I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง - ตอนที่ 1117 : เจอเปิ่นเฉินอิงอีกครั้ง
- Home
- I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง
- ตอนที่ 1117 : เจอเปิ่นเฉินอิงอีกครั้ง
“เทพดาบคนนั้นชื่ออะไร” โจวเหวินถาม
เมื่อหวูจงไหล่และทีมได้ยิน การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นแย่ลงราวกับว่าพวกเข ขาถูกดูถูกอย่างมาก
“ในต่างประเทศ ใครจะไม่รู้จักเทพดาบฉีหยาแห่งวิหารเทพสวรรค์ล่องลอย ท่านโด่งดังต่า างประเทศมาก จะไม่รู้ได้ยังไง? เป็นไปได้ไหมที่แกจงใจดูถูกเรา?” หวูจงไหล่ถือดา าบทั้งสองของเขาราวกับว่าเขาต้องการต่อสู้กับโจวเหวินจนตาย
“ฉีหยา ใช่ ชื่อนั้น ไม่น่าจะผิดคน” โจวเหวินจำได้ว่าชื่อของชายชราคือชื่อนั้นจริงๆ
หมูจงไหล่และทีมไม่รู้ว่าโจวเหวินหมายความว่าไงขณะที่พวกเขามองมาที่โจวเหวินโดย ไม่พูดอะไรสักคำ
โจวเหวินคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามหวูจงไหล่ “ตั้งแต่ฉีหยาเป็นที่รู้จักในชื่อเทพดาบ ต ตอนนี้ระดับของเขาคือระดับอะไร? เขาเข้าสู่ระดับภัยพิบัติแล้วรึยัง?”
โจวเหวินเชื่อว่าเขาถูกขังมานานกว่าร้อยปี ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ เป็นไปไม่ได้ที มนุษย์จะอยู่ที่เดิม ผู้เชี่ยวชาญอย่างผู้วิเศษจิ่งเต้าและจักรพรรดิรัตติกาลอาจทำลา ายข้อจำกัดที่กั้นไม่ให้มนุษย์เข้าสู่ระดับเร้นลับไปนานแล้ว บางทีอาจมีผู้เชี่ยวชาญร ระดับภัยพิบัติในหมู่มนุษย์
เนื่องจากฉีหยาได้รับตำแหน่งเทพดาบจึงมีโอกาสสูงที่เขาจะก้าวเข้าสู่ระดับภัยพิบัติ แล้ว
หวูจงไหล่และทีมต่างหน้าแดง หวูจงไหล่ดึงดาบของเขาออกมาและชี้ไปที่โจวเหวิน เขาพ พูดด้วบความโกรธเคือง “ถ้าแกกล้าดูหมิ่นอาจารย์ของเราอีก เราจะไม่ปล่อยแกไปแม้ว่าเ เราจะต้องตายในวันนี้”
“ฉันดูถูกฉีหยาตอนไหนกัน” โจวเหวินขมวดคิ้ว
จีโม่ฉิงรีบกล่าว “อาจารย์ เทพดาบฉีหยานั้นก้าวเข้าสู่ระดับเร้นลับด้วยความช่วยเหลือจา ากพลังของผู้พิทักษ์เท่านั้น เขาอยู่ห่างจากระดับความกลัวอีกมาก ยิ่งไม่ต้องพูดระดับภัยพ พิบัติ”
“ไร้สาระ อาจารย์ของฉันได้เข้าสู่ระดับความกลัวไปแล้วครึ่งก้าว แกหมายความว่าไงที่อ อยู่ห่างอีกมาก แกสมควรตาย” หวูจงไหล่โกรธมากเมื่อได้ยินจีโม่ฉิงกล่าวไม่เคารพฉีหยา เขายกดาบขึ้นและฟันไปที่จีโม่ฉิง ต้องการจะฆ่าเธอ
ร่างของโจวเหวินก็ขยับและถอยออกไปในทันที ก่อนที่หวูจงไหล่จะตอบสนองจีโม่ฉิงก็ถูกโ โจวเหวินพาออกไปแล้ว
“ไปให้พ้น” โจวเหวินพูดกับหวูจงไหล่และทีมของเขา เขารู้สึกว่ามันยากที่จะพูดกับพวก กเขา ทางที่ดีควรค่อยๆถามผู้หญิงคนนี้
หวูจงไหล่รู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวเหวิน เขากัดฟันและจากไปพร้อมกับทีม
