Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 176 อสูรสวรรค์ระดับมหาราชา! (3)
นอกจากนี้ แม้ว่าพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงจะต�ากว่ากู่อิ่ งปิงมาก แต่อย่าลืมเกี่ยวกับวิชาเทพอมตะของเขา! ด้วยจุดตายที่ถูก ทะลวงไว้ 24 จุด หลุมดําพลังปราณพร้อมกับปีกคู่ทางด้านหลังของเขา การฟื้ นฟูพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงจึงสามารถทดแทนพลัง ปราณที่เสียไปจํานวนมหาศาลได้
“อะไร…นั่นมันสายเลือดอะไรกัน!” ในที่สุดราชาพยัคฆ์ซู่อ้าวอิงก็ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาจึงหันไปหาหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์ ที่ยืนอยู่ข้างๆและเอ่ยถาม
หลงซื่อหยากําลังมองดูศิษย์ของเขาด้วยความพึงพอใจ ไม่มีอะไร ต้องปิดบังเกี่ยวกับชื่อสายเลือดของโจวเหว่ยชิง ถึงอย่างไรมันก็เป็น ของเขาเพียงคนเดียว “นั่นเรียกว่าสายเลือดพยัคฆ์เทพอสูรมืด เป็นคู่ที่ สมบูรณ์แบบสําหรับสายเลือดพยัคฆ์วิญญาณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า! หนึ่งเสือดํา หนึ่งเสือขาว…นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกว่าอ้วนน้อยของข้า เหมาะกับเทียนเอ๋อร์ตัวน้อยของเจ้ามากกว่า เป็นไงล่ะ ราชาพยัคฆ์ ลูก ศิษย์แสนล�าค่าของข้าไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ซู่อ้าวอิงยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “พี่หลง ถ้าท่านเต็มใจมอบ เขาให้เป็นลูกศิษย์ข้า ข้าจะทําตามทุกเงื่อนไขของท่านเลยทีเดียว! แม้แต่การแต่งงานในครั้งนี้ ข้าก็จะทําทุกอย่างเพื่อให้มันเกิดขึ้น” เขา พูดเสียงเบากับหลงซื่อหยา กระทั่งไม่กลัวว่าราชาสิงโตจะได้ยิน
หลงซื่อหยาส่งเสียงหึในลําคอและพูดว่า “อย่าได้ฝัน! แม้ว่าเจ้าจะ ใช้อาณาจักรวั่นโซ่วเป็นของแลกเปลี่ยน ข้าก็ไม่มีวันยกให้! ลูกศิษย์แสน ล�าค่าของข้าเป็นคนพิเศษเพียงหนึ่งเดียว!”
เด็กหนุ่มทั้ง 2 คนสามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงแล้ว แต่หากจะ เปรียบเทียบกันแล้ว หากมองจากรูปลักษณ์ภายนอกโจวเหว่ยชิงก็อาจ ดูดีกว่าเล็กน้อย แมมมอธเจ้าหิมะที่เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มแสดงออกว่า หวาดกลัวต่อกลิ่นอายสายเลือดของเขา และแม้แต่กลิ่นอายที่ทรงพลัง ของมันตอนนี้ก็ยังดูอ่อนแอกว่า
เมื่อมองไปยังฝั่ งกู่อิ่งปิง การแสดงออกของเขากลับดูน่าเกลียดมาก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าโจวเหว่ยชิงจะอยู่มาได้จนถึงรอบนี้ นับประสาอะไรกับการที่เด็กหนุ่มจะขึ้นเป็นฝ่ายเหนือกว่าเขาในรอบนี้ กู่อิ่งปิงคิดว่าสิ่งนี้ต้องเป็นเพราะเมื่อระดับพลังปราณของโจวเหว่ยชิง ทะลุไปถึงระดับ 6 มณี สถานะปีศาจกลายร่างของเขาได้เกิดการกลาย พันธุ์หรือวิวัฒน์ขึ้น ทําให้ปีกเหล่านั้นปรากฏออกมาด้วย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่อิ่งปิงก็สงบลงได้ จู่ๆเขาก็หลุดออกจากอารมณ์ โกรธแค้นและริษยาในฉับพลัน ในขณะนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าตนเอง เพิกเฉยปัญหาร้ายแรงหนึ่งมาโดยตลอด ระดับพลังปราณของโจวเหว่ย ชิง
