Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 175 บททดสอบที่ 1 พลัง (2)
ซู่อ้าวเทียนโบกมือ ทันใดนั้นอสูรสวรรค์ทั้งสองก็กลับเข้าไปในถ�าที่ พวกมันจากมาด้วยสภาพหางลู่ตก
ซู่อ้าวเทียนยังคงนิ่งเฉย ไม่ให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับการแสดงของ คนทั้งคู่ “ตัวที่ 2 จงเตรียมตัวให้พร้อม”
ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ ลงมืออย่างไร แต่ ณ ส่วนลึกของถ�ามืดมิด อสูรสวรรค์ 2 ตัวถัดไปก็พลัน ปรากฏตัวขึ้นมา ทว่าเมื่อเทียบกับร่างใหญ่โตของตัวนิ่มก่อนหน้านี้ ผู้มา ใหม่มีขนาดเล็กและคล่องตัวกว่ามาก โจวเหว่ยชิงคุ้นเคยกับพวกมัน เป็นอย่างดี นี่ก็คือจักรพรรดิสีเงินคู่หนึ่งนั่นเอง
ร่างเล็ก 2 ร่างกระพริบวูบไหวอยู่กลางอากาศ บินวนรอบศีรษะ ของโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงตามลําดับ
จักรพรรดิสีเงินคู่นี้ยังเด็ก พลังปราณของพวกมันก็อยู่ในระดับเท วะขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับถั่วแดงน้อย สัตว์เลี้ยงตัวเก่าของโจวเหว่ยชิง
เมื่อนึกถึงถั่วแดงน้อย หัวใจของโจวเหว่ยชิงก็พลันกระตุกวูบ ก่อน หน้านี้ถั่วแดงน้อยถูกฆ่าตายในขณะที่ปกป้องเขาจากกู่อิ่งปิง และจนถึง
ตอนนี้ เขาก็ยังจําฉากนั้นได้อย่างชัดเจน รวมถึงความเจ็บปวดที่เกิด ขึ้นกับเขาด้วย เมื่อมองไปยังจักรพรรดิสีเงินทั้ง 2 ตัวที่บินวนรอบตัว พวกเขา ในที่สุดความสงบนิ่งของโจวเหว่ยชิงก็พลันแตกสลาย และเขา ก็จับจ้องไปที่กู่อิ่งปิงทันที
ราวกับสัมผัสได้ถึงสายตาของโจวเหว่ยชิง กู่อิ่งปิงก็มองกลับไปที่ เขาด้วยเช่นกัน ดวงตาขององค์ชายสิงโตสว่างวาบด้วยความรังเกียจ และจิตสังหารที่ไม่คิดจะซ่อนเร้น หลังแค่นเสียงในลําคอ แสงสีแดงทอง ก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้งและพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
หากเปรียบกลิ่นอายของราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์เช่น กู่อิ่งปิงเป็นการปรากฏตัวของมหาสมุทรแล้วล่ะก็ จักรพรรดิสีเงินก็คง จะเป็นเรือลําเล็กๆที่ลอยเทิ้งอยู่กลางมหาสมุทรนั้น ถูกพายุพัดโหม กระหน�า ต้องดิ้นรนทําทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของ กลิ่นอายอันทรงพลังที่ว่า
แม้ตัวนิ่มยักษ์และจักรพรรดิสีเงินล้วนเป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะ ขั้นสูงสุด แต่เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิสีเงินที่มีศักยภาพในการไต่ไปถึง ระดับราชาสวรรค์นั้นแข็งแกร่งและต้านทานแรงกดดันได้ดีกว่าอสูร สวรรค์คู่แรก นอกจากนี้ มันยังคล่องตัวและมีความเร็วที่น่าประทับใจ ถ้าไม่ใช่เพราะพันธนาการของซู่อ้าวเทียน มันก็คงจะดิ้นรนให้หลุดจาก การครอบงําของกู่อิ่งปิงและบินหนีไปอย่างรวดเร็วแล้ว แน่นอนว่าถ้า
อสูรสวรรค์เหล่านี้สามารถโจมตีกลับได้ การข่มขู่และครอบงําพวกมัน ด้วยกลิ่นอายย่อมยากเย็นกว่าเดิมมาก
