Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 169 สังเวยอู๋เยว่หาน! (1)
เนื่องจากความบริสุทธิ์ของอ้วนหลงถูกตั้งคําถาม เขาจะไม่โกรธ
เคืองได้อย่างไร หลังซัดคลื่นพลังจากมือขวา ดาบแสง 2 เล่มก็บิน
ออกไปหาราชาสวรรค์ทั้ง 2 คน ด้านหลังของเขามีภาพลวงตาของอ้วน
หลงโผล่ขึ้นมาข้างหลัง… ภาพทักษะสวรรค์ของตัวเขาเอง!
ดาบแสงทั้ง 2 เล่มนั้นดูคล้ายกับกงจักรวายุธรรมดาๆ แต่ทันทีที่
พวกมันโผทะยานออกไป ใบหน้าของราชาสวรรค์ทั้งสองก็ต้องแปร
เปลี่ยนไปในทันที… นั่นก็เพราะจริงๆแล้วดาบแสงทั้ง 2 เล่มนี้เรืองรอง
แสงด้วยสีที่แตกต่างกันถึง 6 สี!
แว่วเสียงตะโกนดังพร้อมกัน ราชาสวรรค์ทั้งสองพลันก้าวถอยหลัง
อย่างรวดเร็ว พลังปราณสวรรค์ของพวกเขาระเบิดออกมาทันที
เช่นเดียวกับศาสตรามณียุทธ์ที่ปรากฏขึ้นทั้งหมดภายในครั้งเดียว ทั้งคู่
มีศาสตรามณียุทธ์เข้าชุดจํานวน 7 ชิ้น
เมื่อไต่ไปถึงระดับราชาสวรรค์ สิ่งต่างๆก็จะแตกต่างออกไปจาก
เดิมราวพลิกฝ่ามือ เมื่อถึงจุดนั้น พวกเขาจะสามารถเรียกศาสตรามณี
ยุทธ์ทั้งหมดออกมาได้ในทันที อาวุธของทั้งสองคนคือดาบ และพวกเขาก็ฟาดดาบออกไปรับที่การโจมตีพร้อมๆกัน หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา
“เยว่หานวิ่ง!”
ดาบแสงทั้ง 2 เล่มถูกดาบศาสตรามณียุทธ์ของยอดฝีมือราชา
สวรรค์ทั้งสองฟาดใส่ ทว่าสิ่งที่น่าตกใจก็คือไม่มีการปะทะกันของพลัง
ตามที่พวกเขาคาดไว้
แม้จะสวมชุดศาสตรามณียุทธ์ทั้งชุด ทว่ายอดฝีมือระดับราชา
สวรรค์ทั้งสองก็ยังรู้สึกราวกับว่าดวงตาของพวกเขาพร่ามัว ทุกอย่าง
รอบตัวแปรเปลี่ยนภาพลวงตา สําหรับหญิงสาวในชุดสีดําที่อยู่
เบื้องหลัง สิ่งที่เธอเห็นก็คือตอนนี้พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสง 6 สี
จากดาบแสงเหล่านั้น
หลงซื่อหยาเดินออกมาก้าวหนึ่ง ทว่าราวกับเขากําลังเยื้องย่างลง
มาจากสวรรค์ ด้วยคลื่นพลังขนาดใหญ่ในมือของชายชรา หญิงสาวใน
ชุดดําก็รู้สึกราวกับว่าอากาศรอบตัวเธอกําลังสั่นสะเทือน มีมือขนาด
ใหญ่ที่มองไม่เห็นกําลังจับยึดร่างของตนเอาไว้ แสงสีเขียวหนาทึบฉาย
ครอบคลุมตัวอู๋เยว่หานอย่างกะทันหัน และเธอก็ลอยจากพื้น ทะยาน
ขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับอ้วนหลงในพริบตานั้น
*พรึ่บ**พรึ่บ* ชั้นแสง 6 สีรอบร่างจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาทั้ง
สองหายวับไปในทันที หลังจากที่ทั้งคู่สามารถทําลายปราการนั้นได้ สิ่งที่มองเห็นก็มีเพียงภาพหลงซื่อหยาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับหญิง
สาวในชุดคลุมสีดํา
ทั้งคู่ร้องคํารามด้วยความโกรธเกรี้ยวและทะยานตามขึ้นไปใน
อากาศเช่นกัน ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชา พวกเขาย่อมสามารถ
บินได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งสองคนหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ขึ้นไป
จนถึงขีดสูงสุด ดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด
“อย่าแม้แต่จะลองใช้สถานะปีศาจกลายร่างต่อหน้าข้า ปกติด้วย
นิสัยของข้า เจ้าทั้งคู่ย่อมไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่แล้ว” น�าเสียงดูถูกเหยียด
หยามของหลงซื่อหยาดังขึ้นในอากาศ ถัดมาเกราะแสงขนาดใหญ่ 6 สีก็
ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง หลังเกิดเสียงระเบิดรุนแรง ยอดฝีมือระดับ
ราชาสวรรค์ทั้งสองก็หล่นร่วงลงไปเนื่องจากแรงปะทะ
ระดับราชาสวรรค์และระดับมหาราชาสวรรค์ นั่นอาจดูเหมือน
ความแตกต่างเพียงระดับเดียว เป็นความแตกต่างเพียงชื่อเรียกขาน
ทว่าในความเป็นจริงจ้าวมณีสวรรค์ทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับราชาสวรรค์
ขั้นแรกเท่านั้น ทว่าด้านหลงซื่อหยากลับติดอยู่ในระดับมหาราชา
สวรรค์ขั้นสูงมาเนิ่นนาน อาจเรียกได้ว่าเป็นระดับมหาราชาสวรรค์ขั้น
สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว จากระดับราชาสวรรค์ขั้นแรก ขั้นกลาง
ขั้นสูงสุด…ไปจนถึงระดับมหาราชาสวรรค์ขั้นแรก ขั้นกลาง ขั้นสูงสุด
แตกต่างกันทั้งหมด 6 ระดับ!เมื่อมาถึงระดับราชาสวรรค์ขึ้นไป ระยะห่างระหว่างแต่ละระดับก็
มีขนาดใหญ่เกือบจะคล้ายกับระยะห่างสําหรับจ้าวมณีสวรรค์กับจ้าว
มณีธรรมดา สําหรับพวกเขา การเผชิญหน้ากับหลงซื่อหยาถือได้ว่าเท่า
เทียมกับจ้าวมณีสวรรค์ 2 คนต้องเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ 8 คน
พวกเขาจึงไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
เหตุผลที่หลงซื่อหยาไม่ฆ่าพวกเขาและแสดงความเมตตาออกมาก็
เป็นเพราะเขายังคงรู้สึกละอายอยู่ในใจ ถึงอย่างไรตนเองก็กําลังจะฉก
หญิงสาวไปเป็น ‘เครื่องสังเวย’ ให้ลูกศิษย์แสนล�าค่าของเขา และนั่นก็
ไม่ใช่อะไรที่น่าภาคภูมิใจแม้แต่น้อย แต่หากนี่เกี่ยวกับนิกายปีศาจ
สวรรค์ เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวฝ่ายนั้นเช่นกัน จากบรรดา 5 มหาดินแดน
ศักดิ์สิทธิ์ นอกเหนือจากภูเขาหิมะสวรรค์ที่มีเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะ
สวรรค์ หลงซื่อหยาไม่ได้ให้ความเคารพอีก 4 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่น้อย
แน่นอน นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถต่อกรกับมหา
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง แต่อย่าลืมว่าเขามีตัวคนเดียว
และเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับมหาราชาสวรรค์ขั้นสูงสุดอีกด้วย หาก
หลงซื่อหยาต้องการ ก็ไม่มีใครสามารถล้อมจับและโจมตีเขาได้ เมื่อเขา
ต้องการสร้างปัญหาให้กับฝ่ายใด แม้จะเป็นมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวก
เขาก็ไม่สามารถจัดการชายชราผู้นี้ได้ นี่เป็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการเป็นหมาป่าเดียวดาย แน่นอนว่าต้องเป็นหมาป่าเดียวดายที่ทรง
พลังมากพอด้วยจึงจะทําเช่นนั้นได้
จ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาทั้งสองร่วงกระแทกกลับสู่พื้นอย่าง
รุนแรงหลังจากปะทะกับม่านพลังนั้น เสียงของหลงซื่อหยาดังมาจาก
