I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 1093 : พยัคฆ์เกราะวิญญาณ
- Home
- I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง
- ตอนที่ 1093 : พยัคฆ์เกราะวิญญาณ
เหตุผลที่โจวเหวินใช้ไท่ฉางไค่เทียนจิงตลอดเวลาคือเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ถ้าพวกต่างมิติที่เพิ่งไล่ยาออกไปยังคงทำการประชุม พวกมันอาจไล่เขาออกไปด้วย
โชคดีที่สิ่งที่โจวเหวินกังวลไม่เกิดขึ้น ไม่มีพลังพิเศษลงมาที่เขา แต่คำท้าของผู้พิทักษ์ก็ปรากขึ้นต่อหน้าเขาตลอดเวลา
โจวเหวินมองดูและตระหนักว่าผู้พิทักษ์หลายตัวที่ไม่ได้อยู่ในระดับความกลัวได้ท้าทายเขา หัวใจของเขาเต้นรัว ขณะที่เขาเลือกที่จะยอมรับคำท้าจากหนึ่งในผู้พิทักษ์ระดับเร้นลับ
ชื่อของผู้พิทักษ์คือเทพเจ้าสงครามเปลวเพลิง โจวเหวินไม่รู้ ว่าผู้ทำสัญญาของมันมาจากตระกูลไหน อย่างไรก็ตาม จากชื่อ เขารู้ว่ามันเป็นผู้พิทักษ์ธาตุไฟอย่างแน่นอน นอกจากนี้ อันดับของมันไม่สูง ไม่ได้อยู่ในสิบอันดับแรก ไม่ใช่ระดับความกลัวอย่างแน่นอน
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นว่าเขาเลือกเทพสงครามเปลวเพลิง ไม่ใช่ยุคถ้ำที่ทรงพลัง
ท้ายที่สุดแล้ว เทพสงครามเปลวเพลิงก็อ่อนแอกว่าปีศาจสังหารมาก แม้แต่ปีศาจสังหารก็ยังยอมรับความพ่ายแพ้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เทพสงครามเปลวเพลิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
อย่างไรก็ตาม มีคนที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์หลายคนรู้ว่า เมื่อผู้พิทักษ์ทำสัญญากับมนุษย์ พวกมันมองศักยภาพ ไม่ใช่ความแข็งแกร่ง ปีศาจสังหารเลือกมนุษย์เพราะศักยภาพของเขา ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขา
มนุษย์ที่สวมชุดเกราะของเทพสงครามเปลวเพลิงได้เข้าสู่สนามประลอง เดิมทีเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย กลัวว่าคนแปลกหน้าที่อยู่ข้างหน้าเขาจะมีพลังพอๆกับปีศาจสังหาร และเขาจะตกอยู่ในอันตรายทันทีที่เขาปรากตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้อัญเชิญสัตว์อสูรด้วยความรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้ของเขา
วางแผนที่จะปล่อยให้สัตว์อสูรต่อสู้กับเขา เขารู้สึกโล่งใจในทันทีและเขาก็กล้ากว่าเดิม
“ทำไมถึงเป็นสัตว์อสูร? สัตว์อสูรไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพิทักษ์อย่างแน่นอน อย่าบอกนะว่าเขาต้องการใช้สัตว์อสูรเพื่อชนะ?”
