Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 172 พลังที่แท้จริงของมหาราชาสวรรค์! (3)
ทั้งสองฝ่ายเป็นยอดฝีมือระดับมหาราชาสวรรค์ แต่ทันทีที่พวกเขา แลกเปลี่ยนการโจมตี หัวใจของกู่ซื่อเต๋อก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขา เป็นจักรพรรดิ เป็นองค์ราชาผู้ที่ถือตัวอยู่เหนือคนอื่นๆมาตลอด และ เขาก็เคยชินกับกับการที่ข้ารับใช้ทั้งหลายให้ความเคารพสรรเสริญ โดย ธรรมชาติแล้ว กลิ่นอายและการวางตัวของเขาจึงดูสูงส่งอย่างไม่ต้อง สงสัย นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะสามารถทําได้ แต่ ในขณะนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงซื่อหยา เขารู้สึกได้อย่างแท้จริงว่าความ แข็งแกร่งของตนเองเทียบฝ่ายนั้นไม่ติดแม้แต่น้อย
เพียงแค่การฟาดฝ่ามือหนึ่งครั้ง แม้จะดูเรียบง่าย แต่เขาก็เป็นฝ่าย พ่ายแพ้อย่างแท้จริง ด้วยเขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์ของ หลงซื่อหยา พลังปราณสวรรค์ทั้ง 6 ของเขาจึงผสานเข้าด้วยกันอย่าง แท้จริง และแม้ว่าปริมาณปราณสวรรค์โดยรวมของเขาจะสูงกว่ากู่ซื่อ เต๋อเพียงเล็กน้อย แต่พลังและความสามารถในการโจมตีของทักษะ ผสานก็ย่อมให้ผลเหนือกว่าระดับที่เขาอยู่ นี่คือตัวอย่างของคุณภาพ ดีกว่าปริมาณอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ฝ่ายนั้นยังไม่ได้พิจารณาถึงความ จริงที่ว่าหลงซื่อหยาอยู่ในระดับมหาราชาสวรรค์ขั้นสูงที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้แล้ว และนั่นก็อาจจะสูงกว่าตัวเขาเองด้วยซ�า ในการโจมตี
เพียงครั้งเดียว ราชาสิงโตได้รับรู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เอาชนะเขา พลังที่ดูเหมือนคลื่นมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต… ราวกับว่าพื้นที่ทั้งหมด รอบตัวพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของหลงซื่อหยาโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นใบมีดแสง 36 เล่มปรากฏต่อหน้าเขา ราชาสิงโตก็ไม่ สามารถสนใจรักษาใบหน้าตนเองได้อีกต่อไป สิ่งที่มาพร้อมกับแสงสี ทองเหลือบดําที่กระพริบอย่างต่อเนื่องหลายครั้งคือชุดศาสตรามณี ยุทธ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 9 ชิ้นที่ปรากฏขึ้น รวมตัวกันอยู่รอบๆร่างของเขา แม้ว่ามันจะเทียบชุดเทพเจ้าพิชิตวิญญาณสวรรค์ของภูเขาหิมะสวรรค์ ไม่ได้ แต่มันก็เป็นชุดในตํานานที่หายากและยอดเยี่ยมจากใน แผ่นดินใหญ่ทั้งหมดเช่นกัน
อาวุธของราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อคือดาบหนักเล่มใหญ่ และเมื่อมันชี้ไป ข้างหน้า แสงสีแดงข้นคลั่กก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้านหลังของ เขาปรากฏภาพลวงตาราชสีห์คลั่งสีแดงทองขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้เขากําลังเค้นทุกสิ่งทุกอย่างที่มีออกมาอย่างสุดกําลังแล้ว ราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงยืนอยู่ที่ด้านข้างอย่างไม่ขยับเขยื้อนและไม่คิด จะเข้าแทรกแซงใดๆ เขาคุ้นเคยกับหลงซื่อหยามากกว่ากู่ซื่อเต๋อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเคยได้เป็นพยานในการต่อสู้ระหว่างหลง ซื่อหยาและซู่อ้าวเทียน พี่ชายของเขามาถึง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าซู่ อ้าวเทียนวางสถานะของหลงซื่อหยาไว้สูงมาก และไม่เคยประเมินพลัง
ของเขาต�าเกินไปสักครั้งเดียว มีครั้งหนึ่ง เขายังเคยบอกซู่อ้าวอิงว่าแม้ จะเป็นตัวเอง หากต้องการเอาชนะหลงซื่อหยา มันก็ยังยากลําบากมาก และต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักในการทําเช่นนั้น เขต แดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์ที่หลงซื่อหยาสร้างขึ้นอาจกล่าวได้ ว่าเป็นการคิดค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันและไม่มีสิ่งใดสามารถ เทียบเคียงได้ หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหลงซื่อหยาไม่สามารถ ทะลวงไปถึงระดับเทพเจ้าสวรรค์ ชื่อของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดและ ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอาจจะแตกต่างออกไปจากเดิม ในเวลาเดียวกัน ซู่อ้าวเทียนก็ยังบอกซู่อ้าวอิงอย่างจริงจังว่าแม้จะต้องทําให้มหาดินแดน ศักดิ์สิทธิ์อีก 4 แห่งขุ่นเคือง พวกเขาก็จะต้องไม่เป็นศัตรูกับหลงซื่อหยา โดยเด็ดขาด เหตุผลนั้นง่ายมาก เขาเป็นหมาป่าเดียวดายที่ไม่มีใครให้ ต้องคอยเป็นห่วงเบื้องหลัง ยอดฝีมือเช่นนี้ หากต้องการสร้างปัญหา ให้กับพวกเขาอย่างแท้จริง แม้แต่ภูเขาหิมะสวรรค์ก็ยากที่จะจัดการกับ เขา แน่นอนว่านี่เป็นเพราะซู่อ้าวเทียนก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องฆ่าหลงซื่อห ยาเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าการที่หลงซื่อหยามาก่อปัญหาที่นี่ในวันนี้ย่อมต้องมี เหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง และหากไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง ซู่ อ้าวอิงก็จะไม่ลงมือเด็ดขาด
การแข่งขันระหว่างเผ่าราชสีห์และเผ่าพยัคฆ์อาจกล่าวได้ว่ามีอยู่ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอาณาจักรวั่นโซ่ว คราวนี้ การที่กู่อิ่งปิงแต่งงานกับเทียน
เอ๋อร์ ความจริงซู่อ้าวอิงก็ค่อนข้างกังวลภายในใจ เขาย่อมมองออกว่า เมื่อกู่อิ่งปิงสืบทอดตําแหน่งของเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์แล้ว เผ่าพยัคฆ์ของพวกเขาก็จะหล่นร่วงลงไปในก้นบึ้งและอนาคตของพวก เขาจะไม่สดใสเท่าไหร่นัก
