Hell mode - ตอนที่ 152
บทที่ 152 ผลประโยชน์
สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม คุเรนะผ่านการสอบครั้งที่ 3 ได้แล้ว นอกจากคุเรนะแล้วคนอื่นสอบผ่านฉลุยไม่มีปัญหาอะไร ในที่สุดการสอบของเธอก็สิ้นสุดลงสักที
การเรียนสุดโหดของอเลนยังเหมือนกับปีที่แล้ว
ดูทรงแล้วคุเรนะไม่มีความคิดจะเรียนด้วยตัวเอง อเลนเลยบังคับให้เรียนด้วยการจับเธอผูกกับเก้าอี้ นักเรียนแลกเปลี่ยน 3 คนจะคิดอย่างไรกับสิ่งที่เห็นนี้กันแน่
นักเรียนแลกเปลี่ยน 3 คนผ่านดันเจี้ยนระดับ B ครบแล้ว และผ่านดันเจี้ยนระดับ A ไปแล้ว 1 แห่ง
แน่นอนว่าได้เขียนแผนที่ของดันเจี้ยนระดับ B ไว้ในสมดเวทมนตร์ เลยผ่านได้เร็วกว่าตอนเริ่มจาก 1 ดูเหมือนนักเรียนแลกเปลี่ยนคงไม่คิดว่าจะมาราชอาณาจักรแล้วจะผ่านดันเจี้ยนระดับ B ได้เร็วขนาดนี้
แล้วอเลน, คุเรนะ, เซซิล, โดโกร่า และคีล 5 คนก็ผ่านดันเจี้ยนระดับ A แห่งที่ 4 แล้ว เหลืออีกเพียงแค่ 1 แห่งเท่านั้น แล้วเดือนหน้าจะเข้าวันหยุดฤดูร้อน เลยจะไปผ่านดันเจี้ยนแห่งที่ 5 นอกเมืองแห่งการศึกษา ซึ่งปรึกษากันเสร็จแล้วว่าจะไปที่ไหน
เกี่ยวกับเอ็กซ์ตร้าสกิล ตอนนี้อยู่ระหว่างการฝึกฝน ดูเหมือนการใช้งานมันขึ้นอยู่กับจิตใจ อยากให้ฝึกฝนจนใช้งานได้เป็นอย่างดี
หมู่บ้านบุกเบิกที่มีโรดันเป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งการถอนต้นไม้เพื่อเตรียมในส่วนของหมู่บ้านได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ถ้าเข้าฤดูใบไม้ร่วงจะร่วมมือกันล่าเกรซบอร์ ตอนนี้อยู่ระหว่างสร้างรั้วล้อมหมู่บ้าน โดยให้สัตว์อัญเชิญ C ที่มีรูปร่างเป็นหมู่ป่าขนต้นไม้บ้าง หรือใช้ปลายจมูกไถปรับหน้าดินบ้าง
เนื่องจากช่วงปลอดภาษีมีแค่ 2 ปี อเลนเลยให้ความร่วมมือเต็มที่ เพื่อให้ปีหน้าจดจ่อกับการทำสวน
วันนี้พอจบคาบเรียนอาจารย์ประจำชั้นมาบอกว่าผู้อำนวยการเรียกให้ไปพบ โดยคนที่โดนเรียกมีอเลนกับคุเรนะ รู้สึกไม่ค่อยดีเพราะปีที่แล้ว 2 คนนี้ก็เคยเจออะไรแบบนี้มาแล้ว เขาบอกว่าสมาชิกในปาร์ตี้จะไปด้วยก็ได้ ทั้ง 8 คนกับอาจารย์ประจำชั้นเลยมุ่งหน้าไปที่ห้องผู้อำนวยการ
“เข้าไปนะ”
“อืม”
อาจารย์ประจำชั้นเคาะก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ดูเหมือนวันนี้ผู้อำนวยการจะอยู่โดยข้างๆเขามีชายหนุ่มที่ดูคุ้นตา
“ไงอเลนคุง สบายดีไหม?”
ผู้กล้าเฮลมิออสอยู่ในห้องผู้อำนวยการ
“ท่านเฮลมิออส ไม่ได้พบกันนานเลยครับ”
“อะไร พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ เรียกเฮลมิออสก็ได้นี่?”
“ไม่หรอกครับ ผมไม่มีเพื่อนเป็นผู้กล้าหรอกครับ”
ผู้กล้าเฮลมิออสคุยอย่างเป็นกันเอง
โซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับผู้อำนวยการ, อาจารย์ประจำชั้น และเฮลมิออส ไม่สามารถให้พวกอเลนทั้ง 8 คนนั่งได้ เลยย้ายไปนั่งตรงโต๊ะกลมที่เอาไว้ประชุมแทน
เฮลมิออสยิ้มเล็กยิ้มน้อยมองอเลน
“ผู้อำนวยการ มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือครับ?”
