Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 43.1 ดอกไม้แห่งยมโลก (1)
“อ้วนน้อย เจ้าก่อเรื่องเหรอ?” เมื่อโจวเหว่ยชิงกลับไปที่หอพัก เขาก็พบกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่กำลังรีบวิ่งออกมา
ทันทีที่เขาเห็นเธอ ความรู้สึกมืดมนของโจวเหว่ยชิงก็หายไป ใบหน้าของเขากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งเมื่อกล่าวว่า “แค่กลุ่มคนที่พยายามจะเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเด็กใหม่ ข้าก็เลยจัดการพวกมันไปแล้ว”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจขณะที่เธอพูดว่า “อ้วนน้อย พวกเรามาอยู่ที่นี่เพื่อเล่าเรียนไม่ใช่สร้างปัญหา”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและโอบเอวเธอเอาไว้ขณะที่เขาพูดว่า “แต่เวลาคนอื่นก่อปัญหา เจ้าจะให้ข้าอยู่เฉยงั้นสิ? ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าควบคุมตัวเองได้ อย่างไรก็เถอะ ดูเหมือนว่าโรงเรียนแห่งนี้จะยุ่งเหยิงมากกว่าที่ข้าคิดไว้มากทีเดียว ข้ากังวลมากว่านั่นจะส่งผลกระทบต่อการเรียนหรือการฝึกปราณของพวกเรา เราควรไปเช่าบ้านข้างนอกดีไหม?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปัดมือของเขาออก “ฝันไปเถอะ ข้ากำลังจะกลับไปที่ห้องแล้ว ข้าอยากทำความรู้จักเพื่อนร่วมห้องให้มากขึ้นกว่านี้หน่อย อ้อ แล้วต้าหวงกับเอ้อหวงล่ะ? เราจะทำยังไงกับพวกมันดี? ถ้าเราอยู่หอพักพวกมันคงจะไม่มีที่อยู่แน่ พวกเราไม่อาจปล่อยให้พวกมันอยู่ในแหวนมิติได้ตลอดหรอกนะ พวกมันคงจะเบื่อตายเลย”
โจวเหว่ยชิงฉีกยิ้มและพูดว่า “หึๆ นั่นคือเหตุผลที่ข้าพูดว่าเราควรไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกยังไงล่ะ!”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “แต่ตามกฏโรงเรียนแล้วเราไม่ควรออกนอกโรงเรียนไม่ใช่หรือ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ข้าจัดการเอง มันต้องมีสักทางแหละน่า ให้ข้าตรวจดูก่อน ข้าแน่ใจว่ากฎเหล่านี้มีไว้เพื่อให้พวกเขาหาเงินเท่านั้นแหละ มิฉะนั้นที่นี่คงจะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างนักเรียนชนชั้นสูงกับนักเรียนสามัญชนหรอก ถ้ามีเงินก็ซื้อทุกอย่างได้จริงๆ บอกตามตรงว่าบรรยากาศในโรงเรียนไม่เอื้ออำนวยต่อการฝึกปราณเลย หอพักที่นี่วุ่นวายเกินไป ข้าจะลองไปถามไถ่ดูก่อน เมื่อข้าหาหนทางออกไปได้เราจะออกไปหาที่พักข้างนอกกัน…อย่างไรพวกเราก็สามารถนอนแยกห้องกันได้” ในขณะที่เขาพูดเกริ่นเกี่ยวกับการแยกห้อง น้ำเสียงและใบหน้าของเขาแสดงอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ และกำลังคิดจะโต้กลับ แต่เมื่อคิดถึงต้าหวงและเอ้อหวงผู้น่ารัก เธอจึงทำได้เพียงแค่ส่ายหัวน้อยๆ อย่างช่วยไม่ได้