ในอีกด้านหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็ลงมือเช่นกัน เนื่องจากรอบแรกเขา คว้าชัย ‘ชนะ’ มาได้อย่างแปลกประหลาด ตอนนี้บรรดายอดฝีมือ ทั้งหลายจึงต่างจับตาดูเขาเป็นจุดเดียว
หมอกสีเทาหมุนวนออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง เป็น กลิ่นอายปีศาจที่แสนบริสุทธิ์และหนาทึบ ช่วงเวลาต่อมา โจวเหว่ยชิง เพียงแค่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่จักรพรรดิสีเงินที่กําลังบินวนอยู่รอบ ร่างของเขา เขาออกคําสั่งคําเดียวว่า “ลงมา”
ปาฏิหาริย์พลันเกิดขึ้นเป็นลําดับถัดไป
ทันใดนั้น จักรพรรดิสีเงินที่บินวนไปรอบๆอย่างอิสระก็หยุดชะงัก อย่างกะทันหัน ปีกของมันลู่ลงราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นยึดจับเอาไว้ เป็นพลังที่มันไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดพ้นได้ หลังจากที่ร่อนลงมาถึง มันก็แตะเท้าลงบนมือขวาที่ยื่นออกมาของโจวเหว่ยชิงก่อนจะก้มศีรษะ อันแสนเย่อหยิ่งให้อย่างนอบน้อม
ในเวลานี้ โจวเหว่ยชิงเร็วกว่ากู่อิ่งปิงเสียอีก!
สายเลือดของราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่ง อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นอสูรสวรรค์ประจําพื้นดิน
ส่วนจักรพรรดิสีเงินเป็นอสูรประจําท้องฟ้า ดังนั้นกู่อิ่งปิงจึงไม่อาจเอื้อม มือไปหาพวกมันได้ง่ายๆ เขาทําได้เพียงใช้กลิ่นอายอันทรงพลังของ ตัวเองกดดันพวกมันต่อไป และเมื่อถึงเวลาที่กู่อิ่งปิงทําสําเร็จ โจวเหว่ย ชิงก็ปล่อยจักรพรรดิสีเงินในมือของเขาบินจากไปแล้ว
แน่นอนว่าเหตุผลที่โจวเหว่ยชิงสามารถจัดการกับจักรพรรดิสีเงิน ได้อย่างง่ายดายนั้น… มีเพียงเขาและหลงซื่อหยาเท่านั้นที่รู้เหตุผล จริงๆแล้วมันง่ายดายมาก สายเลือดมังกรภายในร่างกายของเขานั่นเอง
มังกรคืออะไรน่ะหรือ? หนึ่งในอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด กระทั่ง สูงกว่าราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ ที่สําคัญกว่านั้นคือพวกมัน เป็นเจ้าแห่งเวหา ถืออํานาจปกครองเหนือท้องฟ้า ทันทีที่โจวเหว่ยชิง ปลดปล่อยกลิ่นอายของเขาออกมาพร้อมกับไอปีศาจ มันก็บ่งบอกเป็น นัยถึงสายเลือดมังกรของเขา และจักรพรรดิสีเงินตัวน้อยนี้ก็ไม่สามารถ ต้านทานได้อีกต่อไป
วิญญาณมังกรกลายสภาพอาจไม่ได้นํามาซึ่งทักษะใดๆ แต่ ผลประโยชน์ที่โจวเหว่ยชิงได้รับก็ยังมีมากมาย อํานาจเหนืออสูรที่บิน ได้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในขณะนี้ใบหน้าของราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อมืดครึ้มลงในทันที ตอน แรกการทดสอบที่เขาคิดว่าจะคว้าชัยชนะเต็มร้อยก็กลับกลายเป็นการ ต่อสู้ที่กําเนินมาไกลกว่าที่เขาคาดไว้ ราชาสิงโตอดไม่ได้ที่จะกังวล
เล็กน้อย เนื่องจากศิษย์ของหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์คนนี้ไม่ได้เคี้ยว ง่ายอย่างที่คิด ด้วยระดับมณีเพียง 6 ชุด เขาสามารถกําราบอสูรสวรรค์ ทั้ง 2 ตัวนี้ได้สําเร็จอย่างท่วมท้น ยิ่งไปกว่านั้น รอบที่ 2 นี้ยังเร็วกว่าลูก ชายของเขาด้วยซ�า!
