I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 1101 : ปราบปรามระดับความกลัว
- Home
- I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง
- ตอนที่ 1101 : ปราบปรามระดับความกลัว
ปัง!
ปลายกระบองไม้ปะทะกับดาบของหมอผีโลหิต โจวเหวินรู้สึกถึงพลังมหาศาลกระแทกเขา ขณะที่เขาถูกส่งลอยออกไปพร้อมกับกระบอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อโจวเหวินอยู่กลางอากาศ เขาได้ใช้แรงปะทะมาเป็นแรงผลักให้เขาลอยขึ้นทำให้เขาค่อยๆร่อนลงที่พื้น เขาเป็นเหมือนเทพที่โบยบินท่ามกลางสายลม เมื่อเขาลงถึงพื้น แรงปะทะก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
โจวเหวินรู้คร่าวๆ ว่าความแข็งแกร่งของหมอผีโลหิตนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาจริงๆ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามาก ก็น่าจะราวๆ แปดสิบ
อย่างไรก็ตาม โจวเหวินยังคงไม่เข้าใจว่าความสามารถที่ได้รับหลังจากใช้ร่างความกลัวของหมอผีโลหิตคืออะไร
มีเพียงพลังระดับความกลัวเท่านั้นที่สามารถ่าระดับความกลัวได้ แต่การใช้ร่างความกลัวของหมอผีโลหิตนั้นไม่ได้ทรงพลังอย่างที่เขาคิด
หมอผีโลหิตมองดูกระบองไม้ในมือของโจวเหวินราวกับว่าเขาไม่เข้าใจ
เขาป้องกันได้! ผู้ชมรู้สึกสับสนเมื่อเห็นโจวเหวินป้องกันการโจมตีของหมอผีโลหิต แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบ แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เป็นเรื่องที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยที่มนุษย์สามารถต่อสู้กับหมอผีโลหิตได้ แต่สิ่งนี้ได้พิสูจน์ทางอ้อมว่ามนุษย์ไม่สามารถเป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์ได้ นี่เป็นเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์จะก้าวเข้าสู่ระดับเร้นลับ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับผู้พิทักษ์ระดับความกลัว สิ่งนี้ทำให้หลายคนที่เดิมหวังว่ามนุษย์จะเป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์รู้สึกผิดหวัง
แม้ว่าครึ่งมนุษย์จะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้คนก็ไม่สามารถทิ้งอคติได้ พวกเขาปรารถนาให้มนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์ก้าวขึ้นสู่สนามประลองและสู้กับสิ่งมีชีวิตต่างมิติ
“เขาไม่ใช่มนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์จริงๆเหรอ?” หลี่เปินยี่ไม่สามารถ่อนความผิดหวังบนใบหน้าของเขาได้
“ดูเหมือนว่าันจะคิดมากไปเอง มนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์สามารถเข้าสู่การอันดับได้ยังไง” เี่ยหลิวชวนค่อนข้างผิดหวัง เขาหวังเป็นอย่างมากว่ามนุษย์จะเป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์
มีคนมากมายที่ชื่นชอบเขา และพวกเขาไม่สามารถ่อนความผิดหวังไว้บนใบหน้าได้
ในสนามประลอง โจวเหวินใช้วิชาดาบของเขาเพื่อต่อสู้กับหมอผีโลหิต วิชาดาบของเขาเป็นจิตแห่งดาบทั้งสามพัน เขาสามารถใช้หนึ่งในนั้นเพื่อต่อสู้กับหมอผีโลหิต ตราบใดที่เขาไม่ได้ใช้จิตแห่งดาบทั้งหมด ก็เป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะรู้ว่าเขาคือโจวเหวิน
โจวเหวินรู้สึกประหลาดใจ หมอผีโลหิตดูอ่อนแอกว่าที่เขาคิดไว้มาก ไม่มีอะไรที่เหนือกว่า ต่างจากสิ่งที่ระดับความกลัวควรจะเป็น
หมอผีโลหิตนั้นเร็วกว่าและแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ความแตกต่างก็มีจำกัด สำหรับค่าสถานะสูงสุดของระดับความกลัวนั้น โจวเหวินยังไม่รู้
แม้ว่า หมอผีโลหิตจะมีความแข็งแกร่งและเทคนิคการต่อสู้ที่ดี แต่โจวเหวินก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา ด้วยเหตุนี้หมอผีโลหิตจึงไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งของระดับความกลัว
เป็นไปได้ไหมว่าความสามารถของร่างความกลัวของหมอผีโลหิตเป็นเพียงการผนึกสัตว์อสูรเท่านั้น? โจวเหวินสงสัย
ท้ายที่สุด ความสามารถในการผนึกสัตว์อสูรนั้นเป็นความสามารถที่ไม่มีประโยชน์อะไรมาก อย่างไรก็ตาม โจวเหวินรู้สึกว่าความสามารถของร่างความกลัวของหมอผีโลหิตไม่ได้มีอยู่เพียงแค่นี้
ทันใดนั้น โจวเหวินก็ตระหนักถึงปัญหา
เนื่องจากในระหว่างการต่อสู้ หมอผีโลหิตดูเหมือนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับกระบองไม้สีขาวในมือของเขา เขาอดคิดไม่ได้ว่าเหตุผลที่หมอผีโลหิตไม่ใช้ความสามารถนั้นเกี่ยวข้องกับกระบองไม้นี้รึเปล่า?
