Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 176 อสูรสวรรค์ระดับมหาราชา! (1)
สําหรับราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อ ขณะที่เขาเห็นสถานะปีศาจกลายร่าง ของโจวเหว่ยชิง ความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจของเขากลับแตกต่างออกไป สายตาที่ใช้มองโจวเหว่ยชิงก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและมืดครึ้ม เด็กที่มีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างไม่น่าเชื่อเช่นนี้ เขากลับไม่สามารถ นํามาใช้งานเองได้ ถ้าข้าให้เวลาเขามากพอ… นั่นอาจนําไปสู่บางสิ่งที่ คาดไม่ถึง กระทั่งอาจเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสําหรับเผ่าของเขา…
มีเพียงเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ซู่อ้าวเทียนเท่านั้นที่ยังคง ยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบ ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึกราวกับว่าไม่ได้ให้ ความสนใจสิ่งอื่นใด ทว่าหากมีใครตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก็จะพบว่า การสายตาของเขากําลังจดจ่อไปที่โจวเหว่ยชิงเช่นกัน
จากมุมมองของซู่อ้าวเทียน ตอนนี้เขาค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับโจวเหว่ยชิงเป็นอันมาก ชายหนุ่มเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ เด็กคนนี้จากลูกสาวของเขามานับไม่ถ้วน และในปัจจุบันสิ่งที่ซู่อ้าว เทียนกําลังจะทําก็คือจัดการแข่งขันอย่างยุติธรรมอย่างแท้จริง แม้ว่า มองผิวเผินจะดูเหมือนเขาให้ความช่วยเหลือกู่อิ่งปิงก็ตาม
สําหรับเด็กน้อยที่ขโมยหัวใจของลูกสาวเขาคนนี้ ความรู้สึกที่ซู่อ้าว เทียนมีต่ออีกฝ่ายค่อนข้างผสมปนเปกัน แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ เขาเริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวโจวเหว่ยชิงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขารู้ว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ 2 ชนิดคือธาตุปีศาจและ ธาตุกาลเวลา นั่นจึงทําให้เขารู้สึกยิ่งสนใจในตัวเด็กหนุ่มคนนี้มากขึ้นไป อีก
สําหรับทุกคนในเวลานี้ ผู้ที่ประทับใจในกลิ่นอายและตัวตนของ โจวเหว่ยชิงที่สุดย่อมหนีไม่พ้นซู่อ้าวเทียน ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์และ ทักษะธาตุวิญญาณอีก 2 ชนิดของเขาสามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของ ทักษะธาตุปีศาจและทักษะธาตุกาลเวลาจากโจวเหว่ยชิงได้อย่าง ชัดเจนเฉกเช่นเดียวกับลูกสาวของเขาเมื่อหลายปีก่อน ทักษะธาตุ ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 จึงกําลังสั่นพ้องต้องกันและกันอย่างเลือนลาง
ด้านราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงก็รู้สึกถึงความเชื่อมโยงบางอย่างที่ตนมี กับโจวเหว่ยชิงเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผลที่ว่าเลยก็ตาม สําหรับ ราชาสิงโตและองค์ชายสิงโต แม้ว่าทั้งคู่จะมีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์และ ทักษะธาตุวิญญาณเหมือนกัน แต่ในแง่ของความบริสุทธิ์และความ แข็งแกร่ง พวกเขาย่อมเทียบสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้อยู่แล้ว นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขามีความรู้สึกเป็นศัตรู และเกลียดชังโจวเหว่ยชิงอย่างรุนแรงแล้ว ‘ความรู้สึกเชื่อมโยง’
