Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 173 ‘บิดาผู้นี้’ มาเพื่อทวงหนี้! (1)
- Home
- Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา
- บทที่ 173 ‘บิดาผู้นี้’ มาเพื่อทวงหนี้! (1)
กู่ซื่อเต๋อแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อหลงซื่อหยา เห็นได้ชัดว่ายังคง ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงมี ไพ่ตายทรงพลังหลายอย่างที่ยังไม่ได้ใช้ออกไป หากที่นี่ไม่ใช่ภูเขาหิมะ สวรรค์และเขาสามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ ราชาสิงโตก็ยังคิด ว่าเขามีโอกาสที่จะชนะหลงซื่อหยา เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีทักษะธาตุ เทวา
บนยอดเขาหิมะสวรรค์ในตอนนี้มี 4 ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดใน ดินแดนไร้ขอบเขตมารวมตัวกันอยู่ 1 เทพเจ้าสวรรค์และ 3 มหาราชา สวรรค์! ทั้ง 4 คนนี้ไม่ได้เป็นเพียงยอดฝีมือที่สามารถสร้างความ หวาดกลัวให้กับหลายๆอาณาจักรได้เท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นผู้ที่ แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน
ไม่มีใครกล้าเข้ามามุงดูไม่ว่าเรื่องนี้จะน่าดึงดูดแค่ไหนก็ตาม เพราะที่นี่คือภูเขาหิมะสวรรค์…ปราสาทหิมะสวรรค์! แม้แต่หัวหน้าเผ่า ต่างๆที่มาร่วมฉลองงานแต่งงานก็ไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าจะทําให้ อีกฝ่ายรําคาญหรือทําให้เจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์กรุ่นโกรธ และพาลสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั้งเผ่า
ซู่อ้าวเทียนยิ้มน้อยๆให้หลงซื่อหยาและพูดว่า “พี่หลง พวกเราเข้า ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวดีหรือไม่? การยืนอยู่ตรงนี้ให้ทุกคนมองไม่ใช่ วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา และไม่ใช่วิธีที่ข้าใช้ทักทายแขกของข้า ด้วย”
หลงซื่อหยาพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก เฒ่าปีศาจซู่ ข้าจะไว้ หน้าเจ้าก็แล้วกัน”
ซู่อ้าวเทียนโบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ” หลังพูดจบ เขาก็มุ่งหน้า ไปที่ประตูปราสาททันที
สายตาของหลงซื่อหยากวาดไปที่ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อและองค์ชาย สิงโตกู่อิ่งปิง “เจ้าสองคนก็ตามมาด้วย เรื่องที่ข้าจะพูดก็เกี่ยวกับพวก เจ้าเช่นกัน” หลังจากพูดจบ เขาก็กวักมือเรียกโจวเหว่ยชิงที่ยังอยู่ข้าง หลังและมีเสื้อคลุมปิดบังไว้จนมิด ทว่าใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นกลับ เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวมาด้วยกัน จากนั้นหลงซื่อหยาก็ เดินตามหลังซู่อ้าวเทียนเข้าไปในปราสาทเป็นคนต่อไป
เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป และโดยธรรมชาติแล้วโจว เหว่ยชิงย่อมได้เห็นทุกอย่างด้วยสองตาตัวเอง จากสติปัญญาของเขา เด็กหนุ่มย่อมสามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าคนเหล่านี้เป็นใครบ้าง
นับตั้งแต่ที่เขายอมรับหลงซื่อหยาเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการ นี่ เป็นครั้งแรกที่โจวเหว่ยชิงได้เห็นเขาลงมือจริงๆ ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ หลงซื่อหยากําลังต่อสู้ โจวเหว่ยชิงย่อมสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ารอบตัว เขามีเกราะที่มองไม่เห็นคอยปกป้องอยู่ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงจะไม่ได้รับ ผลกระทบจากการสั่นสะเทือนของพลังจากการปะทะกันของยอดฝีมือ ทั้งสองคน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพลังที่น่ากลัวของเขตแดนควบคุม 