เป็นดังที่โจวเหว่ยชิงคาดไว้ เมื่อเขาไปที่จุดรายงานตัวนักเรียนใหม่เพื่อถามเกี่ยวกับการอาศัยอยู่นอกพื้นที่โรงเรียน เขาก็ได้รับคำตอบว่าการอาศัยอยู่ข้างนอกโรงเรียนไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่มีกฎบังคับโดยตรง อย่างไรก็ตาม นักเรียนยังคงต้องจ่ายค่าหอพัก อีกทั้งคนที่จะออกไปอยู่ข้างนอกต้องลงชื่อสมัครและจ่ายเงินสำหรับขอใบอนุญาตออกจากโรงเรียน ราคา 10,000 เหรียญทองสำหรับระยะเวลาหนึ่งปี โจวเหว่ยชิงสาปแช่งโรงเรียนกับจำนวนเงินที่เพิ่งถูกปล้นไปตอนกลางวันแสกๆ แต่ทว่าเขาก็ยังกัดฟันซื้อใบอนุญาตมา 2 ใบ
แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกราคากับซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพราะเกรงว่าเธอจะปวดใจกับเงินที่ต้องเสียไป เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อใบอนุญาตพวกนี้ ไม่เพียงแค่สำหรับต้าหวงและเอ้อหวงเท่านั้น แต่ยังเพื่อ ‘ความสุข’ ในอนาคตของตัวเองด้วย นอกจากนี้ ในอนาคตเมื่อเขาสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ เขาก็จำเป็นจะต้องออกไปข้างนอกเพื่อขายพวกมัน แน่นอนว่าในอนาคตเขาจะไม่สร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ขั้นพื้นฐานหรอก สำหรับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้น ยิ่งคุณภาพสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งได้กำไรมากเท่านั้น
สาเหตุผลที่ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ขั้นพื้นฐานมีราคาถูกมาก ใช้เพียงไม่กี่หมื่นเหรียญทองก็สามารถซื้อได้ 1,000 แผ่นนั้นเป็นเพราะอัตราความสำเร็จของการหลอมรวมเข้ากับร่างผู้ใช้นั้นต่ำมาก แม้จะมีจำนวน 1,000 แผ่น แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าผู้ใช้จะสามารถหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์สำเร็จได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือ กว่าจะลองหลอมรวมม้วนคัมภีร์กว่า 1,000 ใบครบ ทั้งหมดนั่นก็ต้องใช้เวลาเกือบ 3 ปี! หากมีทางเลือกอื่น ใครจะไม่ชอบใช้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ในระดับที่สูงกว่า ไม่เพียงแต่ทรงพลังมากกว่า แต่ยังมีอัตราความสำเร็จที่สูงกว่าด้วย!
อย่างไรก็ตาม ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางนั้นดีกว่ามาก อย่างแรกคือม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางทั้งกล่องมีเพียง 100 ใบ แต่ละใบมีโอกาสสำเร็จ 3 ใน 1,000 ส่วน ด้วยจำนวนทั้งหมด 100 ใบต่อกล่อง นั่นหมายถึงโดยรวมแล้วโอกาสที่หลอมรวมสำเร็จมีประมาณ 3 ใน 10 ส่วน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือจะใช้เวลาหลอมรวมครบทั้งกล่องสั้นกว่ามากและมีอัตราสำเร็จสูงกว่าม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับพื้นฐานประมาณ 1 ใน 10,000 ส่วน ด้วยเหตุนี้ ราคาและกำไรของคัมภีร์ระดับกลางจึงสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยอัตราความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของโจวเหว่ยชิง ผลที่ได้จึงยิ่งมากขึ้นทวีคูณ!
