Hell mode - ตอนที่ 163 ยาวิเศษของเอลฟ์
ตอนที่ 163 ยาวิเศษของเอลฟ์
อเลนพูดออกมาว่า ในสถานการณ์อย่างนี้ควรไปช่วยโรเซนเฮมก่อน
ถ้ากองกำลังพันธมิตรที่เป็นกำลังหลักของจักรวรรดิเกียมูทตรงทวีกปลางไม่มีกองกำลังเอลฟ์ เท่ากับว่าต้องสู้กับกองทัพจอมมารจำนวน 2 ล้านในสภาพที่ไม่มีคนทำหน้าที่รักษา บางทีแนวหน้าอาจจะโดนตีถอยร่นจนมาถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิในทันทีเลยก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพจอมมารยังมีกองกำลังสำรองอยู่อีก 4 ล้าน
ถ้าเมืองหลวงของจักรวรรดิล่มสลาย เป้าหมายต่อไปที่จะโดนโจมตีคือราชอาณาจักร
“จะไม่ไปช่วยทวีปกลางใช่ไหม”
ผู้อำนวยการมองดูพวกอเลนทุกคน คงรู้สึกกังวลกลัวว่าจะเปลี่ยนใจ
“ใช่ครับ ถึงจะบอกได้ไม่เต็มปากว่าไม่มีปัญหา แต่คิดจะส่งยาฟื้นฟูให้กับเหล่าทหารที่อยู่ตรงแนวหน้าของทวีปกลางครับ”
อเลนพูดอย่างนั้นพร้อมกับหยิบใบไม้แห่งชีวิตที่สร้างจากสัตว์อัญเชิญพืช E ออกมาให้ทุกคนดู
“จะส่งสิ่งนี้ไปแนวหน้าสินะ เพื่อแทนเหล่าเอลฟ์ที่ทำหน้าที่รักษางั้นเหรอ”
“ยาฟื้นฟูเหรอ ถ้ายาฟื้นฟูแนวหน้ามีอยู่แล้ว”
ผู้อำนวยการมองดูใบไม้แห่งชีวิตที่มอบให้ด้วยความประหลาดใจ
“สิ่งนี้สามารถพื้นฟูพลังกายของทหารได้ 1000 โดยระยะกว้างประมาณสนามฝึกซ้อมของโรงเรียนครับ”
“1000 งั้นเหรอ! แถมระยะกว้างตั้งขนาดนั้น!!”
(กะแล้วเชียวว่าผู้อำนวยการต้องรู้เรื่องค่าสเตตัส)
ผู้อำนวยการถึงกับตกตะลึง และมองใบไม้แห่งชีวิตอีกครั้ง
รู้อยู่แล้วว่าผู้อำนวยการเข้าใจรื่องค่าสเตตัสตั้งแต่ตอนสอบเข้า
ดูเหมือนพรสวรรค์ของผู้อำนวยการก็คงมีสกิลประเมินแบบเดียวกับผู้กล้า
ที่ผู้อำนวยการประหลาดใจกับคำพูดของอเลนมันมีเหตุผลอยู่
เวทมนตร์ฟื้นฟูของบาทหลวงเลเวลสูงขึ้นจะทำให้รักษาได้กว้างขึ้น
แต่เวทมนตร์ฟื้นฟูเลเวล 6 ขีดจำกัดมันอยู่ที่ระยะรัศมี 30 เมตร
การที่จะฟื้นฟูทั่วทั้งสนามฝึกซ้อมคีลเองก็ทำไม่ได้
อนึ่ง ความแรงในการฟื้นฟูจะขึ้นอยู่กับความฉลาด บาทหลวงที่เลเวล 60 จะฟื้นฟูพลังกายได้มากกว่าใบไม้แห่งชีวิต
“มีอยู่ประมาณ 6 แสนชิ้น คิดว่าถ้ามอบสิ่งนี้ให้แนวหน้า คงรักษาหน้าด่านไว้ได้อยู่ครับ”
(ที่จริงมี 6 แสน 5 หมื่นชิ้น)
“““6 แสนชิ้น!!!”””
