Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 26.2 ข้าจะเสียภรรยาไปหรือ! (2)
เมื่อเห็นว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ มือขวาของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ลังเลที่จะแทงลูกธนูลงไปอีกครั้ง คราวนี้จุดหมายของเขาคือบริเวณหน้าอกของตนเอง ก่อนที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะทันได้ขยับตัวทำอะไร เลือดสดๆ ก็พุ่ง กระเซ็นออกมาจากบาดแผลเมื่อลูกศรถูกกดจนจมเข้าไปในเนื้อของเขา
โจวเหว่ยชิงกำลังแสดงให้เห็นถึงความอำมหิตของตนเอง เขากัดฟันแน่น แม้เหงื่อจำนวนมากจะเกาะอยู่เต็ม หน้าผากของเขา แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแน่วแน่ ไม่ยอมขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับว่าลูกธนู 2 ดอกนั้นไม่ได้ ปักคาอยู่ในตัวเขาสักนิด ทันใดนั้นมือของเขาขยับไปที่แล่งธนูอีกครั้งเพื่อนำลูกธนูอีกดอกออกมา
“พอแล้ว!” ในที่สุดซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ขยับตัว แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นรอบตัวเธอ จากนั้นเธอก็มาปรากฏตัวอยู่ เบื้องหน้าเขาพร้อมกับยื้อลูกธนูที่อยู่ในมือของเขาเอาไว้
“เจ้าโง่!!! เจ้าไม่กลัวตายแล้วหรือ? ไม่เจ็บหรือไง? ทำไมเจ้าต้องทำร้ายตัวเองด้วย?” ตั้งแต่เห็นร่างกายท่อนบน ของโจวเหว่ยชิงอาบย้อมไปด้วยเลือดสดๆ ความโกรธในใจของเธอก็พลันสลายหายไปนานแล้ว เธอยกมือขึ้นพยายาม จะปิดบาดแผลของเขาไว้ไม่ให้เลือดไหล แต่โจวเหว่ยชิงกลับยกมือขึ้นมาจับมือของเธอไว้แทน…
“ให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังก่อน พอเล่าจบแล้ว เราค่อยจัดการได้” น้ำเสียงของโจวเหว่ยชิงนุ่มนวลและอ่อนโยน เขามองเธอด้วยสายที่ตาเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง สิ่งที่เขาทำเมื่อสักครู่คือการเดิมพัน เขาเดิมพันว่าเธอมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาเช่นกัน และเธอจะต้องเข้ามาห้ามเขาแน่ แน่นอนว่ามันได้ผล และเมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องไห้ออกมา เขาก็รู้ว่า ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแล้ว
“ไม่! เจ้าอยากตายเหรอ? ให้ข้าห้ามเลือดให้เจ้าก่อน จากนั้นข้าจะฟังคำอธิบายของเจ้า ตกลงไหม?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดพลางสะอื้น ดึงมือของเธอจากการกอบกุมของโจวเหว่ยชิง เธอแย่งลูกธนูจากมือของเขาแล้วโยนมันทิ้ง จากนั้นก็วางมือของตนไว้บนบาดแผลของเขาเพื่อไหลเวียนพลังปราณสวรรค์ของเธอเข้าไปในภายใน
เธอดึงลูกธนูที่ยังฝังคาอยู่ในร่างกายของเขาออกมาอย่างคล่องแคล่วก่อนจะทำการปิดผนึกบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็ฉีกแขนเสื้อของเขาออก และเมื่อเธอเห็นบาดแผลของเขา เธอก็ต้องสูดหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง เพราะว่าบาดแผลพวกนั้นดูลึกมาก