กระบองไม้นี้ทรงพลังขนาดนั้นเลยเหนอ? เจ้าของมันดูไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนั้นสดับวานรไม่ได้ใช้ความพยายามมากนักในการ่ามัน โจวเหวินรู้สึกว่ามันค่อนข้างไม่น่าเป็นไปได้ แต่นอกเหนือจากนั้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหมอผีโลหิตไม่แข็งแกร่งเท่าระดับความกลัวตัวอื่นๆ
โจวเหวินไม่มีความคิดที่จะโจมตีหมอผีโลหิต เพราะเขารู้ว่ามีเพียงพลังระดับความกลัวเท่านั้นที่สามารถทำร้ายระดับความกลัวได้ ดังนั้นเขาคิดว่ามันไร้ประโยชน์แม้ว่าเขาจะโจมตีก็ตาม ทั้งหมดที่เขาทำคือป้องกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีความคิดอื่นๆ เขาก็เปลี่ยนจากตั้งรับเป็นรุกทันที เขาใช้ดาบสังหารเจตจำนงและโจมตีไปยังจุดอ่อนของหมอผีโลหิต
โจวเหวินประหลาดใจมาก หมอผีโลหิตป้องกันไม่กล้าปล่อยให้กระบองไม้สีขาวโดนร่างกายของเขา
หมอผีโลหิตกลัวกระบองไม้นี้จริงๆ! โจวเหวินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยคาดว่าของที่เขาเก็บไว้โดยไม่ได้ตั้งใจจะมีประโยชน์ขนาดนี้ นอกจากนี้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่ากระบองไม้นี้มีความพิเศษอะไร
กระบองไม้ และแผ่นโลหะ พวกมันจะเป็นสิ่งที่มีค่ารึเปล่านะ? โจวเหวินคิดด้วยความโลภ
จากเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้ การโจมตีของโจวเหวินก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ด้วยพลังของกระบองไม้สีขาว เขาได้กดดันหมอผีโลหิต หมอผีโลหิตค่อยๆเริ่มถอยกลับ
“หมอผีโลหิตนั้นอยู่ในระดับความกลัวจริงเหรอ? มันดูอ่อนแอมาก?”
“ไม่ใช่ว่าหมอผีโลหิตอ่อนแอ แต่มนุษย์นั้นแข็งแกร่งเกินไป วิชาดาบนั้นราวกับเทพจริงๆ”
“แต่ร่างกายของเขาดูปกติมาก เขาไม่ได้ดูแปลกเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ใช้ร่างความกลัว เขาอยู่ที่ระดับความกลัวจริงเหรอ”
“เขาต้องอยู่ในระดับความกลัวแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะปราบปรามหมอผีโลหิตระดับความกลัวได้ยังไง”
“ันไม่คิดอย่างนั้น จากประสบการณ์ของัน ระดับความกลัวจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด พวกมันอาจทำให้เรามองไม่เห็น แต่มนุษย์ยังมองเห็นได้ชัดเจน เขายังคงสวมเสื้อผ้าธรรมดา จากมุมมองนี้ เขาไม่ควรใช้พลังของระดับความกลัว เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในระดับความกลัว”
“ถ้าเขาไม่ใช่ระดับความกลัว เขาจะสู้กับหมอผีโลหิตได้ยังไง? นายคิดมากเกินไปรึเปล่า”
ผู้คนถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่ามนุษย์ไม่ได้อยู่ในระดับความกลัว ขณะที่อีกฝ่ายรู้สึกว่ามนุษย์อยู่ในระดับความกลัว แม้แต่ในหกตระกูลหลายคนก็มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
การต่อสู้ยังไม่จบ แต่สื่อได้เริ่มสงครามคำพูดแล้ว
“มนุษย์ไม่ได้อยู่ในระดับความกลัวแน่นอน”
“เขาจะปราบปรามหมอผีโลหิตระดับความกลัวได้ยังไง หากเขาไม่ได้อยู่ในระดับความกลัว”
“มนุษย์แข็งแกร่งมาก แม้เขาจะอยู่ระดับเร้นลับ แต่เขาก็สามารถสู้กับระดับความกลังได้ เรื่องง่ายๆแค่นี้ยอมรับไม่ได้เหรอ?”
“นายเคยเห็นสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับต่อสู้กับระดับความกลัวไหม? แม้แต่ยาก็สามารถสู้กับจิ่วเย่วได้หลังจากเข้าสู่ระดับความกลัวแล้วเท่านั้น มีสติและหยุดเพ้อฝัน”
“ยาคือยา และมนุษย์ก็คือมนุษย์ เขาสู้ระดับความกลัวตอนอยู่ระดับเร้นลับไม่ได้ แต่มนุษย์ทำได้”
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังพัวพันกันกับการโต้เถียงอย่างดุเดือด มีคนพูดเบาๆ “มนุษย์เป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์รึเปล่า? หากไม่มีสัตว์อสูรเขาก็แค่สวมชุดของคนทั่วไปและหมวกกันน๊อคธรรมดา ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่ครึ่งมนุษย์เหมือนยา”
ความคิดเห็นดังกล่าวถูกประณามอย่างรวดเร็วโดยทั้งสองฝ่าย
“แกมีสามัญสำนึกบ้างไหม? เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเข้าสู่สู่ระดับเร้นลับได้ด้วยตัวเอง”
“พี่ชาย แม้ว่าันจะหวังเช่นกันว่ามนุษย์เป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้จากสิ่งที่เรารู้”
ในวิหารโบราณบนที่ราบสูง ผู้วิเศษจิ่งเต้ามองไปที่กระบองไม้สีขาวในมือของโจวเหวินและขมวดคิ้วราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พึมพำกับตัวเอง “กระบองไม้นั่น… น่าจะเป็นไม้ไว้ทุกข์ของผีและปีศาจ… เจ้าเด็กนั้นไปเอามาจากไหน…”
*หากเอาผลงานผมไปใช้กรุณาให้เครดิตด้วย