Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 91 เมื่อแม่มดน้อยเข้าร่วมด้วย! (2)
“ข้าก็ไม่ใช่คนมักมากเช่นกัน! นอกจากท่านพ่อแล้ว ยังไม่มีผู้ชายคนไหนเคยได้แตะต้องตัวข้ามาก่อนด้วยซ้ำ” ดวงตาของแม่มดน้อยฉายแววยั่วเย้า “เจ้าไม่กลัวหรือว่าข้าจะฉวยโอกาสประทับตราหรือใช้คำสาปกับเจ้า? ในบรรดาตราประทับธาตุมืดนั้น มีคำสาปชั่วชีวิตอยู่ด้วยนะ”
โจวเหว่ยชิงแสยะยิ้มและกล่าวว่า “หึ ข้ามั่นใจมากว่าการทำเช่นนั้นกับข้าจะไม่เป็นประโยชน์อันใดสำหรับเจ้า นิกายปีศาจสวรรค์ต้องการบางสิ่งจากข้าและไม่ได้พยายามที่จะฆ่าข้า หากไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าทุกคนก็คงไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็สามารถส่งจ้าวมณีสวรรค์มาจัดการข้าแทนได้อยู่ดี นอกจากนี้ หากทำเช่นนั้นเจ้าก็อาจจะสูญเสียโอกาสเข้าสู่เกาะมณีสวรรค์ด้วย อย่างน้อยจากสถานการณ์ปัจจุบัน ข้าก็ไม่กลัวว่าพวกเจ้าจะพยายามทำอะไรกับข้าหรอก สำหรับคำสาปและตราประทับ เจ้าคิดว่าพวกมันจะได้ผลกับข้าจริงๆหรือ? อย่างที่เจ้ารู้ ผู้ที่มีทักษะธาตุปีศาจสามารถต้านทานคำสาปแห่งความมืดได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะธาตุปีศาจของเจ้าก็ไม่บริสุทธิ์เท่ากับข้า”
“หึ แย่จริงๆ” แม่มดน้อยเบะปากและทำหน้ามุ่ยขณะที่เธอพูดว่า “เจ้าแกล้งทำเป็นกลัวข้าบ้างจะได้ไหม?” ในขณะที่พูดเช่นนั้น จู่ๆ เธอก็บิดตัวและถอยหนีออกจากอ้อมกอดของโจวเหว่ยชิงเมื่อมือซุกซนของอีกฝ่ายพุ่งจากเอวลงไปจนเกือบถึงบั้นท้าย
โจวเหว่ยชิงกู่ร้องในใจอย่างเสียดาย เอวที่บอบบางและอ่อนนุ่มของแม่มดน้อยให้ความรู้สึกดีมากขณะอยู่ในอ้อมแขนของเขา และถ้าเขาสามารถสัมผัสเธอได้จริงๆ ก็คงจะดีไม่น้อย!
“เอาล่ะ เรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า เจ้าต้องการคุยอะไรกับข้า?” เนื่องจากความพยายามจู่โจมของเขาล้มเหลว โจวเหว่ยชิงจึงตัดใจลงจากเตียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้นวม มองแม่มดน้อยอย่างท้าทายเล็กน้อย
แม่มดน้อยกล่าวว่า “ข้าแค่อยากคุยกับเจ้าให้มากขึ้นเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของพวกเรา ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าถ้าเจ้าตัดสินใจเข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์ รับรองว่าหากเจ้าให้เวลาพวกเรามากพอและทำบางอย่างให้กับนิกายสำเร็จ เจ้าจะกลายเป็นผู้นำนิกายคนต่อไปของพวกเราอย่างแน่นอน” เมื่อแม่มดน้อยพูดอย่างนั้น หญิงสาวก็หน้าแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและสั่นไหว “เมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะเป็นของเจ้าเช่นกัน”
ผู้นำนิกายปีศาจสวรรค์? หากบอกว่าโจวเหว่ยชิงไม่ได้ถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอนั้นก็คงเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน ไม่ว่านิกายปีศาจสวรรค์จะถูกปราบปรามโดยมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ หรืออ่อนแอที่สุดในบรรดามหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างไร พวกเขาก็ยังคงเป็นหนึ่งในมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี แม้จะถูกตามล่ามานานหลายปี แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ดีและแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ? นิกายปีศาจสวรรค์ยังสามารถแทรกซึมเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาณาจักรต่างๆได้ เช่นที่เกิดกับอาณาจักรเฟยหลี่หรืออาจจะเป็นอาณาจักรคาลิเซด้วย เขามั่นใจว่าไม่ใช่เพียงอาณาจักรเดียวที่พวกเขาแทรกซึมเข้าไปภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางทวีปฝั่งตะวันตก ถ้าโจวเหว่ยชิงได้ควบคุมขุมพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเขาเป็นอย่างยิ่ง