รอบตัวพวกเขา “ข้าจะพาผู้หญิงคนนี้ไป ข้ามีเรื่องสําคัญที่ต้องการ
ความช่วยเหลือจากนาง และข้าก็จะไม่ทําอันตรายนางถึงชีวิตแน่นอน
เจ้าสองคนรอที่นี่ น่าใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน สูงสุด 3 วัน แล้วข้าจะพา
นางกลับมาที่นี่เมื่อเรื่องจบลง”
ในขณะที่ยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์ทั้ง 2 ร่วงลงสู่พื้น แสงสีแดง
ในดวงตาของพวกเขาก็ค่อยๆจางหายไป เมื่อปะทะเข้ากับเกราะแสง 6
สีนั้น พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าการเชื่อมโยงระหว่างพลังปราณสวรรค์
และบรรยากาศภายนอกของพวกเขาถูกตัดขาดไปในทันที ก่อนที่มันจะ
ขโมยพลังของพวกเขาออกไป หยุดยั้งสถานะปีศาจกลายร่างที่กําลังเริ่ม
ก่อตัวในร่างกายของพวกเขาอย่างเด็ดขาดพลัง
ทั้งคู่ได้รับสืบทอดสถานะปีศาจกลายร่างที่อยู่ในตระกูลมาหลาย
ชั่วอายุคน และเมื่อไปถึงระดับราชาสวรรค์ได้เท่านั้น พวกเขาจึงจะ
สามารถรักษาสติเอาไว้ได้เมื่ออยู่ในสถานะปีศาจกลายร่าง ถึงกระนั้นก็
ต้องใช้เวลามากพอสมควรในการเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างอย่าง
เต็มที่เช่นเดียวกับการปลดปล่อยทักษะอันทรงพลังอื่นๆ นี่คือความแตกต่างระหว่างสถานะปีศาจกลายร่างและสถานะปีศาจกลายร่างของ
ปรมาจารย์ปีศาจรุ่นแรกของโจวเหว่ยชิง…เป็นช่องว่างที่พวกเขาไม่อาจ
ก้าวข้ามไปได้
ยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนสายตาและ
มองเห็นเพียงความสิ้นหวังในดวงตาของกันและกัน พวกเขามาที่นี่
พร้อมกับอู๋เยว่หานเพื่อลอบเข้าไปในสวรรค์หมื่นอสูร จับอสูรสวรรค์ที่
ทรงพลังสองสามตัวให้นิกายปีศาจสวรรค์ ตอบสนองต่อความต้องการ
ในการกักเก็บทักษะของเหล่าสาวก
ใครจะคาดคิดว่าก่อนที่จะไปถึงสวรรค์หมื่นอสูร พวกเขาจะได้พบ
กับบุคคลอันตรายเช่นนี้ และที่แย่กว่านั้นคืออู๋เยว่หานยังถูกเขาจับตัว
ไป
สําหรับทั้ง 2 คน ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างไกลจากนิกายปีศาจสวรรค์
มากเกินไปจึงไม่มีทางเรียกกําลังมาเสริมได้ ถึงอย่างไรพวกเขาสองคู่ก็
ไม่สามารถต่อสู้กับหลงซื่อหยาได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่หากคิดอีกแง่
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับกําลังเสริม ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถต่อกรกับหลง
ซื่อหยาได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขายังจะทําอะไรได้อีกนอกจากเฝ้ารอ
เพราะท้ายที่สุดไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่สามารถไล่ตามหลงซื่อหยาทัน
แม้ว่าพวกเขาจะตามไปทันจริงๆ ทั้งคู่ก็ยังทําอะไรไม่ได้อยู่ดี หากหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ต้องการที่จะฆ่าทั้งสองคนจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่อง
ยากเย็นอะไรเลย
หลงซื่อหยามองไปที่หญิงสาวชุดดําที่ถูกควบคุมโดยพลังปราณ
สวรรค์ที่แข็งแกร่งของเขาและถอนหายใจพลางคิดกับตัวเอง อ้วนน้อย
