Hell mode - ตอนที่ 162 ลำดับความสำคัญ
เล่มที่ 4 การรุกรานโรเซนเฮม ราชาแห่งภูตกับมิโกะแห่งการภาวนา
บทที่ 162 ลำดับความสำคัญ
พวกอเลนโดนผู้อำนวยการขอร้องให้เคลื่อนพลไปโรเซนเฮมตามสัญญาพันธมิตร 5 ทวีป
โรเซนเฮมใกล้จะถึงคราวสิ้นชาติ ทำให้เหล่ากองทัพเอลฟ์ที่ทำหน้าที่รักษาอยู่ตรงทวีปกลางอยากจะกลับไปช่วยประเทศของตัวเอง แต่ตรงทวีปกลางเองก็โดนกองทัพจำนวน 2 ล้านเตรียมรุกรานอยู่
“ไม่ได้บอกบอกให้ไปทวีปกลาง แต่อยากให้ไปที่โรเซนเฮมใช่ไหมครับ”
อเลนยืนยันกับผู้อำนวยการในขณะที่ถูกทุกคนจ้องมอง
“ทวีปกลางมีผู้กล้าอยู่”
ดังนั้นผู้อำนวยการเลยอยากให้ไปที่โรเซนเฮม
“หา!? คะ คิดว่าแนวหน้ามันกว้างขนาดไหนกันคะ!!”
แนวหน้าตรงทวีปกว้างมีระยะที่ยาวมาก แค่ป้อมปราการหลักก็มีมากกว่า 50 แห่งแล้ว เซซิลตะโกนออกมาว่าผู้กล้าแค่คนเดียวจะช่วยได้มากแค่ไหนกัน
ต่อให้ป้อมปราการที่ผู้กล้าอยู่จะรอด แต่ถ้าป้อมปราการอื่นล่มสลาย ทั้งจักรวรรดิและทวีปกลางคงจบสิ้น
“แต่ พวกเราไม่มีผู้กล้า!!”
ผู้อำนวยการพูดแทรกเซซิลขึ้นมา สีหน้าของเขาแสดงความร้อนรน บางทีผู้อำนวยการเองคงอยากจะกลับไปเหมือนกันก็ได้
“อะ อเลนว่าไงบ้าง?”
เซซิลถามว่าอเลนจะเอาอย่างไรกับสถานการณ์นี้
(เอ่อ อยากได้ข้อมูลมากกว่านี้สักหน่อย ยังไงก็คงต้องบอกออกไปก่อน)
“ถ้าสถานการณ์อย่างนี้คงต้องไปช่วยโรเซนเฮม”
“จะ จริงเหรอ!! จะไปงั้นเหรอ เดี๋ยวเตรียมเรือเหาะเวทมนตร์ความเร็วสูงให้ออกเดินทางวันพรุ่งนี้เลย”
ผู้อำนวยการแสดงความยินดีพร้อมกับบอกสิ่งที่จะทำถัดไป
(อ้อ มีเรือเหาะเวทมนตร์ความเร็วสูงเอาไว้เดินทางระหว่างทวีปหรือเมืองหลวงของแต่ละประเทศด้วยเหรอ?)
เรือเหาะเวทมนตร์ มี 2 ชนิดคือ แบบธรรมดาและแบบความเร็วสูง
เรือเหาะเวทมนตร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบบธรรมดา
แต่เรือเหาะเวทมนตร์ความเร็วสูงจะใช้หินเวทมากกว่าปกติหลายเท่า โดยเขาบอกว่าจะให้ใช้สิ่งนั้นเคลื่อนที่จากตอนใต้ของทวีปกลางไปยังโรเซนเฮม
“ยิ่งไปกว่านั้นขอฟังรายละเอียดของสถานการณ์รบมากกว่านี้ได้ไหมครับ?”
