Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 25.3 แม่ทัพโจวมาถึง (3)
โดยปกติเมื่อบิดาจะทุบตีเขา โจวเหว่ยชิงก็มักจะไม่ต่อต้านเท่าไหร่นัก เพราะถึงอย่างไรบิดาตีสั่งสอนบุตรก็เป็นหลักการที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย แต่ทว่าในครั้งนี้เขารู้ว่ามันเป็นความเข้าใจผิด หากยอมรับ นั่นก็จะไม่ยุติธรรมสำหรับตัวเอง และเขาก็ไม่ได้โง่เง่าขนาดจะรอรับโทษที่ตนไม่ผิดด้วย
“เจ้ายังกล้าหนีอีกหรือ? ฮึ!” แม้ว่าการโจมตีของแม่ทัพโจวในตอนนี้มาจากอารมณ์โกรธล้วนๆ แต่ความเร็วของบุตรชายก็ยังทำให้เขาต้องประหลาดใจ ชายหนุ่มกำลังกรุ่นคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้กำลังพูดความจริง?
“ท่านพ่อ ท่านเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง อย่าบอกข้าว่าท่านไม่รู้จักไพฑูรย์ตาแมวสองสี!” โจวเหว่ยชิงตะโกนบอกอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นและชักนำพลังปราณสวรรค์ออกมา ทันใดนั้น ท่ามกลางไอหมอกที่เย็นยะเยือก ธนูราชันก็ปรากฏตัวขึ้นในมือเขา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด โจวเหว่ยชิงไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป และเขาก็เชื่อว่าศาสตรามณียุทธ์จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดเอง
ทันทีที่ธนูราชันปรากฏตัวขึ้น ทั่วทั้งกระโจมก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ไอพลังหนาแน่นของมณียุทธ์บริสุทธิ์ดึงดูดความสนใจของแม่ทัพโจวในทันที
แม่ทัพโจวจ้องมองธนูราชันในมือของบุตรชายในระยะประชิด และต่อมาการกระทำที่แปลกประหลาดของเขาทำให้ทั้งโจวเหว่ยชิงและเซียวหรูเซ่อไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม่ทัพใหญ่ที่องอาจคนนั้นกำลังยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาขยี้ตาด้วยท่าทีพึลึกพิลั่นเป็นอย่างมาก
“ศาสตรามณียุทธ์?”
โจวเหว่ยชิงกลัวบิดาจะตีเขาอีกครั้งจึงรีบร้อนตอบกลับ “ใช่! นั่นคือศาสตรามณียุทธ์ของมณีธาตุดวงแรกของข้าชื่อว่าธนูราชัน มีระยะการโจมตีมากกว่า 1.5 กิโลเมตร และมีพลังเสริมคือระเบิดทำลายล้าง นอกจากนี้ยังมีหลุมบรรจุมณีสำหรับใส่มณีธาตุเพื่อใช้ประสานร่วมกับทักษะธาตุอื่นๆ ด้วย”
ร่างของแม่ทัพโจวสั่นสะท้านเล็กน้อยขณะที่เขาก้าวถอยหลังไปอย่างเลื่อนลอย เห็นได้ชัดว่าจังหวะหายใจของเขาหนักขึ้นกว่าเดิมมาก “เหว่ยชิง ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้ายิงธนูใส่ข้าเดี๋ยวนี้”
ในฐานะนักธนู โจวเหว่ยชิงย่อมมีลูกธนูติดกายอยู่เสมอ แต่หากจะให้เขายิงบิดาของตนเอง เด็กหนุ่มก็คงไม่กล้าทำเช่นกัน “ท่านพ่อ…นั่น…”
“อย่าพูดพล่ามเสียเวลา! ใช้ความแข็งแกร่งของเจ้าให้เต็มที่หรือจะให้ข้าตีเจ้า!” แม่ทัพโจวเพิ่งจะฟื้นจากอาการตื่นตระหนก สับสนและมึนงง ชั่วขณะนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