แม้ว่าเผ่าพยัคฆ์จะได้เข้ารับตําแหน่งเป็นราชวงศ์และองค์ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรวั่นโซ่ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะ สามารถควบคุมเผ่าราชสีห์ได้ ตรงกันข้าม เมื่อถึงเวลานั้น เผ่าราชสีห์ จะได้รับการสนับสนุนจากภูเขาหิมะสวรรค์ซึ่งมีสถานะสูงส่งเหนือสิ่งอื่น ใด และฝ่ายนั้นก็ไม่จําเป็นต้องเชื่อฟังเผ่าพยัคฆ์แม้ว่าพวกเขาจะเป็น ราชวงศ์ก็ตาม นี่เป็นสถานะที่เผ่าพยัคฆ์ใช้เสวยสุขอยู่ในตอนนี้ แม้ไม่ใช่ ราชวงศ์แต่กลับมีสถานะเหนือกว่าเผ่าราชสีห์ และนี่ก็คือพลังของภูเขา หิมะสวรรค์ สถานที่ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ด้วยเหตุนี้ การได้เฝ้าดูราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อเสียท่าจึงทําให้ซู่อ้าวอิงมี ความสุขมากกว่า เช่นนั้นเขายังจะยื่นมือเข้าไปขัดได้อย่างไร? นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าเขาไม่คิดว่าตนเองจะสามารถรับมือ หลงซื่อหยาได้ เพราะแม้จะทําได้ เขาก็จะไม่ลงมืออยู่ดี ความจริงที่ว่า เผ่าพยัคฆ์ไม่มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมากพอจะสืบทอด ตําแหน่งเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์นั้นสร้างความเดือดเนื้อร้อน ใจให้กับเขามากพอสมควร และซู่อ้าวอิงก็ไม่มีอารมณ์จะช่วยเหลือ ราชาสิงโตหากไม่มีเหตุผลดีๆมารองรับ
สําหรับใบมีดแสงทั้ง 36 เล่มนั้น แต่ละเล่มอาจกล่าวได้ว่ามีพลัง โจมตีระดับมหาราชาสวรรค์ขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นมหา ราชาสวรรค์เช่นกัน แต่ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถ ปลดปล่อยการโจมตี 36 ครั้งในเวลาเดียวกันได้ หาไม่แล้ว เขาก็คงจะไม่ ยอมเสียหน้าปลดปล่อยชุดศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดออกมาในครั้งเดียว ก่อนคู่ต่อสู้
หลงซื่อหยาโบกมือขนาดใหญ่ของเขาและยืนอยู่ที่นั่นอย่างไม่ไหว ติง ทว่าใบมีดแสงทั้ง 36 เล่มกลับบินไปหาราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อด้วย ความเร็วสูงสุด ราวกับว่าพวกมันทั้งหมดมีดวงตา
จากมุมมองภายนอก การปะทะกันของมหาราชาสวรรค์ทั้งสอง ไม่ได้ดูอลังการหรือทรงพลังเป็นพิเศษ บางทีอาจจะน่าตกใจน้อยกว่า จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุดที่มีมณี 9 ชุดต่อสู้กันด้วยซ�า แต่ใน ความเป็นจริง นั่นเป็นเพราะการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาถูกบีบอัดไว้ จนมีขนาดเล็กจ้อยจนดูไม่อลังการเท่ากับพลังที่แท้จริงของมัน ยิ่งไป กว่านั้น เพราะที่นี่เป็นภูเขาหิมะสวรรค์ ทั้งสองจึงพยายามยั้งมือเพื่อ ป้องกันความเสียหายต่างๆ
ร่างกายของราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อเริ่มหมุนอย่างกะทันหัน เขาจับ ดาบหนักไว้ในมือทั้งสองข้าง ร่างกายกลายเป็นดั่งพายุหมุนจุเปลวเพลิง
ขนาดมหึมา เขาหมุนกายอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจลําแสงทั้ง 6 สีที่กําลังมุ่ง เข้าหาตนเอง แต่กลับพุ่งเข้าใส่หลงซื่อหยาแทน