อเลนสร้างใบไม้แห่งชีวิต 6 แสน 5 หมิ้นชิ้นตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้วหรือประมาณ 1 ปีครึ่ง
ถึงจะมีช่วงหนึ่งที่การสร้างไม่ทันเพราะหินเวทมีจำนวนเยอะเกินไป แต่พอได้อัญเชิญความเร็วสูงมาทำให้เปลี่ยนหินเวทส่วนใหญ่เป็นใบไม้แห่งชีวิตได้ เนื่องจากหินเวทระดับ E มีประโยชน์เลยยังมีที่เป็นหินเวทอยู่อีก 6 แสน 5 หมื่นก้อน
โดยจะส่งไปแนวหน้า 6 แสนชิ้นเพื่อทดแทนกองทัพเอลฟ์ที่ไม่อยู่
“ครับ กรุณาดูแผนที่ด้วยครับ ป้อมปราการหลักมีมากกว่า 50 แห่ง แต่ป้อมปราการที่จำเป็นต้องทนการต่อสู้ในครั้งนี้มีแค่ราวๆ 10 แห่งครับ และถ้าป้อมปราการไหนที่ผู้กล้าอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฟื้นฟู ยิ่งทำให้ลดน้อยลงไปได้อีก แล้วจากที่นี่ไปแนวหน้าถ้าใช้เรือเหาะเวทมนตร์ต้องใช้เวลาราวๆ 8 วันก็ถึงแล้วครับ”
อเลนอธิบาย
การต่อสู้ครั้งนี้กองทัพจอมมารทุ่มทุกอย่างที่เตรียมการมาหลายปี
ถ้ากองทัพจอมมารอยากจะทำลายเมืองหลวงของจักรวรรดิแล้วละก็ ป้อมปราการที่ใช้เป็นเส้นทางบุกรุกจะถูกจำกัดอยู่แค่ 10 กว่าแห่งเท่านั้น และถ้าผู้กล้าที่มีแหวนฟื้นพลังเวทใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูหมู่แล้วละก็ คิดว่าป้อมปราการที่จำเป็นต้องใช้ยาฟื้นฟูก็จะลดน้อยลงไปอีก
โดยจะแบ่งยาฟื้นฟูจำนวน 6 แสนให้กับแต่ละป้อมปราการ
ถ้าคิดจะระยะที่รักษาได้ในแต่ละครั้งแล้วละก็ 1 วันจะเป็นต้องใช้ประมาณ 1 หมื่นชิ้น
(เป็นแค่การประมาณเฉยๆ)
“แต่อย่างนี้ก็ทนได้แค่ 2 เดือนเอง”
ผู้อำนวยการดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าถ้าเรื่องที่อเลนพูดเป็นจริงต้องการจะสื่อถึงอะไร
ถ้ากองทัพจอมมารต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 10 วันถึงจะมาโจมตีได้แล้วละก็ น่าจะส่งยาฟื้นฟูให้แนวหน้าได้ทันท่วงทีอยู่
“นั่นสิครับ การต่อสู้ครั้งนี้คงเป็นศึกระยะสั้น ยังไงก็ต้องเปลี่ยนสถานการณ์รบที่โรเซนเฮมให้ได้ภายใน 2 ไม่สิ 3 เดือนครับ”
ยาฟื้นฟูที่อเลนให้ไปพอใช้แค่ 2 เดือน อย่างมากก็ 3 เดือน
ในระหว่างนั้นต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รบให้ได้
ถ้ากองทัพจอมมารเคลื่อนไหวโดยมีโรเซนเฮมเป็นสิ่งสำคัญสุดแล้วละก็ หากเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รบที่โรเซนเฮมได้แล้วละก็ คิดว่าจะทำให้แผนการบุกรุกทวีปกลางเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ต้องการจะบอกว่า ทวีปกลางมีผู้กล้าอยู่ ถ้าหากบุกโรเซนเฮมล้มเหลว อาจจะฝืนใช้กำลังบุกรุกทวีปกลางที่มีความสำคัญรองลงมาก็ได้
(เอาเถอะอีกฝ่ายน่าจะราวๆนี้แหละ เป้าหมายหลักคือการทวีปกลาง เลยให้จำนวนมากกว่าที่คิดมาบุกรุกโรเซนเฮม ต่อไปก็การเคลื่อนไหวของจักรวรรดิ จักรวรรดิเองคงไม่นิ่งดูดายให้ล่มสลายง่ายๆหรอก)
สิ่งนี้เป็นสงครามที่มีฝั่งศัตรูกับมนุษย์อย่างชัดเจน เป็นการยากที่จะคาดเดาแผนการรบของกองทัพจอมมารได้
“จะว่าไป จักรวรรดิประกาศสภาวะฉุกเฉินด้วยหรือครับ?”
