Hell mode - ตอนที่ 159 งานพิธี
ผ่านมาแล้ว 6 วันหลังจากที่ผู้กล้าเฮลมิออสชนะอเลน ที่ต่างโลกนี้ 1 สัปดาห์มี 6 วัน เท่ากับว่าผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์
ต่อให้จบงานประลองโรงเรียนแล้ว อเลนก็ยังไปโรงเรียนตามปกติ หลังงานประลองรู้สึกได้เลยว่าการเข้าหาของเหล่านักเรียนเปลี่ยนไป ถึงจะมีนักเรียนที่กลัวจนไม่กล้าเข้ามาทัก แต่สัดส่วนของนักเรียนที่เข้ามาทักก็เพิ่มขึ้นไปด้วย
สำหรับโลกที่พลังคือความถูกต้อง การที่ต่อสู้กับผู้กล้าได้ถึงขนาดนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่อยู่
มีขอให้ช่วยผ่านดันเจี้ยนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนด้วย
งานประลองโรงเรียนในปีนี้มีสิ่งที่ยังไม่ได้จัดเหมือนปีก่อน
สิ่งนั้นคืองานพิธีหลังงานประลอง
งานพิธีนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางของราชอาณาจักรจะเข้าร่วมด้วย เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ผู้ชนะเลิศ
ซึ่งผู้ที่เข้ารอบ 16 คนสุดท้ายกับเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศก็เข้าร่วมด้วย
ได้ยินมาว่าช่วงเวลานี้เหล่าขุนนางเสร็จจากหน้าที่ในสนามรบแล้ว เลยมาชักชวนไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ปีที่แล้วคุเรนะก็โดนชวนเยอะอยู่ แต่ตอบปฏิเสธไปว่าต้องกลับไปที่ฐานเพื่อรับประทานอาหาร
แต่ไม่มีงานพิธีนั้น
นั่นก็เพราะอเลนกับเฮลมิออสต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในงาน ทำให้ลานประลองพังเสียหายยับเยินไม่รู้ว่าจะทันใช้ปีหน้าหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ทางราชวังวุ่นวายยกใหญ่
นั่นก็เพราะว่า แขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศถามมาไม่หยุดหย่อนว่าอเลนเป็นใครกันแน่ ทำไมราชอาณาจักรถึงปิดบังเรื่องของอเลนเอาไว้ เพราะในสัญญาพันธมิตรห้าทวีปได้บอกเอาไว้ว่าถามีการคงอยู่ที่เหนือกว่ายอดนักดาบแล้วละก็ต้องแจ้งให้แต่ละประเทศทราบ
แขกผู้ทรงเกียรติมาในฐานะเป็นตัวแทนของประเทศ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้
ทางราชวังเองก็สับสนไม่รู้ว่าจะรับมือและตอบอย่างไร เลยว่าจะไม่จัดงานพิธี
แต่ยังไงก็ต้องจัดงานพิธี แต่ละประเทศเลยถือโอกาสดูว่าราชอาณาจักรจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปด้วย
เรื่องความความวุ่นวายที่ราชวังได้ยินมาจากริโฟล เลยสงสัยว่าไปเอาข้อมูลในราชวังมาตอนไหนกันแน่
หลังจากที่ฟังสถานการณ์ภายในราชวังแล้ว อเลนก็ตอบกลับมาไปว่า “งั้นเหรอ” ด้วยท่าทางที่ไร้ความสนใจ เพราะได้แหวนมาแล้ว ถือว่าจบๆกันไป
โดยงานพิธีอันยืดยาวในวันนี้จัดขึ้นที่โรงแรมสุดหรูในเมืองแห่งการศึกษา
เนื่องจากเวลาไม่น่าทัน เลยขอเลิกเรียนก่อนแล้วมุ่งหน้าไปโรงแรมนั้นพร้อมกับคุเรนะ
(กะแล้วเชียว โรงแรมเดียวกับที่มาพบมกุฎราชกุมารเมื่อปีที่แล้ว ที่นี่เป็นโรงแกรมสำหรับพวกมกุฎราชกุมารงั้นเหรอ?)
