Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 25.2 แม่ทัพโจวมาถึง (2)
แม่ทัพโจวยิ้มออกมาเบาบางและพูดว่า “ดีมาก เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตะลึงงัน เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่เขา
แม่ทัพโจวยืนขึ้นอย่างช้าๆ เขาเดินไปตรงหน้าเธอ ก่อนจะยิ้มขณะที่พูดว่า “ตอนแรก ที่องค์จักรพรรดิและข้าได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ายืนยันจะให้เจ้าเข้ากองทัพแม้ว่าองค์จักรพรรดิจะทรงคัดค้านก็ตาม เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเลือกเช่นนั้น?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่ายหัวด้วยความสับสน
แม่ทัพโจวกล่าวต่อไปว่า “นั่นเป็นเพราะค่ายทหารเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการใช้กระตุ้นนิสัยที่แท้จริงของเจ้าออกมา หากเจ้าอยากจะเป็นทหาร ทุกอย่างก็ต้องเริ่มที่ค่ายทหาร เมื่อเจ้าได้สัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง เมื่อได้เห็นการนองเลือดที่แท้จริงและทหารที่ถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา ในอนาคตเจ้าจะรู้เส้นทางของตนเอง รู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นการลาออกของเจ้า ข้าจะยอมรับมัน ในอนาคต หากเจ้ากลับมายังค่ายทหาร เจ้าจะได้รับเงินเดือนเทียบเท่าผู้บัญชาการกองพัน และในเวลานั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่พูดคำว่า ‘ขอลาออก’ อีก”
หลังจากกล่าวจบ แม่ทัพโจวก็กลับไปที่เก้าอี้ของผู้บัญชาการสูงสุดของตน เขานั่งลงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ คำตัดสินของเจ้ามาถึงแล้ว”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์คุกเข่าลงข้างเดียว ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยอยู่ที่นี่”
แม่ทัพโจวกล่าวต่อ “อนุญาตให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันจะถูกครอบครองต่อโดยเซียวเซ่อ พรุ่งนี้เช้า ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะกลับไปที่เมืองหลวงและจะไปรายงานตัวที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์”
เมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์’ ร่างของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็สั่นสะท้านเล็กน้อย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพโจวอีกครั้ง ดวงตาที่งดงามของเธอแสดงให้เห็นถึงความสุขสม แม่ทัพโจวกล่าวพร้อมกับความนัยลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา “หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์เป็นสถานที่ที่จะทำให้เจ้ารู้จักตนเองมากยิ่งขึ้น แต่คราวนี้เจ้าจะไม่มีคนคอยหนุนหลังอีกต่อไป เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่?”
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หรืออาจพูดได้ว่ากระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “ข้าเข้าใจ ขอขอบคุณท่านแม่ทัพที่ให้โอกาสนี้กับข้า ไม่ว่าข้าจะต้องฝึกหนักแค่ไหน ข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อข้ากลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ให้ได้”
แม่ทัพโจวพยักหน้าและพูดว่า “ดีมาก กลับไปเก็บข้าวของของเจ้า พรุ่งนี้เช้าเจ้าสามารถออกเดินทางได้”
“น้อมรับคำสั่ง” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน มองไปยังโจวเหว่ยชิงที่กำลังคุกเข่าลงด้านข้างท่านแม่ทัพด้วยท่าทียอมจำนน ก่อนจะเดินออกจากกระโจมไป
ทันทีที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ออกจากกระโจมไป ใบหน้าของแม่ทัพโจวก็เปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน เผลอๆ อาจจะดำกว่าก้นหม้อด้วยซ้ำ เขามองไปที่เกาเฉินและเฉียนจ้านเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็กล่าวว่า “เจ้าทั้งคู่ออกไปได้แล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามใครเข้ามาขัดจังหวะ”
เจ้าหน้าที่ 2 คนเป็นนายทหารระดับสูงสุดในกองทัพอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะน้อมรับคำสั่งของแม่ทัพโจว ทั้งคู่คำนับแสดงความเคารพเขาก่อนจะมุ่งหน้าออกไปทันที ในขณะนี้จึงมีเพียง 3 คนที่เหลืออยู่ในกระโจม แม่ทัพโจว โจวเหว่ยชิงและเซียวหรูเซ่อ
“เจ้าเด็กเหลือขอ มานี่เดี๋ยวนี้!” แม่ทัพโจวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“อา” โจวเหว่ยชิงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปพร้อมกับใบหน้าเศร้าหมอง ในขณะที่เดินผ่านเซียวหรูเซ่อ เขาก็ตวัดสายตาจ้องเธอทันที
เซียวหรูเซ่อยักไหล่ใส่เขาด้วยสีหน้าหมดหนทาง เหว่ยน้อย ในกองทัพ หากรู้ข้อมูลแต่ไม่รายงานถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรงมาก ถ้าลุงโจวไม่มา ข้าก็ยังสามารถปกปิดมันไว้ได้ แต่เพราะตอนนี้เขามาด้วยตัวเอง ถ้าข้าไม่บอกความจริงกับเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคต ข้าจะสู้หน้าแม่ทัพโจวได้อย่างไร?
