Hell mode - ตอนที่ 160 สิทธิ์ท้าสู้
บทที่ 160 สิทธิ์ท้าสู้
เข้าสู่ต้นเดือนธันวาคม
ถ้าจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ มีแค่หมู่บ้านบุกเบิกที่โรดันเป็นหัวหน้าหมู่บ้านพัฒนาไปได้อย่างราบรื่น
พอสร้างรั้วเสร็จก็เริ่มออกล่าหมูป่าปีแรก
ด้วยหอกฮิฮิอิโรคาเนะกับมิธริลทำให้ล่าเกรซบอร์ได้ 20 ตัว
เทือกเขามังกรขาวนั้นยาวทำให้ทุ่งตรงตีนเข้านั้นกว้าง ถึงจะมีจำนวนหมูป่าค่อนข้างมากแล้วแต่หลายปีนี้ก็ยังแพร่พันธุ์ออกมาจำนวนมาก อเลนเลยใช้หมูป่าเป็นเหยื่อล่อเพื่อกวาดล้างก็อบลินและออร์ค
ฤดูหนาวเอาสารอาหารจากเนื้อหมูป่า ส่วนฤดูใบไม้ผลิปีหน้าค่อยทำสวน
ตอนนี้พวกอเลนอยู่ในห้องบอสชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนระดับ A
“ในที่สุดก็ปราบได้แล้ว”
‘……’
มังกรนอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้าพวกอเลน สิ่งนี้เป็นบอสชั้นล่างสุดไม่ใช่สัตว์อัญเชิญของอเลน ตอนนี้มันหายใจรวยริน
ปราบบอสชั้นล่างสุดระดับ A โดยไม่ต้องใช้เอ็กซ์ตร้าสกิลของคุเรนะได้แล้ว
“อ๊ะ ผมเลเวลขึ้นแล้ว!”
“ยินดีด้วยนะเมรูรุ เท่านี้ก็เลเวล 58 แล้ว”
เมรูรุเองเริ่มชินกับหน้าจอแสดงเลเวลแล้ว
[ชื่อ] เมรูรุ
[อายุ] 14
[อาชีพ] นายพลศิลาเวท
[เลเวล] 58
[พลังกาย] 1621
[พลังเวท] 2340
[พลังโจมตี] 756
[ความทนทาน] 1274
[ความว่องไว] 756
[ความฉลาด] 2340
[โชค] 1453
[สกิล] นายพลศิลเวท <1>, หมัดบิน <1>, วิชาหอก <3>, วิลาโล่ <3>
[เอ็กซ์ตร้าสกิล] รวมร่าง
[ค่าประสบการณ์] 80,240 / 40 ล้าน
・ เลเวลสกิล
[หมัดบิน] 1
・ ค่าประสบการณ์สกิล
[หมัดบิน] 0 / 10
(ทำไมรู้สึกเหมือนเมรูรุอยู่คนละเกมเลยเนี่ย คิดไปเองสินะ?)
คิดว่าหุ่นยนต์รวมร่างส่วนหัวมันเท่ที่สุด
เมรูรุจะใช้สกิลได้จำเป็นต้องขี่โกเลม สำหรับเมืองแห่งการศึกษาที่ไม่มีโกเลม เลยไม่สามารถใช้ค่าพลังเวทเพื่อเก็บค่าประสบการณ์สกิล ทำให้เลเวลสกิลไม่กระเตื้องสักนิด
เพราะอย่างนั้นเลยมีแค่เมรูรุเท่านั้นที่ยังไม่ได้ค่าสเตตัสเพิ่มตอนสกิลเลเวล 3 กับ 6
เมรูรุเองก็มาที่เมืองแห่งการศึกษาตามข้อตกลงของพันธมิตร 5 ทวีปเหมือยอย่างโซฟี่ และต้องขี่โกเลมร่วมต่อสู้ไปพร้อมกับพวกอเลน
ถึงทวีปกลางทางตอนเหนือจะมีกองทัพเอล์ฟอยู่ แต่ก็มีโกเลมที่ยืมมาจากจักรวรรดิบาวกีสอยู่ด้วย ถึงจะน้อยเมื่อเทียบกับกองทัพเอล์ฟ แต่ก็สามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างเพียงพอต่อมอนสเตอร์ระดับ A
“โอ้ว!! กล่องทอง! กะแล้วเชียวว่าออกมาง่ายกว่าถ้าเป็นมังกร!!”
