Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 44.1 ค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน (1)
“กักขัง!” โจวเหว่ยชิงร้องขึ้นมาเสียงดังพลางตวัดมือซ้ายออกไป ทันใดนั้นลูกบอลแสงสีเงินจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากมือของเขา กลายเป็นกำแพงแสงสีเงินห่อหุ้มร่างของหมิงฮัวเอาไว้ การระดมโจมตีอย่างต่อเนื่องของหมิงฮัวหยุดชะงักทันที โจวเหว่ยชิงจึงใช้โอกาสนี้ล่าถอยออกไป
‘มิติกักขัง’ เป็นทักษะธาตุมิติในมณีดวงที่ 3 ของโจวเหว่ยชิง ถังเซียนเคยแนะนำเขาก่อนหน้านี้โดยเฉพาะว่าให้ตามหาทักษะประเภทควบคุมกักเก็บไว้ในมณีดวงที่ 3 ของเขา ซึ่งทักษะมิติกักขังนี้ก็มีระดับอย่างน้อย 8 ดาวขึ้นไป
ทักษะมิติกักขังมีระยะเวลาการใช้งานนานกว่าทักษะโซ่ตรวนวายุและทักษะสัมผัสมืดเสียอีก! ที่ระดับพลังมณี 3 ดวง ทักษะมิติกักขังสามารถหยุดศัตรูได้เป็นเวลาเกือบ 8 วินาที แน่นอนว่านี่สำหรับเป้าหมายที่มีพลังใกล้เคียงกับเขาและไม่ได้พยายามดิ้นรนขัดขืนและโจมตีกำแพงมิติพวกนี้
ในระยะเวลา 8 วินาที เป้าหมายจะติดอยู่ในกำแพงแสงซึ่งข้างในมีพื้นที่มิติอยู่ เป้าหมายจะไม่สามารถส่งผล กระทบใดๆ ต่อโลกภายนอกได้และโจวเหว่ยชิงก็ไม่สามารถโจมตีเป้าหมายได้เช่นกันจนกระทั่งมิติกักขังจะพังทลายลงไป ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าทักษะมิติกักขังจะเป็นทักษะประเภทควบคุมที่ทรงพลังมาก แต่ก็ยังขาดความสามารถในด้านการโจมตี อย่างไรเสียก็ไม่อาจพูดได้ว่าทักษะนี้ไร้ประโยชน์หรืออ่อนแออย่างสิ้นเชิงเพราะการใช้งานที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของมันคือการใช้ขัดขวางศัตรูต่างหาก นอกจากนี้ทักษะมิติกักขังก็ยังสามารถใช้งานแบบอื่นๆ ได้ ไม่ใช่เฉพาะกับศัตรูเท่านั้น ในช่วงเวลาวิกฤต ทักษะมิติกักขังนี้อาจใช้ช่วยชีวิตเพื่อนร่วมรบได้ ดังนั้นนี่จึงถือเป็นหนึ่งในทักษะธาตุมิติที่ทรงพลังมาก
“แม่งเอ้ย! ถ้าข้าไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกไป เจ้าก็คงจะดูถูกข้าไปเรื่อยๆ งั้นสิ” โจวเหว่ยชิงหอบหายใจขณะที่เขาพูดด้วยความโกรธ ภายในพื้นที่เล็กๆ และคับแคบของบ้านเช่าหลังนี้ เขาไม่สามารถใช้ธนูหรือยิงธนูได้ แต่ทว่าพลังที่แข็ง แกร่งที่สุดของเขาในตอนนี้กลับเป็นการยิงธนู เขามั่นใจมากว่าถ้าพวกเขาอยู่ห่างกันหนึ่งร้อยหลา นับประสาอะไรกับ หมิงฮัว แม้แต่หมิงหยูพี่ชายของเธอก็ไม่มีใครเทียบเขาได้เด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่จำกัดเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับคนเช่นหมิงฮัว
แสงสีทองเข้มข้นได้ปะทุออกมาจากหยกน้ำแข็งดวงที่ 2 ของเขาพลางส่องแสงเป็นประกาย ในขณะที่โจวเหว่ยชิงยกแขนขึ้น แสงสีทองก็สว่างเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อมๆ คล้ายกับเป็นกำแพงแสงขนาดใหญ่รอบตัวเขา นั่นทำให้ทั้งร่างของโจวเหว่ยชิงถูกซ่อนจากสายตาของทุกคน
ในขณะนั้น หมิงฮัวซึ่งติดอยู่ในมิติกักขังก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเช่นกัน ดวงตาของเธอจึงเต็มไปด้วยความแตกตื่น