ถามผู้อำนวยการโดยไม่สนใจสายตาของเฮลมิออส
(วันนี้น่าจะล่าบอสชั้นล่างสุดประจำวันไม่ทัน ขอสั้นๆหน่อยเถอะ ยังไงก็คงตอบปฏิเสธอยู่แล้ว)
“อือ วันนี้เรียกมาเพราะจะเชิญเข้าร่วมงานประลองโรงเรียนที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม โดยคนที่ได้รับเชิญคืออเลนกับคุเรนะ”
(กะแล้วเชียว ปีที่แล้วก็เรียกมาตอนเดือนตุลาคมก่อนแข่ง แต่ปีนี้เรียกมาก่อนวันหยุดฤดูร้อนเลยเหรอ หรือเพราะปีที่แล้วผ่านดันเจี้ยนระดับ A ตอนวันหยุดฤดูร้อน?)
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุเรนะเข้าร่วมแข่ง ส่วนผมขอสละสิทธิ์ครับ”
อเลนตอบในฐานะตัวแทน โซฟี่มองดูอเลนที่ตอบปฏิเสธ
“ขอฟังเหตุผลหน่อยได้ไหม?”
“เอาเป็นว่า ไม่มีเหตุผลที่ต้องแสดงพลังให้เห็นไงครับ?”
“อืม ได้ยินเรื่องคำทำนายของท่านราชาแห่งภูตจากท่านโซฟีโรเน่แล้วใช่ไหม?”
(เพื่อที่จะถามเรื่องนี้เลยให้โซฟี่เข้าปาร์ตี้ของฉันงั้นเหรอ? ไม่สิผู้อำนวยการไม่มีอำนาจถึงขนาดนั้น หรือว่ามันกลับกัน?)
เริ่มคิดว่ามันเป็นความประสงค์ของใครหรือเปล่าที่อยากให้เข้าร่วมงานประลองโรงเรียน
“ครับ ได้ยินมาว่าราชาแห่งภูตละเมออยู่บ่อยๆครับ”
“พรวด!”
เฮลมิออสสำลักกับคำพูดของอเลน เขาคงคิดเหมือนกันก็ได้ ผู้อำนวยการกับโซฟี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“ถึงจะยังไม่รู้ความหมายของ ‘คำพูดนั้น’ แต่อเลนคุงอาจจะเป็นผู้ช่วยโลกจากจอมมารก็ได้ ไม่ว่ายังไงพวกฉันก็อยากจะรู้พลังของนักอัญเชิญ ถ้าบอกว่าการรู้พลังของเธอเพื่อโลกจะว่ายังไงบ้าง?”
(โอ๊ะ? น้ำเสียงของผู้อำนวยการเปลี่ยนไป จะว่าไปพูดเกี่ยวกับจอมมารออกมาชัดเจนเลยนะเนี่ย ทั้งที่ปีที่แล้วไม่ได้พูดเกี่ยวกับจอมมารเลยแท้ๆ)
“ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกครับ”
“ว่าไงนะ?”
อเลนอธิบายออกมา ความแข็งแกร่งของสัตว์อัญเชิญของเขายังสามารถวัดได้ เพื่อที่จะให้โลกได้รู้ถึงพลังของนักอัญเชิญยังไงก็ต้องเปิดเผยพลังที่มีทั้งหมดออกมา
ถ้าหากการละเมอของราชาแห่งภูตเป็นความจริงอย่างที่โซฟี่บอกไว้แล้วละก็ การเปิดเผยออกไปจะมีผลเสียมากกว่า
“ผลเสียอย่างงั้นเหรอ?”
“ครับ ข้อมูลอาจจะหลุดไปทางฝั่งศัตรูได้ครับ”
(ฉันยังอยู่ระหว่างเติบโต อาจจะพวกที่คิดว่า “เจ้านี่เป็นตัวอันตราย แต่ถ้าเป็นตอนนี้น่าจะฆ่าได้อยู่” ก็ได้ ไม่อยากแบกรับความเสี่ยงโดยไร้เหตุผล)
ถ้าบังคับให้ออกไปว่าจะสละสิทธิ์การประลอง อีกอย่างไม่รู้ว่าฝั่งกองทัพจอมมารมีเครื่อข่ายข้อมูลแบบไหน
“อืม ก็จริงอยู่ ถ้าจะไม่แสดงพลังทั้งหมดออกมาก็ไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ครับ อยากให้พลังนี้ไปเปล่งประกายที่สนามรบมากกว่าครับ”
อเลนไม่คิดจะปิดบังพลัง เขาบอกออกมาง่ายๆว่า ถ้ามีเหตุผลให้แสดงพลังออกมาจะให้แสดงตอนนี้เลยก็ได้ แต่ถ้าให้แสดงพลังออกมาโดยขาดความรอบคอบก็ไม่เอาด้วยหรอก
“ไม่ว่ายังไงก็จะถอนตัวงั้นเหรอ?”
