Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 172 พลังที่แท้จริงของมหาราชาสวรรค์! (2)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 172 พลังที่แท้จริงของมหาราชาสวรรค์! (2)
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของกู่อิ่งปิงก็หวนกลับมาเป็นปกติอย่าง
รวดเร็วอีกครั้งหลังจากได้เพ่งมองว่าชายคนนั้นคือใคร แม้ว่าเขาจะเป็น
เจ้าชายสิงโตและผู้นําคนต่อไปของภูเขาหิมะสวรรค์ แต่สําหรับชายคน
นี้ เขาย่อมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะไปโมโหใส่ฝ่ายนั้นได้ กู่อิ่งปิงก้าว
เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเนอบน้อม “ข้าน้อยทํา
ความเคารพมหาราชาสวรรค์”
อ้วนใหญ่เหลือบตามองเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขามืดครึ้มขณะเอ่ย
อย่างเย็นชา “เฒ่าปีศาจซู่อยู่ที่ไหน? ชายชราคนนี้กําลังตามหาเขา ข้า
มีเรื่องจะคุยกับเขา”
กู่อิ่งปิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหลง วันมะรืนนี้
เป็นวันแต่งงานของข้าน้อย และข้าก็กําลังจะแต่งงานกับลูกสาวของ
อาจารย์ หากผู้อาวุโสสะดวก เหตุใดไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงด้วยเล่าขอรับ
สําหรับปัญหาของท่านกับอาจารย์ ข้าขอรบกวนท่านให้รอสักสองสาม
วันจนกว่างานเลี้ยงจะเสร็จสิ้นได้หรือไม่?”
แน่นอนว่าชายร่างท้วมที่อยู่ตรงหน้ากู่อิ่งปิงตอนนี้คือหกสุดยอด
มหาราชาสวรรค์ หลงซื่อหยา และคนที่อยู่ด้านหลังเขาย่อมเป็นโจวเหว่ยชิง ทว่าในขณะนี้เสื้อคลุมของโจวเหว่ยชิงถูกดึงขึ้นมาปิดบังรอบ
ร่างกายและใบหน้าจึงไม่มีใครมองเห็นว่าเป็นผู้ใด
หลงซื่อหยาเคยขึ้นภูเขาหิมะสวรรค์หลายครั้ง และทุกครั้งก็ต้องมา
ท้าสู้กับซู่อ้าวเทียนเสมอ โดยธรรมชาติแล้ว กู่อิ่งปิงย่อมคิดว่าเวลานี้ก็
ไม่ใช่ข้อยกเว้น งานแต่งงานของเขากําลังจะเริ่มขึ้น เขาจึงไม่ต้องการให้
การมาถึงของหลงซื่อหยาทําลายบรรยากาศงานรื่นเริงไปเสีย
“โอ้? เจ้ากําลังจะแต่งงาน?” หลงซื่อหยามองไปที่กู่อิ่งปิงด้วยสี
หน้าตกใจจนเกินจริง
กู่อิ่งปิงกล่าวอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วขอรับ ข้าน้อยและเทียนเอ๋อร์รัก
กันมาหลายปี และเป็นโชคดีของข้าที่จะได้แต่งงานกับนาง และมีนาง
เป็นภรรยาของข้า”
หลงซื่อหยายิ้มและหัวเราะออกมา “ดีมาก ดีมาก โชคของเจ้าดี
จริงๆ อย่างไรก็ตาม เจ้ายังไม่ได้ถามชายชราคนนี้เลยว่าเห็นด้วย
หรือไม่!”
เมื่อได้ยินคําพูดของหลงซื่อหยา กู่อิ่งปิงก็แทบไม่เชื่อหูของตัวเอง
แม้ว่าหลงซื่อหยามักจะมาที่ภูเขาหิมะสวรรค์เพื่อท้าทายอาจารย์ของ
เขา แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีทีเดียว ในความ
เป็นจริง แม้ว่าหลงซื่อหยาจะพยายามเอาชนะซู่อ้าวเทียนอย่างเต็มที่และพวกเขาก็สมควรเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน แต่ทั้งสองคนก็มีความรู้สึก
บางอย่างร่วมกันและมีนิสัยคล้ายคลึงกันอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเขา
จึงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลงซื่อหยาจะตั้งใจมาที่นี่เพื่อก่อปัญหา
การแสดงออกของกู่อิ่งปิงดูย�าแย่ลงทันที “ผู้อาวุโสหลง ท่าน
หมายความว่าอย่างไร? ในช่วงเวลาที่อาจารย์กําลังจัดงานแต่งงานให้
ลูกสาวของเขา ท่านกลับมาที่นี่เพื่อก่อปัญหาจริงๆหรือ?”