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้นหายากขึ้นมาก นั่นจึงทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็น ยกตัวอย่างเช่นการนำธนูราชันย์ดั้งเดิมที่มีหลุมบรรจุมณีเดียวของโจวเหว่ยชิงออกมาขาย ตอนนี้ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์แบบนั้นน่าจะขายได้อย่างน้อย 500,000 เหรียญทองในหอประมูล มากกว่าราคาที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อเคยเสนอขายโจวเหว่ยชิงเมื่อหลายปีก่อนถึง 200,000 – 300,000 เหรียญทอง สิ่งนี้ทำให้ชีวิตของจ้าวมณียุทธ์นั้นน่าสังเวชกว่าจ้าวมณีธาตุมากนัก สำหรับจ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 4-5 ดวงนั้น การมีศาสตรามณียุทธ์เพียง 2-3 ชิ้นก็ถือว่าดีมากแล้ว
ในโลกของจ้าวมณี จ้าวมณีสวรรค์นั้นถือว่าอยู่บนยอดของปิรามิด ไม่ว่าจะเป็นจ้าวมณียุทธ์หรือจ้าวมณีธาตุ การจะพูดว่าใครดีกว่าใครนั้นเป็นหัวข้อที่ยังคงถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเนื่องจากแต่ละคนมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ทว่าที่ผ่านมานั้นจ้าวมณีธาตุได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อย หนึ่งในเหตุผลคือจ้าวมณีธาตุนั้นเกิดได้ยากกว่าและยังมีทักษะโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า อีกเหตุผลหนึ่งคือการกักเก็บทักษะนั้นง่ายกว่าการหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์
ท้ายที่สุดแล้ว สำนักกักเก็บทักษะต่างๆก็เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับจ้าวมณีธาตุ ตราบใดที่พวกเขามีระดับพลังปราณและเงินเพียงพอก็ไม่ยากที่จะกักเก็บทักษะดีๆ จนกลายเป็นจ้าวมณีธาตุที่โดดเด่น อย่างไรก็ตาม สำหรับจ้าวมณียุทธ์นั้น สิ่งต่างๆ ล้วนยากลำบากกว่ามาก ประการแรกคือม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้นขาดแคลนมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือจ้าวมณียุทธ์ยังยากจะหาศาสตรามณียุทธ์ที่เหมาะสมกับพวกเขาด้วย หากมณียุทธ์ทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้บรรจุศาสตรามณียุทธ์ไว้แล้วล่ะก็ จ้าวมณียุทธ์จะมีพลังเทียบกับจ้าวมณีธาตุได้อย่างไร? ความจริงแล้วถ้าจ้าวมณียุทธ์มีศาสตรามณียุทธ์บรรจุอยู่ในมณีจนครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ครอบครองมณีที่ดีหรือเหมาะสมกับตนเองทั้งชุด พลังของพวกเขาก็ไม่มีทางอ่อนแอไปกว่าจ้าวมณีธาตุแน่นอน!
ด้วยใบอนุญาตในมือ โจวเหว่ยชิงจึงสามารถขอออกจากโรงเรียนเพื่อไปตามหาบ้านเช่าในบริเวณใกล้เคียงได้ อันที่จริงโชคของเขาค่อนข้างดี ไม่นานเขาก็ได้พบบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง บ้านหลังนั้นขนาดประมาณ 300 ตารางเมตร ข้างในมี ห้อง 8 ห้องที่ตกแต่งอย่างดีและค่อนข้างใหม่ ค่าเช่าก็ค่อนข้างถูกอีกด้วย นับดูก็ประมาณ 50 เหรียญทองต่อเดือน แน่นอนว่าในบริเวณนี้ราคานี้ถือว่าหาได้ยากมาก อย่างไรก็ตาม อันที่จริงมันถูกกว่าค่าธรรมเนียมหอพักด้วยซ้ำ ราวกับจะช่วยป่าวประกาศว่าโรงเรียนระดับสูงแห่งนี้ราคาแพงเพียงใด