โจวเหว่ยชิงคุ้นเคยกับนิสัยของบิดาเป็นอย่างดีและรู้ว่าเขาจะทำตามที่พูดแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มจึงไม่ต่อล้อต่อเถียงบิดาอีก เขาเงียบลงและตั้งสมาธิให้แน่วแน่ ขณะที่ดึงลูกธนูออกมาแล้วพาดมันลงบนธนูราชัน ไหล่ของเขาเกร็งแน่นเมื่อต้องง้างสายธนูขึ้นให้เป็นรูปพระจันทร์เต็มดวงและเพ่งสมาธิไปที่มณีธาตุอย่างรวดเร็ว จากนั้นมณีธาตุที่ข้อมือซ้ายก็กลิ้งลงไปในหลุมบรรจุมณีบนธนูราชันเงียบๆ อย่างไรก็ตาม แม่ทัพโจวก็เป็นบิดาของเขา แม้จะได้รับคำสั่งให้ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อโจมตีอีกฝ่าย แต่วงล้อทักษะธาตุของเขากลับขยับไปยังพื้นที่สีดำที่แสดงทักษะธาตุมืดแทนที่จะเป็นส่วนสีน้ำเงินที่สร้างความเสียหายมากที่สุดอย่างธาตุสายฟ้า
ขณะนี้โจวเหว่ยชิงอยู่ห่างจากบิดาประมาณ 10 เมตร และทันทีที่แม่ทัพโจวเห็นธนูราชันในมือของโจวเหว่ยชิง เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ด้วยระดับการฝึกฝนของเขา ชายหนุ่มย่อมรู้สึกถึงพลังปราณสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในธนูราชันได้อย่างชัดเจน
“ท่านพ่อ ระวังตัวด้วย!” หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็ปล่อยสายธนูทันที
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเกือบจะพร้อมกันในทันที และก่อนที่ทุกคนจะเห็นลูกศรของโจวเหว่ยชิง ลูกศรสีดำดอกนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าแม่ทัพโจวแล้ว
กรามของโจวเหว่ยชิงอ้าค้างเมื่อจ้องมองไปยังอีกฝ่าย ลูกศรที่ยิงออกไปด้วยธนูราชันนั้นกำลังหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าบิดาของตนเอง และเขาก็ไม่ทันได้เห็นหรือสัมผัสได้ถึงทักษะที่ฝ่ายนั้นนำออกมาใช้แม้แต่น้อย
*ปัง* เสียงระเบิดที่เบาบางกว่าดังขึ้นมาอีกครั้งและลูกศรดอกนั้นก็พลันสลายตัวกลายเป็นฝุ่นผงไปในพริบตา เขาเห็นแล้วว่าบิดาใช้ทักษะสัมผัสมืดและหนวดสีดำ 12 เส้นที่ยาวประมาณครึ่งเมตรก็เปล่งแสงริบหรี่ออกมาในชั่วพริบตาก่อนที่จะหายตัวไป ราวกับว่าพวกมันคือปลาหมึกตัวเล็กๆ ที่กำลังลอยล่องไปมารอบๆ ตัวแม่ทัพโจก่อนจะสลายหายไปกลางอากาศ
โจวเหว่ยชิงรู้แน่ชัดอยู่แล้วว่าพลังทำลายล้างของธนูราชันแข็งแกร่งเพียงใด และสำหรับลูกศรดอกนั้น แน่นอนว่าเขาใช้กำลังของตนอย่างเต็มที่ แต่แม่ทัพโจวสามารถหยุดลูกศรดอกนั้นได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเขาด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของบิดาตนเองมาก่อน และตอนนี้เขาก็ตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของจ้าวมณีสวรรค์ที่อยู่ในระดับเทวะขั้นกลางนั้นเป็นเช่นไร
เซียวหรูเซ่อยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เธอเห็นว่าเมื่อโจวเหว่ยชิงปล่อยลูกธนูของตนออกไป แม่ทัพโจวก็ระเบิดลูกศรดอกนั้นได้ในเสี้ยววินาที
โจวเหว่ยชิงตกตะลึง แต่ทว่าในอีกด้านหนึ่ง แม่ทัพโจวเองก็อึ้งไปเช่นกัน แน่นอนว่าด้วยระดับการฝึกปราณที่แตกต่างกันมากเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะทำร้ายเขาได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมผัสลูกศรดอกนั้น เขาก็สามารถประเมินความแข็งแกร่งของลูกชายได้แล้วเช่นกัน
“หรูเซ่อ โปรดกลับไปก่อน ข้าต้องคุยกับเด็กเหลือขอตัวน้อยคนนี้เพียงลำพัง” แม่ทัพโจวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“น้อมรับคำสั่ง” เซียวหรูเซ่อทำความเคารพก่อนที่จะหันหลังกลับไป