ในความเป็นจริงเธอไม่รู้ว่าหากตอนนี้โจวเหว่ยชิงไม่ได้เปิดใช้มณีสวรรค์ของเขา และดูดซับกลิ่นอายชั่วร้ายของ ไข่มุกสีดำไปด้วยเขาก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้ เมื่อเขากลืนไข่มุกสีดำลงไปครั้งแรก ในตอนนั้นเขาแม้เขาจะเสียเลือดไปมาก แต่เลือดหนึ่งหยดจากกำปั้นของเขาก็ยังสามารถละลายต้นดาราขนาดใหญ่ให้กลายเป็นฝุ่นผงได้
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์นำชุดสำรองสีขาวสะอาดออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังของเธอ ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ และใช้ พันแผลของเขาอย่างระมัดระวัง
โจวเหว่ยชิงยืนอยู่นิ่งๆ มองดูเธอพันแผลให้เขา ในขณะนี้ลมหายใจที่เครียดเขม็งของเขาในที่สุดก็กลับมาสงบลง และดวงตาที่จริงจังก็กลับไปมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ผูกผ้าพันแผลของเขาอย่างรวดเร็ว หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ มือทั้งสองข้างก็มีเลือดของ โจวเหว่ยชโลมไว้จนทั่ว
“มานั่งพักตรงนี้ก่อน” เธอเงยหน้าขึ้นมองโจวเหว่ยชิงและพบว่าใบหน้าของเขาซีดเซียวมาก ดวงตาของเขา เริ่มปิดลงช้าๆ ร่างกายเริ่มซวนเซเนื่องจากเขาเสียเลือดมากเกินไป ทันใดนั้นเธอก็คว้าแขนอีกข้างของเขาไว้แน่น แต่เมื่อ เธอทำเช่นนั้น ร่างของเขาก็ล้มลงมาในอ้อมแขนของเธอทันที
“อ้วนน้อย อ้วนน้อย อย่าทำให้ข้ากลัวนะ!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบพยุงเขาไว้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เวลาเขาเผชิญหน้า กับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นฝูงหมาป่าโลกันตร์ เธอก็ไม่เห็นเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แต่เพื่อเธอ
โจวเหว่ยชิงผู้ซึ่งกลัวความตายคนนี้ถึงขั้นทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บสาหัส และเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เธอจะยัง พูดอะไรได้อีก?
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ช่วยพยุงเขาไปนั่งพักริมถนนอย่างรวดเร็ว เธอพิงตัวเองไว้กับต้นไม้ ในขณะที่โอบโจวเหว่ยชิง เอาไว้ในอ้อมแขนของตน
โจวเหว่ยชิงเปิดตาของเขาขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่พูดว่า “ปิงเอ๋อร์ ข้าสบายดี ตราบใดที่เจ้า เต็มใจฟังคำอธิบายของข้า จะให้ข้าแทงตัวเองอีก 2 แผลก็ย่อมได้” นี่ไม่ใช่การพูดจาไร้สาระของเขา ด้วยร่างกายของเขา ตอนนี้ ตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกแทงเข้าที่หัวใจ เขาก็ยังสามารถฟื้นตัวจากการแทงอีก 2 ครั้ง ในช่วงเวลาที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ กำลังอ่อนไหวเช่นนี้ ถ้าเขาไม่รีบใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็ไม่ใช่โจวเหว่ยชิงแล้ว! โจวเหว่ยชิงนอนอยู่ใน อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของเธอ แม้ว่าไหล่ของเขาจะรู้สึกปวดมากจนชาไปทั้งแถบ แต่หัวใจของเขากลับรู้สึกหวานล้ำราว กับได้ชิมน้ำผึ้งเดือนสิบ ดังนั้นตอนนี้โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกสบายอกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
