Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา - บทที่ 98 ข้าจะรอให้เจ้ามาพิชิตข้า (2)
เทียนเอ๋อร์เห็นสีหน้าที่ดูมืดมนของเขาจึงลอบรู้สึกยินดีภายในใจ “นั่นย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้ามีความสามารถมากพอจะทำให้ข้ารักเจ้าหมดหัวใจเหมือนพ่อของข้า ข้าก็จะไม่มองใครอีก หากเจ้าสามารถ ‘พิชิต’ 3 สาวงามซ่างกวนได้ ข้าก็จะยิ่งภูมิใจในตัวเจ้ามาก! อ้อ แต่ข้าจะต้องเตือนเจ้าไว้อย่าง…ถ้าท่านพ่อรู้ที่อยู่ของข้าเมื่อไหร่ คู่หมั้นของข้าจะต้องมาตามหาข้าแน่นอน หากเจ้าจริงจังกับการแต่งงานกับข้าจริงๆ เจ้าก็จะต้องผ่านอุปสรรคที่ยากลำบากถึง 2 ด่าน ด่านแรกคือคู่หมั้นของข้า เจ้าจะต้องเอาชนะเขาในการต่อสู้ที่ยุติธรรมเพื่อโน้มน้าวเขาด้วยพลังของเจ้า คนต่อไปคือท่านพ่อของข้า เจ้าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบจากเขา”
โจวเหว่ยชิงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าไม่สามารถเอาชนะคู่หมั้นในนามของเจ้าได้ ระ หรือบางทีข้าอาจจะไม่สามารถเอาชนะใจบิดาของเจ้าก็ได้?”
เทียนเอ๋อร์ยกมือขึ้นลูบไล้บนแก้มของโจวเหว่ยชิงเบาๆ ขณะที่เธอเอ่ยว่า “ในกรณีนั้น ข้ากลัวว่าจะมีเพียงตอนจบเดียว”
‘ความตาย’ โดยธรรมชาติแล้วโจวเหว่ยชิงย่อมรู้ดีว่าตอนจบที่เธอพูดถึงจะเป็นอย่างไร และคลื่นลมแห่งความหดหู่ก็ถาโถมเข้ามาในหัวใจของเขาทันที
แม้ว่าวังสวรรค์ไพศาลจะไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาดีนักเกี่ยวกับเรื่องของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ทั้งยังมักจะวางท่าข่มเขามาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้ายเท่าใดนัก ในความเป็นจริง มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือเขาต้องเอาชนะซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ และทางนั้นก็ไม่ได้กำหนดเวลาให้เขาด้วยซ้ำ! กระนั้น ฝ่ายของเทียนเอ๋อร์กลับป่าเถื่อนกว่ามาก…ถ้าเขาแพ้…นั่นจะเป็นจุดจบของเขา…โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ข้างในลึกๆ ข้าไม่น่าก่อปัญหาเลย…ทำไมข้าต้องไปเปิดโปงเทียนเอ๋อร์ด้วยนะ? นั่นไม่ใช่เป็นการเพิ่มปัญหาให้ข้าอีกเป็นกระบุงหรอกหรือ?
แม้จะยังตำหนิตัวเองอยู่ภายในใจ แต่เขาก็ยังคงยกมือขึ้นและดึงเทียนเอ๋อร์เข้ามาในอ้อมกอดแล้วโน้มตัวลงมอบจูบให้อีกฝ่าย
เทียนเอ๋อร์ผู้ซึ่งยอมรับในความรักของตนเองอย่างตรงไปตรงมาเมื่อไม่นานมานี้รู้สึกวาบหวามขึ้นมาในทันที เธอดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า “เจ้ากำลังจะทำอะไร!?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างเคืองขุ่น “ถ้าคู่หมั้นของเจ้าตามมาฆ่าข้าก่อนทั้งๆ ข้ายังไม่ทันได้แตะต้องตัวเจ้าเลย นั่นจะไม่ทำให้ข้าขาดทุนขนานใหญ่หรอกรึ? เร็วเข้า มาให้สามีของเจ้าเก็บดอกเบี้ยเสียดีๆ”
เทียนเอ๋อร์หัวเราะและกล่าวว่า “ฝันไปเถอะ! หากเจ้าอยากสัมผัสข้า…ได้! แต่เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของภูเขาหิมะสวรรค์เสียก่อน ตอนนี้เจ้าได้ผ่านด่านที่ยากที่สุดไปแล้ว นั่นก็คือการทำให้ข้าตกหลุมรัก เช่นนั้นการจะทำความสนิทสนมกับข้าย่อมง่ายกว่ามาก หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ นั่นก็หมายความว่าเจ้าจะมีอำนาจในการครอบครองข้า และเจ้าก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ทว่าตอนนี้…เจ้ายังคงห่างไกลจากตัวข้านัก…” ในขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง เทียนเอ๋อร์ก็กระดิกนิ้วใส่เขาอย่างยั่วเย้าด้วย
โจวเหว่ยชิงพลันรู้สึกฉุนเฉียว เขาจึงกล่าวอย่างเร่งรีบ “รอก่อนเถอะ! ไม่นานหรอก ข้าจะแสดงพลังของข้าให้เจ้าเห็นแน่นอน หึ ระวังก้นน้อยๆ ของเจ้าไว้ให้ดี!”