ด้วยมีชุดในตํานานสีแดงเลือดช่วยส่งเสริม ปัจจุบันพลังของราชา สิงโตจึงพุ่งกระฉูดไปถึงขีดจํากัดสูงสุดของระดับมหาราชาสวรรค์แล้ว
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีรูปแบบพายุหมุนเช่นนี้ หากเป็นราชา พยัคฆ์ ซู่อ้าวอิงย่อมทําได้เพียงแค่พยายามหลบเท่านั้น ทว่าหลงซื่อห ยากลับไม่แม้แต่จะขยับตัว และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจแม้แต่น้อย
ประกายแสงแวววับพาดผ่านในดวงตาของหลงซื่อหยา และใบมีด แสงทั้ง 36 เล่มก็ก่อตัวเป็นแถวตรงเบื้องหน้าเขา ราวกับสร้อยคอที่เรียง ร้อยไปลูกปัดหลากสี ก่อนที่พวกมันจะสกัดกั้นร่างกายที่กําลังหมุนวน ราวพายุสีแดงเพลิงของกู่ซื่อเต๋อเอาไว้
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นเป็นชุดๆขณะที่ดาบแสงพุ่งเข้าสู่พายุ หมุนสีเพลิงทีละเล่มและหายวับภายในไป อย่างไรก็ตาม การโจมตีจาก ใบมีดแสงทุกครั้งก็ยังสามารถทําให้แสงสีแดงเพลิงของพายุหมุนหรี่ลง ได้เล็กน้อย ทั้งยังทําให้พวกมันเคลื่อนที่ช้าลงทีละนิดอีกด้วย
มือขวาของหลงซื่อหยาถูกยกขึ้นไปอีกครั้ง คราวนี้คว้าไปยังพื้นที่ ว่างเหนือศีรษะของเขา ทันใดนั้น ดวงแสงทั้ง 6 สีก็กลับมารวมตัวกัน
เหนือศีรษะของเขาด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง ค่อยๆผสานและก่อเกิดเป็น ค้อนขนาดยักษ์ 6 สี
ความเร็วในการหลอมรวมของค้อนค่อนข้างช้า ทว่าที่ด้านหลังของ เขา ภาพลวงตาของหลงซื่อหยาก็ดูเหมือนจะมั่นคงและสมจริงมาก ยิ่งขึ้น หากถึงขั้นที่หกสุดยอดมหาราชาสวรรค์จําเป็นต้องรวบรวมพลัง เพื่อที่จะปลดปล่อยทักษะเมื่อไหร่ ทุกคนย่อมต้องสามารถจินตนาการ ถึงพลังของมันได้… อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อกลับไม่ สามารถทําอะไรได้เนื่องจากความสนใจทั้งหมดของเขาต้องพุ่งเป้าไปที่ การปัดป้องใบมีดแสงทั้ง 36 เล่มก่อนหน้านี้เป็นอันดับแรก
‘ถูกกดข่มไว้รอบด้านอย่างไม่มีที่ให้หลบหลีก’ ในฐานะผู้ สังเกตการณ์ภายนอก นี่เป็นวลีเดียวที่ราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงสามารถใช้ อธิบายการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ต่อหน้าหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์หลงซื่อ หยา แม้แต่ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อ จ้าวมณีสวรรค์ระดับมหาราชาก็ยังไม่มี โอกาสแม้แต่น้อย!
เดิมทีครั้งที่เขาได้เฝ้าดูหลงซื่อหยาต่อสู้กับซู่อ้าวเทียน ซู่อ้าวอิงก็ ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกที่แข็งแกร่งและรุนแรงเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนเป็นกู่ซื่อเต๋อแล้ว เขาจึงสามารถรับรู้ถึงพลังที่ น่าหวาดกลัวของหลงซื่อหยาขึ้นมาได้อย่างแท้จริง ถ้าคนที่ต่อสู้คือตัว เขาเอง ซู่อ้าวอิงก็รู้ว่าเขาน่าจะแย่กว่ากู่ซื่อเต๋อด้วยซ�า
