Hell mode - ตอนที่ 161 โดนรุกราน
บทที่ 161 โดนรุกราน
ถึงจะขึ้นปีใหม่แล้ว แต่ปีใหม่นี้กลับเริ่มต้นด้วยความอึดอัด
ตอนสิ้นปีก่อน พระราชาที่ประชวรได้สวรรคตไปเสียแล้ว
ที่ราชอาณาจักรเลยอยู่ในสภาพไว้ทุกข์ ห้ามจัดกิจกรรมทุกอย่าง
ถ้าไม่นับร้านอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีพแล้ว ทุกร้านต้องปิดรวมไปถึงดันเจี้ยนด้วย
และพอหมดช่วงไว้ทุกข์ มกุฎราชกุมารได้ขึ้นเป็นพระราชาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
โดยริโฟลบอกมาว่ามีกำหนดการจะจัดพิธีราชาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่
สำหรับอเลนไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะเป็นพระราชา หลังงานพิธีงานประลองโรงเรียนก็ไม่ได้พบมกุฎราชกุมารอีกเลย
ผ่านมาแล้ว 1 เดือนตั้งแต่รู้ว่าดันเจี้ยนระดับ S อยู่ที่จักรวรรดิบาวกีส
ได้ยื่นคำขอย้ายไปเรียนปี 3 ที่จักรวรรดิบาวกีสกับผู้อำนวยการแล้ว โดยเขาบอกว่าได้ส่งเรื่องเรียนต่อไปที่จักรวรรดิบาวกีสให้แล้ว แต่จะได้ไปหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ได้แค่รอคำตอบจากผู้อำนวยการ
โรงเรียนไม่ทำการไว้ทุกข์ และเปิดการเรียนการสอนตามปกติ
ในระหว่างที่ฟังคาบเรียนในช่วงเช้าก็ใช้หินเวทเพื่อสร้างใบไม้แห่งชีวิตกับเมล็ดพลังเวทไปด้วย พอขึ้นสู่เลเวล 7 ทำให้ใช้อัญเชิญความเร็วสูงเพื่อเรียกการ์ดออกมาได้พร้อมกัน ทำให้การผลิตคืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
แหวนฟื้นพลังเวทฟื้นพลังเวทสูงสุดวินาทีละ 1 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเผลอครู่หนึ่ง พลังเวทจะเต็มทันที ดังนั้นตอนตื่นจะพยายามใช้พลังเวทอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ได้อัญเชิญความเร็วสูงอย่างนี้ การจะผลาญพลังเวทด้วยความเร็วสูงอย่างนี้อาจจะทำให้จิตใจแหลกสลายไปแล้วก็ได้
ในระหว่างที่เรียนอยู่ ก็ได้ยินเสียงวิ่งตึงตังตรงระเบียงทางเดิน
ปึง!!
ประตูห้องเรียนเปิดออกอย่างแรงราวกับโดนถีบ ทำให้ทุกคนมองคนที่เดินเข้ามา ทั้งอาจารย์และนักเรียนต่างแข็งทื่อด้วยความประหลาดใจ
(อาจารย์ประจำชั้นเหรอ)
พออเลนเลื่อนสายตาไปตรงประตูก็สบตากับอาจารย์ประจำชั้น เขาหายใจหอบและพูดออกมาโดยไม่สนอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่
“อเลน! ไปห้องผู้อำนายการ โซฟีโรเน่ด้วย แล้วก็สมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน!!”
(รีบร้อนอะไรกันนะ? ปาร์ตี้ที่ว่าเนี่ย ปาร์ตี้ของฉันงั้นเหรอ?)
“โดนเรียกสินะ”
เซซิลเข้าใจทันทีว่าตัวเองโดนเรียกไปด้วย ปาร์ตี้ของอเลนทุกคนอยู่ในห้องเรียนนี้เลยมุ่งหน้าไปห้องผู้อำนวยการพร้อมกัน
“พามาแล้ว! ช่วยอธิบายสถานการณ์ด่วนเลย!!”
(กลับไปเป็นนักผจญภัยเต็มตัวแล้วสินะ)
รู้สึกได้เลยว่าคำพูดของอาจารย์ประจำชั้นกลับไปเป็นแบบนักผจญภัย ไม่พูดขออนุญาตและเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที
พวกอเลนเองก็ตามหลังอาจารย์ประจำชั้นเข้าไปข้างใน
“โอ้ว มาแล้วเหรอ!”
