Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 42.1 พลังของทักษะกระชากมิติ (1)
โจวเหว่ยชิงไม่ได้หยุดทันทีที่ส่งรุ่นพี่หัวโล้นทั้ง 5 คนออกไปข้างนอกได้แล้ว เขายังก้าวตามพวกนั้นออกไปติดๆ เพื่อนร่วมห้องที่เหลือรวมทั้งหม่าฉุนต่างก็ติดตามเขาออกไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร อาจจะโกรธหรือกลัว ตอนนี้พวกเขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ
รุ่นพี่หัวโล้นทั้ง 5 ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้า เขารับหมัดของโจวเหว่ยชิงไปเต็มๆ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจและท่าทางเหลือเชื่อ อย่างไรเสียในฐานะจ้าวมณียุทธ์นั้นพวกเขาส่วนใหญ่ก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและมั่นใจในความสามารถทางกายภาพของพวกเขามาก แต่ทว่าเมื่อโจวเหว่ยชิงเปิดฉากการโจมตีอย่างเรียบง่าย พวกเขากลับไม่อาจต้านทานพลังของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
โจวเหว่ยชิงตะโกนออกมาเสียงดังฟังชัด “เด็กใหม่ทุกคนมาดูนี่ พวกนี้เป็นรุ่นพี่ของเรา พวกเขามาที่นี่เพื่อเก็บค่าคุ้มครองจากพวกเรา หากมีใครจ่ายเงินไปก่อนหน้านี้ เจ้าสามารถมารับเงินคืนได้ที่นี่”
รุ่นพี่หัวโล้นที่มีมณี 3 ดวงผุดลุกขึ้นยืนแม้บริเวณที่ถูกต่อยจะยังรู้สึกชาหนึบอยู่ก็ตาม เขาจ้องไปที่โจวเหว่ยชิงและร้องออกมาด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโหกึ่งหวาดกลัวว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ! เจ้าอยากตายรึไง? พวกเราไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆหรอก!”
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆ พลางกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ เหมือนกัน! พวกเจ้าทุกคนคือจ้าวมณียุทธ์ เอาสิ ใช้ศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าเลย ข้าอยากเห็นพลังศาสตรามณียุทธ์ของพวกเจ้า! เอ๊ะ ทำไมยังไม่เรียกมันออกมาอีก? หรือว่าเจ้าไม่มีศาสตรามณียุทธ์เลยสักชิ้น? หรือว่าเจ้าแค่หวาดกลัวข้า?”
ในช่วงเวลาแค่สั้นๆ นักเรียนเกือบทั้งหอพักชั้นสามัญชน ตั้งแต่นักเรียนใหม่ไปจนถึงนักเรียนเก่าต่างก็ได้ยินเรื่องวุ่นวายนี้เช่นกัน หลายคนจึงโผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมองเห็นรุ่นพี่หัวโล้นทั้ง 5 คน นักเรียนหลายคนก็มีสีหน้าไม่พอใจ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่บรรดาน้องใหม่แต่ยังรวมถึงรุ่นพี่บางคนด้วย
เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนมากพอแล้ว โจวเหว่ยชิงจึงร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “ข้าแน่ใจว่าพวกเจ้าส่วนใหญ่รู้ว่า 5 คนนี้เป็นใคร ก่อนหน้านี้พวกเขาบอกข้าว่าหอพักสามัญชนมีกฎคือทุกห้องต้องจ่าย 100 เหรียญทองต่อเดือน ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าที่เหลือยินดีจ่ายหรือไม่ แต่ข้าไม่ยอมแน่นอน เอาล่ะ เจ้าพวกหัวล้าน จงจำไว้ซะว่า ข้า บิดาของเจ้าคือใคร ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง และนับจากวันนี้กฎของพวกเจ้าจะถูกยกเลิก ไสหัวไปซะ!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง เหล่าน้องใหม่หลายคนก็ส่งเสียงสนับสนุนดังลั่น แต่สิ่งที่แปลกประหลาดคือฝั่งรุ่นพี่ทุกคนยังคงเงียบสงบ ส่วนใหญ่มองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาที่น่าเวทนา
รุ่นพี่หัวโล้นที่มีมณี 3 ดวงจ้องมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าเด็กเหลือ ในบรรดานักเรียนใหม่ เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ แน่นอนว่าทุกๆ ปีจะมีคนแบบเจ้า แต่ยังไงซะ เจ้าก็จะต้องเสียใจ!”