หลงซื่อหยาแค่นเสียงอย่างเหยียดหยามเล็กน้อยและกล่าวว่า “ก่อ
ปัญหา…หึ มากกว่านั้นอีก…ข้าต้องการให้เฒ่าปีศาจชดใช้บางอย่าง”
จู่ๆเงาร่างทั้ง 2 ก็เร้นกายออกมาจากเงามืดอย่างกะทันหัน เป็น
ยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์สองคนที่ไปที่ชายแดนกับกู่อิ่งปิงก่อนหน้านี้
เพื่อจัดการโจวเหว่ยชิงนั่นเอง และตอนนี้พวกเขาก็กําลังมองไปที่หลง
ซื่อหยาด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ดูจากสถานการณ์แล้ว ทันทีที่กู่อิ่งปิงออก
คําสั่ง พวกเขาก็จะลงมือกับหลงซื่อหยาทันที
นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยได้เห็นพลังของหกสุดยอดมหาราชา
สวรรค์ด้วยตาตัวเองมาก่อน
“มีแค่พวกเจ้าสองคน คิดว่าจะล้มชายชราคนนี้ได้หรือ? ถ้าข้าไม่ไว้
หน้าเฒ่าปีศาจซู่ ข้าก็คงไม่มาพูดจากันดีๆ หาไม่แล้ว…เมื่อวันแต่งงาน
ของเจ้ามาถึงจริง มันก็คงจะไม่ง่ายดายเช่นนี้”ในขณะที่เขาพูด หลงซื่อหยาก็โบกแขนอย่างเกียจคร้าน พลัง
ปราณสวรรค์จํานวนมหาศาลปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน กดดันกู่อิ่งปิง
และจ้าวมณีสวรรค์ระดับราชาแห่งเผ่าราชสีห์ทั้งสองให้เซถอยหลังไป
หลายก้าว เกือบจะในเวลาเดียวกัน ลําแสง 6 สีพลันส่องประกาย
ออกมาจากร่างของหลงซื่อหยาและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ตอนนี้เป็น
เวลาเย็นย�า การสร้างประกายไฟจึงก่อกําเนิดภาพงดงามลึกล�า
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดของภูเขาหิมะสวรรค์
เมื่อได้สัมผัสพลังปราณสวรรค์อันไร้ขอบเขตจนเข้าขั้นน่าสะพรึง
จากหลงซื่อหยา การแสดงออกของยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์ทั้งสองก็
เปลี่ยนไปในทันที พวกเขาไม่ได้ถอยหนี แต่กลับย้ายไปยืนขวาง
ด้านหน้ากู่อิ่งปิงอย่างปกป้อง ด้วยกลัวว่าหลงซื่อหยาจะลงมือกับองค์
ชายสิงโตของพวกเขา
ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือภูเขาหิมะสวรรค์ หากเป็นที่อื่น พวกเขาย่อมไม่
มีวันกล้ายืนอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือระดับมหาราชาสวรรค์ แต่นี่คือดินแดน
ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรวั่นโซ่ว ภูเขาหิมะสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ แม้ไม่นับว่า
เจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์เป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าสวรรค์
เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ พวกเขาก็ยังมียอดฝีมือระดับมหาราชา
สวรรค์คนอื่นๆอยู่ในภูเขาหิมะสวรรค์ด้วย ดังนั้นการปกป้ององค์ชาย
สิงโตกู่อิ่งปิงจึงมีสําคัญกว่าสิ่งใด แม้แต่ชีวิตของพวกเขาเองหลงซื่อหยาไม่สนใจพวกเขา ชายชรายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าอวด
ดีไม่ยอมลงให้ผู้ใด ถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์เพียงสองคนก็
ไม่คู่ควรให้เขาต้องลงมือจัดการอยู่แล้ว
เวลานี้การแสดงออกของกู่อิ่งปิงดูน่าเกลียดมาก มีใครบางคนมา
ที่นี่เพื่อก่อปัญหาในงานแต่งงานที่กําลังจะเกิดขึ้นของเขา เช่นนั้นผู้ใด
จะสามารถทําใจให้สงบลงได้บ้างหลังได้ยินข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม
ก็เหมือนกับที่หลงซื่อหยากล่าว เขาไม่ได้ตั้งใจมาทําลายงานแต่งในวัน
จริง และแม้ว่ากู่อิ่งปิงจะค่อนข้างกังวล แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้สึกขุ่น
เคืองเท่าใด
ในขณะนั้น เสียงทุ้มและก้องกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ใครกล้าเข้า
มาก่อปัญหาที่ภูเขาหิมะบนสวรรค์ของเรา?”
สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคือร่างที่ปรากฏอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า
แลบ พุ่งลงมาจากยอดปราสาทหิมะสวรรค์ท่ามกลางริ้วแสงเป็นสาย
เมื่อกลุ่มแสงนั้นร่อนลงมาถึงพื้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เป็นชายร่างสูง
ใหญ่ผู้หนึ่งที่โผล่ออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
เมื่อเห็นชายคนนั้น กู่อิ่งปิงและยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์ทั้งสอง
ก็โค้งคํานับทันที กู่อิ่งปิงกล่าวด้วยความนอบน้อม “ลุงซู่ ท่านเป็น
อย่างไรบ้าง”ชายที่เพิ่งปรากฏตัวดูเหมือนชายวัยกลางคนอายุราวๆ 40 ปี มีเส้น
ผมสีขาวสั้นตั้งตรง ใบหน้าที่ค่อนข้างหล่อเหลาของเขาฉายแววเรียบ
เฉย ส่วนสูง 2 เมตรและมีไหล่กว้างผ่าเผย เข้ากันได้ดีกับกิริยาท่าทางที่
สง่างามและสูงส่ง เสื้อคลุมสีขาวเรียบง่ายของเขาทอประดับด้วยด้ายสี
ทอง และชายหนุ่มก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นอีก ทั้งหมดนี้ยิ่งช่วยเพิ่ม
บรรยากาศสูงส่งและสง่าผ่าเผยให้กับเขา ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราว
กับหอคอยที่สูงตระหง่าน
“หืม?” ชายคนนั้นมองไปที่กู่อิ่งปิงและอีกสองคนที่เหลือ ก่อนจะ
หันไปจ้องหลงซื่อหยาพลางกล่าวด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “นี่
ไม่ใช่อ้ว…พี่ใหญ่หลงหรอกหรือ? ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี่กัน?”
เขาเกือบจะโพล่งคําว่าอ้วนหลงออกไปแล้ว โชคดีที่ทันได้เห็น
ใบหน้าของอ้วนหลงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดําคล�า ชายหนุ่มจึงสามารถกลับ
คําได้ทันเวลา หลงซื่อหยาแค่นเสียงในลําคอและพูดว่า “พยัคฆ์เฒ่า
เจ้าก็มาที่นี่เช่นกัน…เพื่อร่วมงานแต่งงั้นรึ?”
ชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวตัดสั้นคนนี้เป็นหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์คน
ปัจจุบัน หนึ่งในสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ในความเป็น
จริง เขาเป็นน้องชายของเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ซู่อ้าวเทียน
อาของเทียนเอ๋อร์ ซู่อ้าวอิงนั่นเองแน่นอนว่าใบหน้าและอายุที่แท้จริงของเขาอาจจะดูไม่ตรงกัน
เท่าไหร่นัก แม้ชายหนุ่มจะไม่เหมือนกับหลงซื่อหยาที่มีอายุเกินร้อยปี
แต่เขาก็อายุมากกว่า 90 ปีแล้ว
ซู่อ้าวอิงยังอยู่ในระดับมหาราชาสวรรค์ แต่เขาก็ไม่ได้มี
ความสามารถมากล้นเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา ซู่อ้าวเทียน ชายหนุ่ม
ยังอยู่เพียงแค่ระดับมหาราชาสวรรค์ขั้นกลางเท่านั้น ด้วยเหตุนี้แม้
เทียบกับหลงซื่อหยา ความห่างชั้นก็ยังปรากฏชัดเจน
ซู่อ้าวอิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “หลานสาวของข้ากําลัง
จะแต่งงาน ในฐานะท่านลุงที่รักของนาง ข้าจะไม่มาได้อย่างไร พี่ใหญ่
หลง อย่างไรท่านก็เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองที่นี่และร่วมวงดื่มกับข้าเสียสิ
แม้ท่านจะต้องการท้าสู้กับพี่ใหญ่ของข้า ท่านก็ควรรอจนกว่าหลานสาว
ของข้าจะแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ท่านว่าเป็นอย่างไร?”