เมื่อเห็นค้อน 6 สีที่มีขนาดมหึมา ยาวเกือบ 10 เมตรก่อตัวขึ้น ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อก็ทั้งประหลาดใจและกังวล สําหรับใบมีดแสงที่หลง ซื่อหยาสร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆนั้น ทุกครั้งที่หนึ่งในนั้นระเบิดใส่พายุ หมุนของเขา มันจะก็จุดประกายปฏิกิริยาลูกโซ่ของทักษะธาตุทั้ง 6 ขึ้นมาด้วย
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือปฏิกิริยาลูกโซ่ของใบมีดแต่ละเล่มนั้น แตกต่างกัน ทําให้เขาต้องใช้พละกําลังและความระมัดระวังในการสกัด กั้นทุกๆเล่มให้ดี เพื่อจัดการใบมีดแสงแต่ละใบให้สําเร็จ เขาประเมินว่า ตนเองต้องใช้พลังปราณสวรรค์เกือบ 2-3 เท่าของพลังปราณสวรรค์ที่ หลงซื่อหยาใช้สร้างพวกมันขึ้นมาด้วยซ�า
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ในขณะที่หลงซื่อหยากําลังควบคุมดาบแสงทั้ง 36 เล่มเพื่อโจมตีเขา หกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ผู้นี้ก็แข็งแกร่งมาก พอจะเริ่มสะสมพลังเพื่อสร้างทักษะอื่นที่เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่านี้ มากขึ้นมาด้วย นี่สร้างความตกใจให้กับกู่ซื่อเต๋อเป็นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาจึงตระหนักถึงช่องว่างที่แท้จริงระหว่างเขากับหลง ซื่อหยาได้อย่างแท้จริง ราชาสิงโตเองก็สํานึกขึ้นมาได้เช่นกัน มีความ เป็นไปได้ว่าคู่ต่อสู้ของเขายังไม่แม้แต่จะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาด้วย ซ�า
แสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างของกู่ซื่อเต๋อ ถึงตอนนี้เขาไม่สามารถ ยั้งมือได้อีกต่อไปแล้ว ทักษะธาตุเทวาซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะธาตุ ศักดิ์สิทธิ์เผยตัวตนออกมาทันที และภาพลวงตาของราชสีห์ยักษ์ที่อยู่ ด้านหลังของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง เปลวไฟสีทองศักดิ์สิทธิ์ลุกโชน ขึ้นมาล้อมรอบตัวเขา ในที่สุดราชาสิงโตก็สามารถเริ่มเคลื่อนไหวได้ สกัดกั้นการโจมตีของหลงซื่อหยาและก้าวไปหาศัตรูอย่างดื้อรั้นทีละ ก้าว
“รับไป!” หลงซื่อหยาแค่นเสียง… ค้อน 6 สีขนาดมหึมาก็พุ่งลงมา จากท้องฟ้า แต่มันไม่ได้หวดลงมาโดยตรง ทว่ากวาดไปในแนวนอนเพื่อ ทุบเข้าใส่พายุหมุนเปลวไฟสีทองที่กู่ซื่อเต๋ออยู่ข้างใน
คราวนี้…ในที่สุดก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมา…เสียงระเบิดที่ดูเหมือน จะดังก้องเข้าไปในใบหูของผู้สังเกตการณ์ทุกคน ท่ามกลางเสียงปะทะ ครั้งใหญ่ พายุแสงสีแดงทองที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟดีดสะท้อนกลับ กระเด็นออกไปจากยอดเขาหิมะสวรรค์ และลอยละล่องออกไปไกล
หลงซื่อหยาโบกมือขวา ดาบ 6 สีที่ยาว 3 เมตรปรากฏขึ้นจาก ความว่างเปล่า บรรยากาศรอบด้านดูเหมือนจะกําลังบิดเบี้ยว และ หลังจากเกิดแสงวูบวาบครั้งหนึ่ง ดาบก็บินเข้าหาร่างของกู่ซื่อเต๋อที่ ยังคงลอยออกไปในระยะไกลๆ เกราะแสงที่อยู่รอบตัวเขาหรี่ลงจนแทบ ไร้ชีวิตชีวา
“อ้วนหลง เมตตาด้วย!”