ก่อนหน้านี้เขาเคยดูถูกระดับมณี 6 ชุดของอีกฝ่าย แต่ในขณะที่กู่อิ่ งปิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเผชิญหน้า กับโจวเหว่ยชิง ฝ่ายนั้นเพิ่งทะลุไปถึงระดับ 5 มณีเท่านั้น! ทว่าในเวลา เพียงไม่กี่เดือน เขาก็มีมณีมากถึง 6 ชุดแล้ว! นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถ เกิดขึ้นเพราะการฝึกปราณเพียงอย่างเดียว… ต้องมีสิ่งอื่นเกิดขึ้นด้วย แน่นอน
ในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนั้น ความคิดดูถูกเหยียดหยามที่กู่อิ่งปิงมี ต่อโจวเหว่ยชิงก็ถูกลบล้างไปทันที ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าหากโจว เหว่ยชิงกล้ามาที่นี่ในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหลงซื่อหยาที่พามา เขาต้องเตรียมความพร้อมมาอย่างเต็มที่แล้วแน่นอน หากไม่มีโอกาส เลย แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะบ้ามากพอ แต่หกสุดยอดมหาราชาสวรรค์จะ ยินยอมหรือไม่?
เมื่อเขาตระหนักเรื่องนั้นได้ ในที่สุดกู่อิ่งปิงก็กลับเข้าสู่สภาวะสงบ และเยือกเย็น เขารู้ดีว่าการเอาชนะโจวเหว่ยชิงในวันนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย อีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่อาจประเมินศัตรูของตนต�าเกินไปได้อีก
เวลาผ่านไปวินาทีแล้ววินาทีนาทีแล้วนาทีเล่า กู่อิ่งปิงและโจว เหว่ยชิงต่างกัดฟันอดทนอย่างเต็มที่ กลิ่นอายของแมมมอธเจ้าหิมะทั้ง 2 ยังคงเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่งก่อนจะคงที่ไว้เท่าเดิม ถึงอย่างไรพวก มันก็ไม่สามารถโจมตีได้จริง และหากเร่งให้กลิ่นอายมากเกินไป พวก มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีแล้ว
5 นาทีไม่ได้ถือเป็นเวลาที่ยาวนาน แต่ก็ไม่ได้สั้นจนเกินไปนัก เมื่อ เวลาสิ้นสุดลง ทั้งโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงก็ถูกล้อมรอบไปด้วยไอหมอก ร่างกายของพวกเขาสร้างเหงื่อออกมามากมาย จากนั้นก็ระเหยไปอย่าง รวดเร็วด้วยพลังปราณสวรรค์จํานวนมหาศาลที่อยู่รอบตัว
ในที่สุดเด็กหนุ่มทั้งสองคน ซึ่งอาจจะเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดในรุ่น ของพวกเขาก็ได้ผ่านรอบนี้ไปแล้ว เมื่อแรงกดดันจากแมมมอธเจ้าหิมะ ทั้ง 2 ตัวหายไป ทั้งคู่ก็ทรุดลงพื้นทันที จากนั้นก็นั่งสมาธิเพื่อฟื้ นพลัง อย่างไม่รีรอ
การทดสอบรอบนี้ไม่เพียงแต่ผลักดันให้ทั้งสองไต่ไปจนถึงขีดจํากัด ของตัวเอง แต่ยังบีบเค้นศักยภาพและความสามารถของพวกเขาออก มาถึงที่สุดด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังทั้ง 2 ตัวนี้ พลัง ปราณสวรรค์ที่สูญเสียไปก็มากกว่า 7 รอบที่ผ่านมาทั้งหมดรวมเข้า ด้วยกันเสียอีก
