Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 174 บททดสอบคัดเลือกลูกเขย (3)
โจวเหว่ยชิงยังคงนั่งอยู่ที่นั่นเพื่อฝึกปราณ ระยะเวลาไม่ได้ส่งผล กระทบต่อเขานัก ในขณะที่เด็กหนุ่มหมกมุ่นอยู่กับการฝึกปราณอย่าง เต็มที่ และเวลาก็ดูเหมือนจะเลื่อนไหลผ่านไปไม่นานเท่าใด ในทาง กลับกัน ความคิดของกู่อิ่งปิงกลับไม่มั่นคงเล็กน้อย แม้ว่าระดับพลัง ปราณของเขาจะสูงมาก แต่ในใจของเราก็มีความรู้สึกที่รุนแรง บางอย่างเกี่ยวกับโจวเหว่ยชิง โดยธรรมชาติแล้วนั่นเป็นเพราะเทียน เอ๋อร์ คนที่เธอรักอย่างแท้จริงคือมนุษย์คนนี้ ไม่ใช่ตัวเขา เมื่อใดก็ตามที่ เขาคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของกู่อิ่งปิงจึงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธ เกรี้ยว เขารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะฉีกโจวเหว่ยชิงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อย่างแท้จริง เพราะมีเพียงทําเช่นนั้นจึงจะพอบรรเทาความโกรธที่ เกิดขึ้นในใจของเขาได้
เวลานี้กู่อิ่งปิงคิดเพียงอย่างเดียวคือต้องเอาชนะโจวเหว่ยชิงให้เร็ว ที่สุด เพื่อขับไล่เขาออกไปและจัดงานแต่งงานกับเทียนเอ๋อร์ให้เร็วที่สุด เมื่อใดที่เรื่องทั้งหมดนี้จบสิ้นลง เขาก็จะสามารถครอบครองเทียนเอ๋อร์ ได้เสียที การแต่งงานกับนางและทําความสนิทสนมกับนางถือเป็นเรื่อง สําคัญกว่า และเขาก็จะสามารถบ่มเพาะความรักขึ้นได้อย่างช้าๆเมื่อ เวลาผ่านไป
เมื่อมองไปที่โจวเหว่ยชิง เขาก็รู้สึกราวกับว่าฝ่ายนั้นดูขัดหูขัดตา มากขึ้นเรื่อยๆ กู่อิ่งปิงได้แต่หวังว่าการรอคอยอันแสนทรมานนี้จะ สิ้นสุดลงเสียที
หลังจากรอนานกว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุดซู่อ้าวเทียนก็ปรากฏตัวอีก ครั้งในห้องโถงใหญ่ หลังจากกลับมา สีหน้ามืดครึ้มก่อนหน้านี้ของเขาก็ หายไปและกลับมามีใบหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายตามปกติอีกครั้ง ราวกับว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจริงๆเสียอย่างนั้น
“ราชาสิงโต พี่หลง ข้าได้เตรียมอสูรสวรรค์ทั้งหมดสําหรับการ แข่งขันครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว มาเริ่มกันเถอะ” หลังพูดจบ เขาก็มุ่งหน้า กลับไปที่ประตูอีกครั้ง
หลงซื่อหยาปลุกโจวเหว่ยชิงขึ้นมาอย่างรวดเร็วในขณะที่ราชา สิงโตกู่ซื่อเต๋อพาลูกชายของตนตามออกไป ส่วนราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิง เป็นคนแรกที่เดินตามหลังพี่ชายของเขาในขณะที่ทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปยัง ส่วนลึกของปราสาทหิมะสวรรค์
ซู่อ้าวเทียนเดินนําหน้าคนทั้งกลุ่ม แต่เขากลับเคลื่อนที่อย่างช้าๆ หากมองจากด้านหลัง ไม่มีใครสามารถสังเกตใบหน้าหรือการแสดงออก ของเขาได้ แต่ในขณะที่ชายหนุ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วคงที่อยู่เบื้อง หน้า ยอดฝีมือระดับต้นๆของโลกกลุ่มนี้ก็รู้สึกราวกับว่าซู่อ้าวเทียนเป็น บุรุษผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
