I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 36
ในที่สุดเหย่หลิงเฉินก็สามารถงัดตัวเองออกจากสถานการณ์ได้…
ตั้งแต่เปิดเทอมมา เขาก็คอยโทรรายงานกับครอบครัวอยู่บ่อย ๆ ว่าอยู่ที่ไหนและเป็นอย่างไรบ้าง
เหย่หลิงเฉินพึมพำกับตัวเองและโอนเงิน 100,000 หยวนกลับบ้าน
เขากังวลว่าถ้าเขาโอนมากเกินไป เขาจะทำให้พ่อแม่ตกใจ
กริ๊ง ๆ
“สวัสดีครับแม่”
“หลิงเฉิน ลูกเอาเงินทั้งหมดนี้มาจากไหน” ซู่เจินถามอย่างประหม่าด้วยเสียงที่ต่ำ
“แม่ ผมหาเงินพวกนี้มาด้วยตัวเองเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ นี่สำหรับแม่และพ่อ ที่ผ่านมาแม่กับพ่อทำงานหนักเกินไปแล้วนะครับ ดังนั้นเอาเงินนี่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองนะครับ” เหย่หลิงเฉินตอบ
“เด็กโง่ แม่อายุมากแล้วทำไมแม่ถึงต้องการเสื้อผ้าใหม่ด้วยล่ะ? นั่นจะดูเป็นการอวดไม่ใช่เหรอ” ซู่เจินดุด้วยเสียงหัวเราะ เธอมีความสุขมาก “อย่าไปทำอะไรโง่ ๆ เพราะเห็นแก่เงินนะลูก! พ่อของลูกกับแม่ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะยิ่งใหญ่หรือมีเงินมากมาย ขอแค่ลูกปลอดภัยและแข็งแรง โอเค้?”
“แม่ นี่แม่ไม่เชื่อในตัวลูกชายตัวเองเหรอ? ผมสามารถหาเงินเองได้แล้วและยังมีอีกมาก! แค่เอาเงินที่ผมให้ไปไปใช้จ่ายตามต้องการโดยไม่ต้องกังวล! ผมมีเหลือไว้ให้ตัวเองอยู่แล้ว”
“เจ้าเด็กโง่ อย่าไปใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นเลย! ชีวิตลูกจะยากมากถ้าลูกใช้จ่ายทุกอย่างไปทั่ว” ซู่เจินบรรยายเขาอย่างที่เธอเคยทำมาตลอดก่อนที่จะพูดต่อ “ทุนการศึกษา 50,000 หยวนของลูกถูกโอนเข้ามาแล้วนะ แม่จะช่วยลูกเก็บออมเงินนั้นเอาไว้สำหรับใช้ในงานแต่งงานลูกเอง”
“แม่! มันเร็วเกินไปไหมเนี่ยสำหรับเรื่องนั้น!” เหย่หลิงเฉินไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ
“แม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจากตระกูลจางก็ไม่เลวน้า ตั้งแต่ลูกออกจากบ้านไปเธอก็มาช่วยแม่ทำงานบ้านอยู่บ่อย ๆ หน้าตาของเธอก็สวยใช้ได้เหมือนกันนะจ๊ะ อิอิ” ซู่เจินรับบทเป็นแม่สื่อให้กับเหย่หลิงเฉิน “ผู้หญิงดี ๆ หายากนะลูก ไม่กลัวจะโดนแย่งไปหมดเหรอ”
“โอเคแม่ โอเค เอาที่แม่มีความสุข” เหย่หลิงเฉินเม้มปากก่อนที่จะพูด
“เอาล่ะ ตั้งใจเรียนก็พอนะลูก โอเคไหม? ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ พ่อกับแม่สบายดี”
เหย่หลิงเฉินมองไปที่ระยะเวลาของการโทร เป็นเวลา 76 นาทีเต็ม
ในช่วงเวลานั้นซู่ส่วนใหญ่เจินจะกำลังพูดอยู่และเหย่หลิงเฉินเป็นฝ่ายฟังมากกว่า
เมื่อไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ซู่เจินก็วางสายโดยไม่เต็มใจนัก ก็แหม คนเป็นแม่ก็ต้องอยากคุยกับลูกนาน ๆ เป็นธรรมดา
เหย่หลิงเฉินถือโทรศัพท์มือถือของเขาและทันใดนั้นก็นึกถึงบทกวีที่เขาเคยเรียนในโรงเรียนประถม
“ด้ายเย็บผ้าในมือของแม่ผู้เปี่ยมด้วยความรัก เสื้อผ้าของผู้เร่ร่อนในขณะที่เขาเดินทางไปบนบก
เขาห่อตัวให้แน่นก่อนที่จะจากไป เพราะเขาจะไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ เขาเสียใจ
ผู้ที่มีหัวใจที่เร่ร่อนจะไม่สามารถตอบแทนน้ำใจของพ่อแม่ได้”
ตอนที่เขายังเด็กเหย่หลิงเฉินไม่เคยเข้าใจความหมายของบทกวี แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าชีวิตเขาตอนนี้ช่างคล้ายกับบทกวีนั้น…
ในไม่ช้าลูกหมาป่าสองตัวที่ระเบียงก็ดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมห้องของเขา
“เอ๊ะ? เหย่ นี่นายเลี้ยงฮัสกี้เหรอ พวกมันน่ารักจัง!”