เทียนเอ๋อร์ยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ข้าจะเฝ้ารอวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ! รอให้เจ้ามาพิชิตข้าให้ได้! หึๆ แต่สำหรับตอนนี้ พวกเราควรเอาตัวรอดจากงานประลองมณีสวรรค์ของเจ้าไปให้ได้ก่อนจะดีกว่า…”
พวกเขาสองคนเดินอยู่ที่บริเวณจุดเริ่มต้นเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงแล้ว แต่นอกจากเสือดำที่โจมตีพวกเขาก่อนหน้านี้ ในป่าก็ค่อนข้างเงียบสงัดมาก
โจวเหว่ยชิง ‘ข่มเหง’ เทียนเอ๋อร์อย่างโหดเหี้ยมด้วยการตวัดตามองครั้งหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยออกมาในที่สุด “ งั้น…นั่นหมายความว่าเจ้าเต็มใจที่จะช่วยข้าจริงๆ?”
เทียนเอ๋อร์กล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้ชายของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมต้องช่วยเจ้าอยู่แล้ว เขตแดนมิติสะท้อนที่นี่ช่างพิสดารเสียจริง โดยปกติแล้วเหล่าอสูรสวรรค์น่าจะสัมผัสถึงกลิ่นอายของอสูรสวรรค์ระดับสูงจากทั้งตัวข้าและเจ้าได้ พวกมันจึงจะไม่มีวันกล้าโจมตีเราแน่นอน เพราะถึงอย่างไรก็มีเพียงอสูรสวรรค์ที่อยู่ในขั้นราชาขึ้นไปเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนั้นได้ ทว่าเมื่อสักครู่เสือดำตัวน้อยกลับกล้าที่จะซุ่มโจมตีพวกเรา…นั่นต้องเป็นเพราะคุณสมบัติบางอย่างของเขตแดนมิติแห่งนี้แน่”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “อันที่จริง พวกเราควรจะย้ายที่ได้แล้ว ข้าว่าพวกเราอยู่ที่นานนี่เกินไป สงสัยจังว่าพวกที่เหลือจะเป็นอย่างไรบ้าง? เฮ้อ ข้าหวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยดี พวกเราควรระวังตัวและเริ่มตามหาสัญญาณของสมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆ กันได้แล้วล่ะ หวังว่าพวกเราทุกคนจะสามารถรวมตัวกันได้โดยเร็วที่สุด” เมื่อพูดเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้าของเขตแดนมิติสะท้อน ก่อนจะหันไปหาต้นไม้ที่ดูสูงโดดเด่นใกล้ๆ จากนั้นก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ แม้ว่าต้นไม้ขนาดใหญ่เหล่านี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยพลังของโจวเหว่ยชิง มันก็ไม่ยากเกินไปที่จะเฉือนเปลือกไม้ออก
*วูบ* เทียนเอ๋อร์กระโจนขึ้นไปในอากาศ เปลี่ยนกลับเป็นแมวอ้วนตัวน้อยเหมือนดั่งเคยและทะยานไปนั่งบนไหล่ของโจวเหว่ยชิง ดวงตาสีม่วงงดงามของเธอเต็มไปด้วยความระมัดระวังขณะที่เอ่ยว่า “อย่ากล้าแตะต้องข้าเชียว ไม่เช่นนั้นข้าจะตะปบเจ้าจนฟันหลุด!”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างเต็มที่และกล่าวว่า “ไม่แตะก็คือไม่แตะ รอจนกว่าข้าจะพิชิตเจ้าได้ก่อนเถอะ ข้าจะสัมผัสลูบไล้เจ้าทุกวันจนหนำใจแน่นอน! ฮึ่ม! ข้าเป็นผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานสูง!”