“จากรูปลักษณ์ของสัตว์อสูร ดูเหมือนจะมีความสามารถธาตุไฟ”
“มีใครรู้บ้างว่าสัตว์อสูรนี้คืออะไร? ทำไมรู้สึกเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน”
สัตว์ร้ายที่โจวเหวินเรียกออกมานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพยัคฆ์เกราะวิญญาณ*เรียกได้ว่าเป็นศัตรูของไฟ มันสมบูรณ์แบบสำหรับการจัดการกับเทพสงครามเปลวเพลิง
*ที่ประเอกเรียกตอน1048 คือ ราชมาร ไม่ใช่ตัวนี้นะ นะครับ ขออภัยสำหรับความผิดพลาดครับ
เหตุผลที่โจวเหวินทำแบบนี้เพราะเขาไม่ต้องการทำให้ผู้พิทักษ์กลัว และไม่ต้องการให้พวกสิ่งมีชีวิตต่างมิติไล่เขาออกไป
หากไท่ฉางไค่เทียนจิงไม่สามารถต้านทานกของลูกบาศก์ได้ อย่างน้อยเขาก็สามารถฆ่าผู้พิทักษ์สองสามตัวก่อนที่จะถูกแตะออกไป
“ใช้ไฟต่อหน้าข้าหรอ” เมื่อเห็นเปลวไฟแปลกๆ ที่เผาไหม้ร่างกายของพยัคฆ์เกราะวิญญาณพุ่งเข้ามา มนุษย์ที่สวมชุดเกราะของเทพสงครามเปลวเพลิงก็เยาะเย้ย เปลวไฟบนร่างกายของเขาสว่างขึ้น ในขณะที่เขาควบแน่นดาบเพลิงขนาดใหญ่และฟันไปที่พยัคฆ์เกราะวิญญาณ
พยัคฆ์เกราะวิญญาณยกหอกเพื่อป้องกัน หลังจากที่ดาบเพลิงปะทะกับหอก มันก็กลายเป็นทะเลเพลิงที่ทำให้พยัคฆ์เกราะวิญญาณจมลงในเปลวเพลิง
ท่ามกลางเปลวเพลิง เกราะของพยคฆ์เกราะวิญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเหล็กที่โดนความร้อน ดูเหมือนว่ามันจะละลายได้ทุกเมื่อ
“เกิดอะไรขึ้น? การใช้สัตว์อสูรสู้กับผู้พิทักษ์เป็นการเสียเวลาเปล่าไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เพียงแต่เป็นการเสียเวลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสิ้นเปลืองสัตว์อสูร สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอาจจะถูกฆ่าในไม่ช้า นั่นคือสัตว์อสูรระดับเร้นลับ มันช่างเสียเปล่าจริงๆ”
“รีบต่อสู้เหมือนยา ใช้พลังของตัวเองสังหารผู้พิทักษ์สิ”
เห็นได้ชัดว่าผู้คนไม่ต้องการเห็นการต่อสู้ของสัตว์อสูร แม้ว่าโจวเหวินจะเคยแสดงสัตว์อสูรของเขามาหลายตัวแล้ว แต่มันก็เป็นแค่เพียงการแสดงเท่านั้น ไม่ใช่การต่อสู้
สำหรับคนส่วนใหญ่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สัตว์อสูรเพื่อเอาชนะผู้พิทักษ์
ภายใต้การควบคุมของโจวเหวิน พยัคฆ์เกราะวิญญาณดูเหมือนจะโจมตีใส่เทพสงครามเปลวเพลิง โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง
เกราะของมันถูกเผาเป็นสีแดง สถานการณ์ดูไม่ดีนัก
เทพสงครามเปลวเพลิงฟันออกไปอีกครั้งด้วยดาบเพลิงของเขา โดยหวังว่าจะเอาชนะพยคฆ์เกราะวิญญาณ
ดาบเพลิงพุ่งเข้าใส่ร่างของพยัคฆ์เกราะวิญญาณ ทำให้เกิดประกายไฟ ราวกับเหล็กบนร่างกายของมันกลายเป็นของเหลวและกระเด็นออกมา นอกจากนี้ พยัคฆ์เกราะวิญญาณยังถูกบังคับให้ถอย ร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง และไม่สามารถมองเห็นพยัคฆ์เกราะวิญญาณได้อีกต่อไป สิ่งที่ทุกคนเห็นคือร่างที่ถูกห่อด้วยเปลวเพลิงที่กำลังถอยท่ามกลางทะเลเพลิง
“มันยังไม่ตายงั้นเหรอ?” เทพสงครามเปลวเพลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาวางแผนที่จะฆ่าสัตว์อสูรตัวนี้ด้วยความรวดเร็ว
ท้ายที่สุด การเสียเวลามากเกินไปกับสัตว์อสูรเป็นความอัปยศสำหรับเขา
เขารวบรวมพลังกำลังและฟันดาบเพลิงออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดาบเพลิงเพลิงพุ่งไปที่พยัคฆ์เกราะวิญญาณ ทะเลเพลิงบังคับให้มันต้องถอยอย่างต่อเนื่อง โลหะหลอมเหลวกระเด็นออกจากร่างกายของมันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากที่มันถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่า พยัคฆ์เกราะวิญญาณที่ดูเหมือนกำลังจะตายยังคงมีชีวิตอยู่
เทพสงครามเปลวเพลิงคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาหยุดทันทีและใช้พลังของกงล้อแห่งโชคชะตาเพื่อจัดการกับพยัคฆ์เกราะวิญญาณ
เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีทอง ขณะที่ลุกโชนจากร่างของเทพสงครามเปลวเพลิง พวกมันรวมตัวกันเป็นรถม้าเพลิงสีทองพุ่งเข้าใส่พยัคฆ์เกราะวิญญาณ
ทุกสิ่งละลายหลังจากปะทะรถม้าเพลิงทอง แม้แต่เปลวไฟสีแดงที่เกิดจากเทพสงครามเปลวเพลิงก็ยังถูกละลาย
ตูม!