เท้าของพลเอกโจวพุ่งทะยานเข้าหาโจวเหว่ยชิงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า *ปั่ก* ร่างของโจวเหว่ยชิงถูกกระแทกจนเซถลากลับไปข้างหลัง 5 เมตร เขากลิ้งตัวหลายตลบบนพื้นก่อนนอนจะไปแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น
กรามขอเซียวหรูเซ่ออ้าค้างอย่างตกตะลึง แม้เธอจะรู้ว่าแม่ทัพโจวมักมีอารมณ์รุนแรง แต่เธอกลับไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะโหดเหี้ยมกับลูกชายตนเองขนาดนี้
“หืม?” ดวงตาของแม่ทัพโจวเผยความประหลาดใจออกมา เมื่อกี้ตอนที่เขาเตะโจวเหว่ยชิง จุดที่เท้าของชายหนุ่มเตะลงไปกลับรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและความยืดหยุ่นที่ช่วยลดแรงกระแทกได้เกือบทั้งหมด
โจวเหว่ยชิงนอนบนพื้นและร้องไห้ออกมา เขาร้องโวยวายว่า “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว! ยังไงซะ ข้าก็เป็นลูกชายคนเดียวของท่าน เห็นแก่ท่านแม่ ท่านตีข้าเบาๆ หน่อยจะได้ไหม!?”
แม่ทัพโจวกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ายังจำแม่ของเจ้าได้อยู่เหรอ? นางเกือบจะโมโหตายเพราะเจ้า เลิกแสดงละครได้แล้ว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
โจวเหว่ยชิงไม่กล้าแสดงละครต่อหน้าบิดาของเขาอีกต่อไป เด็กหนุ่มลุกพรวดพราดขึ้นมาทันทีจนทำให้หมวกลมบนศีรษะของเขาหล่นลงมา โจวเหว่ยชิงรีบฉวยโอกาสเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของบิดาอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเขาราวกับว่าตนเองเป็นเพียงกระสอบทรายเก่าๆ ใบหนึ่ง เมื่อรวมกับใบหน้าที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์และอารมณ์เศร้าโศกของเขา แม้แต่เซียวหรูเซ่อเองก็ยังอดรู้สึกสงสารไม่ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหรูเซ่อได้เห็นแม่ทัพโจวสั่งสอนโจวเหว่ยชิง และเธอก็คิดกับตัวเองว่า บิดากับบุตรชายคู่นี้แน่นอนว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างแท้จริง คนเป็นพ่อเตะลูกกระเด็นออกไปไกลถึง 5 เมตร แต่คนลูกกลับยังลุกขึ้นยืนหน้าตาเฉย
“ท่านพ่อ ให้โอกาสข้าอธิบายก่อน! ครั้งนี้มันไม่ใช่ความผิดของข้า!” ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกล่าวเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เซียวหรูเซ่อ หากบิดาพยายามจะตีเขาอีกครั้ง เขาจะวิ่งไปที่หลบข้างหลังเธอ!