ถัดไปคืออสูรสวรรค์ตัวที่ 3 เป็นระดับเทวะขั้นสูงสุดอีกครั้ง และ คราวนี้กู่อิ่งปิงเป็นฝ่ายนําเนื่องจากมันเป็นอสูรประจําผืนดิน และ ราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ก็แข็งแกร่งในเรื่องนี้ นั่นทําให้มัน ถูกครอบงําอย่างรวดเร็ว สําหรับโจวเหว่ยชิง เขาใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่ง ก่อนที่เสือดาวหิมะจะถูกเขาจัดการลงได้
“เจ้าสองคนหยุดพักสักครู่แถอะ” หลังจากผ่านรอบที่ 3 ซู่อ้าว เทียนก็ไม่ได้เรียกอสูรสวรรค์คู่ที่ 4 ออกมาทันที แต่กลับผายมือให้ทั้ง สองคนหยุดพักผ่อน ถึงอย่างไรบททดสอบ 3 รอบที่ผ่านมาก็ส่งผลต่อ พลังวิญญาณและพลังปราณสวรรค์ รวมถึงความมุ่งมั่นของพวกเขา เป็นอย่างมาก
“ไม่จําเป็นขอรับอาจารย์ ข้ายังไปต่อได้” ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะเอ่ย กู่อิ่งปิงก็พูดออกมาอย่างกระตือรือร้น มองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างดูถูก เหยียดหยาม
เมื่อเห็นว่าศิษย์ของเขาเริ่มขาดความสงบเยือกเย็น ซู่อ้าวเทียนก็ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะรู้เหตุผลว่าทําไมกู่อิ่งปิงถึงแสดงออก
เช่นนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยจากท่าทีหุนหันพลันแล่น และขาดความสง่างามของ กู่อิ่งปิง
โจวเหว่ยชิงเพิกเฉยต่อสีหน้าของกู่อิ่งปิง หันไปหาซู่อ้าวเทียนก่อน จะกล่าวด้วยความเคารพ “ขอบคุณผู้อาวุโส” หลังพูดจบ เด็กหนุ่มก็นั่ง ลงในท่าทําสมาธิและเริ่มฟื้ นฟูพลังอย่างเงียบๆ
เมื่อรู้ว่ายังมีสิ่งยากลําบากรออยู่ข้างหน้า โจวเหว่ยชิงจึงต้องการ รักษาสภาพตนเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าเขาจะมั่นใจเหมือนที่บอกหลงซื่อหยา ก่อนหน้านี้แค่ไหน โจวเหว่ยชิงก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะกู่อิ่ งปิง และเขาก็กําลังแสดงออกเหมือนที่กู่อิ่งปิงทํากับเขา นั่นก็คือ พยายามประเมินคู่ต่อสู้ต�าเกินไป นอกจากนี้ เด็กหนุ่มก็รู้ว่าตนเองไม่มี ทักษะธาตุวิญญาณ และในแง่ของพลังวิญญาณ เขาย่อมเทียบกู่อิ่งปิง ไม่ได้เลย ใน 3 รอบที่ผ่านมา โดยเฉพาะในรอบสุดท้าย โจวเหว่ยชิงได้ เผาผลาญพลังวิญญาณไปอย่างหนักหน่วงเพื่อป้องกันไม่ให้ความ แข็งแกร่งของตัวเองถูกเปิดเผยเร็วเกินไป อย่างน้อยเขาก็สามารถ พึ่งพากลิ่นอายของพยัคฆ์เทพอสูรมืดกําราบเสือดาวหิมะได้สําเร็จ หลังจากการดิ้นรนอยู่พักใหญ่
เมื่อเห็นว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้ตกหลุมพรางการยั่วยุของเขา กู่อิ่งปิงก็ ทําได้เพียงนั่งลงอย่างฮึดฮัดและเริ่มฟื้ นฟูพลังปราณสวรรค์และพลัง วิญญาณของตนเอง
ซู่อ้าวเทียนให้ทั้งสองพัก 10 นาที อย่างไรก็ตาม เมื่ออสูรคู่ต่อไป ออกมา พวกมันก็ไม่ใช่ระดับเทวะอีกต่อไป …