สาเหตุที่นักเรียนสามัญชนถูกเลือกปฏิบัติก็เป็นเพราะพวกเขาขาดแคลนเงิน หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอาณาจักรเฟยหลี่ได้ผ่านกฎหมายบังคับให้โรงเรียนพวกนี้ยอมรับนักเรียนสามัญชนเข้าเรียนเพื่อรักษาเด็กนักเรียนหัวกะทิเอาไว้ในอาณาจักร บางทีโรงเรียนชั้นนำเหล่านี้อาจจะไม่ยอมรับนักเรียนสามัญชนด้วยซ้ำ
โจวเหว่ยชิงจ่ายเงินมัดจำให้กับเจ้าของบ้านโดยไม่ลังเลก่อนที่จะวิ่งแจ้นกลับไปที่โรงเรียนราวกับพายุ เนื่องจากโจวเหว่ยชิงได้บ้านเช่าที่ต้องการ เขาจึงแทบจะอดใจรอพาปิงเอ๋อร์ไปดูสถานที่ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้พวกเขาสามารถย้ายเข้าไปอยู่พร้อมกับต้าหวงและเอ้อหวงได้ทันที
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าข่าวการต่อสู้ระหว่างเขากับซ่างหลางได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในหมู่นักเรียนสามัญชนทั้งหมด นั่นจึงทำให้เกิดความปั่นป่วนมาก นั่นยังไม่รวมถึงในหมู่นักเรียนใหม่ที่รับรู้เรื่องนี้กันทั่ว ปีนี้มีนักเรียนสามัญชนมากกว่า 160 คนเพิ่งเข้าศึกษาในโรงเรียน แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนน้อยกว่านักเรียนชนชั้นสูง แต่พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นจ้าวมณีทั้งหมด! หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดกว่านี้ ก็อาจกล่าวได้ว่าขนาดอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ยังไม่มีจ้าวมณีมากมายขนาดนั้นเลย! แน่นอนว่าในหมู่นักเรียนสามัญชนนั้น คนส่วนใหญ่ยังมีระดับพลังปราณค่อนข้างต่ำและมักมีมณีเพียงดวงเดียว การที่โจวเหว่ยชิงสามารถเอาชนะซ่างหลางผู้ซึ่งเคยเป็น ‘ลูกพี่ใหญ่’ และเป็นโล่ป้องกันให้นักเรียนสามัญชนมาหลายปี นั่นทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่ว ขนาดโรงเรียนยังไม่ทันจะเปิด เขามีชื่อเสียงเลื่องลือไปก่อนแล้ว
“หยุดก่อน! เจ้าเข้าหอพักหญิงไม่ได้!” ขณะที่โจวเหว่ยชิงมุ่งหน้าเข้าไปในหอพักและกำลังจะตามปิงเอ๋อร์ เขาก็ถูกป้าอายุประมาณ 50 ปีหยุดเอาไว้ ตอนที่ปิงเอ๋อร์และเขาเข้ามาในหอพักก่อนหน้านี้ เขาก็จำได้ว่าเธอไม่ได้อยู่แถวนี้มาก่อน
“เอ่อ…ข้ามาตามหาใครบางคน” โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างจริงใจ
ท่านป้าคนนั้นจ้องมองเขาและพูดว่า “กำลังตามหาคน? เด็กผู้ชายที่เข้ามาก็พูดแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละ ยังไงข้าก็ไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าตะโกนเรียกได้ แต่เข้าไปไม่ได้”
โจวเหว่ยชิงเริ่มรู้สึกว่าการออกไปเช่าบ้านข้างนอกเป็นความคิดที่อัจฉริยะจริงๆ เขาจึงตะโกนออกมาเสียงดังอย่างไม่มีทางเลือก “ปิงเอ๋อร์! สามีของเจ้ามาหา!!”
เขาตะโกนออกมาเสียงดังจนไม่ใช่แค่ทั้งหอพักหญิงเท่านั้นที่ได้ยิน แน่นอนว่าทุกคนในหอพักล้วนได้ยินทั้งหมด เมื่อนักเรียนบางคนมองออกไปนอกประตูและเห็นว่าเป็นเขา ทั่วทั้งหอพักชายก็ตกอยู่ในความเงียบ
รอไม่นานปิงเอ๋อร์ก็รีบวิ่งออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอจ้องมองเขาพร้อมกับกรอกตาและพูดว่า “เจ้าอ้วนน้อยโง่เง่า! ทำไมถึงตะโกนออกไปเช่นนั้น?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่ได้พูดอะไรผิด ท่านป้า นี่เป็นภรรยาของข้า โปรดดูแลนางด้วย!”
