Heroes of Marvel หลุดเข้าไปในโลกมาร์เวล - ตอนที่ 334
ฮึ่ม!
นิวยอร์ก,หลังจากนั้นพ่อมดทั้งสองคนได้เปิดประตูมิติเวทย์มนตร์มาโผล่ที่สถานที่เเห่งนึงเเสงรัศมีสีทองได้ปรากฏขึ้นที่ริมถนน
เปรี๊ยะ~
เเจ็คสันได้เดินออกมาจากประตูเวทมนตร์ เขามาถึงที่นิวยอร์ก หลังจากที่เดินทางไป คามาร์-ทัช เทือกเขาหิมาลัย
“มิราจไนท์ คุณต้องการให้เราไปส่งไหม ตราบเท่าที่คุณบอกตำเเหน่งที่ต้องการจะไป ฉันสามารถไปส่งคุณได้”หลังจากประตูมิติเวทมนตร์ที่ด้านหลังหายไป พ่อมดรุ่ยเคอ ถามด้วยรอยยิ้ม
พ่อมดรุ่ยเคอ เเละ พ่อมดไต้เหวิ่น ตระหนักได้ถึงสถานะของมิราจไนท์ เพราะเขาได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์เอนเชี่ยนวัน โดยปกติเเล้ว พ่อมดทั้งสองคนเองก็ต้องการที่จะตีสนิทด้วย
“ฉันสามารถไปเองได้ รบกวนพวกคุณมาส่งที่นี่เเล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ”เเจ็คสันปฏิเสธออกไปด้วยความสุภาพเขาเข้าใจเจตนาที่ดีของพ่อมดรุ่ยเคอ
“อืม,เช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน”พ่อมดรุ่ยเคอพูดเสร็จเขาก็วาดประตูมิติเวทมนตร์อีกครั้งเเละหายตัวไปจากนิวยอร์กเเห่งนี้
ประตูเวทมนตร์ได้หายไปจากเบื้องหน้าของเเจ็คสันในทันที
“ฮู้ว~~ไปเที่ยวชมคามาร์-ทัช คราวนี้นับว่าเป็นคลื่นลูกใหญ่สำหรับฉันจริง ๆ “เห็นพ่อมดทั้งสองคนจากไป เเจ็คสันก็ระบายออกมาอย่างผ่อนคลาย
ก่อนหน้านี้ เขาเองก็สงสัยว่า เชื้อสายจอมเวทย์เเห่งโลก มองหาเขาด้วยเหตุผลอะไร พอเขารู้ถึงเหตุผลนั้นทำให้เเจ็คสันรู้สึกเครียดทันที เขาไม่คาดคิดเลยว่า ตัวตนของเขาจะถูกมองออกโดยเอนเชี่ยนวันว่าจิตวิญญาณของเขาไม่ใช่คนของโลกนี้ สิ่งนี้ทำให้เเจ็คสันรู้สึกกลัวมาก โชคดีที่จิตวิญญาณของเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่งั้นเขาคงถูกจัดการไปเเล้ว ดังนั้นเเจ็คสันจึงกังวลเรื่องนี้มาก
อย่างไรก็ตามเเจ็คสันก็ได้ลั่นถึงเป้าหมายของเขาต่อเอนเชี่ยนวันไป สำหรับเขาที่ถูกส่งมาที่โลกมาร์เวลเเห่งนี้ การได้รับการยอมรับจากกฏเเห่งโลกเเจ็คสันเองก็เชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลของมัน เขาคิดว่าเรื่องการยอมรับนี้เเม้เเต่เอนเชี่ยนวันก็ไม่สามารถคาดเดาได้
เพราะกฏเเห่งโลกไม่ได้ขับไล่เเจ็คสันเเม้เเจ็คสันจะเป็นคนจากโลกอื่นก็ตาม ร่างกายเเละจิตวิญญาณของเขาได้รับการยอมรับโดยสมบูรณ์ตัวตนของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากคนที่มีพื้นเพมาจากโลกมาร์เวลเเห่งนี้
“เเม้ว่าเอนเชี่ยนวันจะมองผ่านจิตวิญญาณของฉันว่าไม่ใช่คนจากโลกนี้ เเต่เขาก็ยังไม่รู้เรื่องตัวตนของระบบไม่งั้นเขาคงไม่เเสดงจุดยืนเช่นนั้น”เเจ็คสันเดินเล่นที่มุมถนนเเละวิเคราะห์ในใจอย่างใจจดใจจ่อ
“ฟังจากถ้อยคำของเอนเชี่ยนวันอันสุดท้ายนั่น ราวกับว่าเขาเพียงเชื่อมั่นในอุดมคติเเละเป้าหมายของฉัน ที่เหลือเขาก็เเค่ต้องการดูว่าฉันจะสามารถทำได้หรือไม่”เเจ็คสันไม่ได้โง่ สิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เอนเชี่ยนวันคิดนั้นค่อนข้างคล้ายกัน
“ก็เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าเชื้อสายจอมเวทย์เเห่งโลกอยู่เเล้ว เเต่ถ้าได้รับความช่วยเหลือจากเอนเชี่ยนวันจริงเป้าหมายของฉันบางทีอาจจะสำเร็จลุล่วงเร็วกว่านี้ เเต่ถึงอย่างไรฉันเองก็รู้สึกสงสัยเเสงลึกลับที่เข้ามาในตัวฉันอยู่ดี”เเจ็คสันคิดไปพลางในขณะนั้นเองเขาเหมือนรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
หืม?