เมื่อราชาหมาป่าหิมะ 2 ตัวปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่ งปิง สีหน้าของคนทั้งคู่ก็แข็งทื่อไปทันที
ราชาหมาป่าหิมะมีความสูงประมาณ 1 เมตรครึ่ง ยาว 4 เมตร รูปร่างของพวกมันไม่ถือว่าใหญ่โต ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนสีเงินและ มีรัศมีสีเงินจางๆที่ข้อเท้า แขนขาของพวกมันทั้งหนาและทรงพลัง กรง เล็บยื่นยาวอย่างเห็นได้ชัดก็ส่งเสียงดัง ‘ครืดคราด’ ขณะที่เดินลากฝีเท้า ไปตามพื้น ไม่มีใครสงสัยว่าอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังเหล่านี้จะสร้างความ หายนะให้กับสนามรบที่พวกมันปรากฏตัวได้มากแค่ไหน
ราชาหมาป่าหิมะ ระดับราชาสวรรค์ขั้นแรก อสูรสวรรค์ที่มีธาตุคู่ ทักษะธาตุมิติที่และทักษะธาตุน�าแข็ง นอกจากนี้ยังสืบทอดสภาวะคลุ้ม คลั่งเป็นความสามารถแต่กําเนิด เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่หายาก พบได้ เฉพาะในสวรรค์หมื่นอสูรเท่านั้น
ราชาหมาป่าหิมะทั้งสองเดินไปที่ด้านหน้าของโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่ งปิงตามลําดับ พวกมันทั้งสงบนิ่งและเชื่องมือภายใต้การควบคุมของซู่ อ้าวเทียนอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาก็ยังเต็มไปด้วยความหยิ่ง ผยอง และกลิ่นอายอันเยือกเย็นของพวกมันก็เหนือกว่าอสูรสวรรค์ 3 ตัวแรกมาก เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ราชาสวรรค์ก็ยังคงเป็นราชาสวรรค์
การแสดงออกของซู่อ้าวเทียนยังคงราบเรียบดังเดิม และเขาก็เอ่ย อย่างใจเย็น “เริ่มได้ เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 10 นาที”
“กรรรร” เสียงขู่ที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของสัตว์ป่าดังออกมาจาก ปากของกู่อิ่งปิง ในขณะเดียวกัน เส้นผมสีแดงทองของเขาก็ตั้งชั้นขึ้น ในทันที เช่นเดียวกับสิงโตตัวผู้ที่กําลังโกรธแค้น แสงสีแดงทองไม่ได้พุ่ง ออกไปเป็นสายเหมือน 3 ครั้งก่อนหน้า แต่กลับตรงเข้าครอบคลุมทั้ง ร่างกายของเขาเหมือนปราการเหล็กในขณะที่ดวงตาของกู่อิ่งปิงเปล่ง ประกายด้วยแสงเรืองรองงดงาม ราวกับว่ามีดาบแสงสีทอง 2 เล่มกําลัง พุ่งออกจากดวงตา มุ่งตรงไปยังราชาหมาป่าหิมะตัวนั้น
โจวเหว่ยชิงอาจจงใจซ่อนเร้นพลังที่แท้จริงของเขาไว้ แต่นั่นก็ ไม่ได้หมายความว่ากู่อิงปิงจะไม่ทําเช่นเดียวกัน แม้ว่าหัวใจของเขาจะ เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อโจวเหว่ยชิง แต่องค์ชายสิงโตก็ยังคงเป็น องค์ชายสิงโตอยู่วันยังค�า กู่อิ่งปิงไม่ใช่คนโง่ และพลังที่แท้จริงของเขาก็ แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย ท้ายที่สุดองค์ชายสิงโตก็ไม่ได้เป็นเพียง สมาชิกเผ่าราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเท่านั้น แต่ เขายังเป็นศิษย์คนแรกของยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกใบนี้ด้วย!