เจ้าเด็กเหลือขอ โชคดีของเจ้าไม่เลวเลยนะ! สาวน้อยที่งดงามเช่นนี้
แถมยังเป็นลูกสาวหัวหน้านิกายปีศาจสวรรค์อีกด้วย… เช่นนี้เจ้าก็พูด
ไม่ได้แล้วว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี ตอนแรกข้ายังคิดว่าถ้าสถานการณ์
เลวร้ายยิ่งกว่านี้ ข้าจะต้องจับอสูรสวรรค์ตัวเมียหรืออะไรสักอย่างมาให้
เจ้าใช้แก้ขัดไปก่อนแล้ว… หึๆๆๆๆๆ
แน่นอนว่าหญิงสาวที่หลงซื่อหยาจับมาก็คือแม่มดน้อยอู๋เยว่หานที่
โจวเหว่ยชิงเคยพบหน้าเมื่อนานมาแล้ว…ลูกสาวของหัวหน้านิกาย
ปีศาจสวรรค์ แม้จะไม่สามารถขยับหรือเอ่ยวาจา แต่เธอก็ยังสามารถ
รับฟังและมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆได้
หญิงสาวไม่เคยพบยอดฝีมือที่เหมือนกับหลงซื่อหยามาก่อน ถึง
อย่างไรแม้แต่บิดาของเธอก็ไม่สามารถจัดการกับผู้อาวุโสระดับราชา
สวรรค์ทั้ง 2 ของนิกายปีศาจสวรรค์ได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นแล้ว! นี่ยัง
เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินชื่อของหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์อีกด้วย
เมื่อเห็นสายตาอ้วนหลงที่จับจ้องมายังตนเอง แม่มดน้อยก็รู้สึก
หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง สิ่งที่ไม่รู้จักนั้นน่ากลัวที่สุดเสมอ และหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นพาตัวเธอมาเพื่ออะไร ความหวาดกลัวตรงเข้า
เกาะกุมหัวใจของอู๋เยว่หาน เป็นความหวาดกลัวที่ไม่สามารถควบคุมได้
ทําให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน น�าตาที่ไม่เคยไหลพลันรื้นขึ้นมา
“สาวน้อย เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจับเจ้ามาเพราะต้องการความ
ช่วยเหลือจากเจ้า อืม… อาจพูดได้ว่าศิษย์น้อยของข้ามีความเกี่ยวโยง
กับนิกายปีศาจสวรรค์ของเจ้า แม้ครั้งนี้เจ้าอาจจะต้องสูญเสียสิ่งมีค่าไป
แต่ข้าก็จะชดเชยให้เจ้าแน่นอน และข้าก็สัญญาว่าเจ้าจะไม่ตกอยู่ใน
อันตรายใดๆหรือมีภัยคุกคามถึงชีวิต”
เมื่อเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของอู๋เยว่หาน หลงซื่อหยาก็รู้สึก
ค่อนข้างละอายและรู้สึกผิดจนชั่ววูบหนึ่งคิดไม่อยากทําขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ของลูกศิษย์แสนล�าค่าของตน เขาจึงไม่มี
ทางเลือกอื่นและทําได้เพียงแค่พยายามปลอบโยนหญิงสาวอย่าง
เงอะงะ
แน่นอนว่าแม่มดน้อยย่อมไม่สงบลงง่ายๆด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คํา
ในทางตรงกันข้าม ความหวาดกลัวในใจของเธอกลับยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
หลายเท่า สูญเสียสิ่งที่มีค่าไป? เธอเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ระดับมณี 6
ชุดที่กําลังทะลุไปถึงระดับ 7 ชุด…ในสายตาของคนธรรมดา เธออาจ
เป็นเด็กสาวที่มีพลังแข็งแกร่ง… แต่สําหรับมหาราชาสวรรค์เช่นชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ อะไรจะเป็นของล�าค่าของเธอที่ทําให้เขาสนใจ….
เว้นเสียก็แต่….