ระหว่างพวกเขากับโจวเหว่ยชิงก็อ่อนกําลังกว่ามาก กระทั่งมีเพียงเบา บางเท่านั้น
บางที เหตุผลใหญ่ที่ว่าทําไมซู่อ้าวเทียนถึงเต็มใจที่จะให้โอกาสแก่ โจวเหว่ยชิงในตอนนี้คงเป็นเพราะทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ชนิดของ เขานั่นเอง
เพราะถึงอย่างไร ซู่อ้าวเทียนก็จะไม่มีวันยอมให้คนไร้ประโยชน์ และไม่มีอนาคตยาวไกลมาเป็นลูกเขยของเขาอยู่แล้ว
ขณะนี้ประสาทสัมผัสทั้งหมดของซู่อ้าวเทียนกําลังเพ่งเล็งไปที่โจว เหว่ยชิง และเกือบจะทันทีที่เด็กหนุ่มปลดปล่อยมันออกมา เขาก็สัมผัส ได้ถึงบางสิ่งที่แตกต่างจากสถานะปีศาจกลายร่าง
ในฐานะเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ ซู่อ้าวเทียนจะไม่เคย ติดต่อกับนิกายปีศาจสวรรค์มาก่อนได้อย่างไร? เขาได้เผชิญหน้ากับ ยอดฝีมือมากมายจากนิกายปีศาจสวรรค์ และรู้ว่าสถานะปีศาจกลาย ร่างนั้นทรงพลังเพียงใด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังระมัดระวังเกี่ยวกับพลัง พิเศษของทักษะธาตุปีศาจและสถานะปีศาจกลายร่าง อย่างไรก็ตาม สถานะปีศาจกลายร่างในปัจจุบันของโจวเหว่ยชิงกลับแตกต่างจากที่ เขาเคยพบเห็นมาก่อน… บางทีอาจอยู่ในระดับที่สูงกว่าผู้นํานิกาย ปีศาจสวรรค์ในปัจจุบันด้วยซ�า!
ระดับเทพเจ้าสวรรค์ นั่นเป็นสถานะที่น่าสะพรึงกลัว สามารถ ควบคุมและมีอํานาจเหนือพลังทั้งหมดภายในพื้นที่ของพวกเขาได้อย่าง เต็มที่ ดังนั้นซู่อ้าวเทียนจึงสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ ภายในร่างกายของโจวเหว่ยชิงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้เกี่ยวกับสถานะปีศาจกลายร่างของโจวเหว่ย ชิงคือการเปลี่ยนแปลงภายในจิตวิญญาณของเขา สําหรับยอดฝีมือจาก นิกายปีศาจสวรรค์ก่อนหน้านี้ที่ซู่อ้าวเทียนเคยพบ แม้แต่ผู้นํานิกาย เมื่อพวกเขาเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง จิตวิญญาณของพวกเขาจะผัน ผวนและไม่มั่นคง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับโจวเหว่ยชิง อันที่ จริงเมื่อเขาเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง แม้ว่ากลิ่นอายและตัวตนของ เขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด แต่จิตวิญญาณของเขาก็ยังคง สงบนิ่งดุจทะเลสาบ นั่นหมายความว่าอย่างไร? นี่ไม่ได้เรียบง่ายเหมือน สถานะปีศาจกลายร่างที่ควบคุมได้ทั่วๆไปอีกต่อไปแล้ว!
สิ่งต่อมาคือพลังที่แท้จริงภายในสายเลือดของโจวเหว่ยชิง สถานะ ปีศาจกลายร่างเดิมเป็นพลังกลายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการหลอม รวมพลังสายเลือดเข้ากับทักษะธาตุปีศาจ โดยทั่วไปแล้ว มันคือสิ่งที่ เกิดเฉพาะหลังจากที่สายเลือดของมนุษย์ผสมกับธาตุปีศาจ และเป็น เพราะพลังที่อยู่ในทักษะธาตุปีศาจนั้นยิ่งใหญ่กว่าสายเลือดของมนุษย์ มากนัก นั่นจึงส่งผลให้จ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจจํานวนมากเข้าสู่สภาวะ คลั่งและสูญเสียการควบคุม ฯลฯ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของโจวเหว่ยชิงนั้นแตกต่างออกไป อย่างชัดเจน พลังสายเลือดที่ผสานเข้ากับทักษะธาตุของเขาไม่ใช่แค่ สายเลือดมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสายเลือดอื่นที่ไม่ได้อ่อนแอ…และ อาจจะแข็งแกร่งกว่า…กว่าสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยซ�า สายเลือดนี้…แม้แต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซู่อ้าวเทียน ผู้ควบคุมอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูเขาหิมะสวรรค์…ก็ไม่เคยพบ เห็นมาก่อน ในความเป็นจริง เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ยินเฉียดหูด้วยซ�า