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะรู้ดีว่าการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเทียนเอ๋อร์ รวมถึงเหตุผลที่เธอพบเขาและยึดติดกับเขา ตลอดจนการยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขาจะทำให้มีปัญหามากมายเกิดขึ้นตามมาในอนาคต เขาก็ยังไม่อยากจะใส่ใจมันในตอนนี้ ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก อย่างน้อยช่องว่างที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขาทั้งสองก็หายไปแล้ว และเขาก็ได้ค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของเทียนเอ๋อร์ด้วย สำหรับปัญหาจากภูเขาหิมะสวรรค์นั้น…เฮ้อ…ทำเหมือนกับว่าตอนนี้เขาไม่มีปัญหามากมายอยู่ในมืออย่างนั้นแหละ ถึงอย่างไรความกดดันและความเครียดก็ทำให้เกิดแรงจูงใจและแรงผลักดันที่ดีอยู่แล้ว โจวเหว่ยชิงเข้าใจชัดเจนอย่างยิ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้
เด็กหนุ่มยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างช้าๆ และระมัดระวัง ประสาทสัมผัสของเขาแผ่ออกไปในระดับสูงสุดขณะที่สำรวจป่าโดยรอบ ทุกครั้งที่เขาเดินไปได้สักระยะหนึ่ง เขาก็จะทิ้งรอยไว้บนต้นไม้ โจวเหว่ยชิงมีความจำที่ดีมาก เมื่อใช้ควบคู่ไปกับการกะทิศทางโดยใช้เงาของต้นไม้และแสงแดดเป็นเข็มทิศ ในขณะเดินไปรอบๆ ป่า เขาก็สามารถร่างแผนที่คร่าวๆ ของป่าแห่งนี้ไว้ในสมองได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ขณะทำเช่นนั้น โจวเหว่ยชิงก็เดินไปในป่าเกือบชั่วโมงโดยไม่พบปัญหาใดๆ ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังไม่กล้าผ่อนคลายความระมัดระวัง เขารู้ดีว่าสาเหตุที่งานประลองมณีสวรรค์ถูกจัดขึ้นที่นี่จะต้องมีแบบทดสอบที่อันตรายซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
“แมวอ้วน เราปีนขึ้นต้นไม้เพื่อมองดูจากปลายยอดไม้กันดีกว่า ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลๆและอาจจะเจอบางบางอย่างก็ได้” โจวเหว่ยชิงกล่าวกับเทียนเอ๋อร์
เจ้าแมวอ้วนพยักหน้าและพูดว่า “ฟังดูดี งั้นลองไปดูกันเถอะ แต่เจ้าควรระวัง ข้าแค่มีลางสังหรณ์ว่าเขตแดนมิติสะท้อนที่นี่ไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่คิด ต้องมีอันตรายบางอย่างที่เราไม่รู้จักซ่อนอยู่แน่นอน”
หลังจากพยักหน้าตกลง โจวเหว่ยชิงก็มองไปรอบๆ เพื่อหาต้นไม้ที่เหมาะสมพอจะปีนได้ เขาค่อยๆ ไต่ขึ้นไปบนต้นไม้ที่ใหญ่และแข็งแรงเป็นพิเศษ มือของเขาแปรสภาพเป็นรูปกรงเล็บ ใช้เท้าขวากระแทกพื้นอย่างแรงเพื่อผลักตัวเองขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว มือของเขาตะปบไปที่ลำต้นของต้นไม้หลายๆ ครั้งเพื่อให้เคลื่อนไหวร่างขึ้นไป และด้วยการตวัดมือเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็ขึ้นไปอยู่ด้านบนสุดของยอดไม้ได้แล้ว
การได้มองลงไปจากตำแหน่งที่ได้เปรียบเช่นบนยอดไม้สูงช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์และขยายขอบเขตการมองเห็นให้พวกเขาเป็นอย่างมาก เมื่อมองไปทางด้านหน้า มันก็กลายเป็นภาพทะเลสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ยอดไม้สูงหลายต้นก่อตัวขึ้นเป็น ‘ทุ่งหญ้า’ บนท้องฟ้า พื้นที่กว้างใหญ่ของสรวงสวรรค์สีครามอันงดงามราวภาพฝันนี้คล้ายกับภาพโปร่งแสง หรือเกือบจะโปร่งใสก็ว่าได้