นี่ข้าถึงวาระแล้วหรือ… ทันใดนั้นแม่มดน้อยรู้สึกราวกับว่าเธอ
กําลังตกอยู่ท่ามกลางความมืดมน อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันจู่ๆ
หญิงสาวก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาด้วย ชายคนหนึ่งที่เคยปลุกความรู้สึก
ที่ซับซ้อนมากมายในตัวเธอ
นับตั้งแต่ที่อู๋เยว่หานออกจากเกาะมณีสวรรค์และพบว่าเกิดอะไร
ขึ้นกับอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนิกายปีศาจ
สวรรค์ซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรป่ายต้าและให้การสนับสนุนพวกเขา…
เธอก็รู้ดีว่าบางทีนิกายปีศาจสวรรค์อาจจะไม่มีทางได้รับการสนับสนุน
จากบุคคลนั้นอีกครั้ง แล้วเธอกับเขาเล่าจะเป็นไปได้อย่างไร …
อู๋เยว่หานพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลืมเขา แต่ความพยายาม
ทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์ และหญิงสาวก็พบว่าตัวเองคิดถึงเขา
มากหลายต่อหลายครั้ง ในเวลาเดียวกัน เธอก็ไม่มีวันลืมเลือนสิ่งที่
เกิดขึ้นในเขตแดนมิติสะท้อน สิ่งที่พวกเขาทําร่วมกัน ลืมว่าอันธพาลไร้
ยางอายคนนั้นดูสง่างามเพียงใดขณะที่เขายืนกางปีกปกป้องแม่มังกร
ทว่าจากที่พวกเขาแยกจากกันบนเกาะมณีสวรรค์ เธอก็ขาดการติดต่อ
กับเขาไปและไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขาอยู่ที่ไหน อู๋เยว่หานรู้แค่ว่าเขากลับไป
ที่เมืองเฟยหลี่แล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหนอีก นิกายปีศาจสวรรค์ตามหาเขามาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอส่ง
ข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทําในงานประลองมณีสวรรค์กลับไป บิดาของเธอ
ซึ่งเป็นหัวหน้านิกายปีศาจสวรรค์ในปัจจุบันได้ถือว่าชายหนุ่มผู้ทิ้ง
ร่องรอยความประทับใจไว้ในจิตใจของเธอมาเนิ่นนานผู้นี้มีความสําคัญ
อย่างยิ่งต่อนิกายปีศาจสวรรค์
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับที่อยู่ของเขาเลย
แม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าตนเองกําลังจะไปถึงระดับมณี 7 ชุด เธอจึง
ตัดสินใจที่จะมาสวรรค์หมื่นอสูรเพื่อจับสัตว์สวรรค์และกักเก็บทักษะ
ใครจะไปรู้ว่าเธอจะต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้เข้า หากมหาราชาสวรรค์
นี้พรากเอาสิ่งที่ล�าค่าที่สุดของเธอไปจริงๆ หรือว่าเป็นศิษย์ของเขาที่
ทํา…เธอจะมีหน้าไปเจอกับ ‘เขา’ อีกได้อย่างไร
น�าตาเริ่มหลั่งรินออกมาที่ดวงตาของแม่มดน้อยอย่างไม่สามารถ
ควบคุมได้ จบแล้ว…มันจบสิ้นแล้ว…
ความเร็วในการบินของหลงซื่อหยานั้นรวดเร็วมาก และสถานที่ที่
เขาพบกับกลุ่มคนจากนิกายปีศาจสวรรค์ก็ไม่ไกลจากภูเขาวิญญาณ
อัคคีนัก เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็พาแม่มดน้อยกลับไปที่ยอดภูเขาไฟได้
สําเร็จแล้ว
ขณะที่พวกเขาขึ้นไปบนยอดเขาวิญญาณอัคคี ร่างที่ปกคลุมด้วย
แสงสีม่วงแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาก่อนจะพยายามโผกระโจนเข้าใส่ทั้งคู่ ทว่าหลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงคํารามกร้าวก่อนจะ
จากไปอย่างบ้าคลั่ง
เป็นเสียงคํารามอันไพเราะเพราะพริ้งของมังกร เสียงคํารามอันป่า
เถื่อนของพยัคฆ์ และสิ่งที่สําคัญยิ่งกว่าคือร่องร่อยความดุร้ายของสัตว์
ป่า
มณีสวรรค์ของเขาหลอมรวมเรียบร้อยแล้ว? โชคดีที่ข้ากลับมาเร็ว
กว่าที่คิดไว้ หลงซื่อหยารู้ทันทีว่าร่างที่ปกคลุมด้วยสีม่วงนั้นคืออะไร
และกลิ่นอายดุร้ายที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็ทําให้หลงซื่อหยาต้องรู้สึก
ประหลาดใจ มันเป็นการระเบิดพลังสายเลือดที่น่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ
เพราะแม้ตัวเขาก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ม่านแสง 6 สีพุ่งออกมาจากร่างของหลงซื่อหยา ตรงเข้าห่อหุ้มร่าง
สีม่วงพร่ามัวซึ่งกําลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถมองตาม
ด้วยตาเปล่าธรรมดาได้ ทันใดนั้น มันก็ถูกห่อหุ้มด้วยปราการแสง 6 สีที่
เปล่งประกายเรืองรอง
ร่างสีม่วงนี้ไร้สติสัมปชัญญะและทําเพียงเคลื่อนไหวตาม
สัญชาตญาณ มันปลดปล่อยการโจมตีใส่เกราะแสง 6 สีที่กักขังและ
จํากัดการเคลื่อนไหวของมันอย่างบ้าคลั่ง ทําให้เกิดระลอกคลื่นพลัง
อย่างต่อเนื่องม่านพลังนั้น……………………………………………..