พอถึงโรงแรมที่มารับประทานอาหารเย็นกับมกุฎราชกุมารเมื่อปีที่แล้ว ก็ถูกพาไปยังห้องรับรอง
เหล่านักเรียนที่เข้ารอบ16 คนสุดท้ายรออยู่ตรงห้องรับรอง ซึ่งมีนักเรียนหลายคนมารอแล้ว คงรอให้งานพิธีเริ่ม ไม่รู้ทำไมเหล่านักเรียนปีสูงกว่าถึงเข้ามาทักทาย เลยทักทายกลับไปอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นสักพักคนดูแลก็มาบอกว่า “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” ก่อนจะเริ่มอธิบายข้อควรระวังในงานพิธี เช่นห้ามมองมกุฎราชกุมารโดยตรง หรือห้ามตอบเสียงดังเกินไป
เขาบอกว่าห้ามพกอาวุธเข้าไป การเข้าร่วมงานพิธีห้ามพกอาวุธโดยเด็ดขาดเลยต้องตรวจร่างกายว่าแอบพกอาวุธอะไรไว้หรือเปล่า ซึ่งอเลนโดนตรวจสอบโดยคนถึง 2 คน
อีกไม่นานงานพิธีจะเริ่มแล้ว ซึ่งมีนักเรียนบางคนกลัวเหมือนกันเรื่องที่ห้ามเสียมารยาทกับแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศ เพราะโดนขู่ว่าถ้าเสียมารยาทจะต้องโดนลงโทษ
พอเวลาผ่านไปพอสมควรเจ้าหน้าที่ก็มานำทางไป โดยให้ผู้ชนะเลิศอย่างอเลนเป็นคนเดินนำเข้าห้องจัดพิธี
(ที่นี่ ที่กินอาหารกับมกุฎราชกุมารนี่ แค่เก็บโต๊ะก็กลายเป็นห้องจัดงานแล้วเหรอ?)
ประตูบานคู่เปิดออกและเข้าไปยังสถานที่จัดงานพิธี
ก่อนอื่นมกุฎราชกุมารจะพูดเกริ่นก่อน โดยทั้ง 16 คนจะต้องเดินเข้าไปตรงกลางห้องขนาบด้วยขุนนางและแขกผู้ทรงเกียรติ ถึงจะห้ามมองไปรอบๆ แต่เท่าที่เห็นน่าจะมีเกิน 100 คน
“ถึงผมสีดำจะหายาก แต่พอมองใกล้ๆยังเป็นเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“เรียกมังกรออกมาสู้ได้จริงเหรอ?”
“ใช่แล้วอย่าพูดเสียงดังไปสิ”
(จริงๆเลย พูดเบาๆกันหน่อยสิ ได้ยินหมดแล้ว)
เหล่าขุนนางส่วนใหญ่พูดเกี่ยวกับอเลน ถึงจะได้ยินแต่ไม่ตอบสนองอะไร
พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นมกุฎราชกุมารนั่งอยู่ตรงด้านในสุดของห้อง โดยพอทั้ง 16 คนคุกเข่ามกุฎราชกุมารถึงจะพูดออกมา
(โอ๊ะ? ไวเคานต์แกรนเวลมาด้วย)
เห็นไวเคานต์อยู่ตรงมุมสายตา ไวเคานต์เองก็บอกไว้ว่าจะเข้าร่วมงานพิธีด้วย
“ยะ หยุดอยู่ตรงนั้น! ใกล้เกินไปแล้ว!!”