ราชอาณาจักรเองก็รอประกาศสภาวะฉุกเฉินจากพระราชาอยู่
ถ้าหากประกาศสภาวะฉุกเฉินออกไป จากเดิมที่ทหารเกฑ์จะมีเฉพาะขุนนาง จะลามไปถึงเหล่าประชาชนและทาสติดที่ดินด้วย
ถ้าประชาชนเกิดความไม่พอใจจะทำให้ประเทศเกิดความไม่มั่นคงไปด้วย ตามปกติเลยจะยังไม่ประกาศ แต่ถ้าประเทศตกอยู่ในสภาวะวิกฤตถึงจะประกาศออกไป นี่คือสิ่งที่ร่ำเรียนมาจากในโรงเรียน
เลยถามผู้อำนวยการไปว่าทางจักรวรรดิมีการรับมืออย่างไร
“อืม จักรวรรดิเกียมูทประกาศสภาวะฉุกเฉินไปแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ เลยใช้ทุกหนทางในการเพิ่มกำลังเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังสำรอง, ทหารผ่านศึก, ทหารเกณฑ์ รวมไปถึงเปิดรับสมัครทหารใหม่ แต่ไม่ได้ส่งไปแนวหน้าทันที ขนาดกองกำลังสำรองหรือทหารผ่านศึกถึงจะต่อสู้ได้ทันทียังต้องใช้เวลาเตรียมการถึง 1 เดือน
(ถ้ามีเวลา 1 เดือน แนวหน้าจะแข็งขึ้นเหรอ)
“แต่ยาฟื้นฟู 6 แสนชิ้นเนี่ยได้มายังไง หรือว่าสิ่งนี้เองก็เป็นพลังของนักอัญเชิญ”
ผู้อำนวยการสงสัยถึงจำนวนที่มากมายของยาฟื้นฟู ถ้าผลลัพธ์กับจำนวนเป็นจริงแล้วละก็ นักอัญเชิญจะทำให้สถานการณ์รบเปลี่ยนแปลงได้
“ไม่ใช่ครับ สิ่งนี้ไม่ใช่พลังของนักอัญเชิญ”
“““เอ๊ะ?”””
ผู้อำนวยการและพวกพ้องของอเลนที่ฟังอยู่ด้วยกันส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย
ใบไม้แห่งชีวิตนี้อเลนสร้างขึ้นมา ทุกคนเองก็เห็นว่าอเลนเก็บมันขึ้นมาระหว่างที่หยุดพักในดันเจี้ยน
“สิ่งนี้เป็นยาวิเศษของเอล์ฟที่สร้างขึ้นมาในโรเซนเฮมค่ะ ถึงผลที่ได้จะน้อยกว่าเมื่อก่อน แต่สามารถผลิตจำนวนมากได้แล้วค่ะ”
(ถ้าปฏิกิริยาของผู้กล้าเป็นจริงแล้วละก็ ยาวิเศษของเอลฟ์น่าจะรักษาชิ้นส่วนที่ขาดได้)
“““ยาวิเศษของเอลฟ์?”””
อเลนจำได้ดีว่ากลบเกลื่อนทักษะพิเศษของพืช B อย่าง “พรจากผืนดิน” เป็นยาวิเศษของเอลฟ์ตอนสู้กับผู้กล้าเฮลมิออส
“ท่านอเลน สิ่งนี้เป็นยาวิเศษของเอลฟ์แน่นอนค่ะ”
“ท่านโซฟีโรเน่?”
โซฟี่พูดให้เข้ากับสิ่งที่อเลนบอก ธิโอโดชีลผู้อำนวยการที่เป็นเชื้อพระวงศ์ของเอลฟ์ทำหน้าออกมาว่าพูดเรื่องอะไรกัน
“ท่านอเลนต้องการจะบอกว่าให้ส่งยาวิเศษของเอลฟ์นี้ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่กองกำลังเอลฟ์ต้องกลับไปที่โรเซนเฮม ใช่ไหมค่ะ”
โซฟี่มองอเลนด้วยดวงตาราวกับนักเรียนที่ตอบคำถามได้ถูกต้อง
“ใช่แล้วครับ เท่านี้ก็น่าจะคงพันธมิตร 5 ทวีปต่อไปได้ใช่ไหมครับ”
การเคลื่อนไหวของกองทัพจอมมารในครั้งนี้มีลำดับความสำคัญอยู่ คิดว่าเป้าหมายสูงสุดคือการบุกรุกโรเซนเฮม และให้พันธมิตร 5 ทวีปเกิดการแตกแยก
ถ้าอย่างนั้นแล้ว หลังจากนี้จะบุกรุกทวีปอื่นก็เป็นเรื่องง่ายดาย
ครั้งนี้โรเซนเฮมจะสนับสนุนยาวิเศษของเอลฟ์ให้ ถึงจะบอกว่ากองทัพเอลฟ์กลับประเทศเพื่อกู้วิกฤตสิ้นชาติ แต่ก็เป็นการผิดสัญญาพันธมิตร น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ที่ฝั่งจักรวรรดิเห็นว่ากองทัพเอลฟ์หนีศัตรูตรงหน้าของเปลี่ยนไปได้อยู่