หลงซื่อหยาส่งเสียงหึในลําคอ “พยัคฆ์เฒ่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า…
เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งจะดีกว่า ข้ามาที่นี่คราวนี้ก็เพื่อตามหาพี่ชายของ
เจ้า เพื่อให้เขาชดใช้บางอย่าง หาไม่แล้ว งานแต่งงานนี้ย่อมให้จัด
ไม่ได้”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น การแสดงออกของซู่อ้าวอิงก็เปลี่ยนไป
เช่นกัน เขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายของเขากับหลงซื่อห
ยาเป็นอย่างดี และแม้ว่าพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นศัตรูกัน แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลงซื่อหยาจะไม่ทําถึงขนาดนี้และมักจะไว้หน้าพี่ชาย
อยู่หลายส่วน เมื่อเทียบกับกู่อิ่งปิงแล้ว ความคิดของซู่อ้าวอิงย่อมลึกล�า
ผู้อื่นมาก และชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าหลงซื่อหยามีเรื่องบางอย่างจริงๆ
ในขณะที่ซู่อ้าวอิงจมอยู่กับความคิดของตน น�าเสียงที่หนักแน่นก็
ดังออกมา “คุยกันเสียงดังจริงๆ! อ้วนหลง เจ้าไม่กลัวลิ้นเป็นตะคริว
[1]หรือ?”
เกิดแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง และร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น ชายชรา
ที่มีรูปร่างใหญ่โตคล้ายกับซู่อ้าวอิง แต่มีผมสีแดงทองปรากฏตัวขึ้น
ข้างๆเขาทันที ทันทีที่เขาโผล่ออกมา กู่อิ่งปิงและยอดฝีมือระดับราชา
สวรรค์ทั้งสองก็โค้งคํานับให้เขาในทันที
“ท่านพ่อ” กู่อิ่งปิงกล่าวด้วยความนอบน้อม สําหรับผู้อาวุโสทั้งสอง
พวกเขาทักทายอีกฝ่ายว่า “ท่านราชาสิงโต”
สําหรับแรงกดดันที่ลําแสงทั้ง 6 สีของหลงซื่อหยาแผ่ออกมา ยอด
ฝีมือระดับมหาราชาสวรรค์ขึ้นไปย่อมสามารถสัมผัสได้ทุกคน สําหรับ
ชายที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมานั้น เห็นได้ชัดว่าเขาคือหัวหน้าเผ่าราชสีห์คน
ปัจจุบัน เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าราชสีห์วิญญาณสวรรค์
ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อ ทั้งยังเป็นบิดาของกู่อิ่งปิงอีกด้วยเมื่อเทียบกับนิสัยหนักแน่นดุจหินผาของราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงแล้ว
นิสัยของกู่ซื่อเต๋อก็คงร้อนดุจเปลวไฟ และเขาก็ไปถึงระดับมหาราชา
สวรรค์ขั้นสูงสุดแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์มา
ที่นี่เพื่อก่อปัญหาในงานแต่งงานของลูกชาย เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ในช่วงเวลานั้น ราชาสิงโตจึงอดไม่ได้ที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘อ้วนหลง’
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” ดวงตาของหลงซื่อหยาหรี่ลง เกิดเป็น
แสงเยียบเย็นวูบวาบอยู่ภายใน
ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อไม่ได้ถอยกลับ “ข้าเรียกเจ้าว่าอ้วนหลง แล้ว
อย่างไร? ดูไขมันทั้งหมดบนตัวของเจ้าสิ จะไม่ให้ใครเรียกเช่นนั้นได้รึ?”