ในระหว่างที่คิดอย่างนั้นและเคลื่อนที่อยู่ห่างจากมกุฎราชกุมาร 5 เมตร เขาก็ส่งเสียงออกมาอย่างดัง ดูเหมือนจะเข้าใกล้เขาเกินไป
ดูเหมือนจะต่างกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่อธิบายเอาไว้ก่อนหน้า เขาอธิบายมาว่าบนพรมห่างจากมกุฎราชกุมาร 5 เมตรจะมีสัญลักษณ์กลมๆอยู่ ให้ไปคุกเข่าตรงนั้น
เลยหยุดพร้อมกับคุกเข่าลง โดยไม่โต้เถียงอะไร
“ท่านมกุฎราชกุมาร อย่ากระตุ้นมากเกินไปสิครับ การป้องกันของที่นี่ไม่ได้สมบูรณ์แบบนะครับ”
“ระ รู้แล้วน่า”
(พูดเบาๆกันหน่อยเถอะ ได้ยินหมดแล้ว แล้วบอกว่าป้องกันงั้นเหรอ)
อัศวินที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังพูดเบาๆกับมกุฎราชกุมาร จะว่าไปรู้สึกว่าอัศวินที่คอยคุ้มกันจะเยอะกว่าปีที่แล้ว
(เร็วๆหน่อยเหอะ อยากจะเพิ่มเลเวลอัญเชิญแล้ว จะได้ไปแก้แค้นมังกรสักที)
อเลนพออัญเชิญขึ้นสู่เลเวล 7 ก็ได้สเตตัสจากพรคุ้มครองเพิ่มขึ้น และได้สัตว์อัญเชิญใหม่ๆมา บอสชั้นล่างสุดระดับ A เจอมังกรครั้งล่าสุดตอนเดือนมกราคมของปีนี้หลังจากนั้นก็ยังไม่เคยโผล่ออกมาอีกเลยซึ่งอยากจะลองสู้อีกสักครั้ง
ครั้งนี้อยากจะลองโดยไม่ต้องให้คุเรนะใช้เอ็กซ์ตร้าสกิล
เนื่องจากมกุฎราชกุมารพูดอยู่ เลยก้มศีรษะตามที่ได้รับการอธิบายไว้
“ทุกคนประลองกันได้อย่างยอดเยี่ยม ราชอาณาจักรราตาชูเองรู้สึกดีใจที่มีผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเจ้า หลังจากนี้จงฝึกฝนเพื่อรับใช้ราชอาณาจักรต่อไป”
“““ครับ!”””
(เอาละ จบแล้วกลับได้สินะ ดีนะเนี่ยที่พูดสั้นไม่เหมือนกับผู้อำนวยการสมัยมัธยมต้น)
มันต่างกับโลกก่อน ราชวงศ์จะไม่พูดกับคนเบื้องล่างนานสักเท่าไร
แล้วในห้องก็เกิดความเงียบขึ้น
(หือ? นานอะไรอย่างนี้? รออะไรอยู่? ในเวลาอย่างนี้)
เพราะไม่รู้ว่ารออะไรอยู่ ทำให้ความอยากกลับเพิ่มมากขึ้น ถึงอเลนจะไม่ได้มองแต่ดูเหมือนแขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศรวมไปถึงเหล่าขุนนางกำลังรอคำพูดต่อไปของมกุฎราชกุมารอยู่
“อเลนเอ๋ย เจ้าต่อสู้ได้ยอดเยี่ยมมาก”
มกุฎราชกุมารพูดต่อราวกับโดนเร่งเร้าจากรอบๆ แต่ละประเทศคงอยากเห็นว่าราชอาณาจักรจะมีท่าทีอย่างไรกับผู้ชนะเลิศอย่างอเลน
“ขอบพระคุณมากครับ เพราะอยากจะแสดงให้ท่านมกุฎราชกุมารเห็นเลยตื่นเต้นมากไปหน่อยครับ”
(ยังไงก็พูดแก้ตัวเรื่องทำลานประลองพังไว้ก่อนดีกว่า)
“งะ งั้นเหรอ แกรนเวลเองถ้ามีลูกน้องอย่างนี้น่าจะรีบๆมาบอกกันหน่อยนะ”
มกุฎราชกุมารโบ้ยความผิดว่าที่ราชอาณาจักรไม่รู้เรื่องนี้เพราะไวเคานต์
“ละ ลูกน้องหรือครับ?”
ไวเคานต์ที่ยืนอยู่ในห้องโถงถึงกับส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย
“หือ? ไม่ใช่ลูกน้องเหรอ?”