โต๊ะตรงห้องของผู้อำนวยการมีแผนที่โลกกางอยู่ ขนาดผู้อำนวยการที่อยู่มาเป็น 1000 ปีและดูสงบนิ่งอยู่ตลอด ยังแสดงสีหน้าออกมาอย่างผิดปกติ
“ว่าแต่ มีอะไรหรือครับ?”
เนื่องจากผู้อำนวยการยืนอยู่ตรงข้างแผนที่ พวกอเลนเลยไปยืนด้วย
“……..”
“เอ๊ะ?”
ทั้งที่เป็นฝ่ายเรียกแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่บอกธุระออกมาสักที ไม่รู้ว่าพูดไม่ออกหรือกำลังเลือกถ้อยคำอยู่ แถมรู้สึกได้เลยว่าผู้อำนวยการหันไปมองโซฟี่ครู่หนึ่ง
(มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?)
“จริงๆแล้ว อยากให้พวกอเลนคุงรับคำขอเคลื่อนพลน่ะ”
“เคลื่อนพลหรือครับ? หมายความว่าจะให้ไปสนามรบใช่ไหมครับ?”
(หือ? ยังปี 2 อยู่ไม่เหรอ)
ตอนแรกอเลนคิดว่าเคลื่อนพล หมายถึงตัดสินใจให้ไปศึกษาต่อที่จักรวรรดิบาวกีส แต่โรงเรียนคงไม่ใช่คำเคลื่อนพลกับการไปเรียนต่อหรอก ถ้าเป้าหมายของโรงเรียนถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อไปต่อสู้กับกองทัพจอมมารแล้วละก็ เคลื่อนพลที่ว่าน่าจะหมายถึงให้ไปที่สนามรบมากกว่า
“ใช่แล้ว โรเซนเฮมส่งคำขอเร่งด่วนให้อเลนคุงไปประจำการ เพื่อต่อสู้กับกองทัพจอมมารตามข้อตกลงพันธมิตร 5 ทวีป ซึ่งราชอาณาจักรราตาชูได้ตอบตกลงแล้ว”
ผู้อำนวยการวางหนังสือคำสั่งที่มีชื่อของอเลน, คุเรนะ, เซซิล, โดโกร่าและคีลไว้บนโต๊ะ ไม่ใช่แค่อเลนแต่เป็นสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้
(หนังสือคำสั่งเหรอ ผู้อำนวยการบอกว่าคำขอ มันอันเดียวกันหรือเปล่า?)
“โรเซนเฮม? หมายความว่าจะให้ไปที่โรเซนเฮมหรือครับ?”
ตั้งแต่ตอนที่เข้าเรียนนึกว่าจะได้ไปที่สนามรบทางตอนเหนือของจักรวรรดิเกียมูทหรือไม่ก็อดีตราชอาณาจักรลาสตูรีที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีปกลางซะอีก
ผู้อำนวยการเลื่อนสายตาไปยังแผนที่โลกขนาดใหญ่ที่กางอยู่บนโต๊ะ
“ใช่แล้ว ตอนนี้โรเซนเฮมกำลังตกอยู่ในวิกฤตสิ้นชาติไง”
“เอ๊ะ!?”
โซฟี่แสดงความประหลาดใจออกมา ผู้อำนวยการเลยพูดต่อ
“ข้อมูลจากหน่วยสืบข้อมูลบอกมาว่าตอนนี้กองทัพจอมารกำลังบุกรุก 3 ทวีป โดยกองทัพจอมมารมีจำนวนมากเกินกว่า 10 ล้าน”
“““10 ล้าน!!!”””
