Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 20.2 ลูกศรชี้ชะตา (2)
กงจักรวายุ 3 เล่มบินออกไปตัดผ่านร่างของหนึ่งในจ้าวมณียุทธ์ผู้มีมณี 4 ดวงซึ่งกำลังชะงักเพราะทักษะธาตุของโจวเหว่ยชิงทันที กงจักรวายุของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้พัฒนาขึ้นมากนับตั้งแต่เธอได้รับมณีสวรรค์ชุดที่ 2 และเมื่อเธอส่งกงจักรวายุทั้ง 3 ออกไปในเวลาเดียวกันโดยมีเป้าหมายที่ลำคอของศัตรู แน่นอนว่าผลลัพธ์จึงไม่อาจจะกลายเป็นอื่นไปได้ ศีรษะของจ้าวมณียุทธ์ระดับปรมะขั้นแรกคนนั้นขาดสะบั้นออกจากร่างทันที ในเวลาเดียวกันธนูอุษาม่วงของเธอก็ขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เธอยิงศรติดตามไร้เสียงออกไปโดยไม่ลังเล มันพุ่งตรงไปยังหน้าผากของจ้าวมณียุทธ์ระดับปรมะขั้นแรกพวกที่เหลือและเจาะทะลุสมองไปของเขาไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นแม้จะมี 10 ชีวิตก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีก
นี่เป็นพลังที่น่ากลัวอย่างแท้จริงของทักษะการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป้าหมายยังไม่ทันได้ตั้งตัว หากร่างกายพวกเขาโดนทักษะควบคุมเข้าไปแล้วก็ทำได้แค่เพียงรอความตายอย่างเดียวเท่านั้น แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะเป็นเพียงจ้าวมณีระดับปฐมขั้นกลาง แต่เธอก็เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ และความแข็งแกร่งของเธอก็ยังมากกว่าจ้าวมณีธรรมดาที่ครอบครองมณี 3 ดวงอีกด้วย เมื่อเห็นช่องว่าง เธอจึงถือโอกาสกำจัดศัตรู 2 คนด้วยความเร็วเต็มที่
แรงระเบิดที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นนั้นก็ทำให้เซียวหรูเซ่อตกใจเช่นกัน สิ่งนั้นดึงดูดความสนใจของเธอทันที และการตอบสนองของเธอก็รวดเร็วมาก ฉับพลันนั้นธนูอุษาม่วงของเธอก็ไม่อยู่นิ่งอีกต่อไป เนื่องจากเธอหันไป ‘เช็คชื่อ’ จ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 3 ดวงคนที่เพิ่งหมดสติไปอย่างรวดเร็ว หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ จ้าวมณียุทธ์คนนั้นอาจไม่กลัวลูกธนูของเธอด้วยซ้ำ แต่กับจ้าวมณียุทธ์หมดสติและไม่สามารถหมุนเวียนปราณสวรรค์ของเขาได้ เขาจะสามารถปกป้องร่างกายของตัวเองได้อย่างไร?
ในชั่วเสี้ยววินาที สถานการณ์ในสนามรบกลับพลิกผันอย่างไม่มีใครคาดคิด เนื่องจากจ้าวมณียุทธ์ฝั่งศัตรูถูกสังหารไปทีเดียวพร้อมกัน 3 คน ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อลูกศรที่มีพลังระเบิดทำลายล้างปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับทักษะการควบคุมในร่างหนวดสีดำ 12 เส้น ความกล้าหาญของเหล่าจ้าวมณีของฝ่ายศัตรูก็ถูกสั่นคลอนอย่างหนัก
ทักษะธาตุมืดนั้นหายากมาก แค่เขามีลูกศรพลังระเบิดทำลายล้างนั่นอย่างเดียวก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้วด้วยซ้ำ
“วิชาประสานมณียุทธ์และมณีธาตุ! นั่นต้องเป็นโจวสุ่ยหนิวแน่! พวกเรา ถอย! เร็วเข้า!” จ้าวมณียุทธ์ระดับปรมะขั้นกลางไม่สนใจศักดิ์ศรีของตัวเองอีกต่อไป เขาพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของหนวดสีดำ ก่อนจะไถลตัวเกลือกกลิ้งไปกับพื้นและพยายามจะหลบหนี
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าของพวกเขาวิ่งหนีไปแล้ว จ้าวมณีคนอื่นๆ ก็รีบเผ่นตามไปด้วยเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะเปิดฉากบุกประชิดฝ่ายศัตรูและเข้าต่อสู้อย่างดุเดือดเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็สูญเสียปราณสวรรค์ไปเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ด้วยเช่นกัน แผนเดิมของพวกเขาคือต้องรีบหนีไปทันทีหลังจากปลิดชีวิตซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยกองทัพทั้งหมด พวกเขาก็คงจะไม่สามารถหลบหนีได้พ้น
ใบหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ธนูอุษาม่วงในมือของเธอก็ถูกใช้ยิงออกไปอีกหลายครั้ง ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครมาบีบคั้นอยู่รอบด้าน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าของจ้าวมณีสวรรค์ออกมาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากความจริงที่ว่าเธอเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์และลูกศรของเธอมีความสามารถใน “การติดตาม” ศรติดตามไร้เสียงของเธอจึงแข็งแกร่งกว่าศรไร้เสียงที่เคยกดข่มเธอไว้ก่อนหน้านี้หลายเท่า เมื่อเธอยิงธนูไปที่จ้าวมณียุทธ์ผู้มีมณี 3 ดวงเหล่านั้น ความเร็วของเธอก็มากเกินกว่าที่ฝ่ายตรงข้ามจะขัดขืนได้ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดจากลูกธนูได้ แต่ความเร็วในการหลบหนีก็ลดลงอย่างมาก ศัตรูที่กำลังหลบหนีจากวงล้อมแคบๆ เช่นนี้ สุดท้ายก็มีคนจำนวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่สามารถหลบหนีไปได้ ซึ่งนั่นก็คือศัตรูที่แข็งแกร่งทั้ง 5 คนเท่านั้น ในกลุ่มคนที่หนีไปไม่รอด มีคนถูกจับไว้ได้ 2 คน ส่วนที่เหลือก็ถูกสังหารด้วยศรติดตามไร้เสียงของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทั้งหมด
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ได้ไล่ตามพวกเขาไป เธอหยุดยืนอยู่ที่เดิมเพื่อหอบหายใจ ดวงตาที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยความระมัดระวัง กองทหารราบหนักหลายสิบคนรีบกรูเข้ามารุมล้อมเธอไว้ โล่ของพวกเขาถูกยกสูงขึ้นเพื่อใช้ปกป้องเธอ
การต่อสู้นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดเท่าที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เคยประสบพบเจอมาเลยทีเดียว และเธอก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้วด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะลูกศรที่แหวกอากาศเข้ามาอย่างฉับพลันนั้นกระแทกศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายศัตรูอย่างจ้าวมณียุทธ์ระดับปรมะขั้นกลางคนนั้นออกไป ทั้งเข้าควบคุมศัตรูอีก 12 คน และเปิดทางให้เด็กหญิงทั้ง 2 คนโจมตีตอบโต้กลับเพื่อฆ่าศัตรู 3 คนได้ทันที บางทีผลของการต่อสู้ทั้งหมดอาจจะแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงก็ได้ ไม่เพียงแต่เธอจะต้องตายเท่านั้น จ้าวมณียุทธ์ฝั่งศัตรูทั้งหมดก็น่าจะหนีรอดไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
นั่นคือแม่ทัพใหญ่โจวงั้นหรือ? นั่นไม่ควรจะเป็นไปได้! เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ชายแดนนั้นสงบลงชั่วคราว แม่ทัพโจวจึงถูกเรียกตัวกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อรายงานสถานการณ์ และร่วมหารือกัน ดังนั้นเขาไม่ควรกลับมาที่แนวหน้าเร็วเช่นนี้ แต่ทว่าลูกศรที่น่าเกรงขามในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาประสานระหว่างมณียุทธ์และมณีธาตุมืด เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าจะเป็นเขา?
ในช่วงเวลานี้ เซียวหรูเซ่อเดินไปข้างหน้า คิ้วเรียวของเธอขมวดแน่นเมื่อมายืนอยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ “ผู้บัญชาการกองพัน ท่านเป็นอะไรไหม?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าสบายดี แค่ใช้ปราณสวรรค์มากเกินไปหน่อยเท่านั้น ขอบคุณท่านมาก ผู้บัญชาการกองร้อยเซียว หากไม่ใช่เพราะคำสั่งของท่าน กองทหารของเราคงจะได้รับความเสียหายมากกว่าเดิม ส่วนข้าก็อาจจะ…”
เซียวหรูเซ่อกล่าวว่า “ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ไปบอกอ้วนน้อยโจวเถอะ รู้ไหม…”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร่างกายแข็งค้างอยู่ในตำแหน่งเดิม “เป็นเขาจริงๆ เหรอ? งั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เซียวหรูเซ่อตอบ “แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? ครั้งนี้เราสูญเสียไปไม่น้อย แต่ก็อาจพูดได้ว่านี่เป็นชัยชนะของเราเช่นกัน ข้าจะให้ทหารนับจำนวนผู้บาดเจ็บและนำไปรักษา”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ “ข้าขอโทษ ข้าไม่ใช่ผู้บัญชาการที่ดีเลย”