ถึงกระนั้น โจวเหว่ยชิงก็ไม่เชื่อคำพูดของแม่มดน้อยอย่างเต็มที่ซะทีเดียว เด็กหนุ่มเชื่อว่าด้วยความสามารถและความแข็งแกร่งของเขา นิกายปีศาจสวรรค์ย่อมต้องการตัวเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับท่าทีของนิกายปีศาจสวรรค์มากนัก อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าอยากจะเกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้มีชื่อเสียงที่ดีงามเสียเท่าไหร่ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะดูเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ไม่สนกฏเกณฑ์ใดๆ แต่ลึกๆแล้วเขาก็ได้รับอิทธิพลจากนิสัยของแม่ทัพโจวบิดาของเขาอยู่ไม่น้อย เกียรติยศ ความชอบธรรม ความรักที่มีต่ออาณาจักรของเขา สิ่งเหล่านี้ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของเขาไม่น้อยไปกว่าแม่ทัพโจว ดังนั้นอำนาจจึงไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา
แม่มดน้อยมองเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความลังเลของโจวเหว่ยชิง เธอจึงถอนหายใจและพูดว่า “ข้ารู้ว่านิกายปีศาจสวรรค์ของเรามีชื่อเสียงไม่ดีนัก แต่ข้าขอถามเจ้าสักหนึ่งคำถาม เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับการกระทำชั่วร้ายของนิกายปีศาจสวรรค์ของเราหรือไม่? ในความเป็นจริงเราถือได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่แน่นแฟ้น แต่ก็ยังรวมตัวกันอย่างหละหลวมด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นเพียงกลุ่มจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจที่รวมกลุ่มกันเพื่อเอาชีวิตรอด บางที อาจกล่าวได้ว่าบางครั้งเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งดีและร้ายสุดขั้ว แต่นั่นก็เป็นชีวิตที่พวกเราเติบโตมา มีทั้งโดนเกลียดชังและถูกไล่ล่ามาตั้งแต่เกิด ดังนั้นอย่างน้อยพวกเราก็จะไม่มีวันกลายเป็นบุคคลจอมปลอมที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เช่นนี้ข้าจะไม่บังคับเจ้าและเจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อนตอบรับข้า ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะมองมาที่พวกเราและตัดสินพวกเราด้วยตัวของเจ้าเอง แทนที่จะเชื่อคำที่เล่าลือกันมาจากคนอื่นๆ อย่างน้อยพวกเราก็สามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มากขึ้นหลังจากงานประลองมณีสวรรค์จบลง ทว่าข้าต้องบอกว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของเจ้าในรอบอุ่นเครื่องเบื้องต้นนั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก และเจ้าย่อมดึงดูดความสนใจของมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าซ่างกวนหลงหยินมาที่เรือนพักของเจ้าในวันก่อน บางทีในเวลานี้คนอื่นๆ อาจเข้าหาเจ้าก่อนแล้วก็เป็นได้ หากวังสวรรค์ไพศาลยินดีจะให้เจ้าอยู่บนเกาะมณีสวรรค์หลังจากการแข่งขันจบลง เจ้าก็อาจอยู่ต่อได้สักพักและได้รับข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมมากกว่าที่เจ้าคาดคิดก็เป็นได้”
เมื่อพูดจนถึงจุดนี้ แม่มดน้อยก็หยุดชั่วครู่แล้วยกมือขวาขึ้น แสงสว่างพลันปรากฏขึ้นในพริบตา จากนั้นหนังสือหนาเตอะเล่มหนึ่งก็ปรากฏในมือของเธอทันที ปกของมันเป็นสีเทาทว่าเย็บด้วยด้ายสีเงินที่สันหนังสือ ทันทีที่มันปรากฏขึ้นในมือของเธอ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกราวกับว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้เพราะมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยมาก
แม่มดน้อยลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าหาโจวเหว่ยชิงช้าๆ และยื่นหนังสือให้เขา “นี่คือคู่มือลับของนิกายปีศาจสวรรค์เกี่ยวกับทักษะธาตุปีศาจ ความลึกลับและวิธีฝึกฝน ภายในนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับวิธีฝึกปราณของผู้นำนิกายคนแรกของเรา ผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์ปีศาจรุ่นแรกเช่นเดียวกับเจ้า ทั้งยังมีทักษะกลืนกินที่เจ้าเคยใช้ ตอนนี้ข้าจะให้เจ้ายืมก่อน แต่เจ้าต้องส่งคืนให้ข้าหลังจากการประลองทั้งหมดสิ้นสุดลง”
โจวเหว่ยชิงไม่ได้ขยับตัวออกไปรับของจากอีกฝ่าย แต่กลับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจก่อนจะพูดว่า “เจ้าเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือไง? ข้ายังไม่ได้ทำสัญญาใดๆ กับเจ้าเลยด้วยซ้ำ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะต่อต้านนิกายปีศาจสวรรค์ในอนาคตหรอกหรือ?”