พอปราบมังกรเสร็จของรางวัลก็ปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นกล่องทอง คีลเลยกระโดดเข้าใส่เพราะไม่ได้เห็นมาเป็นเวลา 1 ปี
พอดูข้างในก็เห็นแหวนอยู่
(อืม จะดีกว่านี้ถ้าได้อาวุธโอริฮารูกอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาบใหญ่หรือขวาน)
อเลนได้แหวนฟื้นพลังเวทที่ต้องการมาแล้ว เพราะอย่างนั้นเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับแหวนสักเท่าไร สิ่งที่อยากได้ต่อไปคืออาวุธระดับโอริฮารูกอน
อยากได้อาวุธสำหรับคุเรนะหรือโดโกร่า
อนึ่ง อเลนได้แปลงค่าความรุนแรงของอาวุธไว้แล้ว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อเลนคาดการณ์เอาเองเพราะขนาดร้านประเมินเองยังไม่รู้ค่าที่แท้จริง
ค่าพลังโจมตีของแต่ละอาวุธ
・ดาบเหล็ก 100
・ดาบมิธริล 500
・ดาบฮิฮิอิโรคาเนะ 1,000
・ดาบอาดามันเที่ยม 3,000
・ดาบโอริฮารูกอน มากกว่า 5,000
อนึ่ง ความเสียหายที่ทำได้จะคิดจากคริติคัล, ความเร็ว และเลเวลสกิล
สิ่งนี้เป็นแค่ค่าของอาวุธอย่างเดียว
ดาบโอริฮารูกอนถึงจะต่อสู้กับผู้กล้าเฮลมิออสแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอุปกรณ์อื่นของเฮลมิออสมีอะไรบ้าง เลยทำได้แค่กะประมาณคร่าวๆ
“สวมไปแล้ว ค่าสเตตัสอันไหนเพิ่มขึ้นกันนะ?”
“โอ๊ะ! พลังเวทเพิ่มขึ้น 1,000”
อเลนตรวจสอบว่าแหวนจากกล่องทองให้ผลอะไร มันเพิ่มพลังเวท 1,000
(สิ่งนี้อาจจะดีก็ได้ พลังเวทเพิ่มขึ้นคอมโบคู่กับแหวนฟื้นพลังเวท น่าจะทำให้สกิลขึ้นเลเวล 8 ได้เร็วขึ้น)
ไว้ค่อยคุยหลังจากนี้ว่าจะให้ใครเป็นคนใส่
แล้วสมาชิกปาร์ตี้ทั้ง 5 คนก็ผ่านดันเจี้ยนระดับ A ครบ 5 แห่ง ทำให้มีบางอย่างปรากฎขึ้นมา
วู้ม
‘ฉันคือระบบควบคุมดันเจี้ยน ขอแสดงยินดีกับทุกคนในเกมเมอร์หมกมุ่น จะออกใบรับรองการผ่านดันเจี้ยนระดับ A ให้’
“ออกมาแล้วสินะ”
เซซิลรวมไปถึงทุกคนไม่ประหลาดใจที่จู่ๆวัตถุทรงลูกบาศก์ปรากฏขึ้นมา
อเลนสังเกตเห็นว่าตราที่อยู่บนการ์ดสีดำตอนนี้เพิ่มเป็น 5 ดวงแล้ว
‘เกมเมอร์หมกมุ่นผ่านเงื่อนไขครบแล้ว จะเปลี่ยนให้เป็นบัตรเชิญเข้าดันเจี้ยนระดับ S’
ในระหว่างที่ทุกคนมองการ์ดสีดำที่อเลนถืออยู่ ตราที่อยู่ในการ์ดสีดำก็กลายมาเป็นตราขนาดใหญ่ 1 อัน
“เท่านี้ก็ไปดันเจี้ยนระดับ S ได้แล้วเหรอ?”
‘ใช่แล้ว’
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าดันเจี้ยนระดับ S อยู่ที่ไหน?”
‘อยู่ที่ยันปานี่’
(ที่ไหนเนี่ย?)
เหมือนในคาบเรียนไม่เคยสอนเลย
“หรือว่าจะเป็นวิหารยันปานี่?”
‘ใช่แล้ว วิหารยันปานี่’
เมรูรุตอบสนองต่อคำว่า “ยันปานี่” ดูเหมือนจะรู้จักสถานที่นั้น
“เอ๊ะ? เมรูรุรู้จักเหรอ?”
“อืมวิหารขนาดใหญ่ที่ท่านดิกรักนิอยู่ไง รู้สึกว่าจะอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวรรดิ……”
เมรูรุมองท้องฟ้าพร้อมกับพยายามนึกถึงสถานที่ตั้งของยันปานี่ ถึงเมรูรุจะรู้จักสถานที่แต่คงไม่เคยไปมาก่อน
“จักรวรรดิที่ว่าเนี่ยคือจักรวรรดิบาวกีสสินะ”
“อืมๆ ใช่แล้ว”
(อะไรกัน ดันเจี้ยนระดับ S อยู่ที่จักรวรรดิบาวกีสงั้นเหรอ)
“เอ๊ะ? ถ้างั้นก็ยังไปดันเจี้ยนระดับ S ไม่ได้เหรอ?”