ขณะมองไปที่ซู่อ้าวเทียนจากด้านหลัง ใบหน้าของหลงซื่อหยาก็ เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ว่าในชีวิตนี้ เขาจะไม่มีทางก้าวผ่านขุนเขาสูง ตระหง่านอย่างซู่อ้าวเทียนได้อย่างแท้จริง ความหวังทั้งหมดของหลง ซื่อหยาจึงตกอยู่กับลูกศิษย์แสนล�าค่าของเขาเท่านั้น ไม่ว่ามหาราชา สวรรค์จะทรงพลังเพียงใด ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงถูกจํากัดอยู่ในระดับมหา ราชาสวรรค์เท่านั้น
…
คนทั้งกลุ่มเดินเกือบ 15 นาที วกวนไปมาทั่วทั้งปราสาท ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงห้องที่มีขนาดใหญ่ในที่สุด ภายในห้องมีบันไดทอดลึกลง ไป และซู่อ้าวเทียนก็ยังคงเป็นผู้เดินนําทั้งกลุ่มเดินลงไปข้างล่าง หลังจากลงบันไดวนเกือบ 300 หลา สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงห้องใต้ดินที่ ดูแปลกประหลาดแห่งหนึ่ง
ห้องใต้ดินนี้ไม่มีร่องรอยว่ามนุษย์สร้างขึ้น ราวกับว่าเป็นถ�าที่ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เต็มไปด้วยผลึกน�าแข็งเรืองแสงเกาะกลุ่มกัน อยู่รอบๆ เช่นเดียวกับแก่นพลังสวรรค์สีขาวราวกับหิมะที่เรียงรายกัน อยู่บนเพดาน ทําให้เกิดแสงส่องสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ แผ่ความรู้สึกที่ทั้ง แปลกประหลาด น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ขนลุกไปในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ ทั้งกลุ่มเดินเข้ามาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้เข้าสู่โลกเหนือจินตนาการ แห่งหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหิมะสวรรค์ และ
เป็นส่วนที่อยู่ลึกลงไป ณ ใจกลางปราสาท นอกจากนี้ มันยังเป็นพื้นที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภูเขาหิมะสวรรค์ โดยปกติหากไม่มี ปัญหาร้ายแรงหรือสถานการณ์ผิดปกติก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามา ในสถานที่แห่งนี้ นับประสาอะไรกับคนนอกอย่างหลงซื่อหยาและโจว เหว่ยชิง แม้แต่ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อก็ไม่เคยได้เข้ามาในพื้นที่นี้มาก่อน
ในทางกลับกัน กู่อิ่งปิงค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เพราะมัน เป็นสถานที่ที่ภูเขาหิมะสวรรค์ใช้เก็บรักษาและเลี้ยงดูอสูรสวรรค์
ภูเขาหิมะสวรรค์แตกต่างจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นๆมาก สําหรับมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เมื่อจับอสูรสวรรค์ได้ พวกเขาจะปิด ผนึกและกักขังพวกมันเพื่อให้จ้าวมณีใช้กักเก็บทักษะ แน่นอนว่าภูเขา หิมะบนสวรรค์นั้นแตกต่างออกไปมาก หากจะนับอีกนัยหนึ่ง พยัคฆ์ วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ก็ เป็นอสูรสวรรค์เช่นกัน อสูรสวรรค์ชั้นสูงที่อยู่ในอันดับเดียวกับมังกร ด้วยเหตุนี้ การปรากฏตัวของพวกเขาจึงเป็นการกดข่มและสร้างความ หวาดกลัวให้กับอสูรสวรรค์อยู่แล้ว โดยปกติการได้อยู่บนภูเขาหิมะ สวรรค์ก็ถือเป็นความภาคภูมิอย่างหนึ่งและเป็นเกียรติสูงสุดสําหรับอสูร สวรรค์ทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้จึงสามารถอธิบายได้เพียงว่าอสูรสวรรค์ เหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูหรือกําลังบ่มเพาะปราณสวรรค์อยู่เท่านั้น ไม่ได้ ถูกจับหรือกักขังแต่อย่างใด
