Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 24.1 เสือขาวตัวน้อย (1)
หลังจากหมดสติไประยะเวลาหนึ่ง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด แต่ทว่าทันทีที่เธอรู้สึกตัว เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังสัมผัสใบหน้าของเธออยู่
ในขณะที่กำลังมึนงง เธอก็ปัดป่ายท่อนไม้ใหญ่ๆ นั้นออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นมันจะกระดอนกลับมาโดนใบหน้าของเธออีกครั้ง
“อือ?”
“อืม”
มีเสียง 2 เสียงเปล่งออกมาในเวลาเดียวกัน และเสียงแรกก็เป็นของซ่างกวนปิงเอ๋อร์
เมื่อเริ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาได้บางส่วนแล้ว ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เวลานี้ดวงตะวันเริ่มทอแสง อ่อนๆ และท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยแสงแรกของวัน สิ่งที่เธอมองเห็นเป็นอย่างแรกก็คือบางอย่างที่มีหน้าตาน่าเกลียด? สิ่งนั้นกำลังกดอยู่บนใบหน้าเล็กๆ ของเธอในสภาพร้อนจัดและสั่นระริก บริเวณส่วนปลายยังเป็นสีชมพูอมแดง
“อะไรน่ะ?” ในขณะนี้สติของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังคงไม่ชัดเจนนัก เมื่อเธอบ่นพึมพำกับตัวเองเสร็จและค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สิ่งที่เธอมองเห็นก็คือดวงตาเบิกโพลงของอ้วนน้อยโจวและสีหน้าที่คลุมเครือของเขา
ไอเย็นสายหนึ่งแล่นลงมายังกระดูกสันหลังของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นเธอก็หันขวับลงมามอง ‘บางอย่าง’ ตรงหน้าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นเธอจึงตื่นอย่างเต็มตาทันที
“อ๊าาาาาาาาาา!”
“อ๊าาาาาาาาาา!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกัน จากนั้นทั้ง 2 ร่างที่กำลังกอดกันอยู่ก็รีบผละออกจากกันราวกับโดนของร้อน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กระโจนออกไปด้านหนึ่ง ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกลิ้งตัวหนีไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่
มันอาจฟังดูพึลึกสักหน่อย แต่ในความเป็นจริงโจวเหว่ยชิงได้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นนี้มาระยะหนึ่งแล้ว คืนที่ผ่านมา ขณะที่เขาเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง เมื่อกล้ามเนื้อของขยายใหญ่ขึ้นพร้อมๆ กับพลังที่ระเบิดออกมาจากร่างของเขา นั่นทำให้เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มปริขาดกระเด็นออกไปคนละคนทิศทาง อีกทั้งสิ่งเดียวที่เหลือติดกายอย่างเกราะอ่อนโลหะผสมไทเทเนียมก็ยังถูกราชาหมาป่าโลกันตร์ทำลายไปจนไม่เหลือซากอีก อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเหตุการณ์ต่างๆ ดำเนินไปอย่างฉุกละหุก ร่างกายของโจวเหว่ยชิงปกคลุมไปด้วยลวดลายเสือดำ อีกทั้งยังเป็นเวลากลางคืนที่มองเห็นไม่ค่อยถนัดนัก นั่นทำให้ร่างที่เปลือยเปล่าของเขาไม่ได้ดูเด่นหราออกมาจนเตะตาเธอเข้า นอกจากนี้ในเวลานั้นซ่าง กวนปิงเอ๋อร์ได้แต่กังวลเกี่ยวกับความเป็นความตายของเขาและผลข้างเคียงของสถานะปีศาจกลายร่าง เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดแปลกออกไป
คืนที่ผ่านมา ขณะที่โจวเหว่ยชิงพยายามทะลวงจุดตายหยงฉวนของเขา เด็กหนุ่มจึงอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ และเพื่อช่วยอีกฝ่ายปิดผนึกจุดตายหยงฉวนที่ระเบิดออกมา ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงต้องไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ดังนั้นเมื่อเธอหมดสติไปกะทันหัน เธอจึงล้มลงนอนบนตักของโจวเหว่ยชิงอย่างไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนั้น เมื่อเธอตื่นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองตกอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมและนำไปสู่ฉากที่น่าอับอายเมื่อสักครู่นั่นเอง
ใบหน้าน่ารักของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงสลับขาว เธอพูดด้วยความโกรธ “ อ้วนน้อยโจว ออกมาเดี๋ยว นี้!”