แม่มดน้อยส่ายหัวพลางพูดว่า “ผู้อาวุโสหมิงอู๋และหมิงฮัวต่างอธิบายเกี่ยวกับเจ้าให้ข้าฟังอย่างละเอียดแล้ว อีกทั้งข้ายังเฝ้าสังเกตเจ้ามาตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน ในสายตาของข้า เจ้าเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน มีแรงผลักดัน และมีความสามารถสูงมาก บางครั้งเจ้าอาจจะทำตัวน่ารังเกียจไปบ้าง แต่ลึกๆ แล้วเจ้าเป็นคนซื่อตรง พวกเราทุกคนล้วนแต่เฉลียวฉลาด หลังจากที่พวกเราได้พบเจอกันหลายครั้ง ข้าก็เข้าใจว่าวิธีเดียวที่จะเข้าถึงตัวเจ้าได้คือการเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำได้คือเริ่มต้นด้วยความจริงใจ ข้าจะถือซะว่านี่เป็นการลงทุน ฮิๆ”
แม่มดน้อยหัวเราะคิกคัก เมื่อพูดจบประโยค เธอก็ยัด《คู่มือปีศาจ》 ใส่มือของโจวเหว่ยชิง เพียงพริบตาเดียวหญิงสาวก็โผล่ไปที่ประตูและร้องออกมาก่อนจะจากไป “ข้าจะไปแล้ว แต่ข้าโกรธจริงๆ นะ! ตอนที่ข้าบอกว่าหากเจ้าเข้าร่วมนิกายปีศาจสวรรค์เจ้าจะสามารถแต่งงานกับข้าได้ เจ้ากลับแข็งทื่อเป็นหุ่นไม้ ไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาตอบสนอง! ข้าไม่น่ามองขนาดนั้นเลยหรือยังไง?!” หลังจากพูดแบบนั้น เธอก็ทำหน้าเหม็นบูดใส่เขาก่อนจะวิ่งหายไป
โจวเหว่ยชิงจ้องไปที่ประตูพร้อมกับหนังสือในมืออย่างพูดไม่ออก ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบกับแม่มดน้อยจนกระทั่งถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกประทับใจเธอจริงๆ ไม่ใช่เพียงเพราะ《คู่มือปีศาจ》 แต่เป็นเพราะคำว่าจริงใจของอีกฝ่าย
คนที่สะดุ้งกับคำนั้นเช่นเดียวกันคือเจ้าแมวอ้วนที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาของเธอจดจ่อไปที่โจวเหว่ยชิงขณะที่เธอครุ่นคิดถึงคำๆ นั้น
ข้ารู้จักเขามาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่…ข้าเคยจริงใจกับเขาหรือไม่? แม่มดน้อยรู้จักเขามานานแค่ไหน? ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ดวงตาของเจ้าแมวอ้วนค่อยๆ หรี่แคบลง ตาดำขนาดใหญ่ของเธอเต็มไปด้วยแสงวูบไหวที่ประหลาด
หลังจากนั้นไม่นาน โจวเหว่ยชิงก็หายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำให้ตัวเองสงบลง เขาก้มศีรษะลงดู《 คู่มือปีศาจ》 ในที่สุดเขาก็พลิกเปิดและเริ่มอ่านอย่างจริงจัง
เนื่องจากไม่มีพวกเขาคนใดเคยมีประสบการณ์เข้าสู่งานประลองรอบท้ายๆ มาก่อน แต่เขาคิดว่ากว่าจะสิ้นสุดงานประลองมณีสวรรค์ก็คงจะเป็นเวลาอีกยาวนาน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านานแค่ไหนก็ตามเถอะ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ควรจะนานเกินไป และการจะท่องหนังสือเล่มใหญ่ขนาดนี้ให้จบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจึงจะต้องใช้เวลาทุกขณะอ่านมันเท่าที่จะทำได้
เมื่อเขาเริ่มอ่านครั้งแรก โจวเหว่ยชิงก็จดจ่อกับมันอย่างเต็มที่ นั่นเป็นเพราะเขาตั้งใจว่าจะท่องจำหนังสือทั้งเล่มให้ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หมกมุ่นอยู่กับเนื้อหาในหนังสือและติดอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน
ภายใน《 คู่มือปีศาจ》 มีคำอธิบายทุกประเภทเกี่ยวกับการปลุกพลังจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจ สถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนทักษะกักเก็บที่เป็นไปได้ทั้งหมดสำหรับทักษะธาตุปีศาจ วิธีการใช้โดยละเอียด และวิธีใช้ประโยชน์จากพวกมันในระดับสูงสุด นอกจากนี้ ภายในหนังสือยังอธิบายถึงตัวอย่างที่คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของโจวเหว่ยชิง ทักษะกักเก็บธาตุปีศาจที่ถูกปลุกขึ้นมาตามธรรมชาติ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าพรสวรรค์แต่กำเนิด พวกมันยังถูกเรียกว่าเป็นทักษะที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุดในบรรดาทักษะธาตุปีศาจทั้งหมด และจากทั้งหมดที่ว่ามา ทักษะกลืนกินถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่ม
ตามที่《 คู่มือปีศาจ》เขียนเอาไว้ ทักษะกลืนกินไม่ได้เป็นเพียงการผสมผสานระหว่างความสามารถในการโจมตี การป้องกัน และการสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังเป็น ‘สุดยอดทักษะ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากทั้ง 3 ปัจจัยที่กล่าวในข้างต้น ในสนามรบทักษะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ศัตรูอ่อนแอลงและลดพลังปราณสวรรค์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มพลังปราณสวรรค์ของผู้ใช้ได้อีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้น นี่ยังเป็นทักษะสนับสนุนที่เรียกได้ว่าบ้าสุดกู่ ช่วยในการฝึกปราณเพื่อยกระดับพลังได้จริงๆ สามารถดูดกลืนพลังปราณสวรรค์ของบุคคลอื่นหรืออสูรสวรรค์ตัวอื่นเพื่อนำมาเพิ่มพลังปราณให้กับผู้ใช้ได้ สิ่งเหล่านี้จึงเพิ่มความเร็วในการฝึกปราณได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
แน่นอน นั่นไม่ได้หมายความว่าพลังปราณสวรรค์ที่ได้มาจากทักษะกลืนกินจะสามารถกลายเป็นพลังของผู้ใช้ได้โดยตรงหรือในทันทีทันใด เจ้าของทักษะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังปราณสวรรค์ที่กลืนกินมาได้ผ่านการกดข่มของพลัง งานสวรรค์ในร่างกาย ดึงแก่นแท้ของพลังปราณสวรรค์ที่กลืนกินมาและแปรสภาพให้กลายเป็นพลังของตัวเอง ด้วยวิธีนี้ ความเร็วในการฝึกปราณของพวกเขาจึงเหนือกว่าอาจารย์จ้าวมณีสวรรค์ทั่วไปหลายโยชน์
แน่นอนว่าหากใครใช้ทักษะกลืนกินนี้เพื่อ ‘ไล่เก็บ’ พลังปราณของจ้าวมณีคนอื่นๆและนำมาเพิ่มพลังปราณให้ตนเอง คนผู้นั้นก็อาจกลายเป็นเป้านิ่งให้ทุกคนลุกขึ้นมาจัดการเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วทักษะดังกล่าวก็น่าสะพรึงกลัวและเอาแต่ใจเกินไป ทว่าหากนำไปใช้กับอสูรสวรรค์ก็จะไม่มีปัญหาดังกล่าวตามมาแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้ใช้สามารถควบคุมทักษะได้อย่างถูกต้องและทำให้แน่ใจว่าอสูรสวรรค์จะไม่ถูกดูดกลืนจนร่างเหือดแห้ง อสูรเหล่านั้นก็จะสามารถฟื้น ฟูพลังปราณสวรรค์ของตัวมันเองกลับคืนมาได้อย่างช้าๆ ด้วยเหตุนี้ ทักษะกลืนกินจึงถือได้ว่าเป็นทักษะสนับสนุนพลังปราณชั้นยอด!
ข้อเสียเพียงประการเดียวของทักษะกลืนกินนี้คือความจริงที่ว่ามันต้องใช้งานในระยะประชิดเท่านั้น แม้ว่าจ้าวมณีทักษะธาตุปีศาจคนนั้นจะอยู่ในขั้นทะลวงพิภพ แต่พวกเขาก็ยังต้องสัมผัสคู่ต่อสู้เพื่อให้ทักษะกลืนกินเปิดใช้งาน แน่นอนว่าเมื่อระดับพลังปราณของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยมือเหมือนที่โจวเหว่ยชิงใช้ในปัจจุบัน แต่ทุกส่วนของร่างกายจะสามารถใช้เพื่อกระตุ้นทักษะกลืนกินได้
ทันทีที่เปิดใช้งานทักษะกลืนกิน การหลุดพ้นจากทักษะนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องยากทันที เว้นเสียแต่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีระดับพลังปราณที่สูงกว่า ซึ่งอาจจะเป็น 6 ระดับหรือมากกว่านั้น พวกเขาจึงจะมีโอกาสดิ้นหลุดไปได้
………………………………………………………….