แม่ทัพโจวมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา “คุกเข่าลง อธิบายมา”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ “ท่านพ่อ ต่อหน้าท่านพี่หรูเซ่อ ท่านช่วยรักษาหน้าข้าบ้างจะได้ไหม?”
แม่ทัพโจวกรอกตาและจ้องมองเขาอีกครั้ง “หน้า? เจ้ายังมีหน้าให้รักษาอีกหรือ? อยากให้บิดาของเจ้าฟาดหน้าเจ้าแทนหรือไม่? ฮึ่ม! บอกไว้ก่อน ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ! ตอนนี้ในกระเพาะของพ่อเจ้าอัดแน่นไปด้วยความโกรธ ถ้าตอนนี้เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจะตีเจ้าจนแม่เจ้าจำเจ้าไม่ได้เลยทีเดียว!”
แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงเคยถูกทุบตีมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะคุกเข่าลงพลางคิดกับตัวเองถ้าท่านตีข้าจนท่านแม่จำไม่ได้ นางย่อมต้องตีท่านคืนแน่!
“ท่านพ่อ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเช่นนี้ วันนั้นข้าไปที่ป่าดาราเพื่อเล่นน้ำคลายร้อน นั่นเป็นจุดเดิมที่ข้าไปอาบน้ำตามปกติ ใครจะรู้ว่าข้าจะเจอเจ้าหญิงที่ไปอาบน้ำที่นั่นเหมือนกัน! นั่นเป็นเรื่องบังเอิญชัดๆ! ตี้ฝูหยาคนนั้นหยิ่งผยองและดื้อรั้นเกินไป นางไม่ยอมฟังคำอธิบายของข้าเลยสักนิด ทั้งยังใช้มณีธาตุของนางโจมตีข้า รู้หรือไม่ว่าท่านเกือบสูญเสียลูกชายไปแล้วนะ!”
“ด้วยเหตุนั้น เจ้าจึงหนีไปเช่นนั้น?” แม่ทัพโจวกล่าวเสียงเยือกเย็น ในความเป็นจริง ตี้ฝูหยาได้บอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นแล้ว เพราะเธอรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก เธอจึงไม่กล้าปิดบังอะไรเลย เช่นนี้เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หากไม่ใช่เพราะแท้จริงแล้วโจวเหว่ยชิงไม่ได้ทำอะไรผิด ฝ่าเท้าของเขาคงไม่ได้โผล่เข้าไปทักทายลูกชายแค่เพียงข้างเดียวแน่ ด้วยอารมณ์โกรธของแม่ทัพโจว เขาอาจจะทุบโจวเหว่ยชิงจนบวมฉึ่งกลายเป็น ‘อ้วนน้อยโจว’ ไปแล้วจริงๆ ก็ได้ ไม่สิ บางทีอาจจะต้องเรียกว่า ‘อ้วนใหญ่โจว’ ต่างหาก
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างโศกเศร้า “ข้าจะไม่หนีไปแบบนั้นได้ยังไง? ใครจะรู้ว่าตี้ฝูหยาจะพูดอะไรบ้างเมื่อนางกลับไป ถ้านางโบ้ยความผิดมาให้ข้าล่ะ ด้วยอารมณ์ของท่าน ท่านจะไม่หักขาข้าหรือ? ดังนั้นเพื่อหลานชายในอนาคตของท่าน ข้าเลยตัดสินใจเอาชีวิตรอดไว้ก่อน เมื่อคิดได้ดังนั้นข้าเลยหนีออกมาและพยายามจะหาทางสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองก่อน ถึงเวลานั้น พอข้ากลับไปที่ตระกูล นั่นจะไม่ทำให้ท่านพ่อภาคภูมิใจหรอกหรือ? ข้าไปเห็นประกาศรับสมัครทหารใหม่พอดี ดังนั้นข้าจึงสมัครเข้าร่วมกองทัพ”
เมื่อมองดูผู้เป็นบิดา เขาก็คิดกับตัวเอง: ดูเหมือนท่านพี่หรูเซ่อจะไม่ได้บอกความจริงกับเขาทั้งหมด ท่านพ่อยังไม่รู้เกี่ยวกับมณีสวรรค์ของข้า ฮ่าๆ!