ก่อนหน้านี้เธอก็ต้องประหลาดใจไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อโจวเหว่ยชิงใช้ทักษะมิติกักขังกับเธอ เนื่องจากนั่นเป็นอีกหนึ่งทักษะระดับสูงที่คนอย่างเขาถือครองเอาไว้ อีกทั้งทักษะนี้ยังมีระดับดาวสูงมากด้วย อย่างไรก็ตาม เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับทักษะกักเก็บส่วนใหญ่ รวมไปถึงลักษณะต่างๆ และวิธีจัดการกับทักษะเหล่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่พยายามจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากทักษะมิติกักขังแต่รวบรวมกำลังและรอโอกาสที่จะโจมตีกลับแทน เมื่อผลของทักษะมิติกักขังสิ้นสุดลง เธอจะสวนกลับครั้งที่ 2 ด้วยพลังมหาศาลแน่นอน
แต่เธอก็คาดไม่ถึงว่าโจวเหว่ยชิงจะปลดปล่อยบางสิ่งที่ทำให้เธอต้องตกตะลึงออกมา นั่นก็คือชุดศาสตรามณียุทธ์ของเขาเอง!
นี่ถือเป็นครั้งแรกของหมิงฮัวที่ได้เห็นศาสตรามณียุทธ์ชิ้นหนึ่งเปล่งประกายสีทองออกมาได้เข้มข้นจนเกือบจะกลายเป็นสีดำสนิทขนาดนี้ โดยปกติแล้วสีและประกายแสงของศาสตรามณียุทธ์จะเหมือนกับมณียุทธ์ที่สร้างพวกมันขึ้นมา แต่ทว่าก็มีข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียว…นั่นก็คือชุดศาสตรามณียุทธ์ ตัวอย่างเช่นชุดศาสตรามณียุทธ์ปัจจุบันของเธอ พวกมันทั้งหมดเป็นสีเขียว ไม่ใช่สีเหลืองอำพันเช่นมณียุทธ์ของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น หมิงฮัวยังรู้ด้วยว่ายิ่งสีของศาสตรามณียุทธ์แตกต่างจากสีดั้งเดิมของมณียุทธ์มากเท่าไหร่ ชุดศาสตรามณียุทธ์ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
หยกน้ำแข็งของโจวเหว่ยชิงเป็นสีเหลือบกันระหว่างสีโปร่งใสและสีขาวบริสุทธิ์ ปกคลุมทับด้วยชั้นหมอกสีขาว กระนั้นศาสตรามณียุทธ์ชิ้นนี้กลับมีสีทองเข้มจนเกือบจะเห็นเป็นสีดำสนิท ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอตกใจมาก อีกเหตุผลก็คือเมื่อเขาเรียกศาสตรามณียุทธ์ชิ้นนี้ออกมา ร่างกายของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าด้วยม่านพลังสีสีดำเหลือบทองแบบที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ในแง่ของความรู้ นอกเหนือจากเรื่องบัญชาการทหารแล้ว หมิงฮัวอาจจะรู้มากกว่าหมิงหยูพี่ชายของเธอด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของจ้าวมณีสวรรค์ อีกทั้งเธอก็ยังมีความสนใจเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์มาก แม้ว่าเธอจะไม่ใช่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีทักษะธาตุมิติ แต่ด้วยทักษะธาตุชีวิตของเธอ เธอก็สามารถช่วยเหลืออาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนอื่นๆ สร้างม้วนคัมภีร์ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงรู้จักอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่โดดเด่นหลายคน หรือแม้แต่คนที่อยู่ในระดับสูงกว่า ดังนั้นเธอจึงระลึกถึงม่านพลังสีสีดำเหลือบทองที่เปล่งประกายรอบตัวโจวเหว่ยชิงได้อย่างง่ายดาย…บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เธอเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นก็คือ ‘ม่านพลังระดับเทพเจ้า’
ม่านพลังแบบนี้…จะปรากฏให้เห็นเฉพาะกับศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงสุดเท่านั้น…ไม่ว่าจะเป็นทั้งชุดหรือชิ้นเดียว
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเดียวก็คือม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์นั้นจะต้องถูกสร้างโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า! ม่านพลังเทพเจ้าสามารถอยู่ได้เพียงวินาทีเดียว แต่ในช่วงวินาทีนี้จะให้การป้องกันมากกว่า 10 เท่าของพลังป้องกันสูงสุดที่ผู้ใช้มี นั่นหมายความว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีอีกฝ่ายสำเร็จ!