คุเรนะคงเสียดายน่าดู เกี่ยวกับดันเจี้ยนระดับ S อเลนบอกไว้ว่าถ้าอัญเชิญขึ้นสู่เลเวล 7 แล้วถึงจะไป
(คิดว่าจะมีจุดวาปที่ชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนระดับ A หรือไม่ก็ตัวลูกบาศก์จะพาไปที่ดันเจี้ยนระดับ S ให้อยู่หรอก)
ตอนนี้ทุกคนเลเวลตันแล้ว เลยต้องการอาวุธโอริฮารูกอนมาเสริมความแข็งแกร่งของพวกพ้อง
ผู้กล้าบอกไว้ว่าได้อาวุธโอริฮารูกอนมาจากดันเจี้ยน ช่วงนี้เลยคุยกันว่าคงหลีกเลี่ยงที่จะไปดันเจี้ยนระดับ S ไม่ได้
เงื่อนไขที่จะไปดันเจี้ยนระดับ S คือ ต้องปราบมังกรให้ได้โดยไม่ใช้เอ็กซ์ตร้าสกิลของคุเรนะ
“ถ้างั้น ยังไงก็คงเป็นไปไม่ได้สินะ”
เซซิลถอนหายใจออกมา
“อืม เอาเป็นว่าพอขึ้นปี 3 พวกเราทุกคนค่อยขอเรื่องไปศึกษาต่อที่จักรวรรดิบาวกีสก็แล้วกัน อย่างนั้นอาจจะหาโกเลมให้เมรูรุได้ด้วย”
ถึงจะไม่รู้ว่าโรงเรียนของจักรวรรดิบาวกีสอยู่ที่ไหน แต่อยากอยู่ใกล้ดันเจี้ยนระดับ S ตรงวิหารยันปานี่ขึ้นสักนิด
อนึ่ง พอเป็นนักเรียนปี 3 จะเริ่มเรียนกลยุทธ โดยจะให้เหล่านักเรียนรวมตัวกันไปปราบหมู่บ้านออร์ค เป็นการเรียนโดยให้ไปต่อสู้จริง
นอกจากนั้นมีฝึกการใช้เอ็กซ์ตร้าสกิล
“ทำอะไรอย่างนั้นได้ด้วยเหรอ?”
โดโกร่าตามสิ่งที่อเลนคิดไม่ทัน
“ไม่รู้สิ คงต้องขอร้องกับผู้อำนวยการดูก่อนแหละ?”
ขอร้องไปว่าจะศึกษาต่อที่จักรวรดิบาวกีสเพื่อศึกษาเกี่ยวกับสังคมโลกไปด้วย ตอนนี้เพิ่งเดือนธันวาคม น่าจะโอนไปเรียนตั้งแต่ตอนเดือนเมษายนได้ทันอยู่
“นั่นสินะ ไว้ไปลองขอร้องธิโอโดชีลให้ช่วยผ่อนปรนดูค่ะ”
โซฟี่ที่ได้ยินเรื่องนี้บอกว่าจะรับช่วงต่อเอง ด้วยเหตุนี้เลยพูดสรุปว่าจะมุ่งหน้าไปยังดันเจี้ยนระดับ S ตรงจักรวรรดิบาวกีสเพื่อหาอาวุธโอริฮารูกอน
‘ต้องขอประทานโทษด้วยที่พูดแทรก แต่ยังเหลือสิ่งที่ต้องอธิบายอยู่’
ลูกบาศก์ที่ฟังบทสนทนาของพวกอเลนอยู่พูดขึ้นมา ดูเหมือนจะยังอธิบายไม่จบ
“เอ๊ะ? ครับ มีอะไรต่อเหรอ?”
(ยังมีอย่างอื่นอีกเหรอ?)
‘ถ้าผ่านดันเจี้ยนระดับ S ที่ยันปานี่ได้ บัตรเชิญนี้จะเปลี่ยนเป็นสิทธิ์ท้าสู้กับดันเจี้ยนมาสเตอร์’
“““หา!?”””
“โอ้วววว! บอสลับเหรอ! ดิกรักนิช่างรู้ใจดีจริงๆ!!!”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังประหลาดใจ อเลนกลับกำมือทั้งสองข้างด้วยความยินดี
“จะได้ต่อสู้กับดันเจี้ยนมาสเตอร์เหรอ?”
เซซิลพูดแทนอเลนที่กำลังดีใจ
‘ใช่แล้ว’
“ถ้าชนะจะได้อะไรเหรอ?”
เกิดคำถามขึ้นในตัวเซซิลว่าจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร
‘เรื่องนั้นมีแค่ผู้ชนะเท่านั้น ที่จะได้รับการบอกจากดันเจี้ยนมาสเตอร์’
(โอ้ว! ไม่บอกด้วยว่าอะไร! ยอดเยี่ยม! สมบูรณ์แบบ!!)
“อย่างนี้คงต้องตั้งเป้าหมายไปลุยดันเจี้ยนระดับ S แล้ว!”
อเลนมองทุกคนพร้อมกับพูดออกมา
แล้วคุเรนะก็ตอบกลับมาอย่างมุ่งมั่นว่าเอาด้วยๆ ส่วนเซซิลได้แต่ถอนหายใจออกมา