ใบหน้าของแม่ทัพโจวดูสงบนิ่งราวกับน้ำทะเลลึก ไม่ช้าเขาก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ โจวเหว่ยพร้อมกับชิงคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ ในชั่วพริบตาเดียว สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวโจวเหว่ยชิงก็กลายเป็นภาพมัวๆ เด็กหนุ่มมองไม่เห็นอะไรเลย รู้สึกได้แค่เพียงว่ามีกระแสลมรุนแรงกำลังพัดผ่านตัวเขาอยู่ในขณะนี้ โจวเหว่ยชิงเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว เขาจึงสามารถสัมผัสได้ว่าบิดาของตนไม่ได้ใช้มณีสวรรค์เลยแม้แต่ดวงเดียว ความเร็วที่บ้าคลั่งขนาดนี้อาศัยแค่ปราณสวรรค์ของเขาเท่านั้น ความเร็วดังกล่าวทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าตนกำลังบินโฉบไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้ามณีสวรรค์ 8 ชุด จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง!
หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที แม่ทัพโจวก็หยุด ในที่สุดโจวเหว่ยชิงเห็นว่าบิดาพาตัวเองมาไปที่เนินเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง
แม่ทัพโจววางลูกชายของตนไว้บนพื้น ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือไปเท้าเอวของตนเองแล้วหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ! ลูกชายข้าไม่ใช่เศษสวะ! วะฮะฮ่า!”
เสียงหัวเราะอึกทึกครึกโครมของแม่ทัพโจวเกือบทำให้โจวเหว่ยชิงตกใจจนกลิ้งตกหน้าผา ในความทรงจำของเด็กหนุ่ม เขาไม่เคยเห็นบิดาหน้าดำของตนมีความสุขเช่นนี้มาก่อน
แม่ทัพโจวหัวเราะออกมาเสียงดังเป็นเวลานานจนโจวเหว่ยชิงสามารถพักกินอาหารเสร็จไปได้ 2 มื้อ ในที่สุดเขาก็หยุดจนได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันกลับมามองโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง ชายหนุ่มก็กลับไปใช้ใบหน้าที่เข้มงวดตามปกติ
“เจ้าเด็กเหลือขอ! เล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้ว่าเจ้ากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ได้อย่างไร อย่าได้ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเชียว!”
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างลังเลเล็กน้อย “ท่านพ่อ เอ่อ…การตื่นของมณีสวรรค์ของข้านั้นค่อนข้างจะแปลกประหลาดไปเสียหน่อย…ถ้าข้าทำอะไรผิดไป ท่านจะไม่ตีข้าใช่หรือไม่?”
แม่ทัพโจวส่งเสียงฮึและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะไม่ตีเจ้า ตอนนี้เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าอีก! ทำไมข้าจะต้องทุบตีเจ้าด้วย! เจ้าคิดว่าข้าสนุกกับการทุบตีเจ้าหรือ? หัวใจของข้าเองก็เจ็บปวดเช่นกัน! ฮึ่ม! ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากลัวว่าเจ้า เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อยคนนี้จะอดตายง่ายๆ หากไม่มีจะกินหลังข้าตายจากไป เจ้าคิดว่าข้ามีเวลาว่างมากพอจะมานั่งตีลูกชายของตัวเองเล่นทุกวันหรือ?”