น้ำตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์หยดลงมาราวกับไข่มุกเม็ดงาม “อ้วนน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว ข้าเชื่อเจ้า แม้เจ้าจะโกหกข้า ข้าก็จะให้อภัยเจ้า” ก่อนหน้านี้ แม้ในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าโลกันตร์ ในตอนนั้นเป็นโจวเหว่ยชิงที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเธอไว้ แต่ทว่าหัวใจของเธอก็ยังสับสนอยู่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอรู้สึก อย่างไรกับเขา
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่โจวเหว่ยชิงแทงลูกธนูดอกนั้นเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างเด็ดเดี่ยว ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้ สึกราวกับมีมีดแทงเข้าไปในหัวใจของเธอเช่นกัน จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ ได้ช่วงชิงพื้นที่ในหัวใจ ของเธอไปเสียแล้ว
โจวเหว่ยชิงปิดตาลงอย่างช้าๆ น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมากยิ่งขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ปิงเอ๋อร์ ข้าไม่ได้โกหกเจ้าจริงๆ ข้าไม่เคยเลย เจ้าจำได้ไหม ครั้งแรกที่เจ้าถามข้าเกี่ยวกับอดีตของข้า ข้าบอกว่าข้าไม่อยากจะ โกหกเจ้า ดังนั้นข้าจึงอ้อนวอนให้เจ้าอย่าได้ถามอะไรข้าอีก ข้ายอมรับว่าข้าปกปิดอดีตของตัวเอง แต่ข้าไม่เคยโกหกเจ้า ในเวลานั้น ถ้าข้าบอกตัวตนที่แท้จริงของข้าออกไป เจ้าจะอนุญาตให้ข้าอยู่ในค่ายทหารต่อหรือไม่? แน่นอนว่าข้ากลัวว่า เจ้าจะส่งข้ากลับไปหาท่านพ่อ ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “แต่…ทั้งๆที่เจ้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เจ้าก็ยังทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไร เกิดขึ้นเวลาอยู่กับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าปฏิบัติต่อนางอย่างเป็นธรรมหรือ? ปฏิบัติกับข้าอย่างยุติธรรมหรือไม่? เจ้าจะสู้หน้าพวกเราทั้งคู่ได้อย่างไร?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างขมขื่น “ข้าไม่เคยปฏิบัติกับตี้ฝูหยาเหมือนนางเป็นคู่หมั้นของข้าเลย ดังนั้นทำไมข้าต้อง ทำตัวดีกับนาง หรือทำไมข้าจะต้องสู้หน้านางไม่ได้ด้วย? ผู้หญิงที่พยายามจะฆ่าคู่หมั้นของตนเองเช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะ คิดถึงนางหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงได้กลืนไข่มุกสีดำเข้าไปในตอนแรก?” หลังจากนั้นเขาก็เล่าให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เขาไปอาบน้ำ พบตี้ฝูหยา และตอนที่เขาถูกเธอทิ้งให้ตายด้วย