“ไม่มีทาง!” โจวเหว่ยชิงโผล่หัวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ปิงเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ! เจ้าเป็นคนปลุกข้าเอง!”
แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อสักครู่โจวเหว่ยชิงไม่ได้ตั้งใจจัดฉากให้เกิดขึ้นจริงๆ ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องบังเอิญอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม นั่นก็ยังทำให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์โกรธจัดจนอยากจะฆ่าคน เธอจ้องมองเขาอย่างเคืองๆ
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “เอ่อ ปิงเอ๋อร์ ก่อนเราจะทะเลาะกันเรื่องนั้น ตอนนี้เราไม่ควรรีบกลับไปที่ค่ายก่อนหรือ? หากเจ้าอยากจะตีข้า เราก็ควรหาสถานที่ที่ปลอดภัยก่อน จากนั้นข้าจะยอมให้เจ้าตีข้าจนกว่าจะพอใจเลย ดีหรือไม่?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ทั่วพื้นดินเกลื่อนไปด้วยซากศพของหมาป่าโลกันตร์ แต่ทว่าพวกหมาป่าโลกันตร์ที่ไล่ตามไป๋จิ่วและจ้าวมณีคนอื่นๆ ไปก็กลับไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน บางทีพวกมันอาจไม่ได้ย้อนกลับมา หรือบางทีพวกมันอาจจะหวาดกลัวกลิ่นอายของโจวเหว่ยชิงจนไม่กล้าเข้ามาใกล้บริเวณนี้ เมื่อเธอนึกถึงเหตุการณ์โกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความโกรธเคืองของเธอก็เริ่มเบาบางลง ไม่น่าเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งคู่จะเอารอดชีวิตมาได้
“เอาล่ะ รีบออกมาเถอะ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน” น้ำเสียงของซ่างกวนปิงเอ๋อร์สงบลง
โจวเหว่ยชิงมองหาเศษผ้าที่เหลือมาคาดเอวของเขาเพื่อปกปิดส่วนลับเอาไว้ก่อนที่มันจะโผล่ออกมา แม้ว่าตอนนี้บั้นท้ายของตนจะยังโผล่ออกมาเกือบครึ่ง แต่อย่างน้อยส่วนที่น่าอับอายที่สุดก็ได้ถูกปกปิดเอาไว้แล้ว
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงก่ำเมื่อมองเห็นคนไร้ยางอายผู้นั้นกำลังพยายามปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตนเอง ประกายแสงแปลกๆ ผุดวาบขึ้นมาในดวงตาของเธอ ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าอ้วนน้อยโจวเป็นคนที่ขี้ขลาดมาก อาจพูดได้ว่า ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’ นั้นเป็นคติประจำตัวของเขาเลยทีเดียว แต่ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย โจวเหว่ยชิงก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งออกไปล่อหมาป่าโลกันตร์เพื่อช่วยชีวิตเธอ สุดท้ายเขายังใช้ร่างของตัวเองเป็นเกราะกำบัง ป้องกันการโจมตีจากราชาหมาป่าโลกันตร์ให้เธออีกด้วย เมื่อคนกลัวตายกระทำเรื่องเสี่ยงตายเช่นนั้น เขาช่างน่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง และนั่นทำให้หญิงสาวประทับใจให้ตัวเขาล้ำลึกมากกว่าเดิม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โจวเหว่ยชิงก็เป็นลูกผู้ชายตัวจริง คนที่กล้ายืนหยัดต่อสู้เมื่อผู้หญิงของเขาตกอยู่ในอันตราย
เดี๋ยวนะ! นี่ข้ากลายเป็นผู้หญิงของเขาเมื่อไหร่กัน! ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่ายศีรษะขณะที่ใบหน้าขึ้นสีก่ำ เธอมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาอ่อนโยนมากขึ้น และเมื่อเธอยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าตนเองก็พบว่ามันยิ่งเห่อร้อนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็พบเศษผ้าอีก 2-3 ชิ้นเพื่อนำมาใช้ผูกรอบเอวของตนเอง เขาพยายามปกปิดร่างกายของตัวเองให้มากที่สุด ในขณะที่เขากำลังจะเรียกซ่างกวนปิงเอ๋อร์ให้ออกเดินทาง ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ปกคลุมไปด้วยขนปุกปุยกำลังคลอเคลียอยู่ที่เท้าของเขา
เมื่อโจวเหว่ยชิงก้มลงไปมองลงไปเบื้องล่าง สายตาของเขาก็ถูกตรึงไว้ทันที เด็กหนุ่มเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจ้อย ลำตัวปกคลุมไปด้วยขนยาวสีขาว ลำตัวประดับไปด้วยลวดลายสีฟ้าจางๆ อยู่ทั่ว ลำตัวของมันมีความยาวน้อยกว่า 1 ฟุตและมันก็กำลังขยับศีรษะถูไถไปมากับเท้าซ้ายของเขา
“เจ้านี่คืออะไรน่ะ?” โจวเหว่ยชิงก้มลงคว้าคอเจ้าสัตว์น้อยตัวนั้นและหยิบมันขึ้นมา ”ปิงเอ๋อร์ เจ้าดูสิ นี่คืออะไรหรือ?”