ในวันนี้โจวเหว่ยชิงได้สร้างความประหลาดใจให้กับหมิงฮัวเป็นอย่างมาก อย่างไรเธอก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นถึงผู้ที่ไม่มีใครในระดับเดียวกันสามารถเอาชนะได้! ถึงกระนั้น…วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับโจวเหว่ยชิงซึ่งเป็นจ้าวมณีระดับ 3 ดวง หากเทียบกับระดับ 4 ดวงของเธอแล้ว เธอก็ถึงกับถูกบีบบังคับให้ต้องเรียกใช้ชุดศาสตรามณียุทธ์เพื่อเอาชนะเขา ตอนนี้เมื่อเห็นชิ้นส่วนชุดศาสตรามณียุทธ์ที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยออกมา เธอก็พลันรู้สึกว่ามันจะต้องเป็นของที่มีคุณภาพสูงกว่าชุดศาสตรามณียุทธ์ของเธอแน่นอน!
หมิงฮัวตระหนักได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการตัดสินของเธอก็แม่นยำมาก สิ่งที่โจวเหว่ยชิงปลดปล่อยออกมาคือศาสตรามณียุทธ์ในตำนานเพียงชิ้นเดียวที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อส่งต่อมาให้กับเขา มันเป็นม้วนคัมภีร์เพียงใบเดียวและเป็นชิ้นส่วนแรกของชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับตำนานของเขา โจวเหว่ยชิงใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเฉพาะของร่างกายเพื่อหลอมรวมเข้ากับมันได้สำเร็จ ม่านพลังสีดำเหลือบทองนั้นเป็นคือม่านพลังระดับเทพเจ้า เกราะป้องกันเทพเจ้า
ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานนี้มีพลังมากเกินไป แม้ว่าผู้สร้างคัมภีร์ม้วนนี้จะไม่ใช่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า แต่ผู้ที่ออกแบบชุดทั้งหมดก็ยังเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ศาสตรามณียุทธ์ชิ้นนี้จึงยังมีเกราะป้องกันเทพเจ้าห่อหุ้มเอาไว้อยู่
ม่านพลังสีดำเหลือบทองที่เข้มข้นกำลังเปล่งประกายและรวมตัวกันอยู่รอบๆ ข้อมือของโจวเหว่ยชิง แสงพวกนั้นเกาะกลุ่มกันจนหนาขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้โจวเหว่ยชิงเคยลองปลดปล่อยศาสตรามณียุทธ์ชิ้นนี้ออกมาเพื่อตรวจสอบดู แต่เขาก็ไม่เคยใช้มันในการต่อสู้จริงมาก่อน
ในชั่วพริบตาต่อมาม่านพลังสีดำเหลือบทองก็หายไปและค้อนยักษ์คู่หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นในมือของโจวเหว่ยชิง ด้ามค้อนยาวประมาณ 2 ฉื่อ มันยาวเกือบเท่าแขนของทารก ปลายค้อนมีลักษณะโค้งแหลม บนด้ามจับมีลายเส้นสีทองเข้มเลื้อยตวัดไปมาในรูปแบบแปลกประหลาดพร้อมกับแสงเจิดจ้าเป็นประกาย หัวค้อนทั้งสองอันมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จากต้นจรดปลายยาวเกือบ 2 ฉื่อ แน่นอนว่ามันมีขนาดใหญ่เกินจริงมาก พื้นผิวของมันไม่ได้กลมกลึงและเนียนเรียบไปทั้งหมด มีเขาแหลมที่งอกขึ้นมาหลายจุดคล้ายกับเขาปีศาจและทั้งหมดก็เป็นสีดำเหลือบทอง สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือมีภาพประหลาดบนหน้าค้อนแต่ละอัน มันเป็นรูปใบหน้าของชายคนหนึ่ง และยิ่งแปลกประหลาดไปกว่านั้นเมื่อค้อนอันหนึ่งแสดงสีหน้าหัวเราะ ส่วนอีกอันเป็นหน้าร้องไห้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประกายแสงของมันเจิดจ้าเกินไป หากไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดก็อาจจะพลาดความแตกต่างบนหัวค้อนแต่ละอันไปได้ง่ายๆ
