I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 37
ด้วยใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและเสื้อผ้าที่เรียบง่ายราคาถูกของเหย่หลิงเฉิน ทำให้ทุกคนในห้องโถงต่างมองไปที่เหย่หลิงเฉินและขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบ
“เขาคือใคร? ญาติห่าง ๆ ของเสี่ยวเฟยเฟยเหรอ?”
“ทำไมเขาถึงแต่งตัวได้ซอมซ่อแบบนี้?”
“จะว่าไป ดู ๆ แล้วผู้กำกับหลี่และเสี่ยวเฟยเฟยสนิทกับเขามากเลย แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและมาจากไหน”
ชื่อของเหย่หลิงเฉินไม่ได้เป็นที่รู้จักของใครนักเนื่องด้วยความต้องการของเขาเอง ทุกฉากที่เขาร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้ก็สวมหน้ากากตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่มีใครจะจำเขาได้
ส่วนหนึ่งของผู้ที่อยากรู้อยากเห็นรีบไปถามหวู่เฟิง ซึ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ไม่ต้องเดาอะไรกันไปมากมายหรอก เด็กผู้ชายคนนั้นมันเป็นแค่คนขี้แพ้!” หวู่เฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา
“อะไรกัน? เป็นเช่นนั้นหรือ?”
“แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้” เสียงของหวู่เฟิงนั้นร้ายกาจมาก “เขาเคยเป็นแค่พนักงานในทีมของฉันจนกระทั่งฉันไล่เขาออกไป! ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาใช้กลเม็ดอะไรในการจับเสี่ยวเฟยเฟย”
“เข้าใจละ”
“บ้าจริง ให้คนประเภทนี้มานั่งรวมที่โต๊ะเนี่ยนะ ไม่ตลกไปหน่อยเหรอ?”
“คุณพูดถูก เขาไม่สมควรนั่งที่นั่น!”
ดวงตาของหวู่เฟิงเป็นประกาย เขายืนและเดินไปที่เหย่หลิงเฉิน
“ไอ้หมาข้างถนน นี่ไม่ใช่ที่นั่งของแก ออกไป!”
ทั้งห้องเงียบสนิทและทุกคนต่างจ้องมองไปที่เขา
ใบหน้าของเสี่ยวเฟยเฟยเปลี่ยนสี เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “หวู่เฟิง นี่คุณคิดว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่? เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติของฉัน!”
“แขกผู้มีเกียรติ? เขามีค่าอะไร เขาได้รับเกียรติอย่างไร? เขาไม่ต่างอะไรจากสุนัขของฉันที่บ้านด้วยซ้ำ!” หวู่เฟิงพูดอย่างเย่อหยิ่งและดูถูกเหย่หลิงเฉิน
“หวู่เฟิง! หยุดพูดอะไรบ้า ๆ ได้แล้ว ออกไปจากที่นี่ซะ!” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าวด้วยความโกรธ
“เสี่ยวเฟยเฟย อย่าลืมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่นายน้อยหลู่ชื่นชมนะครับ การที่คุณมีปลิงอย่างเขามาอยู่เคียงข้างคอยดูดเลือดดูดเนื้อแบบนี้ ระวังจะตายโดยไม่รู้ตัว!”
หวู่เฟิงหัวเราะอย่างเย็นชาและมองไปที่เสี่ยวเฟยเฟยอย่างดูถูก “เป็นดารามาตั้งนาน รสนิยมเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้แล้วเหรอครับ? นี่คุณมองเห็นอะไรในไอ้หมาตัวนี้กัน“
คำพูดของเขาทำให้ความแตกตื่นเกิดขึ้นในทันที ทุกคนมองไปที่เสี่ยวเฟยเฟยอย่างไม่เชื่อ
หวู่เฟิงได้ทำตัวไร้มารยาทอย่างมาก
“หุบปาก!” ใบหน้าของเสี่ยวเฟยเฟยบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ “หลู่ห่าวก็แค่หลู่ห่าว และฉันก็คือฉัน เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น! และเหย่หลิงเฉินกับฉันเป็นแค่เพื่อนกัน”
“ฮ่าฮ่า นี่คุณกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้านายน้อยหลู่หรือ?”