แม้ว่าน้ำเสียงของบิดาของเขาจะยังดูองอาจและเย็นชา แต่หลังจากฟังคำพูดของอีกฝ่าย โจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แน่นอน! ไม่ว่าเขาจะตีข้ามากแค่ไหน ตาแก่ผู้นี้ก็ยังเป็นบิดาของข้า!
สำหรับมนุษย์ ในเวลาที่พวกเขาตื่นเต้นก็มักจะโพล่งความจริงออกมาอย่างง่ายดาย บิดาของโจวเหว่ยชิงเองก็กำลังแสดงให้เห็นถึงความจริงในข้อนี้ “ท่านพ่อ ข้า…เอ่อ..ทำกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปแล้ว”
“ทำไปแล้วก็แล้วไปเถิด…เจ้าทำอะไรไปบ้างตอนมณีสวรรค์ตื่นขึ้นมา?” ถึงตอนนี้ แม่ทัพโจวก็ยังคงตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าโจวเหว่ยชิงเพิ่งพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มคว้าชุดเกราะหนังของโจวเหว่ยชิงขึ้น ทำให้เสือขาวตัวน้อยต้องหดหัวกลับลงไปที่เดิมอีกครั้ง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!!? เจ้าทำอะไร?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างโง่งมและพูดว่า“ เอ่อ…นั่น…” หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตัวเองกลืนกินไข่มุกสีดำเข้าไป จากนั้นก็หนีออกจากบ้าน และบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับบิดาของเขาทั้งหมด
แม้ว่าแม่ทัพโจวจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง แต่ฟังหลังจากฟังประสบการณ์ของบุตรชายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นั่นก็ยังทำให้สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง การเปลี่ยนแปลงสีหน้าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเมื่อโจวเหว่ยชิงเล่าถึงการตื่นขึ้นของมณีสวรรค์ของเขาและการเสียสละของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และสีหน้าแตกตื่นก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกชายเล่าว่าตนถูกฮูเหยียนเอ้าป๋อรับเป็นศิษย์
โจวเหว่ยชิงเล่าเรื่องราวของตนจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เมื่อเขาเล่ามาจนถึงสิ่งที่ประสบในเดือนที่ผ่านมา เด็กหนุ่มก็ส่งคัมภีร์วิชาเทพอมตะให้บิดาดู
เมื่อแม่ทัพโจวพลิกดูคัมภีร์วิชาเทพอมตะนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีที่อ่านไปได้ไม่กี่บรรทัด มือของเขาเงื้อขึ้นสูงราวกับกำลังจะทุบตีโจวเหว่ยชิงอีกครั้งอย่างลืมตัว แต่ทว่าชายหนุ่มก็หยุดตัวเองได้หลังผ่านไปครึ่งทาง
“ท่านพ่อ ท่านต้องรักษาคำพูดของท่านนะ ท่านบอกว่าจะไม่ตีข้าตอนนี้” โจวเหว่ยชิงพูดจาน่าสงสารกับบิดาของเขา
แม่ทัพโจวโยนคัมภีร์วิชาเทพอมตะคืนให้ลูกชาย โจวเหว่ยชิงจึงรีบเก็บมันไว้ที่อก
แม่ทัพโจวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะพูดว่า…เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อยเช่นเจ้ากินไข่มุกสีดำแปลกๆ เข้าไปและฝึกฝนวิชาเทพอมตะที่ไร้สาระเล่มนี้ กระตุ้นกลิ่นอายปีศาจภายในไข่มุกสีดำเม็ดนั้นให้ตื่นขึ้นมา จากนั้นเจ้าก็ยังเอาเปรียบซ่างกวนปิงเอ๋อร์ด้วยการจับเธอเป็นเครื่องสังเวยเพื่อปลุกมณีสวรรค์ของเจ้า? และปิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ฆ่าไอ้ลูกหมาเช่นเจ้าอีกด้วย?”