เมื่อแมมมอธเจ้าหิมะหยุดลง ทั้งโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงต่างก็รู้สึก เหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด ถึงอย่างไรการเผชิญหน้ากับอสูรระดับมหาราชา สวรรค์ขั้นสูงสุดที่มีพละกําลังเต็มเปี่ ยมก็แตกต่างจากบรรดาอสูรอยู่ใน วังกักเก็บทักษะเป็นอย่างมาก
“เจ้าทั้งคู่มีเวลาพักผ่อนเพียง 1 ชั่วโมง” เสียงของซู่อ้าวเทียนดัง ขึ้นอย่างค่อนข้างไร้อารมณ์
ปัจจุบันยอดฝีมือทั้งหมดในที่นี้กําลังสนใจค้นหาว่าทั้งกู่อิ่งปิง และโจวเหว่ยชิงมีขีดจํากัดอยู่ที่ไหนกัน ยังมีการทดสอบอีก 2 ครั้งที่ พวกเขาจะต้องผ่านไปให้ได้ และเนื่องจากการทดสอบครั้งที่ 8 คืออสูร สวรรค์ระดับมหาราชาขั้นกลาง 2 ตัวสุดท้ายย่อมต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่า อย่างแน่นอน พวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ?
นอกจากซู่อ้าวเทียนแล้ว กระทั่งหกสุดยอดมหาราชาสวรรค์หลง ซื่อหยาก็ยังไม่อาจอวดอ้างว่าสามารถทําเช่นเดียวกับเด็กทั้ง 2 คนนี้ได้ เมื่อเขาอายุเท่าพวกเขา… นับประสาอะไรกับราชาสิงโตและราชา พยัคฆ์! อย่างไรก็ตาม อารมณ์ที่เขามีมากที่สุดในตอนนี้คือความ ภาคภูมิใจ ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็ยังอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ�า! หากหลง ซื่อหยาก่อนหน้านี้มีเพียงความหวังว่าโจวเหว่ยชิงจะไปถึงระดับเทพ เจ้า ตอนนี้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าหากลูกศิษย์แสนล�าค่าของเขาสามารถ
เติบโตและพัฒนาต่อไปได้เหมือนความเร็วในปัจจุบัน ในที่สุดเขาก็จะ ไปถึงระดับเทพเจ้าสวรรค์อย่างแน่นอน
1 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงยืนขึ้นอีก ครั้ง สีหน้าของพวกเขาก็ดูแตกต่างกันมาก
ใบหน้าของกู่อิ่งปิงดูเคร่งขรึมจริงจัง ทว่าก็ยังคงซีดเซียว ส่วนโจว เหว่ยชิงนั้น ร่างกายของเขายังคงเต็มไปด้วยลายเสือดํา แต่ดวงตากลับ เปล่งประกายสดใสและคมชัด เหล่ายอดฝีมือ ณ ที่นี้สามารถสัมผัสได้ อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของโจวเหว่ยชิงและอัตราการฟื้ นฟูพลัง ปราณสวรรค์ของเขาไม่ด้อยไปกว่ากู่อิ่งปิง นี่เป็นความเร็วในการฟื้ นฟู ของจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดแน่หรือ! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขายังคง ต้องรักษาสถานะปีศาจกลายร่างเอาไว้ตลอดเวลาอีก ด้วย…
การแสดงออกของราชาสิงโตกู่ซื่อเต๋อดูน่าเกลียดขึ้นมาในทันที เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กน้อยที่มีมณีเพียง 6 ชุดผู้นี้กําลังขึ้นนําลูก ชายของเขา ตามทฤษฎี นั่นย่อมต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
จ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดคนหนึ่งสามารถทนแรงกดดันของมหา ราชาสวรรค์ได้หรือ? หากพวกเขาพูดออกไป ใครเล่าจะเชื่อ?
ก่อนที่ซู่อ้าวเทียนจะเรียกอสูรสวรรค์กลุ่มถัดไป กู่ซื่อเต๋อก็พูด ออกมา “ท่านจ้าวภูเขา ข้ามีข้อเสนอแนะ”
“หืม?” ซู่อ้าวเทียนหันมาหาเขาและพูดอย่างเฉยเมย “ราชาสิงโต ท่านมีข้อเสนอแนะอะไรหรือ?”