หลังจากที่หวูจงไหล่และทีมจากไป โจวเหวินก็พาจีโม่ฉิงไปที่ตีนเขา เขาวางเธอลงบนพื นแล้วถาม “เธอเอาโทรศัพท์มาด้วยรึเปล่า”
“พวกเขาเอาทุกอย่างไปเมื่อพวกเขาจับฉัน” จีโม่ฉิงปัดดินที่บั้นท้ายของเธอและยืนขึ้น นเพื่อพูดกับโจวเหวิน “นอกจากนี้ แม้ว่าฉันจะมีโทรศัพท์ แต่ก็ไม่มีสัญญาณที่นี่ มันไ ไร้ประโยชน์แม้ว่าฉันจะมีมัน”
โจวเหวินไม่ต้องการใช้โทรศัพท์เพื่อโทร แต่ต้องการตรวจสอบวันเวลา
เขามีความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่าเขาไม่ได้ถูกขังเป็นเวลาร้อยปี
“ในเมื่อพวกมันไปหมดแล้วก็หยุดแสดงได้แล้ว พี่เขยของฉันส่งคุณมาที่นี่ใช่ไหม พี่สะ ะใภ้อยู่ไหน? เขาไม่ได้มาใช่ไหม” เมื่อเห็นโจวเหวินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จีโม่ฉิ งก็เอื้อมมือไปหยิบหน้ากากของเขา “เปิ่นเฉินอิงอยู่ใกล้ๆนี้แน่นอน หลังจากที่พวกเขา าได้เจอกับเปิ่นเฉินอิง เขาจะสามารถเดาได้อย่างแน่นอนว่าคุณถูกส่งมาจากพี่เขยของฉัน น ใส่หน้ากากไปก็ไม่มีประโยชน์ รีบถอดเลย มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ”
โจวเหวินหลบเล็กน้อย แต่เขายังคงถอดหน้ากากออก จีโม่ฉิงอดไม่ได้ที่จะผงะเมื่อเห็ นใบหน้าของโจวเหวิน จากนั้นเธอมองสำรวจเขาและพูด “ฉันคาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีพลังม มากขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย สมแล้วที่ถูกส่งมาจากพี่เขยของฉัน”
ขณะที่โจวเหวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จีโม่ฉิงได้ดึงโจวเหวินและวิ่งไปที่ชายห หาด “อย่าพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ รีบไปกันเถอะ เมื่อหวูจงไหล่เจอกับเปิ่นเฉินอิง เร ราจะมีปัญหา”
อย่างไรก็ตาม หลังจากก้าวไปสองสามก้าว ขาของจีโม่ฉิงก็อ่อนแรงจนเธอเกือบจะล้มลงกับพื้ น
จีโม่ฉิงไม่ได้กินหรือดื่มเกินสิบวัน หลังจากเวลาผ่านไปนาน เธอก็มาถึงขีดจำกัด
“คุณเอาอาหารหรือน้ำมาด้วยรึเปล่า” จีโม่ฉิงถามโจวเหวิน
โจวเหวินหยิบห่อบิสกิตและน้ำหนึ่งขวดจากลูกปัดแห่งความวินาศแล้วยื่นให้กับเธอ โชคด ดีที่เวลาในมิติแห่งความวินาศนั้นแตกต่างจากโลกภายนอก
จีโม่ฉิงเปิดขวดและเทน้ำเข้าปากของเธอ จากนั้นเธอก็ยัดบิสกิตเข้าปาก ขณะที่เธอยั ดมันเข้าปาก เธอก็เดินไปที่ชายหาด เธอพูดไปพร้อมกัน “ไป… ไปเร็ว… อย่าปล่อยให้พวกม มัน… ตามทัน…”
“ตอนนี้มันสายไปแล้ว” โจวเหวินกล่าวขณะที่มองไปในระยะไกล
จีโม่ฉิงเงยหน้าขึ้นและเห็นปลาวาฬตัวใหญ่ว่ายมาจากทะเล
หวูจงไหล่และทีมกำลังยืนอยู่บนหลังปลาวาฬ แต่คนที่ยืนด้านหน้าไม่ใช่หวูจงไหล่แต่เป ป็นหญิงสาวในชุดสีขาว