หลงซื่อหยายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอย่างน่าแปลกประหลาด “ดี ดี
มาก เพราะซู่อ้าวเทียนยังไม่มา ข้าจึงต้องสั่งสอนสุนัขเฝ้าบ้านตัวน้อยผู้
นี้เป็นบทเรียนเสียก่อน” ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น หลงซื่อหยาก็พลัน
โบกแขนออกไป เขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์ที่เท้าพลัน
เปล่งประกายสว่างไสว เสียงสะท้อนของพลังปราณสวรรค์ปริมาณหนา
หนาแน่นลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับดวงแสงทั้ง 6 สี ช่วงเวลาต่อมา
ฝ่ามือหนึ่งก็พุ่งออกไปที่กู่ซื่อเต๋อ
เนื่องจากระดับพลังปราณของพวกเขาในตอนนี้ การต่อสู้จึงเรียบ
ง่ายขึ้นมาก และสิ่งที่พวกเขาใช้ฟาดฟันกันจึงเป็นเพียงรูปแบบการ
ต่อสู้ที่พื้นฐานที่สุดแม้ว่าคําพูดของกู่ซื่อเต๋อจะดูไม่น่าให้อภัยและหยิ่งยโสไปบ้าง แต่
เขาก็ระมัดระวังหลงซื่อหยาเป็นที่สุด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นราชา เป็น
มหาราชาสวรรค์ขั้นสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวของอาณาจักรวั่นโซ่ว และเขา
ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ต่อสู้กับหลงซื่อหยามาก่อน สําหรับหกสุดยอดมหา
ราชาสวรรค์และความแข็งแกร่งของเขา ทั้งหมดที่กู่ซื่อเต๋อรู้มีเพียงสิ่งที่
ได้ยินมาจากเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ซู่อ้าวเทียนเท่านั้น การ
ได้ต่อสู้กับหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ที่แม้แต่เจ้าเหนือหัวแห่งภูเขา
หิมะสวรรค์ก็ยังยกย่อง เขาย่อมไม่กล้าลดการป้องกันลงหรือดูถูกเขา
แม้แต่น้อย ชายหนุ่มฉวยโอกาสตอบสนองในทันทีเช่นกัน มือขวาของ
เขาพลันพุ่งออกไปรับการโจมตีของหลงซื่อหยา
กลุ่มคนภายนอกสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่มาพร้อมกับการ
โจมตีด้วยฝ่ามือของกู่ซื่อเต๋อคือชั้นแสงสีแดงที่พุ่งออกมารอบตัวของ
เขา ฝ่ามือขวาดูเหมือนจะกลายเป็นทับทิมเรืองรอง เป็นที่แน่นอนว่า
มณีธาตุของเขาคือธาตุไฟ แต่ในขณะที่ร่างของราชาสิงโตกระโจน
ออกไป มันกลับไร้กลิ่นอายรุนแรงที่มักจะสอดคล้องกับพลังของจ้าว
มณีสวรรค์ อากาศรอบตัวเขายังคงเย็นยะเยือกเช่นเคย ดูจากสิ่งนั้น
เพียงอย่างเดียวก็สามารถเดาได้แล้วว่าเขาสามารถควบคุมพลังปราณ
สวรรค์ได้ดีแค่ไหน
ขณะที่ฝ่ามือของทั้งสองคนสัมผัสกัก็ไม่มีเสียง ไม่มีการระเบิดใดๆ
ปรากฏขึ้น เห็นเป็นเพียงชั้นเกราะป้องกันรอบๆร่างของพวกเขากระพริบวูบวาบและหดลงเล็กน้อย ในช่วงเวลาถัดมา การแสดงออก
ของกู่ซื่อเต๋อก็แปรเปลี่ยนไป ฝ่ามือของเขาพลันหดกลับในขณะที่
ร่างกายเซถอยหลังไปสามก้าวก่อนจะทรงตัวไม่ได้อีก
หลงซื่อหยาไม่ได้ตามไปโจมตีต่อ ตอนนี้มือซ้ายของเขาก็หดกลับ
เช่นกัน สีหน้าของเขาฉายแววดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อยในขณะมองไป
ที่กู่ซื่อเต๋อ “เมื่อเทียบกับเฒ่าปีศาจซู่แล้ว เจ้าอยู่ห่างชั้นจากเขามาก
ทีเดียว หึ ด้วยความสามารถของเจ้า ยังกลับกล้าเรียกข้าว่าอ้วนหลงงั้น
รึ? เจ้าไม่มีสิทธิ์!” ในขณะที่กล่าว มือขวาของเขาก็ยกขึ้นอีกครั้ง และ
รอบตัวของหลงซื่อหยาก็มีใบมีดหลากสีทั้งหมด 36 เล่มปรากฏขึ้น แต่
ละเล่มมีความยาวอย่างน้อย 1 เมตร โดยที่ความกว้างของใบมีดราวๆ
ครึ่งเมตร ประกายแสงทั้ง 6 สีบนใบมีดเปล่งประกายหลอมรวมกัน
กลายเป็นพลังที่น่าหวาดกลัวจนผู้สังเกตการณ์ทุกคนสามารถสัมผัสได้
แต่ละเล่มล้วนถูกเล็งเป้าไปที่กู่ซื่อเต๋อทั้งสิ้น
…………………………………………
[1] ลิ้นเป็นตะคริว หมายถึงพูดจาโอ้อวดมากเกินไป