ในขณะนั้น แสงสีทองก็ได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นโล่ กําบังดาบ 6 สีที่หลงซื่อหยาเพิ่งปลดปล่อยออกมาเอาไว้
ดาบและโล่กระแทกเข้าหากัน พวกมันสะบัดแกว่งไปมาอย่าง รุนแรงก่อนจะสลายหายไปในอากาศพร้อมๆกัน ตลอดการต่อสู้ หลง ซื่อหยาไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว แต่เมื่อถึงจุดนี้ ร่างของเขาก็ สั่นสะเทือนเล็กน้อย แม้ว่าจะยังไม่เซถอยหลังไปก็ตาม
ร่างสีขาวดุจหิมะปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทั้งเงียบกริบและ รวดเร็ว ไม่มีใครเห็นว่าเขาปรากฏตัวได้อย่างไร แต่ทันทีที่เขาทําเช่นนั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเพียงฉากพื้นหลังส่งเสริมให้การปรากฏ ตัวของเขาโดดเด่นขึ้นมา
“พี่หลง ท่านสบายดีไหม?” ผู้ที่หยุดการโจมตีครั้งสุดท้ายของหลง ซื่อหยาและทําให้ร่างของเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย โดยธรรมชาติแล้ว ย่อมต้องเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง ที่สุดในโลก จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทพเจ้าเพียงหนึ่งเดียว… ซู่อ้าวเทียน
เมื่อมองเห็นอีกฝ่าย หลงซื่อหยาก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชาและพูดว่า “เฒ่าปีศาจซู่ ในที่สุดเจ้าก็แสดงตัวออกมาจน ได้”
เมื่อถึงจุดนั้น ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อก็ฟื้ นกลับมายืนได้อีกครั้งแล้ว และด้วยปราณสวรรค์อันทรงพลัง เขาจึงบินกลับมาหากลุ่มคนที่เหลือ อย่างรวดเร็ว แม้ว่าราชาสิงโตจะไม่มีทักษะธาตุลม แต่นั่นก็ไม่ได้ หมายความว่าเขาจะไม่สามารถบินได้ หากเป็นระยะทางสั้นๆ เขาก็ยัง สามารถใช้พลังปราณสวรรค์บินได้อยู่ดี
ขณะนี้กู่ซื่อเต๋อได้รับความเดือดร้อนและไม่สบอารมณ์เป็นอย่าง มาก การโจมตีจากค้อนของหลงซื่อหยานั้นไม่ได้ทําร้ายเขาจริงๆ แต่มัน ก็ทําให้เกราะป้องกันและพลังปราณสวรรค์ของเขาหายไปเกือบหมด หากดาบเมื่อสักครู่ฟันลงมาที่เขาจริงๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่กู่ซื่อ เต๋อก็จะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน กระนั้น หลงซื่อหยาก็ยังไม่ได้ ปลดปล่อยศาสตรามณียุทธ์แม้แต่ชิ้นเดียว…เห็นได้ชัดเจนว่าช่องว่าง ระหว่างทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงใด
“ท่านจ้าวภูเขา”
กู่ซื่อเต๋อจ้องมองหลงซื่อหยาด้วยความโกรธ แต่เขาก็ยังคงโค้ง คํานับซู่อ้าวเทียนก่อนด้วยความเคารพ
ซู่อ้าวเทียนยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “ราชาสิงโต ท่านไม่จําเป็นต้อง กังวลไป การพ่ายแพ่ให้แก่พี่หลงไม่ใช่สิ่งที่น่าละอาย ทั่วทั้งแผ่นดินี้ พี่ หลงถือได้ว่าเป็นมหาราชาสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่ กล้าพูดว่าจะเอาชนะเขาได้อย่างหมดจด”
คําพูดของซู่อ้าวเทียนจัดได้ว่าดูดีมาก ทั้งยังทําให้หลงซื่อหยาได้ หน้าได้ตา แม้ว่าตอนนี้หลงซื่อหยาจะแสดงท่าทีก้าวร้าว แต่สีหน้าของ เขาก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลง
…………………………….