I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 70
ในที่สุด ในรอบที่สี่ เหย่หลิงเฉินสัมผัสได้ถึงคลื่นลมปราณที่ไหลจากลมหายใจเข้าสู่หมัดของเขา
คลื่นของความรู้สึกนี้ค่อนข้างแปลก เขาเพียงแต่รู้สึกว่าเขาสัมผัสถึงมันได้เท่านั้น แต่ไม่ได้สัมผัสทางร่างกาย เมื่อมันผสานเข้ากับหมัดของเขา ก็รู้สึกถึงความอบอุ่น
เมื่อพลังปราณในหมัดของเหย่หลิงเฉินสะสม หมัดของเขารู้สึกเหมือนถูกไฟไหม้ พวกมันดูเป็นสีแดงราวกับถูกห่อด้วยเปลวเพลิง
วินาทีถัดมา เหย่หลิงเฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาชกออกไปด้านนอกพร้อมส่งเสียงคำราม!
คลื่นแห่งพลังนั้นพุ่งออกมาราวกับคลื่นที่พุ่งออกมาอย่างไม่รู้จบ!
บูม!
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น หินก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างจากเหย่หลิงเฉินอย่างน้อยห้าเมตรก็ถูกกระแทก พร้อมทิ้งร่องไว้ข้างใน!
OMG!
เหย่หลิงเฉินเองก็ตกใจ นั่นคือการชกผ่านอากาศ! ถ้าหากถูกคนเข้าล่ะก็ คน ๆ นั้นตายแน่!
‘นี่… นี่มันโคตรบ้าเลย!‘
หัวใจของเหย่หลิงเฉินสั่นเทา
นั่นเป็นเพียงครั้งแรกของเขาจากการฝึกฝนเพิ่มเติมเท่านั้น ถึงตอนนี้แล้ว หมัดของเขากับกระสุนแตกต่างกันอย่างไร?!
นอกจากนี้ ทักษะนี้ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน ถ้ามันถึงระดับกลางและระดับสูงแล้วล่ะก็ เขาจะเป็นยอดมนุษย์จริง ๆ!
เนื่องจากความโกลาหลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ค่อนข้างชัดเจน เขาสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและออกจากพื้นที่
วันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากที่เหย่หลิงเฉินรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเขาก็กลับไปที่หอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวออกไป
นั่นคือวันที่เขาเตรียมการนวดของเสี่ยวเฟยเฟย แค่นึกถึงภาพร่างที่อ่อนนุ่มนั่นก็ทำให้เหย่หลิงเฉินตกตะลึง
“เหย่ รอยยิ้มเมื่อกี้นั่นมันอะไรกันน่ะ! น่ากลัวจริง ๆ!” เซี่ยงกล่าว.
“แหม ๆๆ จะออกไปทำเรื่องอย่างว่าเหรอ?” โปเตโต้เริ่มกล่าวหาทันที
“นี่พวก ฉันเป็นคนดีและบริสุทธิ์มาก อย่าใส่ร้ายฉันด้วยความคิดสกปรกเหล่านั้นเลย” เหย่หลิงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงที่มีเกียรติ แล้วถามด้วยความสงสัย “วันนี้เป็นวันหยุดหนิ ทำไมพวกนายถึงตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ? แล้วเกิ้งหายไปไหน?”
“เกิ้งลงทะเบียนแข่งขันบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยของเราน่ะ ตอนนี้เขากำลังฝึกอยู่”
“การแข่งขันบาสเกตบอลมหาวิทยาลัย?”