6 สุด ยอดทักษะสวรรค์อย่างแท้จริง ในฐานะศิษย์และทายาทเพียงคนเดียว ของหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ โจวเหว่ยชิงจึงสามารถสัมผัสพลังของ เขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์และการกระทําอันแสนซับซ้อน ของหลงซื่อหยาได้มากกว่าผู้อื่น และอาจจะรับรู้ได้มากกว่าราชาสิงโตกู่ ซื่อเต๋อผู้มีประสบการณ์ต่อสู้กับหลงซื่อหยาด้วยตัวเอง แท้จริงแล้วสิ่งที่ กู่ซื่อเต๋อคาดเดาก็เป็นความจริง… หลงซื่อหยาไม่ได้ใช้พละกําลังเต็มที่ เลยด้วยซ�า แต่การควบคุมของเขากลับน่าประทับใจและยอดเยี่ยมใน ระดับที่ไม่น่าเชื่อแล้ว หากหลงซื่อ หยาต้องการ เขาก็สามารถสังหาร ราชาสิงโตได้ทันทีด้วยการโจมตีต่อเนื่อง
เรียกได้ว่า ‘ไร้เทียมทานในหมู่คนระดับเดียวกัน’ นี่คือคําพูดที่หลง ซื่อหยาใช้สรรเสริญเขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์ของตนเอง นี่ไม่ใช่ความโอหังแม้แต่น้อย และคําพูดดังกล่าว แม้แต่เจ้าเหนือหัว แห่งภูเขาหิมะสวรรค์ก็ไม่เคยปฏิเสธว่าผิด มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่เคยพูด
ว่าเขตแดนนี้เป็นการคิดค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินไร้ขอบเขตทั้งหมด แล้ว
แม้ว่าเขตแดนควบคุม 6 สุดยอดทักษะสวรรค์จะมีข้อบกพร่องและ ข้อเสียเป็นของตัวเอง แต่ข้อดีและความเหนือชั้นของมันก็มีมากกว่า ข้อเสียเหล่านั้น หากต้องเลือกที่โดดเด่นจริงๆ ข้อบกพร่องที่เลวร้าย ที่สุดของมันก็คือความสามารถที่มีมาแต่กําเนิดของผู้ใช้จะต้องมีมาก พอให้สามารถเริ่มเรียนรู้มันได้นั่นเอง เพราะถึงอย่างไรบนโลกใบนี้ บุคคลที่มี 6 ทักษะธาตุก็มีน้อยเกินไป…
นั่นคือพลังที่แท้จริงของมหาราชาสวรรค์! ดูอาจารย์ของข้าสิ! เพียงแค่ตัวคนเดียว แต่เขากลับสามารถทําตัวเป็นกันเองกับยอดฝีมือ จากภูเขาหิมะสวรรค์ได้ทั้งหมดแล้ว แม้แต่เจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะ สวรรค์ที่ไม่ได้สนิทสนมก็ยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ความรู้สึก ภาคภูมิใจในตัวอาจารย์พองตัวขึ้นมาในใจของโจวเหว่ยชิงทันที
ความรู้สึกที่เขามีต่อหลงซื่อหยาไม่ใช่แค่ความรู้สึกขอบคุณ แต่ พัฒนาไปสู่ความรักของคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
ในขณะที่หลงซื่อหยาบอกเขาว่าจะพาขึ้นไปบนภูเขาหิมะสวรรค์ ด้วยตัวเอง ภายในใจของโจวเหว่ยชิง สถานะของหลงซื่อหยาก็ได้ เพิ่มขึ้นจนเกือบเทียบเท่ากับพ่อของเขาแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่อาจารย์ที่ เคารพคนหนึ่งเท่าน้ัน
…
ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในปราสาทหิมะสวรรค์ โจวเหว่ยชิงก็ มุ่งเน้นสมาธิไปที่การป้องกันภายในและไม่ได้ให้ความสนใจกับ สภาพแวดล้อมภายนอกมากนัก นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงที่เดินตามหลังอาจารย์ของเขากําลังจับตาสังเกต เขาอย่างเงียบๆ เมื่อเทียบกับราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อที่ให้ความสนใจกับหลง ซื่อหยาเพียงคนเดียวแล้ว ซู่อ้าวอิงก็ดูจะให้ความสนใจกับบุคคลปริศนา ที่เดินตามหลังหลงซื่อหยามาอย่างออกนอกหน้า คนผู้นั้น คนที่ปกปิด ใบหน้าของตนเอาไว้เป็นใครกัน
ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ว่าหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์เป็นหมาป่า เดียวดาย! ไม่เคยมีใครได้ยินว่าเขามีญาติมิตร ลูกหลาน หรือแม้แต่ลูก ศิษย์ แต่คราวนี้ เมื่อขึ้นมาที่ภูเขาหิมะสวรรค์ เขากลับพาคนๆนี้มาด้วย สําหรับราชาพยัคฆ์ที่คุ้นเคยกับหลงซื่อหยาเป็นอย่างดี เขาจะไม่ให้ ความสนใจได้อย่างไร?