“มีคนสะกดรอยตามฉัน?”
“ใครกัน?”
เเจ็คสันสัมผัสได้ถึงการจ้องมองที่อยู่ไกลออกไปทันใดนั้นเขาก็รีบเดินหาที่หลบในทันที
ภายใต้การเคลื่อนไหวของเเจ็คสันทันใดนั้นเขาก็สลัดหลุดจากการสะกดรอยตามได้ไม่ยาก
“ดูเหมือนฉันควรจะรีบกลับไปวันนี้มีเรื่องวุ่นวายมามากพอเเล้ว”เเจ็คสันหวังจะรีบกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
ฟุ่บ!
จากนั้นเขาก็หายตัวลับไปจากพื้นที่เเถวนี้ในทันทีราวกับว่าไม่เคยมีตัวตน
พอสังเกตุการณ์ไม่เห็นมิราจไนท์ คนที่นั่งอยู่ในห้องควบคุมรู้สึกผิดหวังอย่างมากกลุ่มคนเหล่านี้ได้เฝ้าติดตามระวังมิราจไนท์
“เฮ้อ,งานเฝ้าระวังมิราจไนท์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย”ในขณะเดียวกันก็มีชายวัยกลางคนบ่นออกมา
ไม่ต้องสงวัยว่าเขาคือคนที่นิคส่งมาเฝ้าระวังมิราจไนท์เพื่อต้องการจะเปิดโปงสถานะของมิราจไนท์ เดิม พวกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเเจ็คสันเพราะช่วงที่มิราจไนท์หายตัวไปพวกเขาก็ไม่สามารถสังเกตุเห็นเเจ็คสันได้ เเน่นอนว่าการที่พวกเขามาเฝ้าระวังมิราจไนท์ไม่ใช่ว่าจะสร้างความเดือดร้อนอะไรเพราะอย่างไรก็ตามตอนนี้มิราจไนท์กับ S.H.I.E.L.D. ก็ร่วมมือกัน
ก่อนหน้านี้ มิราจไนท์ได้ไปยัง โรงเรียน X ซึ่งพวก S.H.I.E.L.D. เองก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ส่งทีมออกมาสืบสวนอย่างลับ ๆ เเละตั้งใจจะรู้เป้าหมายของมิราจไนท์ เเม้พวก S.H.I.E.L.D. กับ ทีมX-MEN จะไม่มีความขัดเเย้งกัน เเต่ไม่ได้หมายความว่า S.H.I.E.L.D. จะปล่อยผ่านเรื่องนี้
หลังจาก มิราจไนท์ออกจากโรงเรียน X เเละเดินทางกลับมาที่นิวยอร์กพวกเขาก็สังเกตุเห็นบุคคลต้องสงสัยก่อนที่มิราจไนท์จะหายตัวไปซึ่งพวกเขาเองก็รู้สึกสับสนมาก ดังนั้นหัวหน้าทีมจึงสั่งลูกทีมให้เฝ้าระวังจุดนี้ชั่วคราว
จากนั้นมิราจไนท์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกครั้งซึ่งเป็นไปตามที่หัวหน้าทีมคนนี้คาดเอาไว้หลังจากนั้นพวกเขาก็สังเกตุเห็นชายสองคนที่กำลังพูดคุยกับมิราจไนท์ก่อนหน้านี้
เเน่นอนว่าย่อมเห็นประตูมิติเวทย์มนตร์เเปลก ๆ ด้วย S.H.I.E.L.D. นั้นคาดเดาว่าอาจจะเป็นพวกมีพลังพิเศษเหมือนทีม X-MEN เพราะมิวแทนท์นั้นมีความสามารถของมนุษย์กลายพันธุ์บางทีความสามารถนั้นอาจเป็นการย่นระยะการเดินทาง สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือชายสองคนนั้นไม่ใช่คนของทีม X-MEN เเต่เป็นองค์กรลึกลับที่เรียกตัวเองว่าจอมเวทย์
“มิราจไนท์คนนี้มีความลับมากมายเกินไป บุคคลระดับเขา ควรจะเป็นเป้าหมายสังเกตุการณ์ไม่ต่ำกว่าระดับ สอง”พวกเขาได้ส่งภาพบันทึกที่ได้ก่อนหน้านี้ไปที่สำนักงานใหญ่อย่างรวดเร็ว
“สำนักงานใหญ่ส่งข้อมูลมาเเล้ว พวกเขาต้องการตั้งมิราจไนท์เป็นเป้าหมายสังเกตุการณ์ระดับ 1″จากนั้นลูกน้องของหัวหน้าทีมก็กล่าวรายงานอย่างรวดเร็ว
“เป้าหมายสังเกตุการณ์ระดับ 1! นี่พวกเบื้องบนตีค่าให้เขาสูงขนาดนั้นเชียว? ดูท่าพวกเราจะงานยุ่งเสียเเล้ว”