เมื่อพลังทั้งสองนี้รวมเข้าด้วยกัน มันจึงทําให้สถานะปีศาจกลาย ร่างของโจวเหว่ยชิงแข็งแกร่งกว่าสิ่งที่ซู่อ้าวเทียนเคยพบเห็น กลิ่นอาย ที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยออกมาตอนนี้เหนือกว่าสถานะปีศาจกลายร่าง ทั่วๆไปแล้ว
เทียนเอ๋อร์เคยเล่าเกี่ยวกับวิธีที่โจวเหว่ยชิงใช้สยบอสูรสวรรค์ให้ซู่ อ้าวเทียนฟังก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่ระดับพลังปราณของเขายังต�ามาก โจวเหว่ยชิงกักเก็บทักษะที่ทรงพลังมาได้มากมาย นี่เป็นเหตุผลว่าทําไม ซู่อ้าวเทียนถึงเลือกวิธีสยบอสูรสวรรค์เป็นบททดสอบในการแข่งขัน ครั้งแรกนี้ เพราะในแง่ของระดับพลังปราณ โจวเหว่ยชิงอยู่ห่างชั้นกับกู่ อิ่งปิงมากเกินไป และอายุของพวกเขาก็แตกต่างกันมาก เพื่อให้การ แข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม เขาจึงไม่ต้องการให้มีการปะทะกัน ระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองโดยตรง
ในขณะที่ซู่อ้าวเทียนกําลังสัมผัสการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดภายใน สถานะปีศาจกลายร่างของโจวเหว่ยชิง ใบหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉย และไร้การแสดงออก เฉกเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขากลับเต็ม ไปด้วยความตกตะลึง โจว เหว่ยชิงคนนี้มีสายเลือดแบบไหนกันแน่? มัน จะทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ความแตกตื่นของซู่อ้าวเทียนก็ยิ่ง เพิ่มขึ้น มากจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพายุและคลื่นลมที่พัดโหม กระหน�า นั่นเป็นเพราะเขาค้นพบว่าสายเลือดของโจวเหว่ยชิงก็เป็น พยัคฆ์เช่นกัน ที่สําคัญกว่านั้น สายเลือดที่ว่ายังดูเหมือนจะมี ความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันได้อย่างน่าแปลกประหลาดกับสายเลือด พยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์!
ในช่วงเวลานั้น ซู่อ้าวเทียนก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดลูกสาวของเขา ถึงไล่ตามโจวเหว่ยชิงเพื่อหาทางอยู่ข้างกายเขาเช่นนี้ เป็นเพราะใน เวลานั้น พลังปราณของโจวเหว่ยชิงยังอยู่ในระดับต�า และเขาก็ไม่ สามารถซ่อนเร้นตัวตนหรือกลิ่นอายของตนเองได้นั่นเอง
ในเวลานั้น เทียนเอ๋อร์ไม่เพียงแต่สัมผัสแรงดึงดูดระหว่างทักษะ ธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 แต่ยังรวมถึงกลิ่นอายของสายเลือดของพวกเขาที่ ดึงดูดซึ่งกันและกันด้วย
ในขณะที่ซู่อ้าวเทียนคิดจนถึงจุดนั้น จังหวะการเต้นหัวใจของเขาก็ อดไม่ได้ที่จะขยับถี่รัวขึ้น แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลก แต่ เขาก็ไม่สามารถควบคุมหัวใจให้หยุดสั่นไหวได้ นั่นเป็นเพราะเขาเห็น ความเป็นไปได้ในตัวโจวเหว่ยชิง ความเป็นไปได้ที่จะทะลวงมณีชุดที่ 13 หรือระดับเปลี่ยนสวรรค์ในตํานาน! ในทันใดนั้นเอง จู่ๆตาชั่งในใจ ของเขาก็เริ่มสั่นคลอน
