I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 1006 ห้ามขึ้นเรือ
- Home
- I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง
- ตอนที่ 1006 ห้ามขึ้นเรือ
เมื่อเห็นโจวเหวินลังเล โฟรต์กล่าวต่อ “แม้ว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติจะปรากฏบนโลกในรูปแบบชีวิตระดับสูง คล้ายกับเทพเจ้า ในตานาน แต่จากการติดต่อกับพวกมันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และจากการคาดเดาจากที่พวกมันบอก มีโอกาสที่โลกจะ ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกมันบอก พวกมันต้องการจะมาที่โลกครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่ลังเลที่จะให้มนุษย์ทําสงครามและ
ในที่สุดก็วิวัฒนาการเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์(สงครามผู้พิทักษ์)”
“ฉันได้ยินมาว่า โลกเป็นแหล่งกําเนิดของสิ่งมีชีวิตในมิติต่างๆ ” โจวเหวินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าว
“คําพูดแบบนี้เป็นเรื่องใหม่และเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้คําตอบ” ฟรายด์กล่าวต่อ “ฉันได้แอบศึกษาและพบว่าการทําสงคราม ทุกครั้ง ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีเงาของกองกําลังพิเศษอยู่เบื้องหลัง หลังจากการสืบค้น ฉันพบ ร่องรอยของสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่น่ากลัวมากมายและนี่ก็เกี่ยวกับกับวิหารทั้งสอง เผ่าพันธุ์ของพวกมันมีความเกี่ยวข้อง ฉัน พบร่องรอยของเผ่าพันธุ์ทั้งสองในสงคราม เห็นได้ชัดว่าตระกูลอื่นๆ ก็ค้นพบพวกมันเช่นกัน ดูเหมือนว่ามีคนพบบางอย่าง และต้องการที่จะไปต่อ ดังนั้นกลุ่มของศาสตราจารย์โอหยางจึงทําการการวิจัยต่อ”
“หลังจากที่ฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับทีมวิจัยนี้แล้วก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากฉันกําลังตามดูเรื่องนี้อยู่ ก็เลย ส่งคนเข้าทีมวิจัย แต่แล้วก็พบว่าคนที่ฉันส่งไปที่ทีมวิจัยกลับกลายเป็นว่าเขาถูกลับเปลี่ยนโดยใครบางคน ถ้าไม่ใช่เพราะ คนคนนั้น จะติดต่อเราผ่านช่องทางพิเศษทุกครั้ง เราจะไม่มีทางรู้ว่าคนนั้นถูกแทนที่โดยบางอย่างแล้ว”
ฟราย สูดหายใจเข้าลีก แล้วพูดต่อ “ต่อมาฉันได้ส่งคนไปที่นั่นเพื่อทดสอบ และในที่สุดก็พบว่าคนๆ นั้นไม่ใช่เขาอีกต่อไป แล้ว ดังนั้น ฉันตรวจสอบคนอื่นๆ ในทีมทั้งหมดแล้วพบปัญหามากมาย นอกจากศาสตราจารย์โอหยางซึ่งเป็นหัวหน้าทีม วิจัยแล้ว ฉันไม่สามารถระบุได้ว่าคนอื่นๆ ยังปกติอยู่อีกไหมเพราะฉันพบข้อสงสัยหลายอย่างกับคนที่เหลือ”
“คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนหาเรื่องทั้งหมดนี้” โจวเหวินถาม
“ไม่ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทําทั้งหมดนี้ งานใหญ่ขนาดนี้ ถึงเป็นหกตระกูลใหญ่ก็ยากจะทําได้ การแทนตํา แหน่งหนึ่งหรือสองตําแหน่งนั้นทําได้ไม่ยาก แต่หากมากกว่า มันคือการเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ในทีมวิจัยใหม่ ซึ่ง ไม่ควรจะมีความรู้เท่าเดิม แต่พวกมันกลับมีความรู้ทางวิชาการที่พอๆกัน ไม่อย่างนั้น การวิจัยก็ยากต่อการดําเนินต่อ
อย่างน้อยฉันก็นึกไม่ออกว่าใครสามารถหาได้” ฟราย กล่าว
“คุณ าลังพูดถึงความลับเรื่องอะไร” ในที่สุดโจวเหวินก็เชื่อว่าฟรายด์อาจรู้อะไรบางอย่าง
“หากว่าการคาดเดาของฉันถูกต้อง นายไม่สงสัยหรือว่าทําไมคนอื่นถึงถูกแทนที่ มีเพียงศาสตราจารย์โอหยางเท่านั้นที่ไม่ ถูกแทนที?” ฟราย กล่าว
“ไม่มีคนที่สามารถแทนทีความสามารถของศาสตราจารย์โอหยางงั้นเหรอ?” โจวเหวินกล่าว
“นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งเช่นกัน พวกมันเข้ามาแทนที่ผู้คน แต่ไม่ได้หยุดการวิจัย เป็นที่แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็มีความสน ใจในงานวิจัย ดังนั้นการดํารงอยู่ของศาสตราจารย์โอหยางจึงค่อนข้างสําคัญ แต่หลังจากการสืบสวนและการวิจัยของฉัน พบบางสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าซึ่งเกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์โอหยาง บางทีนายอาจจะสนใจ” ฟรายด์ไม่ได้พูดต่อ
“หน้ากากในเขาวงกตแห่งการหลอกลวงคืออะไร มันคือสิ่งมีชีวิตต่างมิติ?” โจวเหวินตื่นตัวเล็กน้อยแล้ว เขาอยากรู้ความจริงของเหตุการณ์นั้นจริงๆ เขารู้สึกคลุมเครือว่าความจริงในเรื่องนี้อาจไม่เพียงเกี่ยวข้องกับอาจารย์
ใหญ่คนเก่าเท่านั้น
“มันไม่ใช่สิ่งมี สิ่งมีชีวิตต่างมิติ มันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก นายสามารถคิดว่ามันเป็นแกนกลางของพื้นที่ต่างมิติ ถ้ามันนั้นถูกนํา ออกไป พื้นที่ต่างมิติจะหายไปอย่างสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตต่างมิติสามารถเข้าและออกได้อย่างอิสระและจะไม่อยู่ภายใต้ข้อจํา กัดของขอบพื้นที่ต่างมิติ ดังนั้น หากนายต้องการสวมหน้ากาก นายต้องหาทางแก้ไขเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติ นายจะต้อง ไม่ทิ้งภาระไว้ และพวกเราต้องการความช่วยเหลือจากนาย” ฟรายด์กล่าว
โจวเหวินพูดอย่างลับๆ “ดังนั้น หน้ากากก็เหมือนกับมีดหินของเมืองโบราณ หรือกล่องหยกของภูเขาชื่อ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก โจวเหวินก็พูด “ผมสัญญาว่าจะทําให้ดีที่สุด แต่ผมไม่สามารถรับประกันความสําเร็จได้ ผมจะ ถือว่าความปลอดภัยของผมสําคัญเป็นอันดับแรก”
“ตกลง ฉันเชื่อด้วยความแข็งแกร่งของนายและความแข็งแกร่งของตระกูล เราควรควมคุมสถานการณ์ได้ไม่ยาก”
ฟราน กล่าว
“นอกจากนี้ ผมยังต้องการสิทธิที่จะสั่ง เมื่อไหร่ควรเข้า เมื่อไหร่ควรถอย เมื่อไหร่ควรลงมือ มันคือการตัดสินใจของผม”
โจวเหวินกล่าว
ฟราย ลังเล มองดูหลาน ด้านข้าง
หลานอีพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันเชื่อในตัวโจวเหวิน”
ฟราย มองไปที่โจวเหวินและกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ชีวิตของตระกูลของฉันจะอยู่ในมือนาย”
หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง โฟรดพูดต่อ “ฉันมักจะสืบสวนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิหารทั้งหกและการวิจัยก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นก่อนที่ทีมวิจัยไปที่จงสู่ คนในตระกูลของเราได้ค้นพบจงลู่มาก่อน และเคยพบกับศาสตราจารย์โอหยางที่นั่น ซึ่งเป็น เวลากว่าทศวรรษก่อนที่การวิจัยจะเริ่มต้น”
โจวเหวินไม่แปลกใจ เขาสงสัยอยู่เสมอว่าอาจารย์ใหญ่คนเก่าเคยไปที่จงลู่มาก่อน
ฟรายด์ถอนหายใจ “ฉันได้พบเขาและพูดคุยอะไรเยอะมาก หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่ฉันกําลังสืบสวน ศาสตราจารย์โอท ยางก็บอกฉันถึงการค้นพบบางอย่างที่พิเศษในจงสู่แต่เนื่องจากต้องทําการวิจัยเพิ่มเติมและยืนยันผลการวิจัย เขาก็เลยไม่ พูดอะไรมาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ หลายๆอย่างทําได้โดยคนอื่นเท่านั้น ฉันไม่ สามารถติดต่อกับศาสตราจารย์โอหยางได้อีกต่อไป ต่อมาฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ศาสตราจารย์โอหยางไม่ ได้ศึกษาจงลู่ต่อ แต่กลับคอยจนกว่าทีมวิจัยจะเริ่มศึกษา
||
โจวเหวินฟังเงียบๆ เขารู้ว่าฟรายด์จะพูดถึงคําถามนี้
ฟรายด์พูดต่อ “อันที่จริง หลังจากที่พบว่าคนที่เราส่งออกไปมีปัญหา ฉันก็พยายามติดต่อศาสตราจารย์โอหยางอย่างลับๆ แต่ในขณะนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย หรือถูกควบคุมอย่างลับๆ เขาก็เลยส่งข้อความมา อย่างคลุมเครือ”
“ข้อความอะไร?” โจวเหวินรีบถาม
“สี่คนเท่านั้น ห้ามขึ้นเรือ” ฟราย พูดอย่างสงสัย