หวู่เฟิงยิ้มเยาะขณะที่เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยแสงสะท้อนอันเยือกเย็น “เจ้าหมา แกไม่มีเงิน เส้นสาย หรืออำนาจ แกแย่ยิ่งกว่าขยะ แบบนี้แล้วแกยังจะมีหน้ากล้ามาอวดในที่ของฉันอีกเหรอ? ออกไป!”
ภายใต้การจ้องมองของฝูงชนเหย่หลิงเฉินนั่งอยู่ที่นั่นนิ่ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ พูดออกมาหนึ่งประโยค ..
“ไปให้พ้น”
ในพริบตาบรรยากาศก็กลายเป็นน้ำแข็ง ทุกอย่างเย็นยะเยือกไปหมด
“หน็อย ไอ้ขี้แพ้นั่นมันบ้าไปแล้ว มันคิดว่ามันเป็นใคร!”
“ปลิงตัวนี้คงจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวเองยึดติดกับเสี่ยวเฟยเฟยสินะ?!”
“เสี่ยวเฟยเฟยไปมองเขาได้อย่างไรเนี่ย? นี่มันอย่างกับเรื่องโฉมงานกับเจ้าชายอสูร!”
…
**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **
FB : June6 Translate นิยายแปลไทย
“แก! รนหาที่เองนะ!”
การแสดงออกของหวู่เฟิงนั้นเลวร้ายมาก เขาหยิบขวดไวน์ขึ้นมาจากโต๊ะจากนั้นเหวี่ยงไปที่หัวของเหย่หลิงเฉิน!
เขารู้ว่าเหย่หลิงเฉินอาจรู้สึกหวาดกลัว เพราะแม้แต่นักสู้ที่เก่งที่สุดก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อถูกทุบหัว!
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาวางแผนไว้ เขาไม่มีความกลัวในใจ!
ใบหน้าของเขาดุร้ายราวกับว่าเขามองเห็นภาพของหัวของเหย่หลิงเฉินที่ถูกเปิดออกและชุ่มไปด้วยเลือด
แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของเหย่หลิงเฉินนั้นมีมากกว่า!
ขณะที่หวู่เฟิงหยิบขวดขึ้นมา หมัดของเหย่หลิงเฉินก็ลอยไปหาเขาแล้ว!!
หมัดของเขาเร็วเกินกว่าหมัดธรรมดา ๆ ดูเหมือนว่ามันผ่านการฝึกฝนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ฝูงชนทั้งหมดสามารถมองเห็นความเร็วนั้นเป็นแสงวาบขึ้นมา
หวู่เฟิงรู้สึกได้เพียงว่ามีลมพัดมาที่เขาอย่างรุนแรงจนเกือบจะทำให้เขาหายใจไม่ออก
และไม่นาน หมัดก็ได้เสยเข้าไปที่คางของหวู่เฟิงแล้ว!
ตึ้งงงงงงง!
ในขณะที่ชกต่อย หัวของหวู่เฟิงก็กระตุกขึ้น ลูกตาของเขาเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า ร่างกายขนาดใหญ่ของเขาบินขึ้นไปข้างบนเหมือนจรวด
เลือดพุ่งออกจากปาก!
นอกจากนี้ยังเห็นฟันหลุดลอยออกมาในอากาศอีกด้วย
ปั้ง!!!
ขณะที่ร่างของเขาตกลงบนพื้น ห้องโถงทั้งห้องก็เงียบงัน
พวกเขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างช้า ๆ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างราวกับไข่ห่าน!