ในที่สุดราชาหมาป่าหิมะที่อยู่ตรงหน้ากู่อิ่งปิงก็ล้มลงกระแทกพื้น เสียงดัง เขาประสบความสําเร็จอย่างท่วมท้น หมาป่าและสิงโตถูกจัด อยู่คนละระดับ ราชสีห์วิญญาณสวรรค์ปฐพีศักดิ์สิทธิ์จึงสามารถตอบโต้ ราชาหมาป่าหิมะได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกู่อิ่งปิง อยู่ในระดับ 9 มณีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น กู่อิ่งปิงยังเริ่มใช้พลังวิญญาณของ เขากดดันราชาหมาป่าหิมะ เมื่อมีทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์รวมกับสายเลือด ที่ทรงพลังกว่า การข่มขู่ราชาหมาป่าหิมะจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก การใช้ทักษะธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่ธาตุวิญญาณแลธาตุเทวาเป็นหนึ่งในเคล็ด ลับสําคัญที่ภูเขาหิมะสวรรค์ใช้กําราบหรือควบคุมอสูรสวรรค์ ดังนั้น ราชาหมาป่าหิมะจึงอาจกล่าวได้ว่าเคยชินกับการถูกครอบงําเช่นนั้นมา ก่อน
ในขณะที่กู่อิ่งปิงทําสําเร็จ โจวเหว่ยชิงในอีกด้านหนึ่งก็ประสบ ความสําเร็จในเวลาเดียวกัน
โจวเหว่ยชิงยกขาขวาปีศาจขึ้นไปข้างหลัง ฝ่ามือของเขายื่น ออกมา ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระหว่าง ‘อุ้งเท้า’ ของ หมาป่าแต่ละข้างมีหมอกสีเทาหมุนวนอยู่ ดวงตาแดงก�าของเขาเปล่ง ประกายรังสีกดดันที่น่าตกใจพร้อมกับกลิ่นอายกดข่มที่รุนแรง ก่อนจะ ประสบความสําเร็จในการกําราบราชาหมาป่าหิมะอีกตัวในเวลา เดียวกันกับกู่อิ่งปิง
แน่นอนว่าราชาหมาป่าหิมะตัวนี้ไม่เพียงแต่หวาดกลัวกลิ่นอาย พยัคฆ์เทพอสูรมืดของโจวเหว่ยชิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะกลืนกินที่ อยู่ในมือของเขาด้วย อสูรสวรรค์ตัวใดก็ตามที่อยู่ต�ากว่าระดับเทพเจ้า สวรรค์ย่อมหวาดกลัวทักษะกลืนกินโดยสัญชาตญาณอยู่แล้ว และนี่ก็ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่โจวเหว่ยชิงสามารถเอาชนะอสูรสวรรค์ที่ทรงพลัง เหล่านั้นมาได้ในอดีตเมื่อครั้งที่ระดับพลังปราณของเขาต�ากว่านี้มาก ทําให้เขากักเก็บทักษะที่มีพลังสูงกว่าระดับตัวเองได้
เหตุผลที่โจวเหว่ยชิงใช้สถานะปีศาจกลายร่างแทนที่จะเป็น สถานะพยัคฆ์มังกรกลายร่างที่เพิ่งได้รับมาก็เพราะว่าเขายังต้องการ ซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ ถึงอย่างไรวิญญาณมังกรกลายสภาพก็ไม่ เหมือนกับพลังที่ได้รับสืบทอดมาจากสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืดของ เขา และมันก็ยังส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาส่วนหนึ่ง ดังนั้น หลังจากหลอมรวมกับวิญญาณมังกรกลายสภาพแล้ว โจวเหว่ยชิงจึงไม่ สามารถเปลี่ยนร่างได้โดยไม่ต้องเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่างก่อน
แน่นอนว่าเขายังจะไม่เปิดเผยสถานะพยัคฆ์มังกรกลายร่าง และใช้ เพียงสถานะปีศาจกลายร่างเท่านั้น นอกจากนี้ แม้ในขณะที่เขาใช้ สถานะปีศาจกลายร่างในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็มุ่งเน้นไปที่การเปิดเผย ตัวตนและกลิ่นอายเท่านั้น พลังปราณส่วนตัวของเขาจึงไม่ได้ถูกเผา ผลาญไปมากมายเท่าไหร่นัก เด็กหนุ่มซ่อนปีกเอาไว้และไม่ยอม เปิดเผยการกลายร่างเต็มรูปแบบต่อหน้าคนอื่น ถึงกระนั้น เขาก็ยัง สามารถเอาชนะราชาหมาป่าหิมะได้สําเร็จ อย่างไรการข่มขวัญอสูร สวรรค์ก็เป็นงานที่เขาถนัดแม้กระทั่งในอดีต นับประสาอะไรกับตอนที่ เขามาถึงระดับ 6 มณีแล้วเช่นนี้