เหย่หลิงเฉินกำลังเตรียมสูตรนมสำหรับลูกสุนัข และ Potato ก็เฝ้าดูด้วยความประหลาดใจ
Xiang และ Lil ’Dan ก็ยืนอยู่ข้าง ๆ และคอยดูอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน
“ฮัสกี้ตัวเล็ก ๆ แบบนี้ นายซื้อมาราคาเท่าไหร่เหรอ” Potato ถาม
“ฉันได้มาเป็นของขวัญน่ะ” เหย่หลิงเฉินตอบ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่น่าตื่นเต้นของพวกเขาเหย่หลิงเฉินก็ไม่ได้มีใจที่จะบอกพวกเขาว่าพวกมันเป็นหมาป่าจริง ๆ
ลูกหมาป่าสองตัวสามารถสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของคนแปลกหน้า พวกมันขู่คำรามอย่างดุร้าย
“โหยย ฮัสกี้พวกนี้ดุเหมือนกันนะ แต่พวกมันก็น่ารักมากเลย ><!–” Xiang คุกเข่าและมองดูพวกมันอย่างพินิจพิเคราะห์ “นี่ เหย่ ฉันว่านายได้รับรางวัลแจ็คพอตใหญ่เข้าแล้วแหละ ฮัสกี้สองตัวนี้คล้ายกับหมาป่าเลย ฉันว่าต้องใช่หมาป่าจริง ๆ แน่!”
“พวกมันน่ารักจัง!” ถ้านายพาพวกมันออกไปข้างนอกนะ สาย ๆ ต้องวิ่งกรูเข้ามาหานายเพื่อเล่นกับเจ้าสองตัวนี้แน่” Lil ‘Dan กล่าว
“โอ๊ย แกนี่มันร้ายจริง ๆ!” ดวงตาของ Potato และ Xiang เป็นประกายทันที
เหย่หลิงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้า
**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **
FB : June6 Translate นิยายแปลไทย
“โอ้ใช่ เหย่ นี่คือรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นของเรา ลองดูสิ” เซียงส่งแบบฟอร์มให้เหย่หลิงเฉินดู
ชั้นเรียนเล็ก ๆ ทั้งสามได้รวมกันเป็นห้องเรียนใหญ่
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งมีอัตราส่วนระหว่างเพศชายและเพศหญิงที่ใกล้เคียงกัน ชั้นเรียนของเหย่หลิงเฉินมีทั้งหมด 39 คน เพศชาย 20 คน และเพศหญิง 19 คน
นามสกุลของครูพวกเขาคือ ฮง ชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือ ฮงเหลียง ช่างจำง่ายจริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกสอนวิชาการต่อสู้พื้นฐาน ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อซุนเฉา
การฝึกทหารเป็นหนทางเดียวในการปกป้องชาติ ดังนั้นน้องใหม่ในมหาวิทยาลัยจึงต้องผ่านการฝึกการต่อสู้ครึ่งเดือน!