“นายไม่รู้เหรอ? การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่ทั้งมหาวิทยาลัยรอคอยมากที่สุด” โปเตโต้อธิบายต่อไปว่า “ทุก ๆ ปีเมื่อเริ่มเปิดภาคการศึกษา มหาวิทยาลัยจะจัดการแข่งขันบาสเก็ตบอลกระชับมิตรระหว่างคณะต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของนักศึกษา”
“กลุ่มแข่งขันแยกตามสาขาและคณะ เกิ้งอยู่ภายใต้สาขาภาษาของเรา”
มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีหลายคณะและสาขา เช่น จิตวิทยา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาจีน ฯลฯ แต่ละสาขาจะคัดเลือกนักเรียนที่เก่งด้านกีฬาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่รุ่นพี่จนถึงน้องใหม่ ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมระดับมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว
เซี่ยงพยักหน้าตาม “เราจะไปดูการฝึกซ้อมของเกิ้งและให้กำลังใจเขาวันนี้ เราตั้งใจจะชวนนายไปด้วยน่ะ”
“วันนี้ฉันมีนัดน่ะ ไว้คราวหน้านะ” เหย่หลิงเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นโบกมือลาพวกเขาและจากไป
คราวนี้เขาพาหมาป่าสองตัวมาด้วย เสี่ยวเฟยเฟยอยากเห็นเจ้าตัวน้อยสองตัวนี้โดยเฉพาะ
หลังจากเติบโตมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ลูกหมาป่าก็โตขึ้น นอกเหนือจากการดูแลอย่างมืออาชีพของเหย่หลิงเฉินแล้ว ขนของพวกมันก็เงางามและแวววาว ทำให้พวกมันดูมีชีวิตชีวามาก
ดวงตาของพวกมันโตและใสแจ๋ว ตอนนี้พวกมันอยู่ในอ้อมแขนของเหย่หลิงเฉินและมองโลกรอบตัวด้วยดวงตาที่ดูฉลาด
ภายใต้การดูแลของเหย่หลิงเฉิน พวกมันไม่กลัวมนุษย์และไม่ส่งเสียงดัง พวกมันเพียงแค่มองออกไปนอกอ้อมกอดของเหย่หลิงเฉินอย่างเชื่อฟัง
ระหว่างทางพวกมันได้ดึงดูดสายตาที่ดึงดูดใจจากสาว ๆ มากมายนับไม่ถ้วน
รถไฟห้ามพาสัตว์ขึ้น ดังนั้นเหย่หลิงเฉินจึงต้องขึ้นรถบัส
‘ฉันค่อนข้างรวยแล้ว คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาบ้านและรถให้ตัวเองแล้วล่ะ’ เหย่หลิงเฉินคิดกับตัวเอง
**ขโมยมาจาก ThaiNovel / My Novel **
FB : June6 Translate นิยายแปลไทย
หลังจากขึ้นรถบัสมาแล้ว ก็มาถึงอ่าวจิงรุ่ย
อ่าวจิงรุ่ย พื้นที่สำหรับคนรวยและมั่งคั่ง
ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง เป็นสถานที่เงียบสงบและสะดวกสบาย นอกจากนี้ราคาบ้านไม่ได้แพงจนบ้าเหมือนในใจกลางเมือง
บ้านในใจกลางเมืองมีราคาโดยเฉลี่ย 100,000 หยวนต่อตารางเมตร ในขณะที่พื้นที่นี้ราคาเพียงประมาณ 60,000-70,000 หยวนต่อตารางเมตร อย่างไรก็ตาม บ้านที่นี่เป็นวิลล่าทั้งหมด สร้างขึ้นมาใกล้กับลำธาร ป่าไม้สีเขียว อีกทั้งมีจำนวนผู้อยู่อาศัยไม่มาก เหมาะมากสำหรับเป็นที่พักอาศัย ซึ่งหมายถึงมีคนดังจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอนุญาตให้เหย่หลิงเฉินเข้ามาหลังจากได้รับการยืนยันตัวตนของเขากับเสี่ยวเฟยเฟยเท่านั้น
พื้นที่ทั้งหมดได้รับการออกแบบเพื่อแยกการจราจรของยานพาหนะและทางเท้า เป็นทางเดินหินที่มีลมพัดเป็นครั้งคราว มันเป็นสถานที่ที่สะดวกสบายมาก
‘ฉันต้องการซื้อวิลล่า!‘
เหย่หลิงเฉินได้เพิ่มงบประมาณเพิ่มเติมในแผนการซื้อบ้านของเขา
การอยู่ในอพาร์ตเมนต์ค่อนข้างเสียงดังและแออัด เขาเป็นคนที่มีระบบอัจฉริยะอยู่กับตัว ทำให้บางครั้งไม่สะดวกในการทำสิ่งต่าง ๆ วิลล่าจะให้อิสระแก่เขามากขึ้น
ด้วยสินทรัพย์หมุนเวียนของเขา อ่าวจิงรุ่ยจึงเกินขีดจำกัดเล็กน้อย แต่เขาสามารถมองหาจุดที่ถูกกว่าได้
“หลิงเฉิน ทางนี้!”