“นะ แน่นอน”
กองทัพจอมมารรอโอกาสและสะสมพลังเอาไว้ ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้วางแผนมารัดกุมแค่ไหนเลยอยากจะได้ข้อมูลมากกว่านี้
“ตอนนี้กองทัพจอมมารจำนวน 3 ล้านอยู่ที่โรเซนเฮม 2 ล้านตรึงกำลังอยู่ตรงแนวหน้าของทวีปกลางแล้ว 10 วัน แสดงว่าที่เหลืออยู่กับจักรวรรดิบาวกีสหรือครับ?”
อเลนพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน
กองทัพจอมมารมีจำนวน 10 ล้าน แต่ตอนนี้พูดออกมาแค่ 5 ล้าน
“เปล่าหรอก ไม่ใช่อย่างนั้น”
ผู้อำนวยการอธิบายเรื่องกำลังพลของกองทัพจอมมาร
・โรเซนเฮมจำนวน 3 ล้าน
・ทวีปกลางจำนวน 2 ล้าน
・จักรวรรดิบาวกีสจำนวน 1 ล้าน
・กำลังพลสำรอง 4 ล้าน
จักรวรรดิบาวกีสยังไม่ได้ปะทะกับกองทัพจอมมารโดยตรง แต่เตรียมต่อสู้อยู่เหนือทะเลห่างจากทวีปไปนิดหน่อย
“จำนวน 1 ล้านมุ่งหน้าไปจักรวรรดิบาวกีส……”
เมรูรุพึมพำออกมาด้วยความกังวล พ่อของเมรูรุเองก็เป็นทหารและต้องไปต่อสู้แนวหน้า
“จักรวรรดิบาวกีสโดนบุกมากกว่าปีที่แล้ว 2 เท่าสินะ”
(จักรวรรดิบาวกีสต้องสู้เหนือทะเลแตกต่างกับทวีปกลางและโรเซนเฮมสินะ)
จักรวรรดิบาวกีสไม่ยอมให้กองทัพจอมมารยกพลขึ้นบก เนื่องจากเตรียมทหารโกเลมสูงเกินกว่า 100 เมตรไว้มากกว่าหมื่นตัว กองทัพของจักรวรรดิบาวกีสเหนือกว่าจักรวรรดิเกียมูทมาก
กองทัพจอมมารเคลื่อนพลด้วยการขี่มอนสเตอร์ขนาดใหญ่จำนวนมากต่อสู้เหนือทะเลกับจักรวรรดิบาวกีส
ทหารที่จะมาต่อสู้กับจักรวรรดิบาวกีสต้องเป็นมอนสเตอร์ที่สามารถขี่ได้ ทำให้จำนวนมีค่อนข้างจำกัด
ถึงกระนั้นกองทัพจอมมารก็ส่งกองกำลัง 1 ล้าน มากกว่าปีทีแล้วถึงเท่าตัวไปจักรวรรดิบาวกีส
“แล้วก็นะเมรูรุคุง”
“คะ ค่ะ”
“มีคำสั่งให้เมรูรุคุงให้กลับไปที่จักรวรรดิบาวกีส”
“อะ อะไรกัน!”
ดูเหมือนเมรูรุคิดว่าจะได้ไปโรเซนเฮมพร้อมกับพวกอเลน
หนังสือคำสั่งของราชอาณาจักรมีเขียนไว้แค่ชื่อของอเลน, คุเรนะ, เซซิล, โดโกร่าและคีลเท่านั้น ไม่มีชื่อของเมรูรุที่เป็นประชาชนของจักรวรรดิบาวกีส หรือโซฟี่ที่เป็นเชื้อพระวงซ์ของโรเซนเฮม
(เกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?)
อเลนโดนมกุฎราชกุมารราชาคนปัจจุบันจับตามองอยู่
หน้าที่การไปสนามรบถึงจะเป็นของขุนนาง แต่กลับใช้หนังสือคำสั่งจากคำสั่งของพระราชาให้ไปช่วยเหลือโรเซนเฮมที่ใกล้ล่มสลาย
“สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เมรูรุแต่รวมไปถึงทุกคนหรือเปล่าครับ?”