“ …หลังจากที่ข้าหนีออกจากบ้าน ข้าก็ฝากจดหมายถึงบิดาของข้า ขอให้เขาช่วยข้าปฏิเสธการแต่งงาน ยังไงซะ ตี้ฝูหยาก็ไม่ชอบข้าอยู่แล้ว ซึ่งข้าเองก็เข้าใจดี แล้วข้าก็ไม่ได้ชอบนางเหมือนกัน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะงดงามแค่ไหน แต่ถ้าจิตใจของนางเลวร้ายถึงเพียงนี้ ข้าจะชอบนางลงได้อย่างไร? นางไม่เคยอยู่ในใจของข้า และคนที่ข้ารักคือเจ้าจริงๆ เจ้าอ่อนโยนและใจดีมาก แต่กับตี้ฝูหยา ตอนนั้นข้าแค่เห็นเพียงนางกำลังอาบน้ำอยู่ ไม่ได้เห็นนางเปลือยกายจริงๆ เสีย หน่อย แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพยายามจะฆ่าข้า ในทางกลับกัน สำหรับเจ้า แม้ว่าข้าจะข่มเหงเจ้าเช่นนั้น แต่เจ้ากลับยัง นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของอาณาจักรและห้ามตัวเองไม่ให้ฆ่าข้า แม้ว่าเจ้าจะสามารถฆ่าข้าได้อย่างชอบธรรมก็ตาม ยิ่ง ไปกว่านั้น เจ้ายังช่วยฝึกฝนให้ข้ากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์อีกด้วย นับตั้งแต่วันนั้น ความอ่อนโยนและความใจดีของเจ้า ทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก หลังจากข้าได้ใช้เวลาร่วมกับเจ้ามากขึ้น ข้าก็ตกหลุมรักเจ้าจริงๆ ปิงเอ๋อร์ ข้าไม่อาจอยู่ได้โดยขาด เจ้า”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หน้าแดงและพูดตะกุกตะกัก “แต่…แม่ทัพโจว…เขาได้ขอยกเลิกการหมั้นหรือไม่?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ท่านพ่อต้องรักษาหน้าขององค์จักรพรรดิ สำหรับเขาแล้วมันง่ายเลยที่จะยกเลิก งานแต่ง ต่อหน้าพ่อทูนหัวของข้า ข้าจะไปบอกเขาเองเป็นการส่วนตัวเองเมื่อเรากลับไปถึงแล้ว ปิงเอ๋อร์เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย แม้ ว่าในอนาคตข้าจะมีภรรยาหลายคน แต่ในนั้นจะต้องไม่มีตี้ฝูหยาแน่นอน”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆและพูดว่า “อืม …” อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จาก นั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!!? เจ้ายังอยากมีภรรยาคนอื่น??!”
“เอ่อ…ข้าพูดผิด…โอ้ยๆๆๆๆ ข้าเจ็บแผลนะ!!” ศีรษะของโจวเหว่ยชิงถูกผลักไปด้านข้าง ใบหน้าของเขา ซีดเผือก จากนั้นเขาก็ ‘เป็นลม’ ไปทันที ขณะที่เขาหมดสติไปนั้น เขาก็ยังไม่ลืมวางศีรษะของเขาตนในที่เหมาะๆ โจวเหว่ยชิงล้มลง ไปซุกอยู่บนหน้าอกของเธอพอดิบพอดี ในขณะนั้นแน่นอนว่าเป็นเขาลมไปจริงๆ แต่นั่นก็ยังไม่สามารถ หยุดนิสัยเจ้าเล่ห์ โดยธรรมชาติของเขาเอาไว้ได้
ในขณะที่เขาเพิ่งจะได้เพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ได้กดทับอยู่บนส่วนที่อ่อนนุ่มของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาย่อมรู้ดีว่า ความรู้สึกนั้นช่างยอดเยี่ยมมาก แต่ทว่าเนื่องจากเขาสูญเสียเลือดไปมากจริงๆ เพียงไม่นานโจวเหว่ยชิง ก็ผล็อยหลับไป อย่างไม่รู้ตัว
หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมาเขาก็พบว่า ตัวเองนอน อยู่บนตักของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาใช้ตักของเธอหนุนต่างหมอน และใช้เสื้อผ้าสำรองของเธอแทนผ้าห่ม ความอบอุ่นพลัน ท่วมท้นอยู่ในหัวใจของเขาทันที โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะแอบหวังให้ช่วงเวลาเช่นนี้คงอยู่ตลอดไป
มือเล็กๆ ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทาบลงบนหน้าผากของเขา “ในที่สุดเจ้าก็ตื่น เจ้าไม่มีไข้แล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?”