ในอีกด้านหนึ่ง เสียงคํารามที่คล้ายกันดังออกมาจากร่างของโจว เหว่ยชิงอย่างแปลกประหลาดเกือบจะในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเสียงขู่ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของกู่อิ่งปิงแล้ว เสียง
คํารามของโจวเหว่ยชิงกลับมีน�าเสียงกดต�ากว่ามาก กระทั่งแผ่ ความรู้สึกเย็นยะเยือกออกมาด้วยซ�า
ดวงตาของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก�าทันที ลายเสือดําผุด ขึ้นมาบนผิวของเขาอย่างหนาแน่น กล้ามเนื้อขยายปูดโปนอย่างเห็นได้ ชัด และขาขวาก็เริ่มยกขึ้นไปทางด้านหลัง ในขณะที่ฝ่ามืองอเป็นอุ้งเท้า เสือ ลําแสงหนาทึบทั้ง 3 สี ดํา เทา และฟ้าพุ่งออกมาจากภายใน ร่างกายทันที หากจะอธิบายว่ากลิ่นอายของกู่อิ่งปิงนั้นดุร้ายและป่า เถื่อนแล้วล่ะก็ กลิ่นอายของโจวเหว่ยชิงก็คงจะเป็นความหยิ่งยะโส เยือกเย็นอย่างน่าแปลกประหลาด กระทั่งแผ่กลิ่นอายความชั่วร้าย…
เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ระดับราชา ทั้ง 2 คนจึงไม่มีทางเลือก อื่นนอกจากปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา และนี่ก็คือพลังแห่ง สายเลือดของพวกเขา
“สถานะปีศาจกลายร่าง!” ราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อและราชาพยัคฆ์ซู่ อ้าวอิง ทั้งคู่ล้วนร้องอุทานออกมาพร้อมกัน แววตาที่ตกตะลึงของพวก เขาหันไปมองที่หกสุดยอดมหาราชาสวรรค์เป็นตาเดียว ทั้งสองไม่รู้ เรื่องราวเกี่ยวกับโจวเหว่ยชิงเลย และทันทีที่ได้เห็นสถานะปีศาจกลาย ร่าง ทั้งคู่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจและสับสน ถึงอย่างไรสถานะปีศาจกลาย ร่างก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นพลังพิเศษของนิกายปีศาจสวรรค์ แต่ชายหนุ่ม
ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นศิษย์ของหลงซื่อหยาอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้จะ ไม่แปลกได้อย่างไร?
หลงซื่อหยาเหลือบมองพวกเขาด้วยความโกรธและกล่าวว่า “ใคร บอกว่ามีเพียงสมาชิกของนิกายปีศาจสวรรค์เท่านั้นที่สามารถมีสถานะ ปีศาจกลายร่างได้? ดี ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ลูกศิษย์แสนล�าค่าของ ข้าคือปรมาจารย์ปีศาจรุ่นแรก กล่าวคือ… ทักษะธาตุปีศาจของเขาอยู่ ในระดับเดียวกับทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ หึๆ”
เมื่อได้ยินคําพูดของหลงซื่อหยา ใบหน้าของราชาพยัคฆ์ก็เต็มไป ด้วยความตื่นตกใจ โจวเหว่ยชิงไม่เพียงแต่มี 6 ทักษะธาตุเช่นเดียวกับ หลงซื่อหยาเท่านั้น แต่ยังมีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย! เด็กที่มีอายุน้อย กว่า 20 ปีคนนี้ … บางทีพรสวรรค์ของเขาอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าหกสุด ยอดมหาราชาสวรรค์เสียอีก… ที่สําคัญเขายังเด็กมาก! แม้จะเพิ่งมาถึง ระดับ 6 มณี แต่เขาก็ยังมีเวลาอีกกว่า 10 ปีในการพัฒนาตนเอง หากมี หกสุดยอดมหาราชาสวรรค์คอยเป็นอาจารย์อยู่เคียงข้าง ใครจะกล้าพูด ว่าโจวเหว่ยชิงไม่อาจก้าวไปถึงระดับราชาสวรรค์ได้ก่อนอายุ 30 อีก! หากเขาสามารถทําได้… บางที… อาจจะเป็น… ระดับเทพเจ้าสวรรค์ใน อนาคต?!
………………………………………………