โจวเหว่ยชิงแค่นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะเสียใจหรือไม่ แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ คือถ้าเจ้าไม่ไสหัวไปตอนนี้ เจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”
“เจ้าเด็กน้อย อย่าได้อวดดีเกินไปนัก!” ในขณะเดียวกันนั้นเอง น้ำเสียงเข้มงวดและจริงจังก็ดังขึ้นมาจากฝั่งห้องของรุ่นพี่ เมื่อชายหัวโล้นได้ยินเสียงนั้น ความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทันที รุ่นพี่ที่มองเห็นชายคนนั้นต่างก็หลีกทางให้เขาทันที พวกเขาส่วนใหญ่แสดงสีหน้าเคารพและเกรงกลัว
ชายที่สวมเครื่องแบบนักเรียนสามัญชนเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เขาก็มีศีรษะโล้นเตียนเช่นกัน สูงประมาณ 1.8 เมตร มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งประดับอยู่บนไหล่กว้าง แม้ว่าเขาจะเดินช้าๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถกดข่มผู้อื่นได้ด้วยกลิ่นอายที่แผ่ออกมา สิ่งที่สะดุดตาที่สุดบนใบหน้าของเขาคือรอยบากยาวบริเวณใบหน้าซีกขวา
โจวเหว่ยชิงรู้สึกได้ถึงรังสีอันตรายที่แผ่ออกมาจากร่างของชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
“พี่หลาง” รุ่นพี่หัวโล้นทั้ง 5 ร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความเคารพและรีบเดินตามหลังเขาราวกับว่าเขาเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้
ชายผู้มีแผลเป็นบนใบหน้าเหลือบมองไปที่โจวเหว่ยชิง สายตาของเขาจ้องมองราวกับใบมีดคมกริบเล่มหนึ่ง เมื่อเขาเปิดปากพูด น้ำเสียงแข็งกระด้างที่แฝงไปด้วยอันตรายก็ถูกเปล่งออกมา “ข้าชื่อซ่างหลาง เจ้าเป็นคนที่บอกว่าจะยกเลิกกฎค่าคุ้มครองของข้า?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆ “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าชื่อหลางๆ อะไรนั่นหรอก ตราบใดที่เจ้าไม่ยั่วโมโหข้า ข้าก็จะไม่ทำอะไรเจ้า”
ดวงตาของซ่างหลางหรี่ลง เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ดีมาก ดีมาก เจ้าต้องได้จ่ายค่าซ่อมแซมเพราะทำลายทรัพย์สินสาธารณะแน่ มากับข้า” เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เดินผ่านโจวเหว่ยชิงและมุ่งหน้าออกไปด้านนอก
รุ่นพี่คนอื่นๆ มองโจวเหว่ยชิงราวกับเขาเป็นคนตาย ในขณะที่เด็กใหม่คนอื่นๆ มองเขาด้วยความคาดหวัง โจวเหว่ยชิงหัวเราะและตบหน้าอกตัวเองพลางพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล ทุกคนกลับไปทำธุระของตัวเองเถิด แม้ว่าข้าจะต้องตีเขาจนตาย ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เขาเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากพวกเจ้าหรอก”
เมื่อพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็มุ่งหน้าออกไปเช่นกัน ในบรรดาเพื่อนร่วมห้องของเขา คนแรกที่ติดตามเขาออกไปคือโข่วรุ่ย ส่วนหม่าฉุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามออกไปเช่นกัน คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็แอบกลับเข้าไปในห้องเงียบๆ
โจวเหว่ยชิงเอามือล้วงกระเป๋าเดินออกจากหอพักตามหลังซ่างหลางและลูกน้องหัวโล้นอีก 5 คน พวกเขาเดินผ่านอาคารเรียนหลักตรงเข้าไปในสนามรูปสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่เปิดโล่งมากมาย ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็หยุดฝีเท้าลง
เมื่อซ่างหลางหยุดเดิน เขาก็หันไปมองโจวเหว่ยชิงที่ทำหน้าตาเฉยเมยและพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ เจ้าสามารถตั้งกฎของหอพักสามัญชนได้ แต่ถ้าแพ้ เจ้าต้องเชื่อฟังข้า”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะออกมาเสียงดัง “เจ้าเป็นไข้หรือ? ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพนันกับเจ้า ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ คิดว่าจะสามารถควบคุมข้าได้หรือ?”
ซ่างหลางกล่าวอย่างเฉยเมย “งั้นเจ้าต้องการอะไร?”