ท่านป้าคนนั้นไม่ยอมเผชิญหน้ากับเขา เธอเพียงแค่ส่งเสียงฮึ่มๆ ในลำคอ จากนั้นปิงเอ๋อร์ก็คว้าแขนของเขาลากออกไปอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าคนพาลตัวน้อยนี้จะพูดอย่างเลอะเทอะจนทำให้ทั้งคู่ขายหน้าไปมากกว่านี้
เมื่อพวกเขามาถึงประตูทางเข้าหอพัก โจวเหว่ยชิงก็ได้ยินเสียงป้าคนนั้นพึมพำกับตัวเอง “ดอกไม้สวยกลับจมอยู่ในขี้โคลน เสียดายผู้หญิงดีๆ แบบนี้จริงๆ”
โจวเหว่ยชิงสะดุดเกือบล้มในขณะที่ ปิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของท่านป้าคนนั้น “อ้วนน้อย เจ้าเรียกข้ามาทำไม?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและกล่าวว่า “ข้าพบรังรักของพวกเราแล้ว! นี่คือใบอนุญาตออกนอกโรงเรียน ปิงเอ๋อร์ เราสามารถออกนอกโรงเรียนได้ตลอดเวลาไม่มีข้อจำกัดแล้ว” ในขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็ส่งใบอนุญาตที่ซื้อมาก่อนหน้าให้เธอใบหนึ่ง
“เจ้าหาบ้านเช่าได้แล้วหรือ?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถามอย่างประหลาดใจ
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยใบหน้ากระหยิ่ม “แน่นอน เมื่อสามีของเจ้าตั้งใจกับเรื่องใดแล้ว จะยังมีสิ่งที่เขาทำไม่สำเร็จอีกหรือ? มา ข้าจะพาไปดูบ้านใหม่ของเรา ข้าจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว แต่แน่นอนว่าข้าต้องให้ภรรยาคนงามของข้าตรวจสอบก่อน”
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงจ้องมองเธออย่างร้อนแรง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เขกศีรษะเขาแล้วพูดเบาๆ ว่า “บอกไว้ก่อนว่าเราต้องนอนแยกกันคนละห้อง เข้าใจไหม! ถ้าไม่ เจ้าก็อยู่ที่นั่นกับเอ้อหวงและต้าหวงคนเดียวไปซะ”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ไม่มีปัญหา ฉายาของข้าคือ ‘เด็กหนุ่มตัวน้อยผู้หมดจดงดงาม สุภาพบุรุษผู้ซื่อสัตย์เชื่อถือได้’ ข้าจะไม่แอบดูเจ้าอาบน้ำหรือแอบเข้าไปในห้องของเจ้าเวลากลางคืน อะแฮ่ม หรืออะไรแบบนั้นหรอก”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตอบกลับอย่างเย็นชา “ใช่! ถ้าข้าจับได้ ข้าจะย้ายกลับไปที่หอพักของข้าทันที! เอาล่ะ รอข้าสักครู่ ข้าจะกลับไปเอาสัมภาระกับของเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าซื้อมาก่อนหน้านี้ก่อน”
โจวเหว่ยชิงตบหน้าผากตัวเองแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ข้าลืมไปได้ยังไงกัน! ข้าต้องรีบกลับไปเอาผ้านวมแสนหวานที่ปิงเอ๋อร์ ภรรยาที่รักของข้าอุตส่าห์ซื้อมาให้ด้วย!”
ปิงเอ๋อร์หน้าแดงจัดอีกครั้ง แต่ทว่าก็ยังรู้สึกหวานล้ำในใจ “เจ้านี่เป็นคนปากหวานจริงๆ!”
เมื่อทั้งคู่กลับมาในหอพัก ท่านป้าคนนั้นก็ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าหอพักหญิงดังเดิม เมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว เธอก็มองไปที่โจวเว่ยชิงอย่างระแวดระวัง “เจ้าเด็กเหลือขอ ทำไม? เจ้าจะมาแก้แค้นข้าหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้ ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะตะโกนบอกว่าเจ้าลวนลามข้า!”
โจวเหว่ยชิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ขณะที่เขาจ้องมองไปยังท่านป้าผู้น่าเหลือเชื่อคนนี้ “ท่านป้า ท่านออกจะดูคล้ายมารดาแท้ๆ ของข้ามาก ข้าจะกล้าแตะต้องท่านได้อย่างไร? ข้าจะอยู่ให้ห่างท่านแน่นอน” เมื่อเขาพูดจบก็รีบเผ่นกลับไปที่ห้องของตนทันที
ทันทีที่โจวเหว่ยชิงผลักประตูเปิดเข้าไปในห้อง เขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้น เมื่อเขาก้าวเข้าไปข้างใน สายตาของเพื่อนร่วมห้องอีก 7 คนก็หันมาจ้องเขาเป็นตาเดียว
………………………