แน่นอนว่าเพื่อให้สามารถอยู่ในภูเขาหิมะสวรรค์ได้ อสูรสวรรค์ เหล่านี้ส่วนใหญ่มีธาตุน�าแข็งเนื่องจากพวกมันจะต้องสามารถอยู่รอด ในสภาพอากาศที่ปกคลุมด้วยน�าแข็งอันทารุณของยอดเขาแห่งนี้ให้ได้ ด้วย
ไม่ควรมีใครคิดว่าพื้นที่ส่วนลึกของภูเขาหิมะบนสวรรค์จะอบอุ่น ไปกว่าพื้นที่ด้านนอก ในทางตรงกันข้าม ยิ่งลึกกลับยิ่งหนาวเสียด กระดูก
มีเพียงทายาทสายเลือดหลักของภูเขาหิมะสวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่า ลึกลงไปในใจกลางของภูเขามีแผ่นหยกน�าแข็งขนาดใหญ่อย่างไม่อาจ จินตนาการได้ตั้งอยู่ หยกน�าแข็งนี้ไม่สามารถนําออกมาได้ แม้แต่ระดับ เทพเจ้าสวรรค์ก็ไม่สามารถทําได้ นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทําไมภูเขา หิมะสวรรค์จึงมีอุณหภูมิต�าแม้จะอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่น ของสวรรค์หมื่นอสูร
หนึ่งในเหตุผลหลักที่พยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มักจะอยู่ เหนือราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ก็สืบเนื่องมาจากสิ่งนี้เช่นกัน ทักษะธาตุของพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์คือทักษะธาตุวิญญาณ ทักษะธาตุเทวา และทักษะธาตุน�า ในขณะที่ราชสีห์วิญญาณสวรรค์ ปฐพีศักดิ์สิทธิ์มีทักษะธาตุวิญญาณ ทักษะธาตุเทวา และทักษะธาตุไฟ
โดยปกติแล้วพลังระหว่างธาตุน�าและไฟมักจะไม่มีความแตกต่างกัน แต่ ในภูเขาหิมะสวรรค์…ความแตกต่างนั้นถือว่าชัดเจนอย่างยิ่ง
แผ่นหยกน�าแข็งขนาดมหึมานี้ช่วยเพิ่มพลังให้แก่ทักษะธาตุ น�าแข็งและธาตุน�าอย่างมหาศาล นี่เป็นเหตุผลใหญ่ที่ทําให้ซู่อ้าวเทียน สามารถทะลุไปถึงระดับเทพเจ้าได้ พรสวรรค์ของเขาโดดเด่นอย่างไม่ ต้องสงสัย แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่าเขาจะไปถึงขั้นนั้นได้จริงๆ ทว่า ด้วยความช่วยเหลือของแผ่นหยกน�าแข็งขนาดมหึมานี้ความเร็วในการ ฝึกปราณของเขาจึงมากพอที่จะไปถึงระดับราชาสวรรค์ก่อนอายุ 30 ปี ทําให้เขาสามารถไต่ระดับขึ้นไปทีละขั้นและก้าวไปสู่ระดับเทพเจ้า สวรรค์ได้ในที่สุด
…
อุณหภูมิโดยรอบยังคงลดลงในขณะที่คนทั้งกลุ่มกําลังเดินทาง นอกจากซู่อ้าวเทียนแล้ว สมาชิกที่เหลือทั้งหมดก็พบว่ามีหมอกบางๆ กําลังก่อตัวขึ้นรอบร่างของพวกเขา
ซู่อ้าวเทียนยังคงเดินไปตามทางที่เย็นยะเยือก ฝีเท้าเชื่องช้าของ เขาดูสบายๆ เหมือนมนุษย์ทั่วไป สําหรับราชาสิงโตและองค์ชายสิงโต หมอกรอบตัวพวกเขาเปล่งประกายด้วยสีแดงจางๆ ในขณะที่รอบๆร่าง หลงซื่อหยาเป็นแสง 6 สี และถึงอย่างไรหลงซื่อหยาก็มีทักษะธาตุน�า เช่นกัน สภาพแวดล้อมนี้จึงไม่มีผลกับเขาไปด้วย ความจริงเมื่อคนๆ
หนึ่งมาถึงระดับมหาราชาสวรรค์ มันก็เป็นเรื่องยากที่สภาพแวดล้อม ภายนอกจะส่งผลกระทบต่อพวกเขาแล้ว
สําหรับโจวเหว่ยชิง หมอกที่ลอยอยู่รอบตัวเขาดูแปลกประหลาด มากเนื่องจากมันเป็นสีเทา นั่นจึงทําให้คนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจไปด้วย ในความเป็นจริง เขาดูเหมือนจะสบายๆ อยู่ในสภาพผ่อนคลายมากกว่า กู่อิ่งปิงเสียอีก
แม้โจวเหว่ยชิงจะไม่มีทักษะธาตุไฟหรือทักษะธาตุน�า แต่ก็ไม่ควร ลืมว่าสายเลือดของเขาประกอบด้วยอะไรบ้าง วิญญาณมังกรกลาย สภาพทําให้เขามีภูมิคุ้มกันต่อไฟ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทําให้เขา ต้านทานความหนาวเย็นได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าอุณหภูมิใน ปัจจุบันจะต�าอย่างน่าหวาดกลัว แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย ความจริง เด็กหนุ่มเองก็รู้สึกงงงวยเกี่ยวกับหมอกสีเทารอบกายเช่นกัน น่าแปลกที่โจวเหว่ยชิงรับรู้ถึงกลิ่นอายความชั่วร้ายในสถานที่หนาวเย็น ลึกลงไปใต้ดินแห่งนี้ มันกําลังดึงดูดทักษะธาตุปีศาจของเขา ทําให้พวก มันหลั่งไหลออกมาจากร่างและหมุนวนอยู่รอบๆตัว ในสถานการณ์ เช่นนี้ ระดับพลังปราณของเขาราวกับถูกยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยสําหรับทักษะธาตุปีศาจ ระดับพลังของมันก็เพิ่มขึ้นอย่าง น้อย 3 ใน 10 ส่วน
สําหรับราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิง เขามีหมอกสีฟ้าโอบล้อมอยู่รอบร่าง แม้ว่าเขาจะเดินนําอยู่ด้านหน้าๆของกลุ่ม แต่ประสาทสัมผัสของเขาก็ แผ่ขยายออกไปคอยจับตาดูโจวเหว่ยชิงอย่างต่อเนื่อง ซู่อ้าวอิงเป็นผู้ เฝ้าดูเทียนเอ๋อร์เติบโตขึ้นมา และเขาก็รู้จักหลานสาวของตนเป็นอย่าง ดีเช่นกัน การที่โจวเหว่ยชิงสามารถดึงดูดสายตาของหลานสาวที่แสน เย่อยิ่งของเขาได้ เด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นคนธรรมดาไปได้อย่างไร? อย่างน้อยสภาพการเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวโจวเหว่ยชิงในตอนนี้ก็ทําให้ เขารู้สึกแปลกใจ หรืออาจจะพูดได้ว่าตกใจด้วยซ�า และซู่อ้าวอิงก็เริ่ม สงสัยว่าก่อนหน้านี้ตัวเองตัดสินใจเกี่ยวกับการแข่งขันครั้งนี้ถูกต้องแล้ว หรือไม่
ภายใต้การนําของซู่อ้าวเทียน ในที่สุดทั้งกลุ่มก็มาถึงพื้นที่โล่งกว้าง เกือบ 1,000 ตารางเมตรและมีความสูงมากกว่า 30 เมตร นี่อาจเป็น พื้นที่เปิดโล่งที่ใหญ่ที่สุดในถ�าน�าแข็งแห่งนี้แล้วก็เป็นได้ ที่บริเวณ ด้านข้างของโถงถ�าแห่งนี้มีโพรงมืดซึ่งเป็นทางเข้าสู่ถ�าสีดําอีกแห่งหนึ่ง มันดูเหมือนทอดลึกเข้าไปด้านในและเงียบสนิท แต่พวกเขาทั้งหมด สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายอันทรงพลังมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นได้ บ้างเย็นยะเยือก บ้างดุร้าย บ้างบ้าคลั่ง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ต้องเป็น อสูรสวรรค์ที่ซู่อ้าวเทียนอ้างถึงแน่นอน
ซู่อ้าวเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “การแข่งขันครั้งแรกจะเริ่มในไม่ ช้า เพื่อความยุติธรรม นอกจากอสูรสวรรค์ตนสุดท้ายแล้ว ข้าได้เตรียม
อสูรสวรรค์ทั้ง 9 ชนิดแรกไว้จํานวนหนึ่งคู่ โดยแต่ละตัวสําหรับผู้เข้า แข่งขัน 1 คน หากเจ้าปราบพวกมันแต่ละตัวได้สําเร็จ เจ้าก็สามารถ เดินหน้าไปต่อไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะพ่ายแพ้”
หลงซื่อหยากล่าวว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทั้งคู่เอาชนะอสูรสวรรค์ ทั้ง 10 ตัวที่เจ้าเลือกได้สําเร็จเหมือนกัน?”