รอยยิ้มของโจวเหว่ยชิงเลือนหายไปทันทีเมื่อมีประกายสีแดงเลือดวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา “ข้าก็แค่อยากจะอัดเจ้าจนแม่เจ้าจำไม่ได้” ขณะที่พูดเช่นนั้น ขาซ้ายของเขาก็กระแทกพื้นเสียงดัง ส่งให้ร่างกายของโจวเหว่ยชิงพุ่งไปข้างหน้า ตรงดิ่งเข้าหาซ่างหลางราวกับสายฟ้าโดยมีเท้าขวาพุ่งนำออกไป
ม่านตาของซ่างหลางหดแคบลงอย่างตื่นตัว เขายกเท้าขึ้นปะทะกับเท้าขวาของโจวเหว่ยชิง การระเบิดครั้งใหญ่ปะทุขึ้นทันที ในขณะที่โจวเหว่ยชิงร่อนลงบนพื้นอย่างสวยงาม ซ่างหลางก็กระเด็นไปหลายเมตรแล้ว ทว่าในขณะที่เขากำลังลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ร่างกายของเขาก็บิดไปมาด้วยท่าทีแปลกประหลาดคล้ายกับเขาสามารถต้านแรงเฉื่อยในอากาศได้ จากนั้นเขาก็ตีลังกาและร่อนลงบนพื้นช้าๆ แม้ว่าจะเซถอยหลังไป 3 ก้าวก่อนที่จะกลับมาทรงตัวได้ดังเดิมก็ตาม
มีนักเรียนสามัญชนอย่างน้อย 50-60 คนที่ติดตามพวกเขาออกมาชมการต่อสู้ เมื่อมองเห็นสถาณการณ์เมื่อสักครู่ น้ำเสียงประหลาดใจก็ดังเซ็งแซ่ออกมามาจากฝูงชนทันที ใบหน้าของซ่างหลางไม่สงบเยือกเย็นเหมือนเดิมอีกต่อไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อมองไปยังโจวเหว่ยชิง
หม่าฉุนที่ยืนอยู่ด้านข้างอดรู้สึกถึงอาการกระตุกที่ท้องไม่ได้ ราวกับว่าเขาเพิ่งจำความเจ็บปวดจากลูกเตะของโจวเหว่ยชิงเมื่อวันก่อนขึ้นมาได้
โจวเหว่ยชิงไม่ได้ไล่บี้อีกฝ่ายต่อ เขาทำเพียงแค่ปรายตามองซ่างหลางอย่างดูถูกเหยียดหยามและแค่นเสียงเย็นชาออกมา “จ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุดกับมณียุทธ์ประเภทเพิ่มการประสานงาน เจ้าควรใช้มณีธาตุของเจ้าดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงจะไม่มีโอกาสชนะ”
แท้จริงแล้วตอนนี้มีหยกแดงบริสุทธิ์ 3 ดวงหมุนวนอยู่ที่ข้อมือขวาของซ่างหลางพร้อมกับเปล่งประกายแสงเรืองรองออกมา ระดับพลังปราณสวรรค์ของเขาดูเหมือนจะสูงกว่าของโจวเหว่ยชิงเล็กน้อย แต่เขาก็คิดผิดอย่างมหันต์ที่แลกเปลี่ยนการโจมตีกับโจวเหว่ยชิงที่มีมณียุทธ์ประเภทเพิ่มความแข็งแกร่งโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น กับโจวเหว่ยชิงยังมีพลังขาขวาปีศาจด้วย! ดังนั้นขณะนี้ขาของซ่างหลางชาหนึบไปทุกส่วนจากการปะทะเข้ากับขาขวาของโจวเหว่ยชิงแม้ว่าเขาจะใช้มณียุทธ์เพิ่มการประสานงานทำให้แรงปะทะส่วนใหญ่หักเหออกไปเกือบหมดแล้วก็ตาม อย่างไรเสียความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิงก็เกือบจะเทียบได้กับจ้าวมณีระดับปรมะขั้นกลางเช่นหมิงหยู คนที่มีมณียุทธ์เพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน ซ่างหลางที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณีเพียง 3 ชุดกับมณียุทธ์เพิ่มการประสานงานจะจับคู่กับโจวเหว่ยชิงที่มีมณียุทธ์เพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างไร?