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวเฟยเฟยก็ เธอยืนอยู่บนสะพานไม้ สายลมพัดผ่านผมของเธอขณะที่เธอโบกมือไปทางเหย่หลิงเฉิน
หลินก็อยู่เคียงข้างเธอ
เขาเดินข้ามสะพาน บ้านพักของเสี่ยวเฟยเฟยอยู่ริมทะเลสาบ
“ว้าว! พวกมันน่ารักมาก!”
เสี่ยวเฟยเฟยสังเกตเห็นลูกสุนัขหมาป่าในอ้อมแขนของเหย่หลิงเฉินทันที ดวงตาของเธอเป็นประกาย สายตาของเธอละลายเมื่อเห็นลูกหมา
“นายน่าทึ่งมาก! นี่นายจัดการดูแลลูกสุนัขหมาป่าพวกนี้ยังไงกัน?”
เธอจำได้ว่าตอนนั้นลูกหมาไม่สามารถลืมตาได้ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเพิ่งเกิดใหม่ เธอกังวลว่าพวกมันจะไม่รอด
พูดจบเธอก็เอื้อมมือออกไปอุ้มลูกหมาทันที
“แฮฮฮฮฮ่!!!”
ลูกหมาที่เคยเงียบได้เปล่งเสียงคำรามต่ำในทันทีพร้อมแยกเขี้ยวขณะที่จ้องไปที่เสี่ยวเฟยเฟย
“เฟยเฟย ระวัง! พวกมันยังคงเป็นหมาป่าอยู่นะ อย่าแตะต้องพวกมัน!” หลินแสดงความคิดเห็นพร้อมสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป
“มันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวน่ะครับ” เหย่หลิงเฉินยิ้ม แล้วลูบคอของลูกหมาป่าสองตัวเบา ๆ “ตอนนี้เธอเป็นแม่ของพวกนายนะ นายอย่าดุเธอได้ไหม”
‘แม่?’
ใบหน้าของเสี่ยวเฟยเฟยแดงก่ำ พลางชำเลืองมองเหย่หลิงเฉิน
ถ้าเธอเป็นแม่ แล้วเหย่หลิงเฉินคืออะไร? พ่อ?
‘ไอ้บ้า นายฉวยโอกาสจากฉัน!‘
“พี่เฟยเฟย ลองใหม่สิ”
เหย่หลิงเฉินไม่รู้ว่าเสี่ยวเฟยเฟยคิดอะไรในใจเมื่อสักครู่นี้ เขาส่งลูกสุนัขไปให้เสี่ยวเฟยด้วยรอยยิ้ม
“ว้าว พวกมันไม่ขู่ฉันแล้ว! หลิงเฉิน เธอฝึกเจ้าพวกนี้ได้ยังไงกัน?” เสี่ยวเฟยเฟยประหลาดใจ เธออุ้มลูกสุนัขขนยาวทั้งสองด้วยความรัก
ลูกหมาทั้งสองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พวกมันแสดงความรักต่อเสี่ยวเฟยอย่างต่อเนื่อง เลียที่ฝ่ามือของเสี่ยวเฟย ทำให้เธอหัวเราะคิกคัก
“หึหึ ผมเป็นครูฝึกสัตว์นะ ยังมีอะไรอีกมากที่จะให้เห็นอีก” เหย่หลิงเฉินรู้สึกอยากอวด “วางมันลงบนพื้นหน่อยสิ”
เสี่ยวเฟยเฟยปฏิบัติตามและวางลูกหมาไว้บนพื้น
“คอยดูให้ดีนะ” เหย่หลิงเฉินยิ้ม
“เกรย์ นอนลง แกล้งตาย!”
ลูกสุนัขหมาป่าสีเทานอนราบกับพื้นทันที หลับตาและไม่ส่งเสียงใด ๆ
“แบล็ค พลิกตัว!”
ลูกหมาป่าสีดำอีกตัวตามหลังและเริ่มกลิ้งไปมาบนพื้น
“นั่ง!”
เกรย์และแบล็คปีนขึ้นมา จากนั้นนั่งตรงไปข้างหน้าเหย่หลิงเฉินอย่างเชื่อฟัง
“ว้าวววว ~ ~ ~”
ปากของเสี่ยวเฟยอ้ากว้างโดยไม่พูดอะไร
หลินเบิกตากว้างพร้อมจ้องมองไปที่ลูกหมาสองตัวด้วยความไม่เชื่อ ‘นี่มันเหลือเชื่อมาก!‘
…