เซียวหรูเซ่อพูดเบาๆ “ท่านเป็นเป้าหมายของศัตรู จะหาโอกาสบัญชาการทหารได้อย่างไร นอกจากนี้ท่านยังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่โดดเด่นอย่างแท้จริง เอาล่ะ พวกเรารีบไปที่ค่ายทหารกันก่อนเถอะ” นับตั้งแต่เธอรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ทัศนคติของเธอที่มีต่อ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท้ายที่สุดก็อย่างที่เขาว่าไว้ ‘อย่าหว่านปุ๋ยวิดน้ำใส่นาคนนอก[1]’ เธอจะคิดเสียว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นน้องสะใภ้ในอนาคตของเธอก็แล้วกัน แน่นอนว่าในหัวใจของเซียวหรูเซ่อ บางครั้งก็รู้สึกขมฝาดอยู่บ้างเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง โจวเหว่ยชิงก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามเหล่าทหาร เมื่อเขาเห็นว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์สบายดีก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
ลูกศรชี้ชะตาเมื่อครู่นี้เป็นเขาเองที่ยิงออกมา ก่อนหน้านี้ ขณะที่เขาพยายามที่จะจัดการคู่เจ้านายลูกน้องนั่นด้วยธนูราชันของเขา ทีแรกเขาต้องการจะไล่ตามพวกมันไปต่อ และจัดการให้สิ้นซาก แต่ทว่า ในขณะที่เขากำลังจะก้าวขาต่อไปนั่นเอง เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่น่าพิศวง ในใจของเขาพลันรู้สึกกระสับกระส่าย และหวาดกลัวบางอย่างขึ้นมาทันทีอย่างไร้เหตุผล เขารีบวิ่งกลับออกจากป่าอย่างรวดเร็ว ทันเวลาได้เห็นการโจมตีหมายเอาชีวิตจากรอบด้านที่พุ่งเข้าหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์พอดี ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ธนูราชันถูกง้างขึ้นมาพร้อมกับใช้ทักษะสัมผัสมืดประสานเข้าไปทันที เห็นได้ชัดว่าวิชาประสานระหว่างมณียุทธ์ และมณีธาตุในครั้งนี้พลิกสถานกาณ์ทั้งหมดจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยการใช้ลูกศรเพียงดอกอย่างเดียว นั่นคือศรชี้ชะตาอย่างแท้จริง
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองโจวเหว่ยชิงด้วยท่าทางที่อ่อนโยนผิดปกติ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ขอบคุณ”
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและคิดในใจอย่างลับๆ มีอะไรให้ขอบคุณ ข้าปกป้องผู้หญิงของข้า นี่ไม่ใช่เรื่องปกติหรือ?
เซียวหรูเซ่อยกนิ้วให้โจวเหว่ยชิง ลูกธนูที่น่าทึ่งดอกนั้นเป็นตัวตัดสินศึกในครั้งนี้อย่างแท้จริง มันช่างงดงามเหลือเกิน
เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่ค่อนข้างผ่อนคลายของพวกเขาฝั่งนี่ ทางด้านฝั่งศัตรูที่เพิ่งซุ่มโจมตีพวกเขาไปเมื่อสักครู่นั้นกลับกลายเป็นฉากที่เศร้าโศกและน่าสลดใจ
ผู้นำในครั้งนี้คือเด็กหนุ่มในชุดขาวที่ยิงศรไร้เสียงออกมา หลังจากหนีออกจากวงล้อมของทหารมาได้แล้ว จ้าวมณียุทธ์ทั้ง 5 คนก็ได้พบกับเจ้านายและลูกน้องคู่นี้
“เศษสวะ ไอ้พวกเศษสวะ! พวกเจ้ามีตั้งกี่คน กะอิแค่ฆ่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีมณี 2 ชุดคนนั้น แต่พวกเจ้าก็ยังล้มเหลวไม่เป็นท่า!”
จ้าวมณียุทธ์ระดับปรมะขั้นกลางที่ถือค้อนสงครามคู่กล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ฝ่าบาท ข้าต้องขออภัยด้วย ได้โปรดสงบสติอารมณ์เถิด ท่านก็เห็นด้วยตาตัวเองในระยะไกลๆ แล้ว ลูกศรนั่นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพลังมหาศาล พวกเราไม่มีทางจัดการกับมันได้แน่นอน ข้ากลัวว่าโจวสุ่ยหนิวจะอยู่ใกล้ๆ พวกเรา หากไม่รีบหนีตอนนั้น บางทีพวกเราทุกคนอาจต้องตายกันหมด”
ชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาวนี้เป็นบุตรชายคนที่ 9 ของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรคาลิเซ ชื่อของเขาก็คือ ไป๋จิ่ว ในปีนี้เขามีอายุ 25 ปี จริงๆ แล้วเขามีมณียุทธ์ถึง 4 ดวง และยังเป็นหนึ่งในเจ้าชายที่โดดเด่นที่สุดในอาณาจักรคาลิเซ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังผู้บัญชาการของเหล่าจ้าวมณีแห่งอาณาจักรคาลิเซอีกด้วย ในครั้งนี้เขานำหน่วยจู่โจมบุกสังหารซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นการส่วนตัว อนิจจา ใครจะรู้ว่าแผนการณ์และความพยายามทั้งหมดของพวกเขาในครั้งนี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า
……………………………………………………..
[1]อย่าหว่านปุ๋ยวิดน้ำใส่นาคนนอก แปลว่า มีของดีก็ควรเก็บไว้กับตัว