“ใช่แล้ว โรเซนเฮมและจักรวรรดิบาวกีส ออกคำสั่งให้เอลฟ์และคนแคระทุกคนกลับไปประเทศของตน”
โรงเรียนไม่ได้มีแค่ราชอาณาจักรเท่านั้น โรงเรียนถูกสร้างก่อตั้งขึ้นมาในแต่ละประเทศตามสัญญาพันธมิตร 5 ทวีป ทำให้โรงเรียนมีอยู่ทุกแห่งบททวีปกลาง
นักเรียนเอลฟ์และคนแคระที่ย้ายไปเรียนนอกราชอาณาจักรอย่างที่จักรวรรดิเอง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะติดต่อผ่านผู้อำนวยการของแต่ละโรงเรียนให้ส่งกลับไปก่อน
ถ้าโรเซนเฮมเสี่ยงต่อการล่มสลายแล้วละก็ คงจะส่งให้เอลฟ์ที่กลับไปเข้าสนามรบทันทีเลย
(อืม พอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆแล้ว)
“แล้วกองทัพจอมมารมีจุดประสงค์อะไรหรือครับ?”
“จุดประสงค์?”
(มันต้องมีจุดประสงค์อยู่แล้ว การที่ส่งทหารจำนวนมากมาในเวลาอย่างนี้เนี่ย)
ผู้อำนวยการทำหน้าตาไม่เข้าใจว่าพูดเรื่องอะไรครู่หนึ่ง ถึงจะอยากตบมุกแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้
“อเลนรู้เหรอว่าเล็งอะไรไว้?”
ดูเหมือนเซซิลจะเข้าใจว่าอเลนต้องการจะพูดอะไร รู้สึกช่วยได้มากที่สามารถพูดคุยเรื่องแผนการรบที่เกิดขึ้นกับเธอได้
“คิดว่า กองทัพจอมมารคงจัดลำดับความสำคัญเอาไว้”
ถึงกองทัพจอมมารจะมีจำนวนถึง 10 ล้านแต่ก็มีจำกัด ถ้าหากเป็นจำนวนทหารที่ต้องใช้เวลาเตรียมการนานถึง 5 ปีแล้วละก็ หากเกิดข้อผิดพลาดเท่ากับว่าสูญเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นจะทำให้เกิดสิ่งนั้นไม่ได้
โดโกร่ากับคุเรนะฟังสิ่งที่อเลนพูดเงียบๆ
อเลนพูดออกมาต่อ
กองทัพจอมมารจำนวน 10 ล้านถือว่าเยอะ แต่ไม่ใช้จำนวนที่จะทำให้ทั้ง 3 ทวีปล่มสลายได้ ยิ่งไปกว่านั้น การแบ่งกำลังทหารเข้าโจมตีอย่างนี้แสดงว่าจะต้องมีเป้าหมายอยู่
โดยให้ความสำคัญกับการโจมตีโรเซนเฮมก่อน
โรเซนเฮม ให้กองกำลังเอลฟ์ไปสนับสนุนทวีปกลาง ตราบเท่าที่มีกองกำลังเอลฟ์จะทำให้โจมตีทวีปกลางได้ยาก กองทัพจอมมารคงเข้าใจในเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
ลำดับถัดมาไม่ใช่ประเทศหรือทวีป แต่เป็นการทำให้พันธมิตร 5 ทวีปแตกแยก
การที่ทุกทวีปร่วมมือกันได้ เพราะแต่ละทวีปยังพอให้ความช่วยเหลือกันได้อยู่
โรเซนเฮมตกอยู่ในวิกฤตสิ้นชาติ ทำให้เอลฟ์กลับประเทศโดยไม่สนใจเงื่อนไขเหล่านั้น อย่างนี้ก็เหมือนกับถอนตัวเองออกจากการเป็นพันธมิตร
ยกตัวอย่าง ต่อให้ผ่านการต่อสู้ในครั้งนี้ไปได้ แต่คงเกิดความบิดเบี้ยวในการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศขึ้น การต่อสู้หลังจากนี้ทวีปอื่นอาจจะไม่ให้ความร่วมมือก็ได้
ลำดับ 3 น่าจะเป็นการโจมตีจักรวรรดิเกียมูทที่เป็นผู้ปกครองทวีปกลางให้ล่มสลาย
ตอนนี้กองกำลังเอลฟ์กำลังเริ่มถอนตัว เพราะอย่างนั้นน่าจะทำให้ล่มสลายได้ง่ายกว่าที่เคย
สุดท้ายคือจักรวรรดิบาวกีส การป้องกันของจักรวรรดิบาวกีสนั้นแน่นหนาทำให้ล่มสลายได้ยาก ถึงจะมีส่งทหารโกเลมไปสนับสนุนช่วยเหลือแนวรบของทวีปกลาง แต่ส่วนใหญ่เอาไว้ปกป้องทวีปตัวเอง
“ถ้างั้น หรือว่ากองกำลังสำรอง 4 ล้าน เอาไว้เสริมโจมตีตามลำดับความสำคัญเหรอ?”