เมื่อโจวเหว่ยชิงพูดจบ ซ่างหลางก็สูดหายใจเข้าลึก เขายกมือซ้ายขึ้น แสงสีแดงสว่างเจิดจ้าออกมา จากนั้นก็ตามมาด้วยมวลอากาศร้อนรอบๆ ตัว เมื่อเขาตวัดนิ้วชี้ไปที่โจวเหว่ยชิง ลูกไฟขนาดใหญ่ 5 ลูกก็พุ่งตรงเข้าไปหาเขาทันที
นี่เป็นทักษะที่โจวเหว่ยชิงคุ้นเคย ก่อนหน้านี้มันเป็นทักษะที่ตี้ฝูหยาใช้โจมตีจนทำให้เขาเกือบตาย แน่นอนว่าซ่างหลางไม่ได้เป็นเพียงแค่จ้าวมณีธรรมดาเท่านั้น แต่เขายังเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณีถึง 3 ชุด ดังนั้นความแข็งแกร่งของทักษะนี้จึงยิ่งใหญ่กว่าที่เธอเคยใช้มาก ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ซ่างหลางก็พุ่งตัวเข้าหาโจวเหว่ยชิง หนึ่งในมณียุทธ์ของเขาเปลี่ยนเป็นกริชด้ามยาวในมือขวา ร่างของเขาดูเหมือนจะกระตุกวูบและเลือนหายไปจากกรอบสายตาของผู้สังเกตการณ์ขณะที่เขาโผทะยานตามหลังลูกไฟทั้ง 5 ดวงนั้นไปติดๆ
ในการต่อสู้ระหว่างจ้าวมณี ความแข็งแกร่งไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินแพ้ชนะเพียงอย่างเดียว เมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า ในที่สุดซ่างหลางก็ระเบิดพลังที่แท้จริงออกมา
ทักษะบอลอัคคีเป็นทักษะระดับ 2 ดาวเท่านั้นและยังเป็นหนึ่งในทักษะที่พบบ่อยที่สุดในมณีดวงแรกของบรรดาจ้าวมณีและจ้าวมณีสวรรค์ธาตุไฟอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อย่าประเมินทักษะใดๆ ต่ำจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันถูกใช้โดยจ้าวมณีสวรรค์ เมื่อซ่างหลางใช้ทักษะบอลอัคคีดังกล่าว หากเปรียบกับบอลอัคคีที่ตี้ฝูหยาเคยใช้กับโจวเหว่ยชิงในป่าดาราก็คงจะเหมือนสวรรค์กับนรก แน่นอนว่าบอลอัคคีของซ่างหลางมีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับซ่างหลางอยู่นั้น โจวเหว่ยชิงกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับสักนิ้ว ริมฝีปากของเขาดูโค้งขึ้นอย่างเหยียดหยาม ขณะที่ลูกไฟทั้ง 5 กำลังจะโจมตีเข้าใส่เขา มือซ้ายของโจวเหว่ยชิงก็กวาดขึ้นด้านบนทันที
รอยแยกแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นจากมือซ้ายของโจวเหว่ยชิง เสียงฉีกอากาศดังขึ้นมาขณะที่มวล อากาศเบื้องหน้าโจวเหว่ยชิงถูกแหวกออกเป็นเส้นสีดำยาว 3 ฉื่อตามการเคลื่อนไหวมือของเขา ราวกับว่าในช่วงเวลานั้นอากาศถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ส่งผลให้บรรยากาศรอบๆ บริเวณนั้นแปรปรวนขึ้นในรัศมีหลายหลา
รอยแยกสีดำน่าพิศวงกลางอากาศส่งแรงดึงดูดมหาศาลออกมา ไม่นานลูกไฟทั้ง 5 ที่พุ่งเข้าหาโจวเหว่ยชิงก็ถูกดูดกลืน และหายลึกเข้าไปในรอยแยกสีดำแห่งนั้น
นั่น…นั่นมันทักษะอะไรกันแน่?! สำหรับนักเรียนสามัญชนทั่วไป พวกเขาย่อมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะเช่นนี้มาก่อน นับประสาอะไรกับการมองเห็นมันด้วยตาตัวเองเช่นนี้ ทุกคนจ้องมองด้วยความตกใจ ขากรรไกรของพวกเขาแทบจะร่วงลงไปที่พื้น
คนที่สัมผัสแรงดึงดูดพวกนั้นได้ชัดเจนที่สุดย่อมเป็นซ่างหลางเอง ในขณะนั้นเขากำลังวิ่งตามหลังบอลอัคคีทั้ง 5 ดวงไปด้วยความเร็วสูงสุด ทว่าจู่ๆ อากาศก็พลันบิดเบี้ยวและมีรอยแยกสีดำก่อตัวขึ้นมา แรงดึงดูดที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เขาต้องรีบหยุดฝีเท้าและหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ตนถูกดูดเข้าไปในนั้นด้วย
แท้จริงแล้วสิ่งที่โจวเหว่ยชิงใช้คือทักษะธาตุมิติที่เขากักเก็บมาจากจักรพรรดิสีเงิน ทักษะกระชากมิติ! ผลของทักษะกระชากมิติจะขึ้นอยู่กับระดับพลังปราณของผู้ใช้ ถ้าโจวเหว่ยชิงมีมณีเพียงชุดเดียว เขาคงฉีกอากาศออกได้เพียง 1 ฉื่อและใช้ได้นานเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ตอนนี้เขามีมณี 3 ชุด นั่นหมายความว่าเขาสามารถฉีกอากาศออกได้ 3 ฉื่อ นาน 3 วินาที! สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ทักษะนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า แต่มันทำให้พลังของทักษะนี้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณต่างหาก!
…………………………