหารม้าหนัก
ทั้ง 3 รีบพุ่งเข้ามาเพื่อเสริมกําลังทันที แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด มีกรม
ทหารม้าอีก 1 กรมขี่ม้าเข้าร่วมด้วย โดยพวกเขาแต่งกายเต็มยศและ
สวมหมวกเกราะประดับพู่สีแดงอมม่วง ทั้งหมดเคลื่อนไหวเร็วมาก และ
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึง ทั้งหมดล้วนถือหอกยาว และที่น่าอัศจรรย์คือ
หอกและลูกศรทั้งหมดที่ตกลงมาจากฟากฟ้าล้วนถูกหอกเหล่านั้นฟาด
ทิ้งได้อย่างง่ายดาย อาณาจักรวั่นโซ่วมีกองกําลังที่เก่งกาจ เช่นนั้น
อาณาจักรจ้งเทียนจะไม่มีไพ่ตายเป็นของตัวเองได้อย่างไร? กรมทหาร
ประดับพู่ม่วงนี้เป็นกรมทหารอารักขาส่วนตัวของผู้บัญชาการแบรนโดและพวกเขาเป็นกรมทหารที่ดีที่สุดในกองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขต
ตะวันตกทั้งหมด
กรมทหารพู่ม่วงเป็นผู้นํา เสริมด้วยกรมทหารทหารม้าหนักอีก 3
กรม เป้าหมายเดียวของพวกเขาในตอนนี้คือปกป้องกองพันไร้พ่าย
ไม่ว่าพวกเขาจะคิดเกี่ยวกับกองพันไร้พ่ายหรือการกระทําของฝ่าย
นั้นอย่างไรก่อนหน้านี้ แต่เมื่อทั้งหมดได้ยินเสียงแหวกอากาศของลูกศร
และพลังในการเข่นฆ่าศัตรูของพวกเขา ทหารกองทัพภาคเหนือเขต
ตะวันตกทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพชื่นชมในตัวกองพันไร้พ่าย
แม้แต่กรมทหารพู่ม่วงก็ยังไม่กล้าอวดอ้างความสามารถในการโจมตี
เช่นนี้
หลังจากต่อสู้กับอาณาจักรวั่นโซ่วมาหลายปี ทั้งสนามรบขนาดเล็ก
และใหญ่ สําหรับอาณาจักรจ้งเทียน การสังหารทหารมนุษย์สัตว์เกือบ
ทั้ง 2 กรมก็เป็นเรื่องที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงกระนั้น ทหาร
เพียง 5,000 นายของกองพันไร้พ่ายก็สามารถกวาดล้างทหาร
อาณาจักรวั่นโซ่วไปแล้วกว่า 3 กองพันนับตั้งแต่ฤดูหนาวเริ่มต้นขึ้น
และดูเหมือนว่าจํานวนศัตรูที่ตายจะเพิ่มจํานวนขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
“ผู้บัญชาการกองพัน หัวหน้าเผ่าหม่าหลงได้นําพี่น้องเผ่าคนเถื่อน
ของเขาไปยังแนวหน้าแล้ว” ทหารกองพันไร้พ่ายคนหนึ่งวิ่งไปรายงาน
หัวเฟิงหัวเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “บอกหัวหน้าเผ่าหม่าหลงว่าอย่ารีบ
เข้าร่วมการต่อสู้ บอกเขาว่ารอให้เราเริ่มกําจัดกรมทหารเผ่าอินทรีก่อน
จึงค่อยออกไปเก็บอสูรยูนิคอร์น”
ในขณะที่กองพันไร้พ่ายเข้าร่วมการต่อสู้ ทหารทหารราบเผ่า
มนุษย์สุนัขและเผ่ายูนิคอร์นก็เริ่มบาดเจ็บและล้มตายกันเป็นจํานวน
มาก ดูจากสถานการณ์แล้ว เห็นท่าว่าพวกเขาน่าจะยื้อไว้ได้ไม่นาน
ณ จุดนี้ กรมทหารแมมมอธคลั่งและกรมทหารเสือดําว่องไวที่กําลัง
เร่งเข้ามาสมทบก็ยังมีระยะห่างอีกพอสมควรกว่าจะมาถึงแนวหน้า เห็น
ได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่เหลือเวลาให้พุ่งเข้ามาเสริมกําลังทางปีกซ้าย
ในตอนนี้
การต่อสู้ได้เข้าสู่ขั้นตอนที่ดุเดือดที่สุด และทุกๆนาทีทั้งสองฝ่ายก็
ต้องสูญเสียทหารจํานวนมาก ก่อนจะต้องละทิ้งชีวิตไว้บนสมรภูมิแห่งนี้
ตลอดไป ถึงตอนนี้ จํานวนศัตรูที่กองพันไร้พ่ายกําจัดทิ้งไปด้วยตัวเอง
เพียงกลุ่มเดียวก็มีมากกว่ายอดรวมทั้งหมดที่กรมทหารอื่นๆของ
กองทัพจ้งเทียนภาคเหนือเขตตะวันตกเข่นฆ่ารวมกันไปแล้ว ทางด้าน
ปีกซ้าย นอกเหนือจากกรมทหารอากาศเผ่ามนุษย์อินทรี กองทัพที่
เหลือของอาณาจักรวั่นโซ่วก็กําลังใกล้จะพังนาศเต็มที
“ผู้บัญชาการกองพัน โปรดให้พวกเราลงมือเดี๋ยวนี้เลยเถอะ!”เหลยซีเรียกร้องให้หัวเฟิงออกคําสั่งเพราะทนต่อไปไม่ไหวอีก
ต่อไปแล้ว
…………………………………………..