ค้อนคู่ที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้จะต้องใช้คนที่มีร่างกายขนาดใหญ่โตเช่นโจวเหว่ยชิงถือเท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะดูตลกมากเมื่อพวกเขาต้องควงค้อนพวกนั้นในมือ ทว่าถึงแม้จะเป็นโจวเหว่ยชิง ค้อนพวกนั้นก็ยังดูเหมือนจะใหญ่เกินไปอยู่ดี ค้อนยักษ์เหล่านี้ดูน่ากลัวมากจริงๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีเพียงจ้าวมณีสวรรค์ที่ครอบครองมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งานศาสตรามณียุทธ์ดังกล่าวได้
เดิมทีโจวเหว่ยชิงค่อนข้างหดหู่เมื่อเขาทำการหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ค้อนคู่ชิ้นนี้เสร็จ แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาคาดหวังอยากจะหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์ที่ทำหน้าที่คล้ายกับเกราะป้องกันมากกว่า…เพราะถึงอย่างไร ปลอดภัยไว้ก่อนก็เป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาเสมออยู่แล้ว ทว่าหลังจากเขากรุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ต้องรู้สึกยินดีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เหตุผลนั้นง่ายมาก ด้วยหัวค้อนขนาดใหญ่เช่นนี้ เขาก็สามารถใช้พวกมันเป็นโล่ขนาดเล็กได้เช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้น เขายังชอบรูปลักษณ์ที่ดูยิ่งใหญ่ของตนเองขณะที่ถือค้อนคู่นี้ในมือด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาพอใจมากที่สุดคือพลังและความสามารถของมัน
บนม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับตำนานนี้มีข้อความเขียนกำกับไว้ประโยคเดียวว่า…“ความดีและความชั่วร้าย ภาพลวงตาและภาพจริง ค้อนคู่เทพเจ้าในตำนาน…”
ขณะที่มองไปยังค้อนคู่ที่น่าหวั่นพรึงในมือของโจวเหว่ยชิง หมิงฮัวก็ไม่กล้าปล่อยให้ความตกใจทำให้เธอเคลื่อน ไหวช้าลง ทันใดนั้นเธอก็ใช้เดือยแหลมในมือกระแทกใส่กำแพงมิติที่กักขังเธอไว้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามิติกักขังเริ่มสั่นคลอนทันทีเนื่องจากการโจมตีของเธอค่อยๆ เร่งความเร็วในการพังทลายของมัน
ทว่าเมื่อเธอทำเช่นนั้น เขากลับไม่มีท่าทีกังวลเลยสักนิด โจวเหว่ยชิงไม่ได้บุกโจมตีแต่อย่างใด เขาทำเพียงยกค้อนคู่ขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ และน่ารังเกียจ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้เห็นค้อนคู่เทพเจ้าในตำนาน ความรู้และความเข้าใจของเธอไม่กว้างขวางเท่า หมิงฮัว เธอจึงไม่สามารถตระหนักได้ถึงพลังที่แท้จริงของค้อนคู่นั้น ทว่าเธอก็ยังประทับใจในรูปลักษณ์ของมันมาก
ดวงตาของหมิงฮัวหรี่ลงและมีแสงเยียบเย็นผุดขึ้นมาในดวงตาของเธอ “นั่นคืออาวุธจากม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า? บอกได้ไหมว่ามีกี่ชิ้น?”