…
อสูรสวรรค์หลายตัวถัดไป ตัวที่ 6 และ 7 ยังอยู่ในระดับราชา สวรรค์เช่นกัน แต่เป็นขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุดตามลําดับ
จนถึงตอนนี้ โจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงก็ยังคงใช้วิธีเดียวกันกับใน รอบที่ 4 กําราบอสูรสวรรค์ได้อย่างราบคาบ แน่นอนว่าเวลาที่ใช้ก็ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งสองก็ยังคงทําได้สําเร็จ
7 ใน 10 รอบได้เสร็จสิ้นไปแล้ว และทั้งสองคนก็ยังคงเสมอกัน กู่อิ่ งปิงที่แต่เดิมมั่นใจในชัยชนะของตนเองอย่างเต็มที่ ท่าทีดูถูกเหยียด หยามของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นความจริงจัง เขารู้สึกแปลกใจที่โจว เหว่ยชิงคนนี้แตกต่างจากสหายปวกเปียกที่เขากําจัดทิ้งเมื่อไม่กี่เดือน
ก่อนเป็นอย่างมาก แม้แต่สถานะปีศาจกลายร่างของเด็กหนุ่มก็ยังดู แตกต่างออกไป เช่นนี้ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเขาในบท ทดสอบกําราบอสูรสวรรค์แล้ว
สําหรับผู้ชมทั้งกลุ่ม บางทีคนที่มีท่าทีสบายๆที่สุดก็คือหลงซื่อหยา เขารู้ว่าโจวเหว่ยชิงยังไม่ได้ใช้สถานะพยัคฆ์-มังกรกลายร่าง แต่ก็ สามารถผ่านบททดสอบไปแล้ว 7 รอบ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะดูเหนื่อยล้า แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าโจวเหว่ยชิงยังมีสิ่งนี้ซุกซ่อนอยู่เป็นไพ่ตาย
“เจ้าทั้งคู่พักผ่อนสัก 1 ชั่วโมง” ซู่อ้าวเทียนประกาศเวลาพักอีก ครั้ง คราวนี้แม้แต่กู่อิ่งปิงก็ไม่พูดอะไรออกมาแล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองพลัน ทรุดตัวนั่งลงพร้อมกัน พยายามฟื้ นฟูพลังวิญญาณและพลังปราณ สวรรค์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่อาจจะผ่านด่านอสูร 7 ตัวแรกไป ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอีก 3 ตัวสุดท้ายจะเป็นเรื่องง่ายสําหรับ พวกเขา แน่นอน มันคงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้พบกับอสูรสวรรค์ ระดับมหาราชาแล้ว!
ในแง่ของระดับพลัง อสูรสวรรค์ก็เป็นเช่นเดียวกับจ้าวมณีสวรรค์ ระหว่างระดับราชาสวรรค์และระดับมหาราชาสวรรค์ย่อมมีช่องว่าง ขนาดใหญ่ขวางกั้น ทั้งกู่อิ่งปิงและโจวเหว่ยชิงต่างก็ไม่มั่นใจว่าจะทํา สําเร็จในรอบต่อไปหรือไม่ เพราะไม่ว่าสายเลือดจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็มีข้อจํากัดว่าจะสามารถลดทอนช่องว่างของระดับพลังและ
ความสามารถที่แท้จริงระหว่างตนเองกับอสูรสวรรค์ได้มากเพียงใด แม้ อสูรสวรรค์ระดับมหาราชาจะถูกควบคุมไม่ให้โจมตีพวกเขา แต่นั่นก็ ยังคงเป็นบททดสอบที่ยากลําบากอยู่ดี
ความรู้สึกที่ว่าตนเหนือกว่าของกู่อิ่งปิงได้เลือนหายไปนานแล้ว แต่ เขาก็ยังไม่คิดว่าจะพ่ายแพ้ ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 9 ชุด เขา มั่นใจว่าความเร็วในการฟื้ นฟูของตนจะเหนือกว่าโจวเหว่ยชิงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีทักษะธาตุวิญญาณ พลังวิญญาณและ ความเร็วในการฟื้ นฟูของเขาจึงสูงจนน่าประหลาดใจ
……………………………………………….