ด้วยพลังระดับราชาสวรรค์ของราชาพยัคฆ์ เขาสามารถสัมผัสได้ โดยธรรมชาติว่าโจวเหว่ยชิงอยู่ในระดับมณี 6 ชุด อย่างไรก็ตาม นั่นคือ ความรู้สึกทั้งหมดของเขาที่สามารถตรวจจับได้เพียงผิวเผิน ถึงอย่างไร หลงซื่อหยาก็ยังอยู่ที่นั่น และเขาก็ไม่สามารถขยายพลังปราณสวรรค์ ออกไปตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เขายังสามารถสัมผัสได้ว่า
รอบๆร่างโจวเหว่ยชิงยังมีกลิ่นอายของหลงซื่อหยาครอบคลุมไว้อีกชั้น ด้วย
โจวเหว่ยชิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับลมหายใจให้สม�าเสมอ เขารู้ว่าอีกไม่นานตนจะต้องขึ้นเวทีประลอง แม้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ ผ่านมาเขาจะใช้เวลาเตรียมตัวอย่างเต็มที่ ทําทุกอย่างเท่าที่จะทําได้ เพื่อเตรียมความพร้อม แต่เพียงแค่ยืนอยู่ในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ แข็งแกร่งที่สุด หัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเต้นถี่รัว แต่ไม่ว่าเขาจะ กังวลหรือหวาดกลัวแค่ไหน เขาก็ยังคงมีความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง อยู่ในใจเสมอ ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ของเทียนเอ๋อร์หรือชื่อเสียงของ อาจารย์ เขาก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้ทั้งสิ้น
เนื่องจากมีซู่อ้าวเทียนเป็นผู้นําทางด้วยตัวเอง กลุ่มของพวกเขาจึง มาถึงห้องโถงกลาง ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางปราสาทหิมะสวรรค์อย่างรวดเร็ว
ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อได้นํากู่อิ่งปิง ลูกชายของเขาไปด้วย สําหรับ ยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์ที่ติดตามกู่อิ่งปิงทั้งสองคน พวกเขาไม่มี คุณสมบัติเพียงพอให้ติดตามคนทั้งกลุ่มไปได้
ที่กู่ซื่อเต๋อยอมเดินตามมา ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวหลงซื่อหยาจริงๆ เนื่องจากในฐานะจักรพรรดิแห่งอาณาจักรวั่นโซ่ว เขาย่อมไม่มี ความรู้สึกเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าเขาก็ยังต้องการหาเหตุผลว่าทําไมหลง ซื่อหยาถึงมาที่นี่อย่างอุกอาจและถือตนขนาดนั้น
ขณะที่พวกเขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของปราสาทหิมะสวรรค์ ซู่ อ้าวเทียนก็เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะในขณะที่ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อยึดที่นั่ง ทางด้านซ้ายของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะถึงอย่างไรในอาณาจักร วั่นโซ่ว อันดับและสถานะของเขาก็เป็นรองเพียงแค่เจ้าเหนือหัวแห่ง ภูเขาหิมะสวรรค์ซู่อ้าวเทียนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งแปลกประหลาดที่อาจทําให้คนอื่นสงสัยก็คือที่นั่ง หลักด้านขวามือ ปกติเป็นที่นั่งสําหรับราชาพยัคฆ์ แต่เขากลับผายมือ ให้หลงซื่อหยานั่งลง แล้วตัวเองก็ขยับออกไปนั่งข้างๆหลงซื่อหยาแทน
สําหรับกู่อิ่งปิงและโจวเหว่ยชิง พวกเขายืนอยู่ข้างหลังราชาสิงโต และหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ตามลําดับ สําหรับโอกาสเช่นนี้ พวก เขาจะมีที่นั่งได้อย่างไร?
ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อมองไปที่ราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ พูดอะไร แต่ก็มีแววแห่งความไม่พอใจวาบผ่านเข้ามาในดวงตา และ แม้แต่โจวเหว่ยชิงก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าความสนใจของเขาก็ถูกพัดพาไปที่หลงซื่อ หยา สายตาของราชาสิงโตเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูและความไม่พอใจ เนื่องจากผลการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า
คนรับใช้นําชาเข้ามาวางที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมอ่อนๆของ ชาพลันนําชีวิตชีวามาสู่ห้องโถงเย็นที่เย็นยะเยือกแห่งนี้ ซู่อ้าวเทียน แสดงท่าทางเชิญชวนหลงซื่อหยา และเขาไม่ลังเลที่จะชิมเช่นกัน เพราะชาหมอกน�าแข็งที่มีชื่อเสียงของภูเขาหิมะสวรรค์นั้นอร่อยมาก จริงๆ
ขณะที่พวกเขาดื่มชา หลงซื่อหยาก็ไม่สนใจสายตาของราชาสิงโต โดยสิ้นเชิง แต่กลับมองไปที่ซู่อ้าวเทียนอย่างเฉยเมยราวกับว่าใน ช่วงเวลาสั้นๆนี้อารมณ์ของเขาได้สงบลงแล้ว
ราชาสิงโตอาจดูเหมือนจะโมโหง่ายและมีอารมณ์รุนแรง แต่ใน ความเป็นจริง เขาไม่ได้โง่เขลาหรือเอาแต่ใจจนเกินไป สติปัญญาของ เขาย่อมต้องชาญฉลาดอยู่พอสมควร หาไม่แล้ว เขาจะจัดเตรียมสิ่ง ต่างๆไว้ให้ลูกชายสําเร็จได้อย่างไร ชักนําให้เด็กหนุ่มลงเอยด้วยการเป็น ศิษย์สายตรงของซู่อ้าวเทียนและสืบทอดตําแหน่งองค์เหนือหัวแห่ง ภูเขาหิมะสวรรค์ได้อย่างไร
สําหรับหลงซื่อหยา การที่เขามาภูเขาหิมะสวรรค์เพื่อก่อปัญหาใน ช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้า… ไม่ต้อง สงสัยเลยว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเผ่าราชสีห์ของเขาแน่ ดังนั้น เหตุผลที่กู่ซื่อเต๋อแสดงความเป็นศัตรูต่อหลงซื่อหยาอย่างรุนแรงก็เป็น
วิธีแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นให้ซู่อ้าวเทียนรับรู้ และเพื่อพยายามชัก จูงอีกฝ่าย
“สําหรับพี่หลง ที่ท่านมาที่นี่ในครั้งนี้ ข้าเดาว่าคงไม่ใช่เพราะ ต้องการมาร่วมงานแต่งหรอกใช่ไหม?” ซู่อ้าวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม จางๆ หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอกก็คงไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นผู้ที่ แข็งแกร่งที่สุดในโลก โจวเหว่ยชิงสังเกตเห็นพ่อตาในอนาคตของเขา ทันที จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตนเองไม่สามารถสัมผัสการ สั่นสะเทือนของพลังปราณสวรรค์รอบๆร่างซู่อ้าวเทียนได้แม้แต่น้อย กระนั้น คนผู้นี้ก็มีกลิ่นอายแปลกประหลาดและเป็นเอกลักษณ์ ราวกับ ว่าเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งรอบตัวได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
หลงซื่อหยากล่าวอย่างเย็นชา “แน่นอน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อ ร่วมงานแต่งงานที่เจ้าพูดถึง เฒ่าปีศาจซู่ คราวนี้ข้ามาเพื่อทวงหนี้จาก เจ้า”
ซู่อ้าวเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทวงหนี้? ข้าติดค้างอะไรพี่หลงรึ เหตุใดข้าจึงจําไม่ได้เลย?”
ร่างอุ้ยอ้ายของหลงซื่อหยาค่อยๆลุกขึ้นยืน ทันใดนั้น แรงกดดันอัน ทรงพลังก็แผ่ออกมาร่างจากเขา ทว่าเป้าหมายไม่ใช่ซู่อ้าวเทียน แต่เป็น องค์ชายสิงโตกู่อิ่งปิงที่อยู่ตรงข้าม
ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่กล้ารอช้าแม้แต่วินาที เดียว เขาหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์เพื่อปกป้องลูกชายในขณะที่จ้อง มองหลงซื่อหยาด้วยความโกรธจัด “อ้วนหลง ตอนนี้เจ้าอยู่ในปราสาท หิมะสวรรค์ แต่ยังกล้าทําตัวน่ารังเกียจขนาดนี้เชียวรึ?” คําพูดของเขา เรียบง่าย แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยมุ่งหวังจะหว่านเมล็ดพันธุ์ ความไม่ลงรอยระหว่างหลงซื่อหยากับซู่อ้าวเทียน และยุยงให้พวกเขา ทะเลาะกันหากเป็นไปได้
สีหน้าของซู่อ้าวเทียนก็ขุ่นมัวเช่นกัน “พี่หลง ข้าถือว่าท่านมาเป็น แขก และนี่ก็กําลังจะเป็นวันแต่งงานของลูกสาวข้า…ข้าไม่ต้องการจะ ปะทะกับท่านในโอกาสนี้ โปรดบอกธุระของท่านมาให้ชัดเจน อิ่งปิงผู้นี้ เป็นลูกเขยของข้า”
“ลูกเขย?” ทันใดนั้นหลงซื่อหยาก็หัวเราะออกมาเสียงดังโดยไม่มี สัญญาณใดๆล่วงหน้า “ตอนนี้ยากที่จะบอกว่าใครเป็นลูกเขยของเจ้า แล้ว เฒ่าปีศาจซู่ เจ้ารู้จักนิสัยของข้าเป็นอย่างดี ข้าหลงซื่อหยา ตลอด ชีวิตของข้า ข้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด ไล่ตามจุดสุด ยอดของการฝึกปราณและกฏแห่งสวรรค์ ไม่มีญาติมิตรที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่คนเดียว เจ้าเคยเห็นข้าพาใครมาด้วยหรือไม่เล่า?”