โจวเหว่ยชิงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “บอกเจ้าไปก็คงไม่เป็นไรหรอก ข้ามีเพียงชิ้นเดียว ตอนนี้เจ้ากลัวรึยัง?”
หมิงฮัวสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย…ม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าทุกชิ้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นพลังที่ท้าทายกฏสวรรค์ โชคดีที่มันไม่ใช่ชุดศาสตรามณียุทธ์ ถ้าใช่ ใครจะรู้ว่าในอนาคตคนๆ นี้จะมีพลังมหาศาลแค่ไหน
ในตอนนี้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมพี่ชายของเธออย่างสุดซึ้ง เธอคิดมาตลอดว่าพรสวรรค์ของเธอไม่ได้ต่ำไปกว่าเขา แต่ดูเหมือนว่าในแง่ของการมองคนและมองการณ์ไกล เธอไม่อาจเปรียบเทียบกับหมิงหยูได้เลย เจ้าคนอันธพาลตรงหน้าเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“ไม่มีคำว่า ‘กลัว’ ในสมองของข้า! แม้แต่พลังของศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ส่วนเจ้านะรึ? หึๆ” หมิงฮัวหายใจเข้าลึกขณะที่เธอพูด เธอถือเดือยแหลมในมือไว้ที่ระดับหน้าอก จากนั้นแสงสีเขียวสดใสก็เปล่งประกายออกมา ม่านพลังรวมตัวกันรอบข้อมือซ้ายขณะที่ดอกไม้สีแดงสดดอกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเธอ
ดอกไม้สีแดงนี้ดูบริสุทธิ์และสวยงามมาก หยดน้ำค้างกำลังหมุนวนอยู่บนกลีบดอก ทำให้รู้สึกราวกับว่าดอกไม้ดอกนี้กำลังมีชีวิตอยู่ในมือของเธอ
“นั่นคืออะไร?” โจวเหว่ยชิงจ้องมองด้วยดวงตาฉายแววประหลาดใจและสับสน เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ด้วยประสาทสัมผัสอันทรงพลังของโจวเหว่ยชิง เขารับรู้ได้ถึงอันตรายชนิดหนึ่ง ราวกับว่าดอกไม้สีแดงในมือของหมิงฮัวนั้นอันตรายยิ่งกว่าตัวเธอเสียอีก
หมิงฮัวพูดอย่างเฉยชา “มณีธาตุชีวิตไม่สามารถกักเก็บทักษะประเภทโจมตีได้ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ทักษะของมณีธาตุชีวิตไร้ประโยชน์ในการต่อสู้โดยตรง อย่างไรก็ตาม โลกใบนี้ก็ยุติธรรมเสมอ พวกเราจ้าวมณีสวรรค์ธาตุชีวิตแต่ละคน เมื่อมณีสวรรค์ของเราถูกปลุกขึ้น พวกเราจะได้รับพืชประจำตัวที่จะคอยปกป้องพวกเรา นี่คือพืชประจำตัวของข้า ชื่อของมันก็เหมือนกับของข้า…หมิงฮัว…ดอกไม้แห่งยมโลก นี่เป็นเรื่องที่ข้าคาดไม่ถึงอย่างแท้จริง…เจ้าเป็นเพียงเจ้ามณีระดับ 3 ดวง แต่กลับสามารถบังคับให้ข้าควักไม้ตายที่ซ่อนอยู่ออกมาใช้ได้อย่างน่าประทับใจ ข้าไม่เคยแพ้คู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังเท่ากันมาก่อน…นับประสาอะไรกับคนที่มีระดับพลังปราณต่ำกว่าข้า! วันนี้ข้าก็จะไม่แพ้เช่นกัน!”
……………………………