ด้วยพลังของหมัดเพียงหนึ่งหมัดสามารถส่งชายกล้ามใหญ่ตัวสูงกว่า 190+ เซนติเมตรกระเด็นไปได้นั้น ช่างน่าตกใจ!
“อา…ฟันของฉัน แก! ไอ้หมาข้างถนน! แกตายแน่! ฉันจะทำให้ชีวิตที่เหลือของแกกลายเป็นนรกบนดิน!”
ปากของหวู่เฟิงเต็มไปด้วยเลือดและเสียโฉม ฟันของเขาหายไปครึ่งหนึ่งส่งผลให้เขาพูดไม่ชัด
ตึก ตึก ตึก!
ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกประตูดังขึ้น
ชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราในวัยยี่สิบปีเดินเข้ามาหาพวกเขา
ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยพลัง ก่อนที่เขาจะมาถึง เสียงฝีเท้าของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
ชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ข้างหลังของเขาเป็นชายหนุ่มเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และชาวยุโรป ใบหน้าของพวกเขาช่างดูน่ากลัว มันให้ความรู้สึกถึงอันตรายและสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูกันอย่างแน่นอน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ณ ตอนนี้บรรยากาศเหมือนราวกับว่ากษัตริย์มาถึงและกำลังตรวจสอบคนของเขาอยู่
“นายน้อยหลู่ นายน้อยหลู่!!! ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว!!!!”
หวู่เฟิงมองด้วยสายตาที่ราวกับมีพระเจ้ามาโปรดและช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาคลานเข้าไปหาหลู่ห่าวด้วยท่าทางที่เหมือนกับสุนัข
เขาชี้ไปที่เหย่หลิงเฉินและคร่ำครวญ “นายน้อยหลู่ คุณต้องจัดการให้ผมนะครับ! ไอ้ปลิงตัวนั้น ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเสี่ยวเฟยเฟยเป็นอย่างไร ผมแค่อยากจะไล่เขาออกไป แต่เขาก็ทุบตีผม!”
“โอ้พระเจ้า นั่นคือคุณชายหลู่ ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้”
“ฉันก็พอรู้มาบ้างว่าคุณชายหลู่ชอบเสี่ยวเฟยเฟยมาก ฉันเลยไม่แปลกใจที่เห็นเขามาที่นี่”
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอทายาทที่ร่ำรวยของเมืองนี้ตัวเป็น ๆ วันนี้!”
“เขาเป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยจริง ๆ! คนระดับอย่างพวกเราคงเปรียบเสมือนสุนัขสำหรับสังคมชั้นสูงเหล่านี้เท่านั้น”
ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศหรือวัยไหน ก็ต่างมองไปที่คุณชายหลู่ด้วยความอิจฉา
เสี่ยวเฟยเฟยตัวสั่น ฝ่ามือของเธอเปียกไปด้วยเหงื่อขณะที่เธอกังวลเรื่องความปลอดภัยของเหย่หลิงเฉิน
“เฟยเฟย คุณทำให้ผมผิดหวัง ผมคิดว่าอย่างน้อยคุณจะหาคนที่มาสู้ผมได้ แต่ดูเขาสิ ช่างตรงกันข้ามกับผมทุกอย่าง!”
หลู่ห่าวเป็นเหมือนดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาสามารถดึงดูดความสนใจของฝูงชนได้
คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนและยกตนเหนือคนอื่น
ทุกคนมองดูราวกับว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครคิดว่าหลู่ห่าวกำลังโอ้อวดหรือหยิ่งทะนงตน
เขาไม่ได้เสแสร้งเลย เขาดีกว่านั้นมาก!
ถ้าคุณได้อยู่ในระดับเดียวกันกับคุณชายหลู่ คุณไม่จำเป็นต้องพูดจาโอ้อวดใด ๆ ทั้งสิ้น แค่คำพูดหรือประโยคง่าย ๆ จากปากก็เต็มไปด้วยความผยองและสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้างได้แล้ว
….