มกุฎราชกุมารจำได้ว่าปีที่แล้วอเลนแต่งตัวเป็นคนรับใช้แล้วตามไวเคานต์มาที่นี่ เขาเลยคิดว่าน่าจะเป็นลูกน้อง
เกิดความคลาดเคลื่อนของการสนทนา มกุฎราชกุมารที่อยากจะจบการสนทนาลงเร็วๆเลยมองไวเคานต์
“ครับ อเลนเป็นแขกของตระกูลแกรนเวลครับ”
“แขกงั้นหรือ เรื่องจริงเหรออเลน?”
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอเลนถึงแต่งตัวเป็นคนรับใช้เลยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ใช่แล้วครับ อยู่ในตำแหน่งของแขกตระกูลแกรนเวลครับ เนื่องจากได้รับการต้อนรับจากไวเคานต์เป็นอย่างดี บางครั้งเลยเสนอตัวขอช่วยงานแทนค่าที่พักครับ”
““งาน?””
ตอนนั้นเองที่มกุฎราชกุมารกับไวเคานต์ประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ไวเคานต์นึกไม่ออกว่าขอให้ช่วยงานอะไร
“งานงั้นเหรอ แล้วเป็นงานแบบไหนล่ะ?”
“เป็นบอดี้การ์ดครับ ในช่วงหลายปีนี้ไวเคานต์เจอปัญหาเยอะพอควรเลยครับ”
“พรวด!”
ไวเคานต์ถึงกับสำลักออกมา ตอนรับประทานอาหารเย็นครั้งก่อนเคยโดนเตือนไปแล้ว แต่ครั้งนี้มกุฎราชกุมารกลับไม่ตำหนิไวเคานต์
พอบอกไปว่าบอดี้การ์ดทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ไม่มีขุนนางในราชสำนักคนไหนไม่รู้เรื่อง “การเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล”
แต่แขกผู้ทรงเกียรติของแต่ละประเทศไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากไม่รู้การเมืองภายในราชอาณาจักรเลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปต่อดี
การเปลี่ยนแปลงของตระกูลแกรนเวล เหล่าขุนนางในราชสำนักรู้ดีกันว่าเป็นเรื่องที่ไวเคานต์ใช้สิทธิ์ในการขุดเหมืองแร่มิธริลเพื่อการกำจัดราชฑูตและขุนนางที่มาหาเรื่อง
อเลนตั้งใจจะบอกว่าถูกจ้างมาเป็น “บอดี้การ์ด” มันไม่จบแค่ปกป้องไวเคานต์ แต่รวมไปถึงใช้กำลังในการกำจัดคนที่มาขัดขวางด้วย
มกุฎราชกุมารกลืนน้ำลายดังเฮือก
เท่ากับว่างานเลี้ยงอาหารค่ำปีที่แล้วอเลนแต่งกายเป็นคนรับใช้เพื่อรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ด
อัศวินหลายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมกุฎราชกุมาร เริ่มถอยร่นแม้จะมีหน้าที่ที่ต้องคอบปกป้องเขาก็ตาม
ถ้าถามว่าเป็นบอดี้การ์ดเพื่อป้องกันจากใครก็ต้องบอกว่าจากมกุฎราชกุมาร และคนที่ต้องสู้กับอเลนก็คือเหล่าอัศวิน บางทีคงคิดว่าถ้าหากปีที่แล้วต้องต่อสู้อาจจะต้องตายก็ได้เลยตัวสั่นไม่หยุด
“งะ งั้นเหรอ ลำบากหน่อยนะการที่ต้องคุ้มครองขุนนางคนสำคัญที่ช่วยเหลือราชอาณาจักรของเราเนี่ย”
“ครับ คิดว่าหลังจากนี้คงต้องปกป้องไวเคานต์ที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอดจากอีกหลายคนอยู่ครับ”
มกุฎราชกุมารพอได้ยินคำว่า “หลายคน” ถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็พูดต่อ
แล้วงานพิธีของงานประลองโรงเรียน ก็จบลงด้วยการที่อเลนแสดงจุดยืนของตัวเองกับมกุฎราชกุมาร
ไวเคานต์น่าจะรับประทานอาหารเย็นอยู่กับเซซิล แต่โดนเหล่าขุนนางในราชสำนักล้อมและพาไปที่ไหนไม่รู้ วันนั้นเลยไม่ได้พบกับเซซิล