Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 170 พยัคฆ์-มังกรกลายร่าง! (3)
เขาบินหลบกลางอากาศอย่างหมดหวัง แต่ราวกับว่ากงจักรวายุนั้น
มีดวงตา มันจึงไล่ตามเขามาอย่างใกล้ชิด
ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็เพิ่งได้รับความสามารถในการบินมาเพียง
ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น และเขาก็ยังไม่เชี่ยวชาญการควบคุมปีกเท่าไหร่
นัก ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ไม่สามารถหลบหลีกกงจักรวายุพ้น และหลังจาก
เกิดเสียง *เคร้ง* เบาๆ มันก็กระแทกเข้าที่แผ่นหลังของเขาอย่าง
โหดเหี้ยม
ช่วงเวลาก่อนที่จะถูกโจมตี โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่ง
รอบกายของเขาสว่างไสวขึ้น เขาหันกลับไปมองที่แผ่นหลังโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าทั่วทั้งร่างของเขากําลังเปล่ง
ประกายแสงสีม่วงสดใส พลังที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนระเบิดออกมาจาก
แขนขา กระดูก และร่างกายทั้งหมดของเขาทันที ก่อนจะแผ่ขยาย
ออกไปจนทั่ว การโจมตีของกงจักรวายุนั้นทรงพลังมากอย่างไม่ต้อง
สงสัย แต่กลับดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาได้เพียง
เล็กน้อยเท่านั้น นั่นทําให้โจวเหว่ยชิงสามารถบินต่อไปข้างหน้าโดยไม่
รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆแม้แต่น้อยโจวเหว่ยชิงพลิกมือออกไปลูบสํารวจบริเวณแผ่นหลังที่ถูกโจมตี
อย่างรวดเร็ว คราวนี้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าที่รู้ว่าแขนตนเองสามารถ
บิดงอได้อย่างพิศดารในขณะที่เอื้อมไปแตะยังแผ่นหลัง
แผ่นหลังของเขาไม่มีร่องรอยใดๆหลงเหลืออยู่ ผิวหนังเรียบเนียน
และเปล่งประกายเหมือนเช่นเคย ให้สัมผัสเนียนละเอียดอ่อนเหมือนผิว
ของเด็กสาว สําหรับแสงสีม่วงนั้น มันก่อขึ้นเป็นชั้นๆต่อจากเกล็ดที่
สร้างจากแสง ดูแล้วค่อนข้างแปลกตาเป็นอย่างมาก
“ลงมา เสียงของหลงซื่อหยาดังขึ้นในหูของเขาอีกครั้ง
โจวเหว่ยชิงสามารถควบคุมปีกของเขาได้แม้จะไม่มีใครเคยฝึกให้
จากนั้นก็ค่อยๆร่อนลงมา อย่างน้อยทักษะควบคุมพลังวิญญาณของเขา
ก็ไม่เลวร้ายจนเกินไป และเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ทําขายหน้าขณะลงจอด
ขณะนี้หัวใจของโจวเหว่ยชิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง ร่างกายของเขา
ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างไม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เกือบจะเหมือนกับว่า
ทุกสิ่งได้ถูกพลิกกลับด้านไปหมด… และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็น่าจะ
มาจากการปลุกวิญญาณมังกรกลายสภาพและหลอมรวมมันเข้ากับ
สายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืด การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คืออะไรกันแน่ เขา
เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กระบวนการกลายร่างสีม่วงอันแสน
แปลกประหลาดนี้ก็ทรงพลังกว่าสถานะปีศาจกลายร่างของเขาก่อน
หน้านี้แน่นอน กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่บรรจุข้อดีทั้งหมดของสถานะปีศาจกลายร่างเอาไว้ แต่ยังสามารถเพิ่มพละกําลังและความสามารถ
อื่นๆให้ผู้ใช้อีกมากมาย ที่สําคัญกว่านั้นคือตอนนี้เขาสามารถรักษา
สภาพสถานะปีศาจกลายร่างแบบใหม่นี้ได้นานขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แม้
หลังจากที่โจวเหว่ยชิงลงสู่พื้นและออกจากสถานะปีศาจกลายร่าง เขาก็
ยังรู้สึกได้ว่ามีกระบวนการบางอย่างยังคงทํางานอยู่ภายในร่างกายของ
เขา อย่างไรก็ตาม หากร่างกายของเขาไม่ได้เข้าสู่สถานะกลายร่างสีม่วง
อย่างแท้จริง เขาก็จะไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดได้อย่างเต็มที่
หลงซื่อหยามองไปที่โจวเหว่ยชิงก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึง
พอใจ “ดีมาก ความสามารถในการป้องกันสูงกว่าที่ข้าคิดไว้ ดูเหมือนว่า
วิญญาณมังกรกลายสภาพจะเข้าไปอุดข้อด้อยของสถานะปีศาจกลาย
ร่างของเจ้าแล้ว นั่นก็คือความสามารถในการป้องกัน นอกจากนี้ ดู
เหมือนว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจ้าจะได้รับการปรับปรุง
เพิ่มเติมด้วย การผสมผสานของสายเลือดอันทรงพลังทั้ง 2 นํามาซึ่ง
เปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ มากกว่าพลังของวิญญาณมังกรกลายสภาพ
เพียงอย่างเดียว สําหรับพลังที่แท้จริงของมันขึ้นอยู่กับว่าเราจะ
ตรวจสอบพบทั้งหมดหรือไม่ จากนี้ไป ข้าจะให้เวลาเจ้า 4 ชั่วโมงต่อวัน
เพื่อทําความคุ้นเคยกับร่างกายใหม่ ในช่วงเวลาที่เหลือ ข้าจะเริ่มฝึกเจ้า
เกี่ยวกับวิธีใช้ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ของจริง
“อาจารย์ ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้มีแค่สถานะปีศาจกลายร่างอีกต่อไป
แล้ว และข้าก็ไม่จําเป็นต้องกระตุ้นอารมณ์ของตัวเองให้ปั่ นป่วนเพื่อเปิดใช้มันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเกือบจะเป็นสถานะที่
เสถียรมาก เพียงแค่เข้าสู่สถานะสีม่วง พลังของมันก็จะแข็งแกร่งขึ้น
มหาศาล และปีกที่กางออกมาก็ทําให้ข้าสามารถบินได้ ข้าควรตั้งชื่ออื่น
ให้มันแทนดีไหม?”
หลงซื่อยิ้มและกล่าวว่า “แล้วชื่อ… ‘พยัคฆ์มังกรกลายร่าง’ ล่ะ! ถึง
อย่างไร พวกมันก็คือสายเลือดมังกรและพยัคฆ์ของเจ้า”
ปากของโจวเหว่ยชิงกระตุกเล็กน้อย “นี่…มันฟังดูไม่เท่เท่าสถานะ
ปีศาจกลายร่างเลยอะอาจารย์! เช่นว่า… มหาจักรพรรดิกลายร่าง หรือ
อะไรที่น่ากลัวๆแบบนั้นไม่ดีกว่าหรือขอรับ?!”