“มันจบแล้ว มันจบแล้ว เปิ่นเฉินอิงมาเร็วมากจริงๆ ฉันไม่สามารถหนีทัน กลับไปบอกพี่เ เขยของฉันว่าไม่ต้องห่วงฉัน ฉันมีวิธีที่จะหลบหนีและอย่าให้เขาไปที่วิหารสวรรค์ล่องลอย ย” จีโม่ฉิงผลักโจวเหวิน บอกให้เขาออกไปด้วยความรวดเร็ว
บนหลังปลาวาฬ พวกเขาเห็นโจวเหวิน หวูจงไหล่ชี้มาที่เขาและพูด “ศิษย์พี่เปิ่น เป็น ไอเวรนั่นที่ปลอมตัวเป็นราชันมนุษย์และพาจีโม่ฉิงออกไป แม้จะถอดหน้ากากก็ไม่มีประ โยชน์ เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา เขาไม่ควรจะพลาด”
เปิ่นเฉินอิงมองไปที่โจวเหวิน เมื่อเธอเห็นใบหน้าของโจวเหวินร่างกายของเธอก็สั่น นโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่แววตาของเธอเปลี่ยนไป
“ศิษย์พี่เปิ่น ไอเวรนั่นถึงกับดูถูกอาจารย์ คุณต้องฉีกเขาเป็นชิ้นๆ คุณไม่สามารถปล่อ อยให้เขาตายง่ายเกินไป” หวูจงไหลาและเพื่อนๆตะโกน
เปิ่นเฉินอิงไม่ได้พูดอะไรในขณะที่เธอจ้องไปที่โจวเหวินด้วยความรู้สึกที่หลากหลา าย
ย้อนกลับไปตอนนั้น เธอยังเป็นเด็กที่เชื่อว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ เธอเชื่อว่าพรสวรร รค์ของเธอนั้นยอดเยี่ยมและไม่มีใครเทียบได้
ทว่าเธอได้พบกับโจวเหวินในปีนั้น แม้แต่ตอนนี้เปิ่นเฉินอิงก็ไม่สามารถลืมการเจอกั นได้ เธอจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต
“ฉันบอกให้คุณออกไป ทำไมคุณถึงยังยืนอยู่ตรงนี้” จีโม่ฉิงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเ เมื่อเห็นโจวเหวินยืนนิ่ง
ยังไงก็ตาม จีโม่ฉิงตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามันสายเกินไปเปิ่นเฉินอิงมาถึงเกาะพ พร้อมกับหวูจงไหล่และเพื่อน
จีโม่ฉิงรู้ว่าเปิ่นเฉินอิงแข็งแกร่งขนาดไหน หวูจงไหล่และเพื่อนเป็นเพียงลูกศิษย ย์ของวิหารสวรรค์ล่องลอย ในขณะที่เปิ่นเฉินอิงเป็นศิษย์ส่วนตัวของฉีหยา นอกจากนี้ เธอยั งเป็นคนคนหนึ่งที่มีความสำเร็จมากมาย
ดังนั้น แม้ว่าหวูจงไหล่จะแก่กว่าเปิ่นเฉินอิงมาก แต่เขาก็เรียกเปิ่นเฉินอิงว่าศิ ษย์พี่
ในตำนานเล่าว่าความสำเร็จของเปิ่นเฉินอิงเกี่ยวกับวิชาสวรรค์ล่องลอยนั้นเกือบจะเท ทียบได้กับฉีหยา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอายุน้อยที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ
“มาดูกันว่าคราวนี้แกยังกล้าทำตัวลึกลับอีกไหม… ศิษย์พี่เปิ่นเฉินอิง นั่นล่ะเขา…” ขณ ณะที่หวูจงไหล่พูด เขาหันไปมองเปิ่นเฉินอิง แต่ทว่าเขากลับต้องแข็งเป็นหิน
เปินเฉินอิงถือดาบทั้งสองด้วยมือทั้งสองข้างก่อนที่จะคุกเข่าลงและกราบต่อหน้าโจวเหวิ น นี่เป็นการกราบแบบเดียวกับที่ศิษย์กราบอาจารย์ของตน ในวิหารสวรรค์ล่องลอยมีเพียงเท่า านั้นฉีหยาที่จะได้รับการกราบจากเปิ่นเฉินอิง