เพื่อได้ฟังคำอธิบายจากลูกชาย สีหน้าของแม่ทัพโจวก็คลี่คลายลงเล็กน้อย เขารู้จักตนเองดี หากตี้ฝูหยาโบ้ยความผิดให้โจวเหว่ยชิงและโกหกว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มคงไม่ยอมอภัยให้โจวเหว่ยชิงเป็นแน่
“งั้นบอกข้าหน่อยสิ ตั้งแต่เจ้าเข้าร่วมกองพันที่ 3 เจ้าใช้ชื่อปลอมว่าอะไร?” แม่ทัพโจวพูดอย่างเฉยเมย ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะอ้าปากพูดอะไร เซียวหรูเซ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตอบออกมาอย่างรวดเร็ว “ลุงโจว เหว่ยน้อยแสดงฝีมือการต่อสู้ของเขาออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก เขาไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลทหารใหม่ที่โดดเด่นที่สุดในการแข่งขันระหว่างทหารใหม่และได้รับยศเป็นนายหมู่ แต่ยังได้รับการแต่งตั้งจากผู้บัญชาการกองพันให้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเธออีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างการซุ่มโจมตีครั้งก่อนหน้า ขณะที่ผู้บัญชาการซ่างกวนปิงเออร์ถูกโจมตี ลูกศรของเขาเป็นตัวพลิกสถานการณ์ในสนามรบและช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีกด้วย หากพูดถึงผลงานของเขาในสนามรบ เขาต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการกองร้อยด้วยซ้ำ!”
คำพูดของเซียวหรูเซ่อทำให้ท่าทางของแม่ทัพโจวดูดีขึ้นมาก เขาพูดอย่างอ่อนโยน “หรูเซ่อ เจ้ายกย่องเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มากเกินหรือเปล่า? ข้าจะไม่รู้ความสามารถของลูกข้าได้อย่างไร ปิงเอ๋อร์ยังจะต้องให้เขาช่วยอีกหรือ?”
เซียวหรูเซ่อยิ้มบางเบาและพูดว่า “ลุงโจว ข้าควรให้เหว่ยน้อยเล่าให้ท่านฟังเอง ข้ามั่นใจว่าท่านจะต้องประหลาดใจแน่ นักปราชญ์จากไปเพียง 3 วัน หลังกลับมาก็ยังต้องมองพวกเขาใหม่ เหว่ยน้อยในตอนนี้ไม่เหมือนกับเหว่ยน้อยคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
“หืม?” แม่ทัพโจวมองบุตรชายของตนอย่างสงสัย ชายหนุ่มไม่ได้คิดไปถึงเรื่องที่ว่าโจวเหว่ยชิงอาจกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์เลยเพราะเขาย่อมรู้อาการของบุตรชายตนเองดีที่สุด หากลมปราณของโจวเหว่ยชิงอุดตัน อย่างไรก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถฝึกปราณสวรรค์ แม่ทัพโจวใช้เวลาหลายปีในการทดลองใช้วิธีการต่างๆ เสียเวลาและเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพื่อเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าบุตรชายของเขาไม่สามารถฝึกปราณสวรรค์ได้ แต่ถึงแม้ตนเองจะมีพลังปราณสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง เขาก็ยังไม่สามารถช่วยบุตรชายเกี่ยวกับความบกพร่องในเส้นลมปราณที่อุดตันได้อยู่ดี และตอนนี้ชายหนุ่มก็ได้สูญเสียความหวังทั้งหมดไปแล้ว
“พูดออกมา เกิดอะไรขึ้น?” แม่ทัพโจวพูดอย่างเย็นชาขณะที่จ้องไปยังบุตรชายของตน
คราวนี้โจวเหว่ยชิงเหยียดหลังตรงและยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เขาคิดกับตัวเองในใจ ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็สามารถยืดอกต่อหน้าท่านพ่อได้อย่างภาคภูมิใจแล้ว! เขายิ้มแย้มแจ่มใสและพูดว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้ลูกชายของท่านเป็นจ้าวมณีสวรรค์!” ในขณะที่พูด จอมเจ้าเล่ห์น้อยก็ดึงแขนเสื้อของเขาขึ้นและชักนำพลังปราณสวรรค์ออกมา มณียุทธ์หยกน้ำแข็งและมณีธาตุไพฑูรย์ตาแมวพลันปรากฏขึ้นพร้อมกันเหนือข้อมือของเขา จากนั้นก็เริ่มหมุนวนไปรอบๆ
แม่ทัพโจวมองดูมณีสวรรค์ที่ลอยวนอยู่รอบข้อมือของโจวเหว่ยชิงอย่างตกตะลึง ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน ชายหนุ่มตะโกนออกมาว่า “เจ้าเด็กสารเลว!”