“เท่บ้านเจ้าน่ะสิ! หรือจะให้เรียกมันว่า ‘ขี้’ แทนล่ะ? ไร้สาระมาก
พอแล้ว ให้ข้าทดสอบก่อนว่าความสามารถในการป้องกันของพยัคฆ์
มังกรกลายร่างดีขึ้นมากแค่ไหน”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าของอ้วนหลง โจวเหว่ยชิงก็หน้า
ซีดเซียวและพยายามวิ่งหนีทันที อนิจจา ด้วยระดับพลังปราณของเขา
โจวเหว่ยชิงจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ไป
ได้อย่างไร? ในไม่กี่อึดใจ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดัง
กึกก้องออกมาจากเขตพื้นที่ด้านบนภูเขาไฟการถูกทุบตีเป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน ถ้าเขาไม่ทุบตีโจว
เหว่ยชิงอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าขีดจํากัดการป้องกัน
ใหม่ของเขาเป็นอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู หากไม่รู้ระดับการ
ป้องกันของตัวเองก็อาจทําให้พ่ายแพ้ได้ง่ายๆ
หลังจากผ่าน ‘การทดสอบ’ ไปหลายครั้ง ใบหน้าของหลงซื่อหยาก็
ฉายชัดไปด้วยความประหลาดใจ เขาค้นพบว่าการวิวัฒน์พลังของโจว
เหว่ยชิงในครั้งนี้ก้าวหน้าไปมาก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่พลังสายเลือด
อันแข็งแกร่งทั้ง 2 เท่านั้นที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน แต่วิชาเทพอมตะก็
ถูกผสานเข้าไปด้วย
เมื่อโจวเหว่ยชิงถูกโจมตี การป้องกันลําดับแรกที่เกิดขึ้น แท้จริง
แล้วเกิดจากผิวหนังของเขาแปรสภาพกลายเป็นเกราะที่แข็งแกร่ง
สามารถต้านทานการโจมตีจากผู้ที่มีพลังปราณต�ากว่า 6 ชุดหรืออาจจะ
สูงกว่าได้ด้วย มีความทนทานและยืดหยุ่นดีเยี่ยม
เมื่อพลังโจมตีนั้นเริ่มมีพลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่ผิวหนังของโจว
เหว่ยชิงจะทานทนได้ กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาก็จะระเบิดพลัง
ออกมา ขยายตัวแทรกซึมออกไปที่ผิวหนังเพื่อเสริมการป้องกันให้เด็ก
หนุ่ม ในเวลาเดียวกัน วิชาเทพอมตะของเขาก็จะถ่ายโอนพลังปราณ
สวรรค์ไปยังผิวหนังเองโดยที่ไม่ต้องควบคุม แปรเปลี่ยนเป็นชั้นแสงสี
ม่วงและยกระดับขีดความสามารถในการป้องกันขึ้นอีกหลายเท่า นี่เป็นความลับอันลึกล�าที่เกิดขึ้นหลังจากหลอมรวมเกราะเทพอมตะเข้ากับ
พลังสายเลือดของเขา
อาจกล่าวได้ว่าสําหรับโจวเหว่ยชิงในปัจจุบัน แม้ไม่นับ
ความสามารถในการโจมตีของเขา แค่พิจารณาความสามารถในการ
ป้องกันเพียงอย่างเดียว เด็กหนุ่มก็จัดอยู่ในระดับที่น่ากลัวแล้ว ที่สําคัญ
กว่านั้นคือการป้องกันเหล่านี้ถูกกระตุ้นให้ทํางานด้วยตัวมันเอง เพียง
แค่อยู่เฉยๆ ไม่จําเป็นต้องควบคุมหรือเปิดใช้งานด้วยความคิดของเขา
กล่าวคือโจวเหว่ยชิงไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกซุ่มโจมตีหรือถูก
ลอบทําร้ายโดยไม่ทันรู้ตัวอีกต่อไป
ที่สําคัญกว่านั้น แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้อยู่ในสถานะพยัคฆ์มังกร
กลายร่าง แต่โจวเหว่ยชิงก็สามารถเข้าถึงการป้องกันเต็มรูปแบบของ
สถานะนั้นได้อย่างน้อย 6-7 ใน 10 ส่วน
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อเขาเข้าสู่สถานะพยัคฆ์มังกรกลายร่าง พลังของ
โจวเหว่ยชิงก็อาจกล่าวได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลัง
มือ การนําวิญญาณมังกรกลายสภาพมาใช้กับพลังทั้งหมดของเขาไม่
เพียงแต่ทําให้โจวเหว่ยชิงมีภูมิคุ้มกันธาตุไฟทุกชนิดเท่านั้น แต่ยังทําให้
เกิดภูมิคุ้มกันต่อธาตุมืดอีกด้วย กล่าวก็คือ… หากทักษะธาตุทั้ง 2 โจมตี
ใส่โจวเหว่ยชิง ผลกระทบเดียวที่เด็กหนุ่มได้รับจะมีเพียงพลังปราณ
สวรรค์บริสุทธิ์ของศัตรูเท่านั้น และจะไม่ได้รับแรงโจมตีที่เกิดจากทักษะธาตุของพวกเขา หากศัตรูจู่โจมด้วยทักษะธาตุมืดหรือทักษะธาตุ
ไฟ โจวเหว่ยชิงก็น่าจะไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย ตัวอย่างเช่นหากผล
ของทักษะธาตุไฟเป็นประเภทที่แผดเผาทําลาย เช่นนั้นการโจมตีนี้ก็จะ
ทําอะไรเขาไม่ได้
จากคําพูดของหลงซื่อหยา เนื่องจากโจวเหว่ยชิงไม่มีทักษะธาตุไฟ
วิญญาณมังกรกลายสภาพจึงไม่สามารถมอบทักษะที่ทรงพลังให้กับเขา
ได้ ทว่าหลังวิญญาณมังกรกลายสภาพได้หลอมรวมกับโจวเหว่ยชิง
อย่างเต็มที่ พลังทั้งหมดของมันจึงมุ่งเน้นไปที่ร่างกายของเขาแทน เด็ก
หนุ่มไม่เพียงแต่ไม่ต้องกลัวไฟอีกต่อไปแล้ว แต่เมื่อเขาเข้าสู่การต่อสู้
ระยะประชิดกับศัตรู การโจมตีของเขาก็จะทานทนต่อทักษะธาตุไฟได้
ด้วย นอกจากนี้ เมื่อมือของเขากลายเป็นกรงเล็บมังกร พลังทําลายล้าง
ของพวกมันก็ไม่ต่างจากกรงเล็บมังกรจริงๆ แน่นอนว่าอาจแตกต่างใน
ด้านพละกําลังไปบ้าง แต่เมื่อเขาใช้เกราะมือยักษ์วิญญาณหยาง พลัง
โจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของมันก็ทําให้แม้แต่หลงซื่อหยาก็ไม่เต็มใจรับ
การโจมตีเช่นนี้ง่ายๆ นี่ให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ประโยชน์สูงสุดของศาสตรามณียุทธ์คือสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ตามสภาพร่างกายของผู้ใช้และไม่จําเป็นต้องอยู่ในสถานะตายตัว
ยกตัวอย่างเช่นสําหรับโจวเหว่ยชิงในปัจจุบัน ถ้าเขาอยู่ในสถานะกลาย
ร่างและใช้เกราะมือยักษ์วิญญาณหยินหยาง ศาสตรามณียุทธ์ของเขาก็
จะก่อตัวเป็นรูปกรงเล็บมังกรไปโดยปริยายหลังจากค้นพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในร่างกายของโจวเหว่ย
ชิง หลงซื่อหยาก็ปรับเปลี่ยนแผนเดิมของเขา เขาช่วยโจวเหว่ยชิง
สํารวจการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในร่างกายอย่างเต็มที่เป็นเวลา 3 วัน
เต็ม โดยไม่ยอมให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆใดที่เล็ดรอดไปได้ เมื่อโจว
เหว่ยชิงคุ้นเคยกับร่างกายแล้ว มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึก
ปราณและเรียนรู้ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 โดยเฉพาะ
หลังได้เรียนรู้ว่าปีกของโจวเหว่ยชิงสามารถดึงดูดพลังปราณสวรรค์จาก
ชั้นบรรยากาศได้อย่างไรและพลังของมันทรงพลังแค่ไหน หลงซื่อหยาก็
ยิ่งต้องการสํารวจการเปลี่ยนแปลงของเขาให้มากขึ้นเท่านั้น
3 วันผ่านไป แม้จะพูดไม่ได้ว่าโจวเหว่ยชิงสามารถควบคุมร่างกาย
ใหม่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยเขาก็เข้าใจการ
เปลี่ยนแปลงทั้งหมดภายในร่างกายแล้ว นอกจากนี้ เด็กหนุ่มยังพัฒนา
ทักษะการบินด้วยปีกอีกด้วย ดังนั้นอย่างน้อยตอนนี้เขาจึงสามารถ
ควบคุมวิธีบินอย่างง่ายได้แล้ว เพราะถึงอย่างไรนั่นก็คือสิ่งที่ซ่างกวน