“ครับ ต้องขอประทานโทษด้วยครับ”
“ต้องการจะบอกเหตุผลเหมือนปีที่แล้วว่า เพราะไม่มีผลประโยชน์สินะ?”
“มันก็ ใช่อยู่ครับ”
ผู้อำนวยการถอนหายใจ แล้วมองไปที่เฮลมิออสราวกับจะส่งสัญญาณ
ทันใดนั้น เฮลมิออสก็เริ่มหมุนแหวนที่สวมอยู่ตรงมือขวา ก่อนจะกลิ้งหลุดออกมาบนโต๊ะ อเลนมองสิ่งนั้นด้วยความสงสัย
“อ๊ะ! ทำแหวนฟื้นพลังเวทที่หายากร่วงซะได้!!”
เขาใจพูดออกมา ก่อนจะรีบเก็บแหวนที่กลิ้งอยู่บนโต๊ะมาสวม
“…….”
“เกือบไปแล้ว นึกว่าแหวนราชาแห่งภูตสร้างให้แทนคำขอบคุณที่ช่วยกองทัพเอลฟ์จะเสียหายซะแล้ว”
เขาบอกว่าต้องระวังของสำคัญหน่อย อเลนจ้องมองการเล่นละครของเฮลมิออสด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ผู้อำนวยการพูดเบาๆว่า “ท่านราชาแห่งภูต” ต่างหาก
“อเลนคุง ลงดันเจี้ยนอยู่สินะ? ตามหาอะไรอยู่เหรอ? ไม่ลองปรึกษารุ่นพี่ดูล่ะ?”
“ไม่เป็นไรครับ”
(จำไม่เห็นได้เลยว่ามีรุ่นพี่อะไรอย่างนี้)
“งั้นเหรอ จะว่าไปแหวนฟื้นพลังเวทไม่มีออกในดันเจี้ยนระดับ A หรือระดับ S หรอกนะ ว่าแต่หาอะไรอยู่เหรอ?”
“เอ๊ะ? ทำไมถึงพูดออกมาชัดเจนอย่างนั้นล่ะ?”
“ความลับ เธอเองไม่ยอมบอกอะไร คิดว่าจะยอมบอกงั้นเหรอ”
“……”
(เอาเถอะ คิดไว้แล้วว่าต้องพูดอย่างนี้ ให้อภัยไม่ได้เจ้าผู้กล้าคนนี้ จะมาอวดแหวนนี้งั้นเหรอ? แต่รู้สึกไม่น่าใช่)
“อย่าจ้องอย่างนั้นสิ แต่คนใจดีอย่างผมจะบอกให้ก็แล้วกัน ดิกรักนิไม่ค่อยถนัดกับอะไรอย่างนี้ เลยสร้างแหวนฟื้นพลังเวทไม่ได้ไง”
“จริงเหรอ?”
“เจ้าตัวยอมรับมาเองเลย ถ้าเป็นกึ่งเทพอาจจะทำได้อยู่ แต่ตอนนี้คงยังไม่ได้ น่าเสียดายเนอะ อ้อ อาวุธโอริฮารูกอน ถ้าพยายามหน่อยน่าจะหาได้อยู่หรอก แต่ล้มเลิกไปน่าจะดีกว่า”
เขาบอกออกมาว่ายืนยันกับดันเจี้ยนมาสเตอร์อย่างดิกรักนิโดยตรงเองแล้ว เมรูรุยังอึ้งกับคำพูดนั้น อเลนมองเมรูรุที่เป็นเช่นนั้นพร้อมกับคิดว่าน่าจะเป็นการคงอยู่ที่ไม่สามารถเข้าพบได้ง่ายๆ
(สถานการณ์อย่างนี้แสดงว่าข้อมูลหลุดออกมาจากทางฝั่งกิลด์นักผจญภัยสินะ ช่างเป็นโลกที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย แล้วที่บอกว่าล้มเลิกดีกว่างั้นเหรอ?)