โจวเหว่ยชิงพึมพำกับตัวเอง “ป่าใหญ่ขนาดนี้…ทว่านำคนมาเพียง 32 คน…ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน…หากไม่โชคดีจริงๆก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราทุกคนจะได้พบกัน หากข้าเดาไม่ผิด งานประลองมณีสวรรค์นี้น่าจะมีไว้เพื่อแข่งขันทักษะเอาชีวิตรอดของแต่ละกลุ่ม…นั่นก็คือความแข็งแกร่งโดยรวมของทุกคน แน่นอนว่าที่นี่ยังมีโชคให้พวกเราลองเสี่ยงดวงอีกมากมาย…หากใครได้พบกับอสูรสวรรค์ระดับราชาเมื่อเข้าสู่เขตแดนมิติแห่งนี้ พวกเขาก็อาจจะถูกกำจัดทันที”
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เด็กหนุ่มกำลังพึมพำกับตัวเอง จู่ๆ ความคิดของเขาก็ถูกขัดจังหวะ โจวเหว่ยชิงมองไปทางด้านหน้าด้วยความตกตะลึง เขาเห็นว่าท้องฟ้าในระยะไกลเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงโดยสิ้นเชิง วินาทีต่อมา กระแสวูบวาบสีแดงเข้มก็พาดผ่านไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับอุณภูมิความร้อนที่คล้ายจะแผดเผาร่าง พวกมันกระจายไปทั่วภาพท้องฟ้าขนาดกว้างใหญ่ไพศาลนี้จนไร้ช่องว่าง!
ขณะที่อุณหภูมิในอากาศกำลังพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว โจวเหว่ยชิงที่กำลังแตกตื่นก็มุดตัวหนีลงใต้กิ่งไม้เพื่อป้องกันตัวทันที ทันใดนั้นเอง สายลมร้อนระอุที่พัดผ่านมาเพียงชั่ววูบเดียวก็ทำให้กิ่งก้านเล็กๆ ของต้นไม้ที่ยื่นออกไปภายนอกถูกเผาจนกรอบ และบริเวณยอดไม้ก็แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าสีเหลืองแห้งเหี่ยว
“มันคืออะไรกันแน่?!” โจวเหว่ยชิงอุทานด้วยความแตกตื่นขณะที่เขาเอ่ยถามแมวอ้วน
แมวอ้วนก็อยู่ในอาการตกตะลึงเช่นกัน “ นั่น…นั่น…ดูเหมือน…เหมือนกับ…ทักษะ…ทักษะของอสูรสวรรค์…”
โจวเหว่ยชิงจ้องมองด้วยความตกใจ เขาอ้าปากค้างก่อนจะรวบรวมสติได้ในที่สุด “นั่นเป็นไปไม่ได้…แสงสีแดงนั่นครอบคลุมพื้นที่เกือบหมื่นตารางเมตรด้วยซ้ำ…มีอสูรสวรรค์ที่สามารถใช้ทักษะอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้จริงๆ หรือ!”
แมวอ้วนมองไปที่โจวเหว่ยชิง สูดหายใจเข้าลึกขณะที่ดวงตาของเธอดูเปล่งประกายเจิดจ้า “ใช่…ท่านพ่อของข้าทำได้”
โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งกลืนไข่ลงไปทั้งเปลือก น้ำเสียงของเขาแปรเปลี่ยนไปขณะที่พูดว่า “ที่รัก…หรือเจ้ากำลังพยายามบอกข้าว่า…นั่น…ในเขตแดนมิติสะท้อนนี้…มีอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้า…?”
แมวอ้วนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ากลัวว่านั่นจะเป็นความจริง…อย่าถามข้าว่าทำไม…เพราะข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
โจวเหว่ยชิงเลื่อนศีรษะออกจากยอดไม้อย่างระมัดระวังเพื่อชะโงกหน้ามองดูอีกครั้ง และเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าในระยะไกลๆ มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังบินไปยังทิศทางหนึ่ง
จากการคาดการณ์ของเขา ลำตัวของมันยาวอย่างน้อย 100 เมตร ร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดงเข้ม มีปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลัง ดูคล้ายกับกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่มีกรงเล็บมหึมา
มัน…มัน…มันคือมังกร!
………………………………………………………..