ถึงแม้ว่านักศิลปะการต่อสู้จะไม่เข้มงวดเท่าทหาร แต่ก็สามารถสอนวิธีการป้องกันตัวได้ นอกจากนี้นักเรียนทุกคนชอบที่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และนั่นทำให้พวกเขาตื่นเต้นกับการเรียนวิชานี้
“เหย่ การฝึกการต่อสู้จะเริ่มขึ้นในอีกสองวัน”
Lil ’Dan พูดด้วยความกังวลว่า “ฉันได้ยินมาว่าการฝึกที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งนั้นยากที่สุดเพราะมีอาจารย์ทุกคนที่เก่งที่สุดในด้านนี้เลยล่ะ”
Potato ถอนหายใจเบา ๆ ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความลำบากในการฝึกการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง
เหย่หลิงเฉินยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับเขาการฝึกการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
คืนนั้นเพื่อนร่วมห้องทั้ง 4 คนได้ทานอาหารเย็นในร้านอาหารเล็ก ๆ ใกล้มหาวิทยาลัย
พวกเขาพูดคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่การเล่นเกมไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย รวมถึงภาษาถิ่นและบ้านเกิดของพวกเขาด้วย พวกเขากินดื่มและอย่างมีความสุขในขณะที่พูดคุยกัน
วันรุ่งขึ้นเหย่หลิงเฉินได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวเฟยเฟย
Legend of the Heroine กำลังจะฉายในคืนนี้และนักแสดงก็กำลังเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงฉลองของพวกเขาในคืนนี้ด้วย แน่นอนว่าพวกเขาได้เชิญเหย่หลิงเฉินมางานนี้ด้วย
“หลิงเฉิน เธอจะมากับฉันได้ไหม? ฉันได้ยินมาว่าคืนนี้… ลู่ห่าวจะไปที่นั่นด้วย” ความรู้สึกหมดหนทางและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นในน้ำเสียงของเสี่ยวเฟยเฟย
“ไม่ต้องกังวลไปครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมไปที่นั่นแน่นอน”
เหย่หลิงเฉินวางสายและดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเล็กน้อย
เขายังจำได้ว่าชาวต่างชาติสองคนนั้นที่ส่งมาเล่นงานเขาเป็นผลงานของลู่ห่าวอยู่เบื้องหลัง เสี่ยวเฟยเฟยถูกลู่ห่าวกระทำด้วยความดูถูกเหยียดหยามจนเขานั่งดูไม่ได้
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกัน คืนนี้ก็เป็นนัดที่สองของเขากับตระกูลหลิงเพื่อช่วยปู่หลิงในครั้งที่สอง
เขาต้องไปร่วมงานกับเสี่ยวเฟยเฟย ดังนั้นเขาจึงต้องขอให้เลื่อนตระกูลหลิงออกไป
The Grand Capital Restaurant ตั้งอยู่ในโรงแรมที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ที่นี่อาหารง่าย ๆ อย่างเช่นข้าวกะเพราราคาสูงถึง 2,000 หยวนต่อคน สำหรับงานเลี้ยงนี้ ราคาเริ่มต้นสูงถึง 5,000 หยวนเลยทีเดียว
รถหรูจอดอยู่หน้าทางเข้าหลักของโรงแรม
Mercedes, BMWs และ Porsches จอดเรียงรายพร้อมเจ้าของยืนอยู่เต็มไปหมด
Lamborghini, Rolls Royce, Aston Martin, Jaguars หรือ Audis ความหรูหรานั้นไม่อาจมีใครเทียบได้
‘เมืองรูเกาไม่มีทางเทียบได้กับเมืองหลวงแห่งนี้เลย’ เหย่หลิงเฉินคิดในใจ
เมื่อแสดงบัตรเชิญทางอีเมลที่เสี่ยวเฟยเฟยส่งให้เขากับเจ้าหน้าที่หน้าประตูทางเข้าแล้ว เขาก็เชิญเหย่หลิงเฉินเข้ามาในงานด้วยความสุภาพ
ถึงแม้ว่าเหย่หลิงเฉินจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของคนรวยในเขตไฮ่หั่งมาแล้ว แต่นั่นเป็นดูเป็นเพียงแค่งานธรรมดา ๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับที่นี่
งานเลี้ยงในคืนนี้ไม่เพียงแต่มีนักแสดงทั้งหมดเข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังมีการเชิญทีมงานฝ่ายผลิตรวมถึงเจ้าหน้าที่สนับสนุน ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ชื่อดังสองสามคนเข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้แขกยังสามารถพาเพื่อนและครอบครัวมาร่วมงานนี้ได้ด้วย ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมโต๊ะเอาไว้ 20 โต๊ะ
ป้ายราคาของแต่ละโต๊ะอย่างน้อยอยู่ที่ 50,000 หยวน
“หลิงเฉิน! มาแล้วเหรอ” เมื่อเห็นเหย่หลิงเฉินเสี่ยวเฟยเฟยก็ถอนหายใจโล่งอกทันทีและโบกมือทักทายเขา
เหย่หลิงเฉินโบกมือทักทายกลับ เขาเดินเข้าไปทักทายผู้กำกับหลี่ ทีมงาน และเข้าไปนั่งข้างเสี่ยวเฟยเฟย
…