“นั่นสินะ ถ้าหาก กองกำลัง 3 ล้าน และ 2 ล้านเพียงพอต่อการรุกรานโรเซนเฮมและทวีปกลางแล้วละก็ คงเอากองกำลังสำรอง 4 ล้านมุ่งหน้าไปที่จักรวรรดิบาวกีส”
“แล้วถ้ากองกำลัง 3 ล้านทำให้โรเซนเฮมล่มสลายได้แล้วละก็ คงเอาไปเสริมกองกำลังที่บุกจักรวรรดิเกียมูทให้เป็นจำนวน 5 ล้านอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น”
กองกำลังสำรองจะถูกส่งไปตามลำดับความสำคัญสูงสุดก่อน ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นแผนการรบที่ไม่อยากให้สิ้นเปลืองกองกำลังโดยเปล่าประโยชน์
ถ้าหากปล่อยให้โรเซนเฮมล่มสลายไปทั้งอย่างนี้ กองกำลังขนาดใหญ่จะบุกมาทวีปกลาง
ดังนั้น อเลนเลยบอกว่าจะไปโรเซนเฮม เพื่อเป็นการช่วยเหลือทวีปกลางไปด้วย
(เอาเถอะ ไหนๆก็มีหนังสือคำสั่งมาแล้ว เซซิลคงขัดคำสั่งไม่ได้ด้วย)
ถึงผู้อำนวยการจะใช้คำพูดที่บอกว่าร้องขอ แต่ครั้งนี้พวกอเลนรับคำสั่งจากพระราชา บางทีถ้าใช้คำว่า “คำสั่ง” แล้วละก็ อาจจะทำให้อเลนรู้สึกไม่ดีและตอบปฏิเสธก็ได้ ถ้าให้พูดตามตรงราชอาณาจักรจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่เพราะมีเซซิลที่เป็นขุนนางเลยไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ
สำหรับราชอาณาจักรที่ไม่สนใจความเป็นตายของอเลน ถ้ารอดได้ว่าจะกลับไปทักทายสักหน่อย
“แต่ ไม่คิดว่าฝืนเกินไปหน่อยเหรอ ที่ต้องสู้กับกองกำลัง 2 ล้านโดยไม่มีคนทำหน้าที่รักษาเนี่ย?”
คีลที่นิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยปากพูดขึ้นมา ถึงคีลไม่ปฏิเสธที่จะไปโรเซนเฮม แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ทางตอนเหนือของทวีปกลางอาจจะล่มสลายก็ได้
และจะต้องมีทหารจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตลง
ในสภาพที่ไม่มีผู้ทำหน้าที่รักษา
ถ้าช่วยเหลือโรเซนเฮมที่เกือบล่มสลายได้ แต่จักรวรรดิเกียมูทล่มสลายมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
“อ้อ เรื่องนั้นคิดเอาไว้แล้ว”
อเลนมีแผนที่จะผ่าสถานการณ์นี้อยู่