โจวเหว่ยชิงคิดกับตัวเองอย่างเย้ยหยัน ท่านพ่อ ถ้าท่านเรียกข้าว่าไอ้ลูกหมา นั่นไม่ได้หมายความว่าท่านเป็น…
“เอ่อ…ใช่…ถูกต้องแล้ว”
คิ้วที่ขมวดคิ้วแน่นของแม่ทัพโจวผ่อนคลายเล็กน้อย เขาถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ปิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ดีเกินไปจริงๆ! เฮ้อ…เจ้าควรจะปฏิบัติต่อเธอให้ดีและดูแลเธอสุดความสามารถของเจ้า จากนี้ไปปิงเออร์จะเป็นลูกสะใภ้ตระกูลโจวของเรา ฮึ่ม! เจ้าไม่ได้แสดงละครเก่งมากนักหรือ? แถมยังเรียนรู้กลอุบายมามากมาย ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำอะไรลงไป แต่เจ้าต้องหาทางพาปิงเออร์กลับไปตระกูลให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เจ้าควรจำไว้ว่าเจ้าห้ามบังคับเธอเด็ดขาด ปิงเออร์ต้องยินดีที่จะมากับเจ้าด้วยตัวเอง!”
โจวเหว่ยชิงกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกดีใจมากจึงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ หมายความว่าท่านยอมรับข้ากับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”
แม่ทัพโจวส่งเสียงฮึอีกครั้งแล้วพูดว่า “ในครั้งนี้เจ้าถือว่าได้เปรียบมาก เด็กเหลือขอตัวน้อย สำหรับฮูเหยียน เอ้าป๋อ เมื่อเจ้าอายุ 16 ปี เจ้าควรพยายามอย่างหนักเพื่อเรียนรู้วิธีสร้างศาสตรามณียุทธ์กับเขา เจ้าน่าจะตระหนักถึงความสำคัญของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ต่ออาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเรา เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเพื่อกลับไปที่ค่าย เมื่อถึงแล้วก็ให้รีบไปเก็บข้าวของซะ พรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางไปกับปิงเอ๋อร์ ไปรายงานตัวที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์”
โจวเหว่ยชิงสับสนเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่าบิดาจะยอมรับในตัวเขาได้อย่างง่ายดายหลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ อย่างน้อยเขาก็คิดว่าตนเป็นพ่ออาจจะชกเขาสักหมัด
เขาถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ “ท่านพ่อ…นั่นมัน? ท่านไม่ขอให้ข้าฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้นหรือ?”
แสงแปลกประหลาดแวบเข้ามาในดวงตาของแม่ทัพโจว และเขาพูดอย่างโมโห “ ทำไมต้องรีบ? ทำไมข้าต้องเร่งรัดเจ้า วิชาเทพอมตะที่ไร้สาระเช่นนี้รีบร้อนได้หรือ? ไอ้ลูกหมา! เจ้าควรจำไว้ว่าถ้าเจ้ากล้าตายต่อหน้าบิดาของเจ้าล่ะก็ ข้าจะทำให้ตัวเองกลายเป็นผีและตามไปหักขาของเจ้า ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว!”
โจวเหว่ยชิงเห็นว่าบิดาของเขาใกล้จะถึงจุดระเบิดอีกครั้งจึงไม่รั้งรออีกต่อไป เด็กหนุ่มรีบกระโจนวิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูบุตรชายที่วิ่งจากไป แม่ทัพโจวก็พลางหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เขาพึมพำกับตัวเอง “ฮึ่ม! ใครยังกล้าพูดว่าลูกชายของข้าเป็นเศษสวะอีก! ฮ่าๆ! เขาเป็นสุดยอดอัจฉริยะท่ามกลางอัจฉริยะทุกคน! ปิงเอ๋อร์ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นก็เก่งมากเช่นกัน หากนางคอยควบคุมเขา เจ้าเด็กเหลือขอนั่นก็ไปไหนไม่รอดแล้ว! หึ! เจ้าเด็กนั่นยังอยากจะให้ข้าสอนเขาอีก ข้าจะมีอะไรสอนเขาอีกล่ะ! ทักษะธาตุที่ดีที่สุดในมณีธาตุดวงที่ 8 ของข้าคือทักษะสัมผัสมืด แต่เด็กเหลือขอตัวน้อยนั่นกลับ… วะฮ่าๆ!”
…………………………….