เฟยเอ๋อร์ทําได้ดีที่สุด และแม้ว่าโจวเหว่ยชิงอาจไม่มีความสามารถใน
การบิน แต่ในอดีตเขาก็เคยเห็นเธอบินมาหลายครั้งจนได้เรียนรู้มาบ้าง
อย่างที่โบราณเคยกล่าวไว้ แม้จะไม่เคยกินหมู แต่อย่างน้อยก็ต้องเคย
เห็นหมูวิ่ง ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยการฝึกฝนของเขาก็ดําเนินไปอย่างเป็น
ขั้นเป็นตอน แต่แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงย่อมไม่กล้าบอกว่าตัวเอง
เชี่ยวชาญเทียบเท่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แล้ว“อ้วนน้อย มานี่สิ” หลงซื่อหยากวักมือเรียกโจวเหว่ยชิงที่เพิ่งทาน
อาหารเช้าเสร็จ
โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ที่นั่นอย่างลังเลและมองไปที่ใบหน้าของอาจารย์
อย่างระมัดระวัง 3 วันที่ผ่านมาเด็กหนุ่มถูกหลงซื่อหยาทุบตีอย่างน่า
สังเวชเพื่อทดสอบขีดจํากัดของร่างกายใหม่ของเขา และอ้วนหลงก็
ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆเลย เขามักจะถูกทุบตีจนถึงขีดสุดก่อนที่
หลงซื่อหยาจะหยุดมือ ไม่ว่าโจวเหว่ยชิงจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
มากแค่ไหนหรือทุ่มทุนใช้ทักษะการแสดงอย่างไร หกสุดยอดมหาราชา
สวรรค์ก็สามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาได้อย่าง
ชัดเจน และการแสดงทั้งหมดของเขาก็ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้เมื่อหลงซื่อหยาร้องเรียกเขา โจวเหว่ยชิงก็กลัวว่าการทุบตีครั้ง
ใหม่กําลังจะเริ่มขึ้น เด็กหนุ่มจะเต็มใจกระโดดเข้าหาผู้เป็นอาจารย์ด้วย
ความกระตือรือร้นได้อย่างไร?
“เร็วๆหน่อยสิ” หลงซื่อหยากล่าวอย่างโกรธเคือง
จากนั้นโจวเหว่ยชิงก็เดินคอตกกลับไปหาอาจารย์ของเขาโดยไม่
เต็มใจ ทว่าสมองก็ยังคงระแวดระวัง เขาต้องเตรียมพร้อมหากว่าจะเกิด
การทุบตีขึ้นอีกครั้ง!
เมื่อมองเห็นท่าทางที่ดูอิดออดไม่เต็มใจของเขา หลงซื่อหยาก็อด
ไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังและเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่ว่าเพิ่งถุกทุบตีไป 2 วันเองหรอกหรือ? เป็นเรื่องธรรมดา
ที่อาจารย์จะทุบตีลูกศิษย์ของตน! ฮึ่ม ไม่ต้องกังวล การสั่งสอนเจ้าจบ
ลงแล้ว…พวกเรารวบรวมสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับร่างกายของเจ้าเพียงพอ
แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเริ่มการฝึกศาสตร์การควบคุมทักษะขั้น
สูงสุดทั้ง 6 ของจริง พลังที่แท้จริงของเขตแดนควบคุม 6 สุดยอดมณี
สวรรค์ เรามีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว…ก่อนที่จะออกเดินทางไปยัง
ภูเขาหิมะสวรรค์ เจ้าจําเป็นต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับเขตแดน
ควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์ก่อน”
“เขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์?” นี่เป็นครั้งแรกที่โจว
เหว่ยชิงได้ยินคํานี้ เดิมทีครั้งที่หลงซื่อหยาเริ่มสอนศาสตร์การควบคุม
ทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ครั้งแรก มันก็เป็นเพียงพื้นฐานระดับต�าสุด ไม่ใช่
เขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์ที่แสนซับซ้อน
………………………………….