ซู่อ้าวเทียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะ อสูรสวรรค์ตนสุดท้าย…คือคู่ของข้าเอง”
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา หลงซื่อหยาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “เจ้าหมายถึง…”
ซู่อ้าวเทียนพยักให้เขาและกล่าวว่า “แน่นอน ไม่เช่นนั้นข้าจะ ทดสอบขีด จํากัดที่แท้จริงของเด็กทั้งสองคนได้อย่างไร? หากพวกเขา สามารถเอาชนะอสูรสวรรค์ 9 ตัวแรกได้สําเร็จ การตัดสินครั้งสุดท้ายก็ จะมีคู่ของข้าเป็นผู้เลือก ข้าแน่ใจว่ามันจะให้คําตัดสินที่ยุติธรรม ด้วย ศักดิ์ศรีของมัน มันจะไม่มีวันโกหกแน่นอน พี่หลง ท่านคิดว่าอย่างไร เล่า?”
คราวนี้หลงซื่อหยาไม่ลังเลที่จะพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ข้า ตกลง” ใครๆก็สามารถจินตนาการได้ว่าอสูรสวรรค์จะถูกรับรองโดยหก สุดยอดมหาราชาสวรรค์หลงซื่อหยา กระทั่งแสดงความเคารพและ
หวาดกลัวอยู่เล็กน้อย จะยิ่งใหญ่เพียงใด พลังที่แม้แต่หลงซื่อหยาก็ไม่ สงสัยในการตัดสินของมัน
แน่นอนว่ากู่ซื่อเต๋อย่อมไม่คัดค้านเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่ซู่อ้าวเทียน จะถาม เขาก็ชิงพยักหน้าเห็นด้วยไปก่อนแล้ว
ซู่อ้าวเทียนยิ้มน้อยๆและพูดว่า “หากเป็นเช่นนั้นก็มาเริ่มกันเถอะ เจ้าทั้งคู่ยืนอยู่ห่างกัน 30 เมตร”
โจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงก้าวออกไปข้างหน้าทันที สายตาของพวก เขาสบกันชั่วขณะ ทันใดนั้นก็ราวกับว่ามีกระแสไฟแล่นเปรี๊ยะๆอยู่ กลางอากาศจากแรงกดดันของทั้งคู่
แม้ว่ากู่อิ่งปิงจะมีธาตุไฟและได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็น ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิก ของภูเขาหิมะสวรรค์ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นอย่าง ดี นอกจากนี้ อย่างที่โบราณเคยกล่าวไว้ เมื่อได้ผจญบางอย่างจนถึงขีด สุด สุดท้ายเราก็จะได้รับประโยชน์บางอย่างจากมัน ในความเป็นจริง หลังจากเขาต้องฝึกปราณธาตุไฟในสภาพแวดล้อมที่ปกคลุมด้วยน�าชั้น แข็งหนาแน่นเช่นนี้ มันก็ย่อมให้ประโยชน์อยู่บ้างเช่นกัน
ในขณะนี้ดวงตาของกู่อิ่งปิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ชัดเจน ราวกับว่าเขาต้องการที่จะกลืนกินโจวเหว่ยชิงเข้าไปข้างใน ทว่าในทาง
กลับกัน โจวเหว่ยชิงกลับดูสงบและเยือกเย็นมาก ความสงบนั้นทําให้กู่อิ่ งปิงยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น สําหรับเขา โจวเหว่ยชิงกําลังวาดฝันว่าจะ สามารถเอาชนะเขาได้งั้นรึ!
ทันใดนั้นซู่อ้าวเทียนก็ปรบมือ
จากนั้นร่างขนาดมหึมา 2 ร่างก็ค่อยๆเดินออกมาจากถ�าด้านข้าง เมื่ออสูรสวรรค์ทั้งสองปรากฏตัว การแสดงออกของทั้งราชาสิงโตและ ราชาพยัคฆ์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าซู่อ้าวเทียนย่อมไม่เลือกอสูร สวรรค์ที่อ่อนแอมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวแรกจะมีพลังมาก ขนาดนี้แล้ว ถึงอย่างไรทั้งกู่อิ่งปิงและโจวเหว่ยชิงก็ยังไปไม่ถึงระดับ ราชาสวรรค์ และการทดสอบดังกล่าวก็ดูยากเกินไปสําหรับพวกเขา!
…………………………………………….