โจวเหว่ยชิงบิดขี้เกียจบนตักของเธออย่างสบายตัว และเมื่อเห็นหน้าตาที่แสดงความกังวลใจของเธอ หัวใจของ เขาก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาลองขยับไหล่อย่างเก้ๆ กังๆ และพบว่าแม้ว่ามันจะยังเจ็บอยู่ แต่อาการก็ดี ขึ้นมากแล้ว เขารู้ ว่าเพราะไข่มุกสีดำในร่างของเขาทำให้ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่ง กว่ามนุษย์ทั่วไปมากหลัก ฐานที่เห็นได้ชัดก็คืออาการบาดเจ็บจากการโจมตีของราชาหมาป่าโลกันตร์สามารถฟื้นฟู กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
“ปิงเอ๋อร์ เจ้าจะไม่ทิ้งข้าไปใช่ไหม?” โจวเหว่ยชิงยกมือขวาขึ้นกอดเธอไว้
“อืม” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ แก้มของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ
โจวเหว่ยชิงพยายามลุกขึ้นแล้วเอนตัวเข้าหาเธออย่างไร้เรี่ยวแรง เขาวางแขนขวาไว้บนไหล่ของเธอดันตัวเองขึ้น และเอนตัวเข้าใกล้…
เมื่อใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่งดงามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ยิ่งแดงก่ำ เธอก็พูดเบาๆว่า “เอาแขนออกไปซะ เจ้ายังบาดเจ็บอยู่”
โจวเหว่ยชิงตอบเธออย่างร่าเริง “นั่นหมายความว่า ทันทีที่อาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้ว พวกเราจะ…”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เอ็ดใส่เขา “เจ้าทำตัวดีๆ หน่อยจะได้ไหม!”
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “ก็ทำตัวดีๆ มันไม่ใช่นิสัยของข้านี่! ถึงยังไงผู้หญิงก็ชอบผู้ชายเลวๆอยู่ดี! ปิงเอ๋อร์ เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันเกิดของข้า วันเกิดครบรอบอายุ 14 ปี ก่อนหน้านี้ ตอนที่เราอยู่กับท่านอาจารย์ฮูเหยียน ข้าบอกเขา ว่าอีก 2 เดือนข้าจะอายุ 14 แต่ตอนนั้นข้าแค่เดาไปสุ่มๆ อันที่จริง วันนี้เป็นวันเกิดของข้าอย่างแท้จริง ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะไม่ จูบข้าเป็นของขวัญวันเกิดหน่อยหรือ?”
“14…” เมื่อได้ยินอายุของเขา สีหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็แปลกประหลาดขึ้นเล็กน้อย เธอก็ยื่นมือไปตีปากของ เขาแล้วพูดว่า “อ้วนน้อย เจ้าเพิ่งอายุแค่ 14 ปี ถือว่ายังไม่โตเต็มที่เท่าไหร่ พวกเราไม่ควรสนิทสนมกันมากเกินไป ไม่อย่าง นั้นมันอาจจะส่งผลต่อการการเจริญเติบโตของเจ้าก็ได้”
โจวเหว่ยชิงรู้สึกสับสน เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนจะเผลอยกหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง[1]เช่นนี้ การแสดงออกบนใบหน้า ของเขาจึงดูแปลกประหลาดมาก
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์คิดว่าเขากำลังโกรธ เธอจึงหันไปจูบแก้มเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกในพริบตา “สุขสันต์ วันเกิดอ้วนน้อย ข้าเป็นของเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจะรอให้เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่”
“ข้า…” โจวเหว่ยชิงไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรต่อ ขณะนี้ความรู้สึกของเขาซับซ้อนมาก จนไม่รู้ว่าตนควรหัวเราะ หรือร้องไห้ก่อนดี
4 ชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดินทางต่อ ที่ใช้เวลานานเช่นนี้เป็นเพราะซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต้องการ ยืนยันให้แน่ใจ ว่าบาดแผลของโจวเหว่ยชิงนั้นทุเลาลงแล้ว เมื่อเห็ฯเขาอาการดีขึ้น เธอจึงตกลงเดินทางต่อ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้วิ่งไล่ ตามกันต่อไปแล้ว เนื่องจากตอนนี้มือของทั้งคู่กำลังประสานกันอยู่อย่างแนบแน่นนั่นเอง
…………………………………………………….
[1] ยกหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง คือการก่อเรื่องให้ตัวเอง นับเป็นการกระทำของคนโง่