ซู่อ้าวเทียนชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลงซื่อห ยาจะเปลี่ยนเรื่องได้เร็วขนาดนี้ เขาเอ่ยโดยไม่รู้ตัวว่า “ไม่…”
“ … พี่หลงอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ไปมาอย่างอิสระตามที่ท่าน ต้องการ ถึงกระนั้น…เวลานี้…” ทันใดนั้น ความสนใจของเขาก็ถูกจุด ประกายขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหันไปพบโจวเหว่ยชิง
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับซู่อ้าวอิงน้องชายของเขา ประสาทสัมผัส ของซู่อ้าวเทียนย่อมเหนือกว่ามาก เพียงแค่เหลือบมองโจวเหว่ยชิง แวว ประหลาดใจก็กระพริบวาบในดวงตาของเขา แม้จะไม่สามารถระบุได้ อย่างชัดเจนว่าทักษะธาตุของโจวเหว่ยชิงคืออะไร แต่เขาก็รับรู้ได้ทันที ว่ามณีธาตุของเขามีทักษะธาตุที่แตกต่างกัน 6 ชนิด
หลงซื่อหยากล่าวว่า “ไม่นานมานี้ ในที่สุดข้าก็รับศิษย์มาคนหนึ่ง ศิษย์ของข้าคนนี้…เขาก็เหมือนกับข้า มณีธาตุของเขามี 6 ธาตุ ในที่สุด ศาสตร์การควบคุมทักษะขั้นสูงสุดทั้ง 6 ที่ข้าสร้างขึ้นก็จะถูกส่งต่อไปยัง รุ่นต่อไปได้ ในที่สุดข้าก็มีผู้สืบทอดเป็นของตัวเองเช่นกัน … ข้าดีใจมาก เหมือนได้พบกับสมบัติล�าค่า ข้าเชื่อว่าเจ้า เฒ่าปีศาจซู่ย่อมสามารถ เข้าใจความรู้สึกของข้าได้”
เมื่อได้ยินคําพูดของหลงซื่อหยา สมองของซู่อ้าวเทียนก็เหมือนมี แสงวาบผ่าน แต่ในขณะเดียวกัน ลางสังหรณ์บางอย่างก็กําลังปะทุ ขึ้นมา เขาคุ้นเคยกับหลงซื่อหยามากเกินไป ด้วยนิสัยของเขา มันจึง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่หลงซื่อหยาจะหาลูกศิษย์พบ แต่ตอนนี้เขา กลับได้เจอเข้าจริงๆ ซู่อ้าวเทียนย่อมจินตนาการได้ว่าเขาจะรักถนอมผู้
เป็นลูกศิษย์แค่ไหน นอกจากนี้ เขายังคาดเดาได้อย่างเลือนลางแล้วว่า ใครเป็นลูกศิษย์ของหลงซื่อหยา…และเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ ชําระหนี้หนนี้
หลงซื่อหยากล่าวอย่างเย็นชา “ชายชราผู้นี้มีชีวิตมากว่าร้อยปี แล้ว และในที่สุด ข้าก็มีญาติ.. ผู้สืบเชื้อสาย กระนั้น…เขาก็เกือบถูก ศิษย์คนนี้ฆ่าตาย แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่แขนขาทั้งสี่ก็หักทั้งหมด เฒ่าปีศาจซู่ ถ้าเจ้าไม่ชดใช้จนข้าพึงพอใจ ชายชราคนนี้ก็จะประกาศสงครามกับภูเขาหิมะสวรรค์ของเจ้า และ แม้แต่อาณาจักรวั่นโซ่ว ตลอดชีวิตที่เหลือของข้า ข้าจะทําให้ทุกคนไม่ รู้จักความสงบสุขอีกต่อไป”
…………………………………..