รถม้าเพลิงทองพุ่งใส่ร่างของพยัคฆ์เกราะวิญญาณ กงล้อเพลิงหมุนอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าต้องการบดขยี้และละลายทุกอย่าง
ร่างของพยัคฆ์เกราะวิญญาณถูกรถม้าเพลิงทองผลักถอยหลัง ในไม่ช้ามันก็จมอยู่ในทะเลเพลิง
ในขณะนั้น ผู้คนต่างเห็นว่าร่างของพยัคฆ์เกราะวิญญาณกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีม่วงแดง มันดูแปลกมาก แม้แต่เกราะของมันก็กลายเป็นผลึกเหมือนอเมทิสต์จากเปลวไฟสีม่วงแดง
มันไม่ได้รับบาดเจ็บเลย การโจมตีครั้งที่แล้วไม่สามารถ?ทำร้ายมัน
พยัคฆ์เพราะวิญญาณยกหอกด้วยมือทั้งสองและขวางรถม้าเพลิงทอง เปลวเพลิงของรถม้าเพลิงทองไม่เพียงไม่ทำร้ายมัน แต่ยังทำให้เปลวเพลิงในร่างกายของมันสว่างขึ้นด้วย
เทพสงครามเปลวเพลิงสามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับพยัคฆ์เกราะวิญญาณ แต่มันสายเกินไป ด้วยการระเบิด หอกในมือของมือพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็ฟาดลงมา และทำให้รถม้าเพลิงทองแตกเป็นเสี่ยงๆ เปลวเพลิงสีทองแตกกระจายออกไป
ในช่วงเวลาต่อมา พยัคฆ์ที่อยู่ในเกราะวิญญาณก็ส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าใส่เทพสงครามเปลวเพลิง
เมื่อเทพสงครามเปลวเพลิงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี เขาก็เรียกมังกรและค้อนสงครามออกมา พวกมันเป็นสัตว์อสูรระดับเร้นลับ เขาส่งมังกรและส่งค้อนสงครามไปหาพยัคฆ์เกราะวิญญาณ
แม้จะต่อสู้กับสามสิ่งมีชีวิตเพียงลำพัง แต่ความแข็งแกร่งของพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็ไม่ลดลง มันกระโดดขึ้นไปเหยียบมังกร ไม่ว่ากรงเล็บจะโจมตีไปที่ไหน ที่ตรงนั้นก็จะถูกเผาด้วยเปลวไฟสีม่วง ทำให้มังกรร่วงหล่นลงมา
พยัคฆ์พุ่งเข้าโจมตีเทพสงครามเปลวเพลิง หอกในมือของพยัคฆ์เกราะวิญญาณปะทะกับค้อนสงคราม แรงกระแทกอันทรงพลังส่งค้อนสงครามในมือของเทพสงครามเปลวเพลิงถอยกลับ เลือดไหลออกจากปากของเขา การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก