Hell mode - ตอนที่ 153 ลุยเดี่ยว
บทที่ 153 ลุยเดี่ยว
อเลนสัญญาไว้ว่าเดือนตุลาคมปีนี้จะเข้าร่วมงานประลองโรงเรียน
หลังจากชนะเลิศจะต่อสู้กับผู้กล้าเฮลมิออส เพื่อเอาแหวนฟื้นพลังเวท
อเลนจะไม่แสดงพลังโดนไร้เหตุผล
แต่ถ้าเพื่อเป้าหมายก็ไม่เลือกวิธีการ
คิดจะอัดผู้กล้าให้ยับต่อหน้าเชื้อพระวงซ์กับแขกผู้ทรงเกียรติและเอาแหวนมา ผู้กล้าเอ๋ยเตรียมเสียใจไว้ได้เลย
“เอาละ เพราะอย่างนั้น อีก 2 เดือนให้หลังฉันจะเข้าร่วมงานประลองโรงเรียนด้วย”
“ก็สมเป็นอเลนอยู่หรอก แล้วจะทำยังไง? จะเอาชนะผู้กล้าได้เหรอ?”
สำหรับเซซิลแล้ว คงเข้าใจได้ว่าเข้าร่วมงานประลองเพื่อเอาแหวน แต่อีกฝ่ายเป็นผู้กล้าเฮลมิออส คนที่ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดบนโลกและเป็นความหวังของมนุษยชาติ
พอผู้กล้าปรากฏตัว ทำให้สถานการณรบกับกองทัพจอมมารเปลี่ยนไป
เธอมองอเลนด้วยสายตาแบบว่าอย่างนี้คงไม่มีทางชนะได้เลย
“ถ้าเป็นตอนนี้คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างนั้นพอเดือนหน้าเข้าสู่วันหยุดฤดูร้อนว่าจะไปลุยเดี่ยวน่ะ”
“““ลุยเดี่ยว?”””
อเลนคิดจะจัดการผู้กล้าเพื่อเอาแหวนฟื้นพลังเวทมาให้ได้ อีก 2 เดือนนิดๆ กว่าจะถึงงานประลองเลยหาทางเพิ่มโอกาสชนะให้มากขึ้นสักนิดก็ยังดี
“ดังนั้นจะไปเปิดรับหินเวทจากทั่วราชอาณาจักร แล้วจะหาซื้อไอเทมล้ำค่าภายในราชอาณาจักรด้วย”
อเลนตั้งเป้าเพิ่มเลเวลอัญเชิญไปสู่เลเวล 7 ให้ได้ภายในวันหยุดฤดูร้อน มันจำเป็นต้องใช้หินเวทจำนวนมาก
การจะสร้างเมล็ดพลังเวทเพื่อสะสมค่าประสบการณ์สกิล จำเป็นต้องใช้หินเวทระดับ D
ที่เมืองแห่งการศึกษากำหนดเปิดให้ซื้อหินเวทระดับ D ได้สูงสุดแค่เดือนละ 50,000 ก้อน
ถ้าด้วยความเร็วระดับนี้ กว่าอัญเชิญจะขึ้นเลเวล 7 คงต้องรอถึงปีหน้า
แต่ราชอาณาจักรมีเมืองใหญ่พอๆกับเมืองแห่งการศึกษาอยู่มากมาย เลยจะนั่งเรือเหาะวนไปที่กิลด์นักผจญภัยแต่ละเมืองเพื่อเปิดคำร้องซื้อ
ในระหว่างที่เปิดรับหินเวท ก็ไปเมืองถัดไปเพื่อเปิดคำร้องแบบเดียวกัน และก็จะทำอย่างนี้กับเมืองถัดไปเรื่อยๆ
พอถ้าถึงช่วงที่รวบรวมเสร็จก็จะกลับไปที่เมืองนั้นและเปิดคำขอใหม่อีกครั้ง
และในระหว่างที่นั่งเรือเหาะเวทมนตร์วนไปทั่วราชอาณาจักร จะหาหินเวทเท่าที่จะทำได้ด้วย
ต่อให้ราคาของหินเวทสูงขึ้นสักนิดก็ไม่เป็นไร อเลนมีอยู่ 28,000 เหรียญทอง
(แล้วก็ซื้อหินเวทระดับ E กับ C เผื่อไว้ด้วยดีกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเวลาทำอย่างนี้ได้อีกตอนไหน ตั้งเป้าหาหินเวทให้ได้ 1 ล้านก้อนดีกว่า)
ตอนนี้ค่อนข้างร่ำรวยแล้ว เลยซื้อหินเวทแทนที่จะเป็นการแลกเปลี่ยน ถ้าหากไปสนามรบที่เขาบอกกันว่ามีแต่มอนสเตอร์ระดับ B ขึ้นไปแล้วละก็ ไม่ใช่แค่หินเวทระดับ D แต่คิดว่าระดับ E และ C คงหาได้ยากขึ้น
แน่นอนว่าถ้าระหว่างที่เดินทางเจอไอเทมล้ำค่าก็จะซื้อมาด้วย
ถึงจะอยากหาอาวุธโอริฮารูกอนทั่วราชอาณาจักร แต่คงยากเอาเรื่องอยู่ ดังนั้นถ้ามีโอกาสว่าจะหาแหวนเพิ่มค่าสเตตัส 500 ขึ้นไป
“ท่านอเลน แล้วจะให้พวกดิฉันทำอะไรดีคะ?”
โซฟี่ถามว่าถ้าอเลนตั้งใจจะเดินทางไปราชอาณาจักร แล้วจะให้พวกเธอทำอะไร
“เรื่องนั้นมี 2 ทางเลือก อยากให้ทุกคนตัดสินใจว่าจะเอาอันไหนดี”
ทางเลือกที่ 1 ไปนอกเมืองแห่งการศึกษา และให้สมาชิกปาร์ตี้ใหม่ 3 คนที่เพิ่งผ่านดันเจี้ยนระดับ A 1 แห่ง ไปลุยดันเจี้ยนระดับ A แห่งที่ 2 นอกเมืองแห่งการศึกษา
ทางเลือกที่ 2 ให้ทุกคนช่วยสมาชิกใหม่ 3 คนผ่านดันเจี้ยนระดับ A ในเมืองแห่งการศึกษา คิดว่าน่าจะผ่านได้ 3 แห่งในช่วงวันหยุดฤดูร้อน
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนจะส่งสัตว์อัญเชิญไปช่วยสนับสนุนอยู่แล้ว และบอกไปว่าต่อให้สัตว์อัญเชิญโดนเล่นงาน แต่จะช่วยเติมให้ระหว่างที่ตรวจตารางการบินของเรือเหาะเวทมนตร์ ที่ไม่อยู่มีแค่อเลนคนเดียวเท่านั้น
“อย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นก็เอาที่เคยพูดกันไว้ตั้งแต่แรกจะดีกว่าไหม? ยังไงถ้าหมดวันหยุดฤดูร้อนแล้ว ไม่มีทางไปลุยดันเจี้ยนระดับ A นอกเมืองแห่งการศึกษาได้ด้วยนี่”
โดโกร่าพูดออกมาราวกับว่าตั้งใจจะไปผ่านดันเจี้ยนระดับ A นอกเมืองแห่งการศึกษาตามที่เคยคิดไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งทุกคนเองก็คิดอย่างนั้น ดันเจี้ยนระดับ A นอกจากเมืองแห่งการศึกษาไปได้แค่ช่วงวันหยุดฤดูร้อนเท่านั้น
“หมายความว่าจะให้ทุกคนไปผ่านดันเจี้ยนสุดท้ายแห่งที่ 5 ใช่ไหมคะ แล้วท่านอเลนคิดยังไงกับเรื่องที่ผู้กล้าเฮลมิออสพูดหรือคะ? ตั้งใจจะไปดันเจี้ยนระดับ S หรือเปล่าคะ?”
โซฟี่ถามว่าคิดยังไงกับบทสนทนาที่ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจของเฮลมิออส เรื่องที่เขาบอกว่าปาร์ตี้นี้ไม่ย่อยยับ แต่น่าจะต้องมีคนตายอยู่หลายคน
ทุกคนมองอเลนเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
(บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้ที่ผู้กล้ามาบอกในเวลาอย่างนี้ ถ้าไปด้วยความเร็วขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะผ่านดันเจี้ยนแห่งที่ 5 แล้วได้ไปดันเจี้ยนระดับ S ตอนไหน แต่เอาเถอะ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดันเจี้ยนระดับ S อยู่ที่ไหน)
เฮลมิออสมาโณงเรียนปีนี้เพราะอยากเห็นพลังของอเลน ทั้งที่ปีหน้าอเลนยังต้องเรียนอยู่แท้ๆ ค่อยมาชวนเข้าร่วมประลองตอนปีหน้าก็ได้ แต่เพราะจะมาเตือนเรื่องที่ยังไม่ควรไปดันเจี้ยนระดับ S เลยถือโอกาสมาร่วมงานโรงเรียนด้วยเลย
“ยังไงก็ไปผ่านดันเจี้ยนระดับ A แห่งที่ 5 ก่อน แล้วค่อยให้นักเรียนแลกเปลี่ยน 3 คนไปผ่านดันเจี้ยนที่เหลืออยู่ในเมืองแห่งการศึกษาอีก 3 แห่งน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”
บอกไปว่าตอนนี้ยังไม่ต้องรีบตัดสินเป้าหมายก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเลเวลอัญเชิญของอเลนคงเลเวลเพิ่มแล้ว
“นั่นสินะ อย่างนั้นก็ได้ แต่อเลนจะทำยังไงเหรอ? มีแค่อเลนคนเดียวนะที่ไม่ผ่าน?”