เมื่อเขาหยิบเจ้าสิ่งเล็กๆ ที่มีขนนุ่มนิ่มขึ้นมาพิจารณาดู ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วมันคือลูกเสือตัวน้อย!
บริเวณหัวกลมๆ เล็กๆ ของมันมีขนสีฟ้างอกขึ้นเป็นอักษรคำว่า “ราชา” ตรงส่วนกลางหน้าผากพอดิบพอดี แม้ว่าลำตัวสีขาวคาดฟ้าของมันจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีลักษณะเหมือนเสือทุกประการ เว้นก็แต่เพียงสีขนที่ดูแปลกประหลาดหายากมากเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ดวงตากลมโตของมันก็เป็นสีฟ้าเข้มเช่นกัน ขณะที่ถูกโจวเหว่ยชิงฉวยหลังคอยกตัวมันขึ้นมามอง มันก็ร้องแง้วๆ ออกมาด้วยความไม่พอใจ
“หวาาา! ช่างเป็นเจ้าตัวน้อยที่น่ารักยิ่ง!” เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเห็นลูกเสือตัวจ้อย ดวงตาของเธอก็สว่างวาบขึ้นทันที เธอเร่งเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
โจวเหว่ยชิงกระพริบตาและพูดว่า “เจ้าตัวน้อยนี่อาจเป็นอสูรสวรรค์ก็ได้? แต่ทำไมมันตัวเล็กขนาดนี้? หรือว่ามันเพิ่งจะเกิด?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับเสือสีขาวตัวนี้มาก่อนเลย แต่ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นอสูรสวรรค์ อ้วนน้อย วันนี้เจ้าโชคดีจริงๆ! ปกติแล้วมนุษย์สามารถเลี้ยงดูอสูรสวรรค์ได้ และเมื่อมันโตขึ้น มันก็สามารถช่วยเจ้าต่อสู้และช่วยปกป้องเจ้าได้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว สัตว์จำพวกเสือยังได้รับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งอสูรสวรรค์ แม้กระทั่งเสือประเภทที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นไปได้ที่จะไปถึงระดับปรมะ เพราะฉะนั้นเจ้าควรจะดูแลมันดีๆ! อืม…แต่มันตัวเล็กมากไปหน่อย เจ้าตัวน้อยนี่มาที่นี่ได้ยังไงกันนะ แล้วพ่อแม่ของมันอยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของโจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนไปทันที “รีบหนีกันเถอะ!! ถ้าพ่อแม่ของเจ้าตัวน้อยนี่รู้ว่าลูกของพวกมันหายไป พวกมันจะต้องออกตามหาลูกของมันแน่ๆ ถึงตอนนั้นพวกเราจะซวยเอานะ!”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกเย็บวาบไปถึงขั้วหัวใจทันที แม้เธอจะไม่รู้ว่าเจ้าเสือตัวน้อยนี้เป็นอสูรสวรรค์ชนิดไหน แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าพ่อแม่ของมันต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ ไม่มีใครลังเลอีกแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งคู่รีบหยิบธนูอุษาม่วงขึ้นมาและวิ่งแจ้นออกไปด้วยความเร็วสูงสุด มุ่งหน้ากลับไปยังค่ายทหารอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ทันที
…………………………………………………