กู่ซื่อเต๋อกล่าวต่อ “ท่านจ้าวภูเขา หากมองอีกมุม พวกเราก็ถือเป็น อสูรสวรรค์เช่นกัน สําหรับรอบที่ 9 นี้ให้ข้าและราชาพยัคฆ์เป็นผู้ ทดสอบ ราชาพยัคฆ์ข่มขวัญอิ่งปิง ส่วนข้าจะทําเช่นเดียวกันกับโจว เหว่ยชิงคนนี้ ระดับพลังปราณของข้าใกล้เคียงกับราชาพยัคฆ์ ดังนั้นมัน จึงยุติธรรมแน่นอน ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“ฮ่าๆ!” หลงซื่อหยาระเบืดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ “ข้าไม่ เคยคาดคิดมาก่อนว่าราชาสิงโตผู้เป็นประมุขของอาณาจักรจะไร้ ยางอายขนาดนี้ อาณาจักรวั่นโซ่วของเจ้ากําลังรวมกลุ่มกันเพื่อกลั่น แกล้งข้าและลูกศิษย์งั้นรึ? ข้าจะไม่ปฏิเสธคําแนะนําของเจ้า แต่คนที่ ข่มขวัญลูกชายของเจ้าจะต้องเป็นข้าเพื่อความยุติธรรม”
“เหลวไหล! นั่นจะยุติธรรมได้อย่างไร? ระดับพลังปราณของข้า เท่ากับราชาพยัคฆ์ แต่เจ้าอยู่ในระดับราชาสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้ว แถมยัง มีเขตแดนนั่นคอยช่วยเพิ่งพลังอีก ข้อเสนอแนะของเจ้าย่อมไม่ ยุติธรรม!” กู่ซื่อเต๋อร้องออกมาด้วยความโกรธ
หลงซื่อหยากล่าวอย่างเย็นชา “อย่าลืมว่าลูกชายของเจ้ามีมณี 9 ชุดและศิษย์ของข้ามีเพียง 6 ชุด นั่นย่อมเสมอกันแล้ว”
ซู่อ้าวเทียนกวาดสายตามองทั้งคู่ก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่าน ทั้งคู่ไม่จําเป็นต้องทะเลาะกัน การทดสอบนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับ พลังสายเลือดของพวกเขา และแม้ว่าระดับพลังปราณจะช่วยได้ แต่นั่น ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก พี่หลง อย่างที่ข้าพูดไป ในการทดสอบนี้อิ่ งปิงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ท่านทั้งคู่ไม่จําเป็นต้องทะเลาะกัน ข้าจะยังคง ใช้แบบทดสอบเดิมต่อไป”
หลังพูดจบ เขาก็โบกมือเพื่อส่งคําสั่งออกไป ทันใดนั้น อากาศในถ�า ก็ดูเหมือนจะแข็งตัวและหยุดนิ่งเมื่อกลิ่นอายที่สงบเยือกเย็น หนักแน่น และไร้ขอบเขตก้าวเดินออกมาจากปากถ�า
เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของทั้งสอง แม้กระทั่งสีหน้าของหลงซื่อหยา ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือพลังที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภูเขาหิมะสวรรค์อย่างแท้จริง ที่ภูเขา หิมะสวรรค์ พวกเขาไม่ได้มียอดฝีมือจํานวน มากๆ ทรัพย์สินความมั่ง คั่ง หรือศาสตรามณียุทธ์ที่ทรงพลังเช่นวังสวรรค์ไพศาล อย่างไรก็ตาม ภูเขาหิมะสวรรค์มีอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังมากมาย และอสูรเหล่านี้ก็อยู่ ภายใต้การควบคุมของเจ้าเหนือหัวแห่งภูเขาหิมะสวรรค์ ไม่ต้องสงสัย เลยว่าหากซู่อ้าวเทียนสั่งให้เหล่าอสูรจากสวรรค์หมื่นอสูรเข้าทํา สงคราม เขาก็แทบจะสามารถกวาดล้างมนุษยชาติได้ทั้งหมด ก่อทําให้ เกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างอสูรสวรรค์และมนุษย์
แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหวาดกลัวของ อาณาจักรมนุษย์เท่านั้น แต่แม้กระทั่งอาณาจักรวั่นโซ่วหรือภูเขาหิมะ สวรรค์ก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่าขึ้นเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรก็ ไม่มีประโยชน์ที่จะทําเช่นนั้น อสูรสวรรค์ที่ทรงพลังส่วนใหญ่ไร้ความ ต้องการอาหารไปแล้ว พวกมันสามารถเติมเต็มร่างกายได้จากการดูด ซับพลังปราณในชั้นบรรยากาศ ด้วยเหตุนี้ การดํารงอยู่ของพวกมันใน สวรรค์หมื่นอสูรจึงถือว่าปลอดภัยและไม่ต้องกลัวการรบกวนจากมนุษย์ สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันโดยไม่มีการแทรกแซงซึ่ง กันและกัน ในขณะเดียวกัน หากทั้ง 4 มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกัน ต่อต้านภูเขาหิมะสวรรค์ พวกเขาก็จะต้องพบกับความยากลําบากไม่ น้อยไปกว่านี้
ร่างที่มีแสงสีทองจางๆทั้ง 2 กําลังเดินใกล้เข้ามา ทว่าก่อนที่โจว เหว่ยชิงและกู่อิ่งปิงจะทันได้มองให้ชัดเจน พวกเขาก็รู้สึกว่าภาพ ตรงหน้าพร่ามัวไปชั่วขณะ ก่อนจะมีชายคู่หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพวก
แน่นอน เป็นชายวัยกลางคน ผมสีทองตัดสั้น
ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ผิวของพวกเขามีสีทองจางๆ ส่วนเส้นผมก็มี สีเหลืองทอง ความจริงทั้งร่างของพวกเขากําลังเปล่งประกายด้วยแสงสี ทองจางๆ และแม้แต่รูม่านตาก็ขยายเป็นสีทอง ราวกับว่าพวกเขาถูก แกะสลักขึ้นมาจากทองคําอย่างแท้จริง
ใบหน้าของหลงซื่อหยาเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่เขา อุทานออกมา “เฒ่าปีศาจซู่ เจ้าถึงกับเรียกเรียกผู้พิทักษ์ภูเขาหิมะ สวรรค์ วานรแสงยักษ์ของเจ้าออกมาเชียวรึ…เจ้าคาดหวังในตัวเด็ก 2 คนนี้สูงเกินไปหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนทั้งสองดูเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เห็นได้ชัดว่า เป็นฝาแฝดคู่หนึ่ง เมื่อได้ยินคําพูดของหลงซื่อหยา ทั้งสองก็ยิ้มให้หลง ซื่อหยาและพยักหน้าทักทายขณะที่กล่าวว่า “หกสุดยอดมหาราชา สวรรค์มาเยี่ยมเยียน พวกเราจะไม่ปรากฏตัวได้อย่างไร”
แท้จริงแล้วชายวัยกลางคนทั้ง 2 คือวานรแสงยักษ์ แม้ว่าอสูร สวรรค์บางตัว จะฝึกฝนไปจนถึงระดับเทพเจ้า แต่พวกมันก็ยังไม่ สามารถสร้างกายเนื้อมนุษย์ได้ ทว่าบางตัวก็สามารถทําได้แม้อยู่ใน ระดับต�า ตัวอย่างเช่นเทียนเอ๋อร์ หญิงสาวสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ ได้ในขณะที่ระดับพลังปราณยังไม่สูงนัก แม้ว่านั่นจะไม่ได้มีความหมาย ต่อระดับพลังปราณ แต่โดยปกติแล้วสติปัญญาของพวกมันย่อมต้องสูง กว่าตัวที่ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อยู่แล้ว
………………………………………………..