(เอาเถอะ จอมมารยังอยู่ การคงพันธมิตรเอาไว้ย่อมเป็นผลดีกว่า)
อเลนคิดว่าหากไม่มีจอมมารแล้ว พันธมิตร 5 ทวีป คงเปลี่ยนเป็นรูปแบบที่ประเทศใหญ่ใช้อำนาจในการครอบงำประเทศเล็กๆอยู่
“แต่ยอดเยี่ยมไปเลยนะคะเนี่ย! ช่วยโรเซนเฮม และช่วยเหลือจักรวรรดิเกียมูท ไหนจะคงความเป็นพันธมิตรต่อได้ด้วยค่ะ”
โซฟี่อธิบายว่าอเลนอยากจะทำอะไร
“เปล่าหรอก นี่แค่การรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไว้จากเรื่องที่รับฟังมาอย่างเดียว แต่สถานการณ์รบอาจจะเปลี่ยนแปลงได้อยู่”
คิดว่าช่วงแรกสถานการณ์รบคงเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะกองทัพจอมมารคาดการณ์ไว้ว่าจะเข้าโจมตีตอนกองทัพเอลฟ์ที่ทำหน้าที่รักษาไม่อยู่ แต่กลับมียารักษาจำนวน 6 แสนชิ้นมาทดแทนตรงส่วนนี้
แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่ามียารักษาจำนวนมากอาจจะเปลี่ยนแผนการอยู่ หากโรเซนเฮมรอดพ้นแล้วอาจจะเปลี่ยนแผนมาโจมตีทวีปกลางเลยก็ได้
ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี
(ยิ่งไปกว่านั้นต้องหาหลักประกันอย่างอื่นด้วย)
อเลนมีแผนการที่ยังไม่ได้บอกตรงนี้อยู่อีก
“แต่ ช่วยได้มากจริงๆ”
“ไม่หรอกครับ คงต้องขอให้ผู้อำนวยการช่วยอธิบายให้ดีๆด้วยนะครับ”
ฝากขอร้องให้ผู้อำนวยการอธิบายเกี่ยวกับยารักษาให้ดีๆ
“แล้วก็เมรูรุ”
“อะ อืม”
หันไปพูดกับเมรูรุที่ไม่ค่อยร่าเริง
หลังจากนี้เมรูรุต้องกลับไปที่จักรวรรดิบาวกีสตามคำสั่ง
“กำหนดการณ์ที่จะไปบาวกีสตอนเดือนเมษายนยังคงไว้เหมือนเดิม”
“เอ๊ะ?”
“จะรีบถล่มกองทัพจอมมาร แล้วไปดันเจี้ยนระดับ S ไง”
“อะ อืม”
อเลนคิดว่าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ระยะสั้น ถ้าจบแล้วจะไปเมืองหลวงของจักรวรรดิเพื่อลงดันเจี้ยนระดับ S
“ดังนั้น คิดว่าเมรูรุเองคงต้องเข้าสนามรบด้วย เลยจะให้ยาวิเศษของเอลฟ์กับเมรูรุ”
เมรูรุมีพรสวรรค์นายพลศิลาเวทที่สามารถขับเคลื่อนมิธริลโกเลมที่ใน 10 ล้านคนจะมีสัก 1 คน ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเอานักเรียนออกไปต่อสู้ในช่วงวิกฤตอย่างนี้
สิ่งนี้เองก็ยาวิเศษของเอลฟ์ที่โรเซนเฮมมอบให้เหมือนกัน
“ขะ ขอบคุณ”
(น่าจะให้ยาฟื้นพลังเวทกับเมรูรุด้วย ถ้ามอบเมล็ดพลังเวทสัก 1000 อันน่าจะเปลี่ยนสถานการณ์รบได้อยู่)
สิ่งที่จำเป็นต่อทวีปกลางคือยาฟื้นฟูพลังกาย แต่พวกเมรูรุขับเคลื่อนโกเลมด้วยการใช้พลังเวท
เมรูรุพูดขอบคุณออกมาในสภาพกึ่งๆร้องไห้ คงรู้สึกไม่ดีที่ปกติก็เป็นตัวถ่วงในดันเจี้ยนอยู่แล้ว แถมยังต้องออกจากปาร์ตี้ไปอย่างนี้อีก
“ต้องอธิบายให้นีน่าฟังด้วยสิ”
“นั่นสินะ คงไม่จบแค่บอกลากันที่ฐานแน่ๆ”
ครอบครัวและคนรับใช้ของคีลที่อยู่ตรงฐาน ถ้าพูดออกไปคงบอกว่าอยากจะตามไปสนามรบด้วย
ด้วยเหตุนี้เลยเตรียมตัวเพื่อมุ่งหน้าสู่โรเซนเฮม