ดูเหมือนเซซิลจะเห็นด้วย เลยบอกว่าเรื่องดันเจี้ยนระดับ S เอาอย่างนั้นก็ได้
“อือ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ไว้จะหาเวลาแล้วค่อยตามไปคนเดียว”
บอกไปว่าจะสร้างแผนที่จากสัตว์อัญเชิญที่ให้ตามทุกคนไปด้วย ก่อนจะให้สัตว์อัญเชิญนก C ใช้สกิลปลุกพลังวิ่งทะยานตามไป
“งั้นเหรอ ถ้างั้นสถานที่เอาเป็นป้อมปราการเฟลดร้าดีไหม?”
คีลบอกออกมาว่าเอาเป็นเมืองเดิมที่เคยปรึกษากันก่อนหน้านี้
“อ้อ ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนด้วยสิ จะพาพวกนีน่าไปด้วยสินะ?”
ป้อมปราการเฟลดร้าถูกสร้างขึ้นมาทางเหนือของราชอาณาจักรเพื่อใช้ต้านจักรวรรดิ ซึ่งมีดันเจี้ยนอยู่หลายแห่ง แน่นอนว่ามีดันเจี้ยนระดับ A อยู่ด้วย จำนวนประชากรเองก็ไม่ต่างกับเมืองแห่งการศึกษามากนั้น น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเปิดรับหินเวทที่กิลด์นักผจญภัย
คนที่อยู่ฐานนี้มีทั้งหมด 18 คน ที่ไปลงดันเจี้ยนมีแค่ 8 คน เลยคุยกันว่าอีก 10 คนที่เหลือจะทำอะไรบ้าง
“อืม ถ้าเป็นไปได้อยากจะพาไปด้วยอยู่หรอก”
“ถ้างั้นก็พาไปสิ มีเงินตั้งขนาดนี้แล้วด้วย สำหรับฉันถ้าให้ไปด้วยกันสัตว์อัญเชิญจะปกป้องได้ง่ายกว่าด้วย”
ค่าเดินทางแค่คนละ 1 เหรียญทอง นอกจากนี้ยังต้องเตรียมไว้สำหรับค่าที่อยู่อาศัยนอกฐานนี้ด้วย
ถึงจะแบ่งเงิน 1 ใน 6 ที่ได้จากในดันเจี้ยนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปและเงินเดือนของทุกคนก็ตาม ซึ่งตอนนี้เงินนั้นมีเกือบ 2000 เหรียญทองแล้ว
อนึ่ง เพราะนักเรียนแลกเปลี่ยน 3 คนลงล่าบอสชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนระดับ A ด้วย ทำให้ตอนนี้ค่าใช้จ่ายถูกแบ่งเป็น 1 ใน 9 แทน แต่ก็ยังหาเงินได้มากเกินพอสำหรับค่าครองชีพ
เมรูรุรู้สึกประทับใจมากที่สามารถหาเงินได้มากขนาดนี้ เลยส่งกลับไปให้ครอบครัวที่บ้านเกิดด้วย ดูเหมือนบ้านเกิดของเธอไม่ได้ร่ำรวยมากนัก
“เอาละ น่าจะประมาณนี้สินะ”
“ยังมีอีก! ขอพูดหน่อยค่ะ!”
(หือ?)
“ถ้างั้น คุเรนะคุงมีอะไรเหรอ?”
คุเรนะยกมือขึ้นเหมือนตอนอยู่ในห้องเรียน เลยเลียนแบบอาจารย์ประจำชั้นเพื่อแสดงอารมณ์ร่วมกับคุเรนะ
“อาจารย์อเลน! ฉันจะจัดการผู้กล้าแล้วเอาแหวนมาให้อาจารย์เองค่ะ!!”
คุเรนะพูดออกมาด้วยสีหน้าอันเด็ดเดี่ยว
(โอ้! งั้นเหรอ รู้ตัวแล้วสินะ)
ตอนแรกวางเนื้อเรื่องไว้ว่า อเลนจะชนะคุเรนะโดยไม่แตะตัวเธอสักนิดแล้วเป็นผู้ชนะเลิศเพื่อไปต่อสู้กับเฮลมิออส ส่วนคุเรนะที่แพ้อเลนจะได้ไปล้างแค้นปีที่แล้วกับยอดนักดาบโดเบิร์ก
ดูเหมือนคุเรนะจะรู้ถึงเรื่องนั้น
“ก็นะ แต่คุเรนะคุงเอาชนะอาจารย์ให้ได้เสียก่อน!”*
“จะชนะให้ได้เลย ถึงตอนแยกจากกันที่หมู่บ้านจะชนะไม่ได้!! ห้ามต่อสู้แบบไม่เอาจริงด้วยนะ!”
ตอนเล่นติ๊ต่างเป็นอัศวินเพื่อออกจากหมู่บ้านคุเรนะเพื่อไปเป็นคนรับใช้ฝึกหัด ตั้งแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตัดสินกันอย่างเป็นทางการเลย
คุเรนะที่เคยพ่ายแพ้ประกาศกร้าวออกมา มีศึกที่ต้องสู้เพิ่มอีกแล้ว