“ล้มเลิกดีกว่าเหรอ?”
“คิดจะไปแค่ 8 คนนี้ใช่ไหมล่ะ? ปาร์ตี้ในตอนนี้ถ้าไปดันเจี้ยนระดับ S แล้วละก็ ถึงจะไม่โดนล้างบาง แต่น่าจะมีคนตายหลายคนอยู่”
เฮลมิออสพูดออกมาชัดเจนว่าปาร์ตี้ของพวกอเลนไม่สามารถผ่านได้ ดูเหมือนเฮลมิออสจะตรวจสอบพวกอเลนทั้ง 8 คนเสร็จแล้ว
“อยากจะพูดอะไรกันแน่ครับ?”
“คุยกับผู้อำนวยการไว้ว่า ผู้ชนะเลิศในปีนี้จะได้ต่อสู้กับผมไง แล้วถ้าเธอเอาชนะฉันได้จะมอบแหวนฟื้นพลังเวทนี้ให้ด้วยนะ?”
(อย่างนี้นี่เอง สมมติให้เรื่องที่ผู้กล้าคนนี้บอกออกมาเป็นจริงแล้วละก็ การจะได้แหวนฟื้นพลังเวทจะต้องเอาชนะผู้กล้าให้ได้ หรือไม่ก็สร้างบุญคุณให้กับเอลฟ์และขอร้องราชาแห่งภูต ทางไหนน่าเชื่อถือกว่ากัน? ไม่สิ ในเวลาอย่างนี้น่าเป็นทั้งสองทางนั่นแหละ)
คิดว่าหนทางไหนจะได้แหวนฟื้นพลังเวทที่แน่นอนกว่า
อเลนเริ่มพิจารณา ทุกคนจ้องมองอเลนที่กำลังใช้ความคิดด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าจะให้ผมเข้าร่วม มีเงื่อนไข 2 ข้อได้ไหมครับ?”
“หือ? อะไรบ้างล่ะ?”
“ปีนี้ท่านยอดนักดาบโดเบิร์กไม่มาหรือครับ? ทั้งที่คุเรนะตั้งหน้าตั้งตารอต่อสู้กับท่านยอดนักดาบโดเบิร์กแท้ๆ”
“อ้อ โดเบิร์กก็มาด้วย ว่าจะให้ต่อสู้กับรองชนะเลิศอยู่หรอก? แล้วอีกเงื่อนไขล่ะ?”
เฮลมิออสพูดแทรกขึ้นมาว่าโดเบิร์กจะมาเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
“อยากจะตรวจสอบว่าแหวนนั้นเป็นของจริงหรือเปล่าครับ”
“ได้สิ เอ้า”
ยืมแหวนฟื้นพลังเวทมาจากเฮลมิออส แล้วใช้สกิลเพื่อลดพลังเวทก่อนจะลองสวมดู
(อืม ฟื้นตามพลังเวทสูงสุดวิละ 1 เปอร์เซ็นต์ ถ้า 1 นาทีก็ฟื้น 60 เปอร์เซ็นต์ นี่มันฟื้นได้ไม่จำกัดงั้นเหรอ? อยากได้สิ่งนี้ เก็บค่าประสบการณ์สกิลได้ด้วย ไหนจะตอนต่อสู้ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังเวทแล้วด้วย)
“เห อเลนคุงรู้ปริมาณพลังเวทของตัวเองได้ด้วยเหรอ”
ดูเหมือนเฮลมิออสรู้ว่าอเลนทำอะไร
(อืม เอาเถอะ ถ้าแค่นี้ก็ยังพอไหว ได้รับข้อมูลที่ล้ำค่ามาแล้วด้วยสิ)
“เอาละ ว่ายังไงบ้าง มันเป็นของจริงสินะ”
คืนแหวนให้กับเฮลมิออส
“สิ่งนี้พอจะเป็นผลประโยชน์ให้อเลนคุงเข้าร่วมงานประลองได้หรือยัง?”
“ครับ งานประลองปีนี้ขอให้ผมเข้าร่วมด้วยครับ แล้วอาวุธกับไอเทมเตรียมไปเองได้ตามใจชอบหรือเปล่าครับ?”
“แน่นอน จะเตรียมอะไรมาก็ได้ อีก 2 เดือนพยายามเข้านะ”
(เท่านี้ก็สามารถใช้ยาฟื้นฟูตอนต่อสู้ได้แล้ว)
เลยตอบไปว่าจะเตรียมตัวให้พร้อม แล้วอเลนก็ได้เข้าร่วมงานประลองโรงเรียนของปีนี้