“เอ๋?” โจวเหว่ยชิงค่อนข้างตกใจกับการดุด่าของบิดา เขาคิดกับตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้ข้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว แต่ท่านพ่อกลับยังด่าทอข้าอีก?
“เจ้า… เจ้ากล้าแสร้งทำตัวเป็นจ้าวมณีสวรรค์เพื่อหลอกลวงข้าและหลบหนีการลงโทษจากข้าหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังใช้ไพฑูรย์ตาแมวสีน้ำเงินอีก? เจ้าไม่รู้วิธีหลอกให้มันเนียนๆ กว่านี้หรือ? ฮึ! ทำให้บิดาของเจ้ามีความสุขแค่ชั่วพริบตาก่อนจะต้องฝันสลาย รอก่อนเถิด ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!” ในขณะที่เขาพูด แม่ทัพโจวก็ก้าวไปข้างหน้าแล้ว มือของเขาพลันพุ่งตรงไปยังศีรษะของโจวเหว่ยชิง
ในความเป็นจริงแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่เชื่อโจวเหว่ยชิง เนื่องจากความคิดที่ฝังใจไปแล้วมักจะมีผลอย่างมากต่อผู้คน และสำหรับเขา คนที่เคยทนทุกข์ทรมานและพยายามทุกวิถีทางมานานนับ10ปีเพื่อที่จะลองแก้ไขเส้นชีพจรของบุตรชายตนเองแต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีช่วยได้ นั่นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเจ็บปวดมากสำหรับเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงคิดไปเองทันทีว่าโจวเหว่ยชิงกำลังโกหกหลอกลวงตน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไพฑูรย์ตาแมวสีน้ำเงินที่เขาเห็นก็ยังมีความพิเศษและแปลกออกไปจากปกติมาก เป็นธรรมดาที่ชายหนุ่มจะไม่นึกถึงมณีที่หายากเช่นไพฑูรย์ตาแมวสองสี
เมื่อฝ่ามือของเขากำลังพุ่งเข้าไปหาโจวเหว่ยชิง แน่นอนว่ามันย่อมเต็มไปด้วยพลังรุนแรงที่มาจากความโกรธล้วนๆ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนี้ก็เป็นบุตรชายคนเดียวของตน ดังนั้น ก่อนที่มือข้างนั้นจะพุ่งไปถึงตัวโจวเหว่ยชิง ฝ่ามือของเขาก็พลันเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเป้าไปที่ไหล่ของโจวเหว่ยชิงแทน มิเช่นนั้นเมื่อฝ่ามือนั้นกระทบใบหน้าโจวเหว่ยชิง เขาก็อาจจะกลายเป็น ‘โจวไร้ฟัน’ ก็ได้
“แง้ววว แง้ววว” เสียงร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น จากนั้นหัวน้อยๆ ของลูกสัตว์สีขาวน่ารักตัวก็หนึ่งโผล่ออกมาจากชุดเกราะหนังของโจวเหว่ยชิง มันข่มขู่แม่ทัพโจวด้วยเขี้ยวเล็กๆ ของมัน แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่ยืนเฉยๆ รอรับการโจมตีครั้งนี้แน่ ขาขวาของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง จากนั้นร่างของเขากระโจนถอยหลังออกไป 2-3 เมตร ทันหลบระเบิดลูกย่อมๆ ที่พุ่งเข้ามาหาได้อย่างพอดิบพอดี
…………………………