(3 ทวีปที่ว่าเนี่ยคือทวีปกลาง, จักรวรรดิบาวกีส แล้วก็โรเซนเฮมสินะ 10 ล้านเหรอ)
2 ทวีปทางตอนใต้ของทวีปกลางยังไม่เคยโดนกองทัพจอมมารบุกโจมตี
“สิ่งนั้นมากกว่าปีก่อน 5 ถึง 10 เท่าเลยนะ”
จนถึงตอนนี้กองทัพจอมมารเคยเข้าโจมตี 3 ทวีปพร้อมกันอยู่ แต่เท่าที่ฟังจากในห้องเรียนบางปีกองทัพจอมมารจะมาแค่ 1 – 2 ล้าน ซึ่งจำนวน 1 – 2 ล้านเป็นจำนวนรวมที่บุกรุก 3 ทวีปพร้อมกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทวีปกลางสัก 1 ล้าน
ที่เหลือจะแบ่งไปอีกทวีปละ 5 แสน
“นั่นสินะ ไม่รู้เหมือนกันว่ากองทัพจอมมารออมกำลังไว้นานแค่ไหน แต่ดูเหมือนจะเอามาเสริมกองกำลังในเวลาอย่างนี้”
(กะแล้วเชียว จากการที่หลายปีมานี้แพ้ให้กับผู้กล้า คงไม่ได้แพ้ให้กับพลังของผู้กล้าเพียงอย่างเดียว ไม่รู้ว่ากองทัพจอมมารออมกำลังมากี่ปีเพื่อวันนี้กันแน่)
การปรากฎตัวของผู้กล้าเฮลมิออสทำให้สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไป เฮลมิออสถือเป็นความหวังของมนุษยชาติที่แพ้มาเกินกว่า 50 ปี
ผู้กล้าปรากฎตัวที่สนามรบ ทำให้การรุกคืบดำเนินมา 8 – 9 ปี ซึ่งระหว่างนั้นกองทัพจอมมารก็พ่ายแพ้มาตลอด แต่ดูเหมือนสาเหตุจะไม่ได้มาจากพลังของผู้กล้าเพียงอย่างเดียว
“ธิโอโดชีล มันเรื่องอะไรกัน ที่บอกว่าโรเซนเฮมกำลังตกอยู่ในวิกฤตสิ้นชาติ? แล้วคำขอเร่งด่วนเนี่ย ระ หรือว่า!”
โซฟี่ที่ฟังการสนทนาของอเลนมาโดยตลอดพูดแทรกถามธิโอโดชีลออกมา
“…….”
แต่ผู้อำนวยการไม่ตอบอะไรออกมา ดูแล้วคงไม่สามารถสรรหาคำพูดออกมาได้
“ธิโอโดชีล!! ตอบมาซะ!! องค์ราชินีปลอดภัยดีหรือเปล่า!!!”***
(ราชินีงั้นเหรอ?)
โซฟี่เรียกแม่แท้ๆของตัวเองว่า “องค์ราชินี” เหล่าเอลฟ์ศรัทธาในราชาแห่งภูตโรเซน ในขณะเดียวกันก็เทิดทูนราชินีพอๆกัน จะบอกว่าเหล่าเอลฟ์ทุกคนยอมต่อสู้เพื่อราชินีก็ได้
“ยังไม่สามารถยืนยันสถานะขององค์ราชินีได้ครับ”
ผู้อำนวยการค่อยๆร้อยเรียงคำพูดออกมา คำพูดนั้นดูเหมือนจะยังไม่ทราบว่าราชินีเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“หา!? บ้าน่า!! ฟอร์เทเนียเป็นยังไง!! ตอบออกมาให้หมด!!”
โซฟี่หงุดหงิดที่ผู้อำนวยถามคำตอบคำ
ฟอร์เทเนีย คือเมืองหลวงของโรเซนเฮม และเป็นเมืองที่ราชินีอาศัยอยู่
“จากข้อมูลเมื่อ 3 วันก่อน ฟอร์เทเนียล่มสลายด้วยกองทัพจอมมารจำนวน 3 ล้านครับ ตอนนี้เลยไม่ทราบว่าองค์ราชินีเป็นอย่างไรบ้าง โดยข้อความสุดท้ายจากอุปกรณ์เวทมนตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับองค์ราชินีเลยครับ”
“……อะไรกัน”
“ท่านโซฟีโรเน่”
ฟอร์มาร์เข้าไปรับโซฟี่ที่ทรุดลงไป
“70 เปอร์เซ็นต์ของโรเซนเฮมตอนนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพจอมมารแล้วครับ ได้ยินมาว่าตอนนี้กำลังเตรียมต่อสู้ศึดตัดสินครั้งสุดท้ายอยู่ทางตอนใต้ของโรเซนเฮมครับ”
(หือ? สถานการณ์รบไปไกลมากนะเนี่ย ทำไมเหมือนโรงเรียนไม่ค่อยรู้ข้อมูลในสนามรบสักเท่าไรเลย? หรือโรงเรียนมีหน้าที่แค่อบรมสั่งสอนอย่างเดียว)
ต่อให้เป็นการรุกรานด้วยกองทัพขนาดใหญ่ แต่รู้สึกได้เลยว่าสถานการณ์การสู้รบมันเลยเถิดไปไกลมากในช่วงเวลาสั้นๆ
“อยากให้ผมไปที่นั่นหรือครับ?”
“ใช่แล้ว อยากจะให้ช่วยตอบรับคำขอที”
“แล้วสถานการณ์ของทวีปกลางเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ทำการยืนยันสถานการณ์ของทวีปกลาง เลยถามไปว่าถ้าโรเซนเฮมตกอยู่ในวิกฤตสิ้นชาติแล้วละก็ จักรวรรดิเกียมูทเป็นอย่างไรบ้าง
“……”
แต่ผู้อำนวยการไม่ตอบในทันที
“เอ๊ะ? หรือว่าแนวหน้าแตกแล้วเหรอครับ?”
“ยะ ยังหรอก แนวหน้ายังไม่ได้กลายสนามรบ แต่กองทัพจอมมารจำนวนประมาณ 2 ล้านตรึงกำลังอยู่ตรงแนวหน้าราวๆ 10 วันแล้ว”
ทวีปกลางมีกองทัพจอมมารจำนวน 2 ล้านมากกว่าปกติเท่าตัวตรึงกำลังอยู่ พวกพ้องของอเลนที่ได้ยินสิ่งนั้นถึงกับพึมพำอย่างตกตะลึงออกมาว่า “2ล้าน”
(เอ๊ะ? ตรึงกำลังอยู่งั้นเหรอ? ทำไมไม่เข้ามาโจมตีพร้อมกันเลย หือ? กองกำลังเอลฟ์ล่ะ)
“ขอโทษด้วยครับ ได้บอกข้อมูลของโรเซนเฮมให้กองกำลังเอลฟ์หรือยังครับ? แล้วเมื่อครู่บอกว่าเตรียมต่อสู้ศึดตัดสินครั้งสุดท้ายด้วยใช่ไหมครับ”
ผู้อำนวยการเบิกตากว้างต่อคำพูดของอเลน ดูเหมือนจะแทงใจดำ
“ธิโอโดชีล ตอบออกมาด้วย ตอนนี้สถานการณ์ของกองกำลังเอลฟ์ที่อยู่ตรงทวีปกลางเป็นอย่างไรบ้าง?”
โซฟี่เองก็บอกให้พูดออกมาตามตรง
“ได้บอกสถานการณ์ของโรเซนเฮมให้กับกองกำลังเอลฟ์ไปแล้ว ตอนนี้กำลังมุ่งหน้ากลับไปเพื่อปกป้องโรเซนเฮมอยู่ครับ”
“ระ เรื่องอย่างนั้น ถ้าไม่มีกองกำลังเอลฟ์ไม่มีทางที่จะต่อกรกับกองทัพจำนวน 2 ล้านได้เลย!!!”
เซซิลที่ฟังอยู่ถึงกับเผลอพูดออกมา
กองกำลังเอล์ฟทำหน้าที่รักษาให้ในสนามรบ โดยเอลฟ์เหล่านั้นเริ่มอพยพเพื่อกลับไปปกป้องประเทศของตัวเอง
เซซิลต้องการจะบอกว่าในสภาพอย่างนี้จะต่อสู้กับกองทัพจอมมารที่จำนวนเยอะกว่าปกติเท่าตัวได้อย่างไร
“กองทัพจอมมารตรงทวีปกลาง กำลังรอให้กองทัพฝ่ายศัตรูไม่มีคนทำหน้าที่รักษา เลยตรึงกำลังไว้ยังไม่เข้ามาโจมตีสินะ”
“““……”””
อเลนพูดสรุปคร่าวๆเกี่ยวกับสถานการณ์รบตรงทวีปกลาง
“……เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ถึงจะเป็นคำขอที่ยากเกินไป แต่อยากให้ช่วยโรเซนเฮมและองค์ราชินีของพวกเราที”
ผู้อำนวยการรู้ดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากจะให้ตอบรับคำขอนี้
เป็นครั้งแรกที่เชื้อพระวงศ์อย่างผู้อำนวยการก้มศีรษะให้กับอเลน
กองทัพจอมมารส่งกองกำลังขนาดใหญ่ 10 ล้านเพื่อทำลายล้างโลกในช่วงท้ายของการเป็นนักเรียนปี 2 ของอเลน
พวกพ้องของอเลน อาจารย์ประจำชั้น และผู้อำนวยการ ได้แต่รอคำตอบของอเลน
จบเล่ม 3